God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1047
ตอนที่ 1047
ที่ภายในโถงหลักของหุบเขาโอสถ ค่ายอาคมที่ถูกแกะสลักตั้งเอาไว้เริ่มเผยแสงสว่าง แสงที่บังเกิดได้สะท้อนกับวัตถุรอบด้านเกิดเป็นเงาทอดไปกับพื้น
เหล่าผู้อาวุโสนั่งเรียงราย พวกเขากำลังพูดคุยกันเสียงเบา
ขณะเดียวกันนี้พวกเขาก็รอคนผู้หนึ่งมาถึงด้วย
“เหมือนว่าคณะผู้อาวุโสจะรอกันอยู่พักหนึ่งแล้วกระมัง”
เสียงดังปรากฏขึ้น ภายใต้พลังวิญญาณที่หนาแน่น เหยาฮุยเฉินเผยยิ้มกล่าวคำออกมา
“จ้าวสำนัก วันนี้คล้ายท่านอารมณ์ดีไม่น้อย” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวคำขึ้น
“ดีเลยทีเดียว” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้มตอบรับ จากนั้นจึงนั่งลงที่ตำแหน่งของตน “วิดีโอเพิ่งถูกเผยแพร่ออกไป ผลลัพธ์เป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องกิจธุระ เหล่าผู้อาวุโสที่นี้ดูไม่ค่อยพอใจผ่านทางสีหน้า สายตาของพวกเขาหันมองไปทางผู้อาวุโสที่สาม
“ผลตอบรับค่อนข้างดีกว่าที่คาดคิดเอาไว้” ผู้อาวุโสที่สามเผยท่าทีเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยน “ตอนนี้จำนวนการเข้ารับชมและจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว น่าจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไปได้อีกสักพักหนึ่ง”
“เหมือนว่าการตัดสินใจของพวกเราจะถูกต้อง” เหยาฮุยเฉินพยักหน้ารับพร้อมเผยยิ้ม “หุบเขาโอสถจะยิ่งมีชื่อเสียงในโลกแห่งผู้ฝึกตน งานที่ได้รับมอบหมายของฝ่ายอื่นเรียบร้อยดีหรือไม่?”
สายตาเขาหันมองทางเหล่าผู้อาวุโส
แต่ละฝ่ายต่างตอบรับกันออกมา
เหยาฮุยเฉินที่ค่อนข้างอารมณ์ดี ตอนนี้ยังได้ทราบข่าวดีเพิ่มเติมจึงยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้น
“ทำได้ดี” เขาพยักหน้ารับด้วยความพอใจ “หากเป็นเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“จ้าวสำนัก เหมือนว่าท่านได้เจอเรื่องดีเข้าให้หรือ?” ผู้อาวุโสใหญ่พบเห็นท่าทีแปลกประหลาดของเหยาฮุยเฉิน
หากเป็นการประชุมตามปกติ เหยาฮุยเฉินคงจะต้องลากถ่วงเวลาออกไปอีกสักพัก รวมถึงนำอะไรที่ไม่ใช่งานออกมานำเสนอให้ทำ หรือพูดให้ถูก คือขยันทำงานที่ไม่ใช่งาน
สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างตรึงเครียดเพราะจำนวนผลงานในแอพนักอ่านที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เหยาฮุยเฉินยิ้มตอบ “ข้าเพิ่งได้รู้จักเหล้าชนิดหนึ่ง ตอนนี้จึงคิดไปบ่มเสียหน่อย”
คณะผู้อาวุโสพลันสะท้านกันขึ้นมา
“จ้าวสำนักยังคงชื่นชอบเหล้าเหมือนดังเคย” เหยาฮุยเฉินกลับออกไปแล้ว หนึ่งในผู้อาวุโสอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและส่ายศีรษะ
“เหมือนว่าจะมีอะไรน่าสนใจให้ได้ชิมกันอีกแล้ว” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเผยยิ้ม “ไม่ทราบเลยว่าครั้งนี้จะดีเพียงใด ครั้งก่อนทำเอาเมาหัวทิ่มได้เลย”
พื้นที่ส่วนอยู่อาศัยของเหล่าศิษย์หุบเขาโอสถค่อนข้างคึกคักก
สาเหตุหลักย่อมเป็นเพราะวิดีโอ “โถงเล่าเรียนแห่งหุบเขาโอสถ” ที่เพิ่งเผยแพร่ไป
มันถือเป็นการเชิดชูพวกเขาด้วยทางหนึ่ง
“นักปรุงยาที่สกัดเม็ดยาในวิดีโอ เหมือนจะเป็นคนของฝ่ายผู้อาวุโสที่สามกระมัง?”
“ก่อนหน้านี้บังเอิญผ่านที่นั่น เห็นได้ว่าโดนผู้อาวุโสที่สามเคี่ยวกรำอยู่นานกว่าจะถ่ายวิดีโอออกมาได้”
“แค่กแค่ก ข้าไม่คิดว่าพวกเราควรมาพูดกล่าวมิดีมิร้ายต่ออาจารย์เบื้องหลังเช่นนี้”
“งั้นเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกันดีไหม ใครสนใจเล่นบ้าง?”
“ข้าเล่น…”
…..
ณ ร้านต้นตำรับ
ลั่วฉวนกำลังนอนเอกเขนกสบายกายสบายใจที่เก้าอี้ของเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง
ด้านข้างตอนนี้ยังมีถาดที่วางเม็ดยาเกลื่อนกลาด บางส่วนก็จะกลิ้งไปมาอยู่ในถาด
เขาค่อยรู้สึกตอนนี้ ว่าทำไมถึงเพิ่งค้นพบขนมแสนอร่อยนี้เข้า
เม็ดยาถูกโยนเข้าปากไปเม็ดแล้วเม็ดเล่า
เม็ดนี้ค่อนข้างเปรี้ยวไปบ้าง ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่
อันนี้รสเหมือนส้ม ค่อนข้างถูกใจไม่ใช่น้อย…
หลังทานไปหลายเม็ดเข้า สุดท้ายเขาเกิดรู้สึกอิ่มขึ้นมา
สาเหตุก็เพราะเพิ่งทานมื้อเย็นไป ดังนั้นตอนนี้กินเม็ดยาเข้าไปไม่เท่าไหร่ก็อิ่มแล้ว
ช่างมัน เก็บไว้กินต่อพรุ่งนี้ก็ได้
จากนั้นเขาจึงโยนเม็ดยาทั้งหลายเข้าสู่มิติเก็บของ จากนั้นจึงค่อยสวมหมวกเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเพื่อเข้าสู่มิติเริ่มต้น
ณ เมืองอันคุ้นเคย ออรัน
ด้านบนคือดาราจักรสุกสว่างของต่างโลก ประดับเคียงคู่ด้วยสองดวงจันทร์เจิดจ้าให้ความสว่าง
ร่างในโลกนี้ไม่ได้ชักนำเอาสภาวะที่เป็นอยู่จากความเป็นจริงเข้ามาด้วย
หรือก็คือ ที่นี่เขาจะยังกินต่อได้อีก
“ระบบ ระดับความละเอียดของโลกนี้ที่เคยกล่าวเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
ลั่วฉวนนึกถึงคำถามที่เคยปล่อยทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
หลังเข้ามาข้องเกี่ยวกับโลกใบนี้นานระดับหนึ่ง คล้ายว่าระดับความละเอียดของโลกแห่งนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมาบ้าง
ยกตัวอย่างเช่นการเปิดร้านต้นตำรับในโลกเกมแห่งนี้อีกสักสาขา
แค่คิดก็น่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อยแล้ว
“ยังไม่อาจระบุเป็นจำนวนตัวเลขได้ คำถามนี้ยังไม่อาจตอบได้” ระบบตอบกลับมา
ลั่วฉวนก็เพียงถามไปเรื่อย คำตอบเขาพอทราบอยู่แล้วว่าจะมาแนวทางนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้เกิดผิดหวังแต่อย่างใด
เขาเลือกที่จะเดินเล่นเหมือนดังเคย
…..
นครจิ่วเหยามีแสงไฟประดับตามเส้นทาง ท้องฟ้าสีดำมืดเบื้องบนยังคงเป็นเช่นเดิม หากมองจากไกลห่าง มันจะคล้ายม่านสีดำที่มีจุดแสงปรากฏระยิบระยับ
ภายใต้สายฟ้าที่ร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างเป็นครั้งคราว โลกหล้าจะกลับกลายเป็นสว่างประหนึ่งกลางวัน แน่นอนว่ามันมาพร้อมเสียง “ครืน” ของฟ้าคำรามร้องเบื้องบน
ที่ถ้ำลึกภายในเทือกเขา อัคคีเพลิงสีแดงส้มกำลังพลิ้วไหวไปมา รัศมีแสงสาดส่องไปยังความมืดและวัตถุ ร่างเงาจึงขยับเคลื่อนไหวไปมาให้เห็นกับผนังถ้ำ
ฝนภายนอกยังคงตกหนักกระทบวัตถุหลากหลาย พื้นดิน ก้อนหิน ใบไม้ และอื่น ๆ ออีกมากมาย เหล่านี้จะให้เสียงตกกระทบที่แตกต่างกันจนคล้ายเป็นจังหวะท่วงทำนอง
พุ่มไม้หนาที่ถูกหยดน้ำตกกระทบไปมาเป็นจังหวะราวการประสานเสียง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังจับจ้องกองไฟตรงหน้า แสงสว่างสาดส่องสะท้อนกลับผ่านดวงตาสีดำขลับ
มือของเขาขยับเคลื่อนไหวไม่หยุดพร้อมเผยยิ้มผ่านใบหน้า โทรศัพท์วิเศษลอยอยู่ใกล้เคียง สายตาเขามองออกไปยังภายนอกถ้ำ
“ช่วงนี้ฝนตกหนักมากขึ้น สัตว์อสูรและแมลงต่างหลบซ่อนในที่พักอาศัยของพวกมัน สถานการณ์ตอนนี้ยากลำบากไม่น้อย”
“ข้าเชื่อว่าผู้ชมทุกท่านจะอยู่ในบ้านอันอบอุ่น ข้าก็เพียงคนเดียวดายที่อาศัยอยู่ในป่าเขา หากเทียบกันแล้ว น่าเศร้ายิ่งนัก…”
ภายในห้องที่มีแสงอบอุ่นสาดส่อง เว่ยฉิงจู่นั่งบนตะพร้อมกองกระดาษสีขาวตรงหน้า ในห้องยังมีกลิ่นหอมอ่อนจาง รวมเข้ากับเสียงขยับปากกาไปมา ลวดลายตัวอักษรอันสบายตาได้ปรากฏบนแผ่นกระดาษ
หลังได้ลั่วฉวนช่วยแนะนำเมื่อวันก่อน นางกำลังพยายามลองดูว่าจะเขียนเนื้อหาของงานทหารรับจ้างใดออกมาได้บ้าง
หากเทียบกับโทรศัพท์วิเศษ แม้สะดวกกว่า แต่นางก็ยังชอบอารมณ์การได้จับและเขียนด้วยปากกากับกระดาษ
“เขียนได้ขนาดไหนกันแล้ว?” ซ่งฉิวหยิ่งเข้ามาสอบถาม ดวงตานั้นเผยความสงสัย
“เพิ่งจะเริ่มเอง” เว่ยฉิงจู่ตอบคำกลับ มือของนางยังคงขยับขณะถ้อยคำทั้งหลายได้ปรากฏบนกระดาษ
“ทำไมไม่ใช้โทรศัพท์วิเศษกันล่ะ? นั่นน่าจะสะดวกกว่าเขียนบนกระดาษนะ” หลินว่านฉวงมองโทรศัพท์วิเศษที่วางอยู่ไม่ไกล
“มันสะดวกก็ใช่ แต่ข้าไม่ชิน” เว่ยฉิงจู่ยิ้มตอบรับ “บางทีภายหลังอาจใช้ แต่ตอนนี้เขียนสิ่งที่นึกออกก่อน”
รับชมกองกระดาษตรงหน้า ‘บันทึกเดินทางทหารรับจ้าง’ เป็นคำที่ค่อนข้างสะดุดตา
“พยายามเข้า ถึงตอนนั้นไว้หาอะไรมาเลี้ยงฉลองกัน!” ซ่งฉิวหยิ่งกำหมัดให้กำลังใจ
“ข้าขอตัวไปนอนก่อน อย่านอนดึกล่ะ” หลินว่านฉวงหาววอดก่อนจะกลับออกไปพร้อมซ่งฉิวหยิ่ง
ภายในห้องกลับคืนความเงียบงันอีกครั้ง เสียงสายฝนภายนอกยังคงดำเนินต่อไป
เสียงปากกาขีดเขียนไปกับกระดาษยังคงดังต่อเนื่องประสานจังหวะเข้ากับเสียงสายฝนอย่างน่ารับฟัง