God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1044
ตอนที่ 1044
ลั่วฉวนวางโทรศัพท์วิเศษลงก่อนจะขยับต้นคอ
จากนั้นค่อยมองที่เนื้อหาบนหน้าจอ
เหนื่อยไม่ใช่น้อยแล้ว วันนี้พอเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน
ถือว่าวันนี้ทำงานไปหนักระดับหนึ่งแล้ว
จากนั้นเขาจึงปิดหน้าจอโทรศัพท์วิเศษ
ที่ด้านหน้าเครื่องขายชานมยังคงมีลูกค้าต่อแถวรอ
หลายคนระหว่างรอก็นำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเล่นกระดานสนทนาหรือไม่ก็แอพแชท หลายคนก็พูดคุยกันเองไปเรื่อย
ชานมตอนนี้กลายเป็นที่นิยมของบรรดาลูกค้า
“เถ้าแก่ หยุดเขียนแล้วหรือ?” เหยาซือหยานถือแก้วชานมเดินเข้ามาสอบถาม
“วันนี้เหนื่อยแล้ว” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
“เหนื่อยแล้ว?” เหยาซือหยานเผยสีหน้าครุ่นคิด เพราะนี่คล้ายไม่นานตั้งแต่เริ่มการเขียน แต่ในเมื่อเป็นเถ้าแก่ เช่นนั้นคงปกติ
เพื่อการผ่อนคลาย ลั่วฉวนตอนนี้เตรียมไปเล่นกลอรี่พร้อมกับลูกค้าภายในร้าน
ได้ทราบเรื่องราว ภายในร้านตอนนี้จึงกลายเป็นคึกคักขึ้นมา
ชาวทะเลที่เพิ่งมาเยือนร้านต้นตำรับ ส่วนใหญ่ยังทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์เช่นตอนนี้ที่เกิดขึ้น
“ทำไมคนอื่นดูตื่นเต้นกันนัก? เป็นเพราะเถ้าแก่กำลังจะใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงงั้นหรือ?”
“บางทีอาจเป็นนิสัยพิเศษของลูกค้าเหล่านี้ที่พวกเราไม่เข้าใจ อย่างไรแล้วร้านต้นตำรับก็มีอะไรน่าทึ่งให้รับชมเสมอ”
“งั้นพวกเราไปรับชมกันบ้างดีไหม? เถ้าแก่คงเล่นเกมได้น่าสนใจเป็นแน่…”
บรรดาลูกค้าใหม่เริ่มจินตนาการและคาดเดาต่ออาการตอบสนองของบรรดาลูกค้าอื่น
“ไปรับชมก็ดี เพราะเถ้าแก่เล่นกลอรี่ได้เก่งกาจ” เผชิญหน้ากับคำถามของโนริเอล เหยาซือหยานได้แต่ต้องตอบเช่นนี้
“แข็งแกร่งเพียงใดกัน?” โนริเอลยังไม่เคยเห็นลั่วฉวนเล่นเกมมาก่อน ดังนั้นตอนนี้ชาวทะเลส่วนใหญ่จึงคิดอยากได้เห็น
“กล่าวเช่นนี้ ตราบเท่าที่มีเถ้าแก่ร่วมทีมเล่นกลอรี่ด้วย ผลลัพธ์ของเกมนั้นย่อมคาดเดาได้” เหยาซือเย่ว์ตอบรับคำถามของโนริเอลให้สั้นกระชับ
“น่ากลัวขนาดนั้น?” โนริเอลขมวดคิ้ว
นางเคยเล่นกลอรี่มาก่อน ดังนั้นจึงทราบว่าเกมนี้มีความยอดเยี่ยมเพียงใด และมันยังยากจินตนาการได้ว่าเพียงคนหนึ่งคนจะสามารถตัดสินทิศทางการต่อสู้ได้ยังไง
“เชื่อข้าสิ” เหยาซือเย่ว์หัวเราะ “รับชมลูกค้าคนอื่น พวกเขาก็เหมือนข้า เพราะพวกเขาต่างได้เห็นมากับตาตนเองกันแล้ว”
“ข้าไม่พลาดรับชมอย่างแน่นอน” โนริเอลมองกลุ่มลูกค้าภายในร้านที่กำลังคึกคัก “แต่เหมือนจะรับชมลำบากไปหน่อย
“ไม่เป็นไร มีการถ่ายทอดสดผ่านโทรศัพท์วิเศษ” เหยาซือเย่ว์เขย่าโทรศัพท์วิเศษในมือพร้อมเผยยิ้ม
“โทรศัพท์วิเศษสะดวกสบายเกินไปแล้ว” โนริเอลถึงกับชะงักเพราะประหลาดใจ
ด้วยฐานะผู้สร้างกลอรี่ ไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าลั่วฉวนคือคนที่รู้จัก “โลก” แห่งนี้ดีที่สุด ดังนั้นจึงจะไม่ประหลาดใจที่ลั่วฉวนหาทางซุ่มโจมตีผู้เล่นอื่นอย่างเหนือความคาดคิดได้
ตอนนี้กำลังเกิดศึกภายในระหว่างลูกค้าว่าลั่วฉวนควรอยู่ทีมใคร
อย่างไรแล้วทุกคนก็อยากเป็นผู้โชคดีสี่คน ไม่ใช่ห้าคนที่ดูอับจนสิ้นหวัง
ทว่ากลอรี่เป็นเกมที่ต้องเล่นสิบคน โชคดีและสิ้นหวังต้องมีการแบ่งแยกเกิดขึ้นตามผลลัพธ์ชัยชนะ และหากไม่อาจแบ่งได้ก็ไม่อาจเริ่มเกม
แน่นอนว่ามันมีวิธีที่เหล่าลูกค้าใช้แบ่งอย่างมีประสิทธิภาพ ลั่วฉวนไม่ต้องรอนาน หลังผ่านไปไม่กี่นาทีก็ได้ผลลัพธ์การแบ่งทีม
หลังทำการเลือกตัวละคร ลั่วฉวนเกิดรู้สึกเกียจคร้านขึ้นมา
เกมกำลังจะเริ่มขึ้น
“หึหึหึ คิดสภาพห้าคนนั้นหลบซ่อนตัวในพงหญ้ารอดักซุ่มเถ้าแก่ นั่นไม่ใช่แส่หาความยากลำบากสู่ตัวหรือยังไง?”
“เหอะเหอะ ข้าเห็นแล้ว พวกนั้นร่วมมือกับเถ้าแก่เป็นอย่างดี สามคนที่ซ่อนอยู่ไม่ไกลนั่นกับอีกสองคนไม่น่ารอดพ้นไปได้!”
“สังหารหมู่แหง แต่ก็ยังเร็วไป การโจมตีของตัวละครยังไม่อาจสร้างความเสียหายแก่หอคอยเวทมนตร์ได้มากนัก ดังนั้นคิดจบเกมในระลอกเดียวไม่อาจเป็นไปได้ อีกฝ่ายยังมีโอกาสแก้เกมได้อยู่”
“ยังจะมีโอกาสอะไร ที่เห็นไม่ต่างกับลากถ่วงเวลาแห่งความพ่ายแพ้ออกไป”
“เอ่อ… ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น…”
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ผลลัพธ์การแข่งขันรอบนี้ก็ยังคงเป็นห้าคนที่สิ้นหวังถูกระเบิดฐานคริสตัลเป็นพลุอันสวยงามเบ่งบาน
แต่มันก็ยังเร็วไปที่จะตัดสินผลลัพธ์ เกมยังคงดำเนิน
“เปลี่ยนวิธีการกันหน่อย” ลั่วฉวนกล่าวคำเสียงราบเรียบ ความคึกคักของบรรดาลูกค้าในร้านพลันชะงักตาม “จำได้ว่าในกลอรี่มีวิธีการสุ่มจับคู่โดยอัตโนมัติ”
บรรดาผู้ชมที่รับชมอยู่ตอนนี้ต่างหันมองรอบด้าน พบว่าเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงถูกใช้บริการเต็มแน่น สุดท้ายพวกเขาจึงต้องเผยสีหน้าผิดหวังกันออกมาที่พลาดเข้าร่วม
เกมที่สองใช้เวลารอคอยไม่นานก่อนจะเข้ามายังห้องเลือกตัวละคร
ทั้งเพื่อนร่วมทีมและคู่ต่อสู้ต่างก็เปลี่ยนไปเป็นคนแปลกหน้า
เพราะมีลูกค้าไปมาในร้านตลอดทั้งวัน เป็นปกติหากลั่วฉวนจำไม่อาจจดจำใบหน้าลูกค้าทั้งหมดได้
“เถ้าแก่” สี่คนที่ร่วมทีมตอนนี้เผยท่าทีตื่นเต้นกันออกมา
พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้ร่วมทีมเล่นกับลั่วฉวน
แม้ว่าคู่ต่อสู้อีกห้าจะดูผิดหวัง แต่พวกเขาก็ยังมีความตื่นเต้นคงอยู่
ต่อให้จบด้วยความพ่ายแพ้ แต่ก็ถือว่าได้มีโอกาสเทียบฝีมือกับเถ้าแก่
เกมใหม่จึงเริ่มขึ้น…
“วันนี้พอเท่านี้ก่อน” หลังเล่นเกมจบลง ลั่วฉวนค่อยมองออกไปภายนอกร้าน
ตอนนี้ค่อนข้างใกล้มืดแล้ว อีกไม่นานระยะเวลาทำการของร้านจะหมดลง
เขาจึงลุกขึ้นและเดินไปยังโต๊ะรับเงิน
เหยาซือเย่ว์กับเหยาซือหยานกำลังพูดคุยกันพลางหัวเราะ
ไม่ช้าทั้งสองค่อยตระหนักเห็นถึงลั่วฉวนที่เดินกลับมา
“เถ้าแก่ คืนนี้ข้าขออยู่ทานมื้อเย็นด้วยสิ” เหยาซือเย่ว์โบกมือกล่าวบอก
“ตามสะดวก” ลั่วฉวนตอบรับอย่างไม่คิดอะไรมาก
“เถ้าแก่ ไม่เล่นต่อแล้วหรือ?” เหยาซือหยานเผยยิ้มเอ่ยคำถาม พิจารณาจากเวลา ตอนนี้เล่นกลอรี่อีกสักรอบยังไม่สายจนเกินไป
“เบื่อแล้ว” ลั่วฉวนส่ายศีรษะตอบคำกลับ
สาเหตุหลักก็เพราะมันไม่ท้าทาย ดังนั้นจะเบื่อง่ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
หลังเล่นกลอรี่ไปสักหลายรอบในวันนี้ กว่าลั่วฉวนจะกลับมาสนใจอีกครั้งก็คงหลายวันให้หลัง
เมื่อนั่งลงแล้วเขาค่อยหยิบเอาโทรศัพท์วิเศษขึ้นมาเล่นรอเวลา
เวลาทำการของทางร้านเหลือไม่มาก ดังนั้นเล่นเกมในโทรศัพท์วิเศษรอจึงเป็นเรื่องดีกว่า
ลูกค้าในร้านเริ่มกลับกันไปคนแล้วคนเล่า เสียงจอแจภายในร้านค่อยเลือนหาย
“เถ้าแก่มีเพลงใหม่ของเปียโนบ้างหรือไม่?” ก่อนจะกลับ ชิงหยินเดินมาตรงหน้าโต๊ะพร้อมสอบถามลั่วฉวน
“พรุ่งนี้จัดการให้” ลั่วฉวนรับคำ
“วิเศษแล้ว” ชิงหยินพยักหน้ารับ
ด้านนอกร้าน หลิวลู่อวี่กับหลิวลู่เหม่ยกำลังคอยนางอยู่
“เป็นยังไงบ้าง?” หลิวลู่อวี่กล่าวถามอย่างคาดหวัง
“เถ้าแก่บอกว่าพรุ่งนี้จะเตรียมไว้ให้” ชิงหยินตอบคำกลับ
“ทุกครั้งจะได้มาหนึ่งเพลง หวังว่าคราวนี้เถ้าแก่จะมีให้สักหลายเพลงนะ” หลิวลู่อวี่อดไม่ได้ที่จะคาดหวัง
“ครั้งละเพลงก็มากพอให้พวกเราได้ศึกษาอยู่นานแล้ว” หลิวลู่เหม่ยยิ้มตอบรับ “ได้ยินมาว่าช่วงนี้ถ่ายทอดสดด้วยไม่ใช่หรือ เป็นยังไงบ้าง?”
“ทุกครั้งคนดูจะพุ่งขึ้นไปเบียดทำเนียบถ่ายทอดสดได้เลยทีเดียว” กล่าวถึงเรื่องนี้หลิวลู่อวีว่จึงเกิดคึกคักขึ้นมา “แต่เหมือนลูกค้าของที่ร้านไม่ค่อยชอบซอร์นาสักเท่าไหร่”
“ซอร์นา…” หลิวลู่เหม่ยเผยสีหน้าจริงจัง “เครื่องดนตรีที่เถ้าแก่นำออกมามันช่าง… มีมนต์ขลังอย่างยากเข้าใจ”
หลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง พวกนางจึงค่อยเดินกลับกันไปพลางพูดคุยไปเรื่อย
แสงจากสองฟากข้างของถนนค่อนข้างสลัวเพราะสายฝน ร้านรวงสองข้างของเส้นทางก็มีแสงจากในร้านส่องออกมา ลูกค้าหลายคนที่กลับจากร้านต้นตำรับจะแวะเวียนร้านทั้งสองข้างทาง บ้างก็เดินผ่านไปจนลับสายตา
“ร้านน้อยหยวนก่วยงั้นหรือ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ชิงหยินมองร้านของหยวนก่วยที่อยู่ระหว่างทาง
“วิเศษแล้ว” อีกสองคนที่ร่วมทางมาเผยความยินดีตอบรับ