God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1040
ตอนที่ 1040
“รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่?” เพราะแก้วชานมที่เหยาซือหยานถือดื่มอยู่นั้นมันทำให้เกิดความกระดากใจเล็กน้อย ลั่วฉวนเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เปลี่ยนหรือ…” เหยาซือหยานวางแก้วลงกับโต๊ะพร้อมขมวดคิ้ว “เหมือนว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิม… หากไม่ได้คิดเอง การรับรู้พลังงานคล้ายจะมากขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมก็แทบจะเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมาก”
การรับรู้พลังงานคือสิ่งที่เอาไว้จำแนกพลังและชักนำ ยิ่งผู้ฝึกตนระดับสูงเพียงใด ก็จะยิ่งต้องดึงเอาพลังวิญญาณจากฟ้าดินออกมาขัดเกลาให้มากขึ้นเท่านั้น
“เถ้าแก่ สรรพคุณของชานมคือการเพิ่มการรับรู้ทางพลังงาน?” เหยาซือหยานคาดเดา
“กล่าวให้ถูกต้องคือเหมือนดังน้ำแร่ เป็นการเสริมศักยภาพ” ลั่วฉวนดื่มชานมเข้าไปพร้อมรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ไหลผ่านลำคอสู่ในร่าง มันทำให้เกิดความรู้สึกสบายประการหนึ่ง
“โอ้” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ ความประหลาดใจใดหาได้เผยออกไม่ “สรรพคุณของน้ำแร่กับชานมค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร”
นางจำได้ชัดถึงผลลัพธ์หลังดื่มน้ำแร่เข้าไป มันกระทั่งชักนำเอาทัณฑ์สายฟ้าบรรพกาลมาเยือน หากเทียบกับชานม สรรพคุณค่อนข้างน้อยนิดจนเกินไป
“ยังไงแล้วราคาก็แตกต่างกันมาก อีกทั้ง…” คำของลั่วฉวนหยุดไปครู่หนึ่ง “เป็นปกติที่เจ้าจะไม่ได้รับผลลัพธ์อะไรที่โดดเด่น”
“เพราะอาหารที่กินทุกวันดีจนเกินไป?” ดวงตาสีม่วงของเหยาซือหยานเผยยิ้มพร้อมมองอาหารมื้อหรูบนโต๊ะที่แม้เหยาฮุยเฉินยังต้องตาถลนยามได้เห็น
…..
เมืองใต้สมุทร
สัตว์อสูรทะเลทั้งหลายต่างร่ายรำกันออกมา พวกเขาราวกับกำลังเริ่มงานเฉลิมฉลอง
แรงสะเทือนจากสิ่งที่พวกเขาซื้อหามาจากร้านต้นตำรับเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก ไม่ว่าจะน้ำแร่หรือสินค้าอื่น เหล่านี้ทำให้พวกเขาเกิดยินดีกันถ้วนหน้า
ตู้ม!
เสียงสนั่นดังขึ้น พื้นสมุทรสั่นสะเทือน เหมือนว่าจะมีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้น
“แล้วงานฉลองนี้จะมีอีกนานแค่ไหนกัน?” โนริเอลอดไม่ได้ที่จะพึมพำขณะถือโทรศัพท์วิเศษเอาไว้
ผ่านทางสายน้ำกระจ่างจะได้เห็นการระเบิดอยู่ไม่ไกล เหล่านั้นคือคลื่นพลังงานอันเจิดจ้าที่ทำเอาอาคารบ้านเรือนทั้งหลายระหว่างทางจนถึงตอนนี้โดนแสงย้อมจนยากมองเห็น
นับตั้งแต่ก่อตั้งเมืองใต้สมุทร อาคารแต่ละแห่งจะมีการจารึกค่ายอาคมป้องกันเอาไว้ เหล่านี้ก็เพื่อไว้ใช้ต้านรับแรงปะทะจากพลังงานอันหลากหลาย
“ก็คงนานระดับหนึ่ง เมืองใต้สมุทรไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมานานมากแล้ว” เอวานน่ายืนตรงหน้าหน้าต่าง สายตาของนางทอดมองออกไปยังอาคารบ้านเรือนทั้งหลาย บางแห่งกระจัดกระจายเพราะแรงระเบิดจนทำนางหัวเราะออกมา “เรื่องราวครั้งนี้ปั่นป่วนดีไม่ใช่น้อย ผลที่ตามมาก็เป็นพวกเขาทำตัวเอง แต่กฎของเมืองใต้สมุทรก็ไม่อาจเมินเฉยได้”
เส้นผมสีบลอนด์ทองของนางยังคงพลิ้วไหวก่อนจะตบไหล่โนริเอลเป็นการบอกกล่าว
องครักษ์ในชุดเกราะสีดำเข้ามา โนริเอลทราบว่าอีกฝ่ายมีหน้าที่อารักขาพระราชวังแห่งนี้
“องค์ราชา” อีกฝ่ายเรียกเพียงเท่านี้ก่อนจะรอคอยคำสั่งของเอวานน่า
“บอกพวกเขาให้ซ่อมแซมความเสียหายที่ก่อด้วย” เอวานน่ากล่าวตอบ “หากมีอะไรเช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง เช่นนั้นก็ต้องยอมรับ… ว่าจะโดนเพิกถอนการเข้าถึงประตูมิติ”
“รับบัญชา” องครักษ์ผู้นั้นรับคำก่อนจะถอนตัวกลับไป
โนริเอลมองทิศทางที่องครักษ์เดินกลับไปพร้อมได้ข้อสรุปในใจว่า “บทลงโทษนี้โหดเหี้ยมดียิ่งนัก”
เพิกถอนสิทธิ์การใช้งานประตูมิติ มันคือการห้ามไปยังร้านต้นตำรับ กล่าวได้ว่าเป็นบทลงโทษร้ายแรงของชาวทะเลที่เพิ่งได้รับประสบการณ์อันแสนวิเศษจากร้าน
“โหดเหี้ยม?” เอวานน่าเผยท่าทีสูงศักดิ์ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็คงงั้น”
คำสั่งนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม เพียงชั่วครู่โนริเอลก็รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวภายนอกที่ลดน้อยลง
…..
ยามค่ำคืน ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมืดมิด แสงจากสองฟากข้างของเส้นทางที่มีแหล่งกำเนิดพลังงานคือพลังเวทเริ่มส่องสว่าง ดวงจันทราทั้งสองบนฟากฟ้าเผยแสงสุกปลั่งปรากฏบนฟากฟ้ายามราตรี
ด้วยฐานะเมืองใหญ่ในดินแดนหลักของเก๋อหลัว ออรันจึงเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ
ถนนหนทางทั้งหลายจะถูกใช้งานอย่างคึกคัก ประชากรของเผ่าพันธุ์หลากหลายจะออกมาเดินเล่น รวมถึงการพูดถึงและรับเอาข่าวสารมากมายในช่วงที่ผ่านมา
“เหมือนว่าผู้คนในเมืองนี้จะคุ้นเคยกับการที่ลูกค้าของร้านมาเยือนอกันแล้ว” เหยาซือหยานที่เดินข้างลั่วฉวนกล่าวคำออกมา
ขณะเดินไปตามทาง ผู้คนสัญจรจะไปมาอย่างไม่ขาด เสียงดังจอแจเกิดขึ้นไม่รู้จบ รวมถึงข่าวคราวมากมายที่ได้ยินผ่านหู
เหยาซือหยานสามารถจับใจความที่ต้องการทราบได้ จากนั้นจึงค่อยบอกลั่วฉวนอีกทีหนึ่ง
“นั่นสินะ” ลั่วฉวนไม่คล้ายใส่ใจอะไรมากนัก “บางอย่างก็เพียงปล่อยให้เป็นไปและรับชม ไม่ต้องยุ่งเกี่ยว”
ออรันสมกับเป็นเมืองใหญ่ ทุกครั้งที่ได้มาลั่วฉวนจะได้พบเห็นสิ่งใหม่หลากหลาย
ทว่าในความเห็นของเขา สถานที่แห่งนี้เหมือนดังเกาะโดดเดี่ยวในดินแดนรกร้าง ชีวิตค่อนข้างขาดสีสัน
หากเทียบกับทั้งเก๋อหลัว ออรันก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กจ้อย
แม้ว่าเก้าหายนะจะไม่ได้หายไป แต่อารยธรรมในโลกนี้ก็ยังคงมีอยู่อีกมาก อย่างน้อยในบรรดาข่าวสารที่ลั่วฉวนได้ทราบมา มันก็ยังมีอาณาจักรที่ปกครองโดยมนุษย์อย่างสมบูรณ์คงอยู่
เขาถึงกับเกิดความคิดอยากไปรับชมสถานที่แห่งนั้น เพราะแม้ออรันเป็นเมืองใหญ่ แต่เขาก็เดินเตร่เที่ยวไปมาในเมืองนี้อยู่นานพอสมควรแล้ว
แต่เพราะคำบอกกล่าวของระบบ ที่ว่าระดับของโลกขาดความสมดุลต่อกัน เขาจึงทำได้เพียงอยู่ที่นี่ไม่อาจเคลื่อนย้ายไปยังที่อื่นได้ตามใจ
อารยธรรมของที่นี่มีพื้นฐานเกิดขึ้นโดยเวทมนตร์
ภายใต้หายนะจากภายนอกที่มาเยือน พวกเขาจำเป็นต้องต่อต้านจนเกิดศึกปะทุขึ้น หลังได้รับความเสียหายอย่างหนักหนา พวกเขาจะเริ่มฟื้นคืนขึ้นมาทีละน้อย
หลังความพ่ายแพ้ต่อภัยคุกคาม สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงคือความตาย
สงครามและความตาย เหล่านี้ไม่มีทางหนีพ้นจากประวัติศาสตร์ของอารยธรรมส่วนใหญ่
ด้วยเพราะเกิดความสงสัย เหยาซือหยานจึงสอบถามผู้คนโดยรอบเรื่องลัทธิแห่งการทำลายล้าง ตามที่ได้ทราบมา หลังพวกเขาเหล่านั้นถูกจับตัว ผู้อื่นก็แทบไม่ได้ให้ความสนใจใดอีก
แม้คดีนี้ยังมีเรื่องให้น่าสงสัย แต่ลั่วฉวนมองว่าควรปล่อยไป เขาไม่ได้มีเจตนาไปยังคฤหาสน์จ้าวเมืองเพื่อสอบถามเอลวิสให้รู้ชัดแต่อย่างใด
กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง
“เถ้าแก่ ได้บอกลูกค้าเรื่องสินค้าใหม่หรือไม่?” เหยาซือหยานกำลังจัดแจงเส้นผมหลังถอดหมวกออก
“ยัง” ลั่วฉวนส่าย่ศีรษะก่อนจะหาว “ตอนนี้ง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อน”
“ทราบแล้วเถ้าแก่ ราตรีสวัสดิ์” เหยาซือหยานพยักหน้ารับก่อนจะมองตามลั่วฉวนกลับขึ้นชั้นบนไป
ถัดจากนั้นนางจึงไปหยุดยืนตรงหน้าเครื่องขายชานมก่อนจะสั่งมาดื่มเองแก้วหนึ่ง
หลังดื่มไปอึกหนึ่ง ดวงตาของนางพลันต้องหรี่ลงเล็กน้อย
เมื่อดื่มชานมเรียบร้อย นางค่อยกลับขึ้นชั้นสอง
ลั่วฉวนกลับเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว เขากำลังนอนบนเตียงพลางถือโทรศัพท์วิเศษไปด้วย
เพราะยังนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงคิดเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดสักตาหนึ่ง