God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1034
ตอนที่ 1034
“แน่ใจหรือ? ชั้นเรียนค่ำวันนี้ของอาจารย์ไห่เถิงนะ” เจียงเหวิ่นฉางเผยยิ้มเจื่อน
ได้ยินชื่อคนสอน กู่หยุนซีพลันต้องทิ้งตัวนอนกับโต๊ะอาหารอีกครั้งพร้อมโบกมือตอบ “รู้แล้วน่า ไม่หนีหรอก ทานเสร็จแล้วกลับกันเถอะ”
โทรศัพท์วิเศษที่วางอยู่ด้านข้างส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น จากนั้นนางจึงหยิบขึ้นมาตรวจสอบหน้าจอด้วยสภาพไร้อารมณ์
“หือ? ข้อความจากพี่ซือหยาน?”
“ข้าเองก็ได้” เจียงเหวิ่นฉางตอบกลับมา
“พี่ซือหยานส่งข้อความหาทำไมกันนะ? หรือจะมีอะไร?” กู่หยุนซีกดเข้าไปอ่านข้อความด้วยความสงสัย
ในห้องทานอาหารเงียบไปครู่ จากนั้นจึงเป็นคนทั้งสองส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน
“เชิญไปร้านตอนมืด?!” กู่หยุนซีเผยดวงตาเบิกกว้าง
“ไม่ใช่ว่ามีแต่ลูกค้าผู้โชคดีหรอกหรือ?!” สีหน้าเจียงเหวิ่งฉางตกใจไม่ปิดบัง “ซีเอ๋อ ชั้นเรียนค่ำวันนี้โดดกันเถอะ”
“โดดสิ” กู่หยุนซีพยักหน้ารับหนักแน่น
ณ ร้านน้อยหยวนก่วย
เพราะเป็นลูกค้าผู้โชคดีคนสุดท้าย ปู้หลี่เกื๋อจึงค่อนข้างอารมณ์ดี ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ด้านข้างหยวนก่วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหุบไม่ลง
จินตนาการเขาเริ่มกว้างไกลครุ่นคิดถึงรางวัลที่ลั่วฉวนกล่าวถึงแล้ว
ฟุ่บ
เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนปู้หลี่เกื๋อจะเร่งร้อนหดศีรษะ
“อย่าวอกแวก” หยวนก่วยกล่าวบอก การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รับผลกระทบใดแม้แต่น้อย
“ขอรับอาจารย์” ปู้หลี่เกื๋อตอบคำเสียงเบา
โต๊ะทั้งสี่ในร้านของหยวนก่วยตอนนี้เต็มแน่น
ลูกค้าก็ใบหน้าคุ้นเคยกันทั้งสิ้น
อย่างไรแล้วด้วยสาเหตุทางด้านราคา ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีทางจ่ายได้ไหว
พวกเขากำลังพูดกล่าวกันถึงงานที่จัดในร้านต้นตำรับ
“กล่าวไปทำไมเถ้าแก่ถึงจัดงานครั้งนี้ขึ้นกัน?” หู่ขวงกล่าวถามผู้อื่นไปเรื่อย
“คิดหาสาเหตุจากเถ้าแก่ คำถามนี้ยากเกินไปแล้ว” หลิวลู่เหม่ยหัวเราะตอบ
“ถูกต้องแล้ว” ฟ่านเฉิงเทียนพยักหน้ายิ้มตอบรับ “คงมีแต่เถ้าแก่จึงทราบเหตุผล”
“ไม่ทราบเลยว่าลูกค้าผู้โชคดีครั้งนี้จะได้รับรางวัลอะไร พวกเราไม่มีโอกาสกันเลยแม้สักคน” ตี้อู๋ปาเต๋าส่ายศีรษะ
กลุ่มคนในร้านหยวนก่วยตอนนี้ คือกลุ่มลูกค้าผู้โชคไม่ดี หากจะมียกเว้นก็คงปู้หลี่เกื๋อไว้สักคกนหนึ่ง
“ปลาก้างแดงต้มพร้อมทานแล้วขอรับ” ปู้หลี่เกื๋อนำอาหารร้อนฉุยมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
“รสชาติอันคุ้นเคย อาหารของเถ้าแก่หยวนอร่อยไม่มีผิดเพี้ยน” โพธิสัตว์ร่างท้วนไม่ลังเลที่จะกล่าวคำชม
ปู้หลี่เกื๋อกลับไปยังห้องครัว จากนั้นจึงได้เห็นหยวนก่วยที่กำลังจดจ้องหน้าจอโทรศัพท์วิเศษ
ไม่เพียงแต่เขา ตอนนี้ผู้แวะเวียนมาทานมื้อเย็นในร้านต่างก็นำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
“อาจารย์ มีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือ?” ปู้หลี่เกื๋อเข้าไปสอบถามก่อนจะได้เห็นแววตาประหลาดใจจากหยวนก่วยที่ตอบกลับมา
“ก็ไม่อะไรมาก ข้าได้รับเทียบเชิญให้ไปร้านต้นตำรับในค่ำวันนี้” หยวนก่วยเก็บโทรศัพท์วิเศษไป
“โอ้” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ จากนั้นเขาจึงพบว่าคล้ายมีอะไรผิดไป “ไม่สิ เถ้าแก่โพสต์บอกแล้วไม่ใช่หรือว่ามีแต่ลูกค้าผู้โชคดีที่จะไปยังร้านตอนค่ำได้?”
“นอกจากลูกค้าผู้โชคดี ยังมีส่วนหนึ่งที่ได้รับเชิญ” หยวนก่วยตอบรับเสียงเรียบเฉย
ปู้หลี่เกื๋อจึงเกิดสับสนขึ้นมา
เมื่อหันมองทางด้านหลัง แต่ละคนตอนนี้กำลังพูดกล่าวกันอย่างสนุกสนาน
โพธิสัตว์ร่างท้วนรับชมโทรศัพท์วิเศษของตนที่ไร้ความเคลื่อนไหว สายตานั้นหันมองทางโพธิสัตว์อีกสองที่ร่วมโต๊ะ พวกเขาถอนหายใจก่อนจะเริ่มทานต่อไปอย่างเงียบงัน
ปู้หลี่เกื๋อจึงได้เข้าใจ ว่าเทียบเชิญเหล่านี้ส่งไปยังลูกค้าเก่าแก่ของร้าน อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่ลั่วฉวนคุ้นเคยด้วย
“หรือก็คือ ต่อให้ข้าไม่ใช่ลูกค้าผู้โชคดี สุดท้ายก็ยังได้ไปรับรางวัลที่ร้านต้นตำรับงั้นหรือ?” เขาพึมพำกับตนเองอย่างเหม่อลอย
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น” หยวนก่วยพยักหน้าตอบรับ
“ทำไมรู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรงขึ้นมากันเนี่ย” ปู้หลี่เกื๋อเกาะกุมศีรษะตนเอง
ตอนนี้เองที่โทรศัพท์วิเศษในกระเป๋าของเขาสั่นจนต้องนำออกมา
เจียงเฉิงจวิน : ฮ่าฮ่า พี่ซือหยานเชิญข้าไปที่ร้านค่ำวันนี้ด้วยแหละ
ปู้ฉืออี : น้องชายที่รัก คืนนี้ไว้พบกันที่ร้านต้นตำรับ
หลายคนต่างส่งข้อความมาหาเขา และพอได้อ่าน อารมณ์ปู้หลี่เกื๋อจึงยิ่งซับซ้อน
ณ ร้านต้นตำรับ
มื้อค่ำเป็นไปอย่างอบอุ่น ลั่วฉวนและคณะต่างนั่งรายล้อมรอบโต๊ะ
“ส่งเทียบเชิญออกไปแล้ว?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
“ส่งเรียบร้อยแล้ว” เหยาซือหยานนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา หลายคนต่างตอบกลับทางข้อความกันมาแล้ว
แต่เพราะตอบรับกันมามาก ดังนั้นนางจึงไม่อาจตอบกลับทีละคนได้ไหว
“เถ้าแก่ ทำไมขนมไหว้พระจันทร์ถึงมีสรรพคุณประหลาดได้กัน?” เหยาซือเย่ว์เกิดความสงสัยขณะทานอาหาร
อานเหวยหยาเองก็ศนใจเรื่องนี้ สายตาของนางจ้องมองที่ลั่วฉวนเพื่อรอคำตอบ
นางเองก็มีส่วนร่วมในการทำขนมไหว้พระจันทร์ แม้ว่าวัสดุจะยอดเยี่ยมเกินจะกล่าว แต่อย่างไรมันก็ไม่มีทางให้สรรพคุณเช่นที่เกิดขึ้น
คำถามนี้ เห็นจะมีแต่ลั่วฉวนที่ทราบคำตอบ
“เพราะมันเป็นสิ่งที่ข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการทำ” ลั่วฉวนตอบกลับออกไป
เหยาซือเย่ว์ : ???
อานเหวยหยา : ?!!
สีหน้าเหยาซือหยานยังคงเหมือนเช่นปกติ นางทราบเรื่องนี้อยู่แต่แรกแล้ว
ทางด้านปิงชวงไม่สนใจ นางเพียงแต่ทานต่อไปอย่างเงียบงัน
“ความหมายของเถ้าแก่คือ?” เหยาซือเย่ว์เผยความสับสนกล่าวถาม
“ตามคำที่กล่าวไป” ลั่วฉวนตอบกลับ
หลังตื่นตะลึงไปครู่ อานเหวยหยาค่อยปรับสภาพอารมณ์ให้สงบลง
เรื่องนี้สมควรเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงข้อมูลพื้นฐานของโลก
แต่เพราะอีกฝ่ายคือเถ้าแก่ พอคิดเช่นนี้ก็ไม่คล้ายมีอะไรให้ต้องตกใจ
“ฟังดูน่าทึ่งมาก” เหยาซือเย่ว์พยักหน้ารับโดยไม่คิดอะไรให้มากความอีก
…..
นครไซเรน
เอวานน่าและคณะชาวทะเลต่างเดินทางกลับมาถึงที่นี่ผ่านประตูแสง
นางและโนริเอลตอนนี้ไปเยี่ยมชมนครไซเรนโดยมีชาวไซเรนเป็นคนนำเที่ยว
ส่วนชาวทะเลอีกเก้าคนที่ร่วมทางมาต่างตัดสินกลับไปยังเมืองใต้สมุทรผ่านทางประตูมิติ
ตามคำสั่งของเอวานน่า พวกเขาจะไปบอกเล่าให้ชาวทะเลผู้อื่นในเมืองได้ทราบถึงร้านต้นตำรับ
ตอนนี้พวกเขาต่างก็มีโทรศัพท์วิเศษแล้ว การค้นหาข้อมูลของร้านต้นตำรับทำได้โดยง่าย คิดนำเสนออะไรจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“เหมือนว่านครไซเรนจะแทบไม่เปลี่ยนตั้งแต่ครั้งก่อนที่มา” เอวานน่าสำรวจมอง เส้นผมสีบลอนด์ของนางพลิ้วไหวกับสายน้ำที่เคลื่อนผ่าน
“นครไซเรนสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่ต้องปรับเปลี่ยนที่ตรงใด” เฮเลนเวียเผยยิ้มตอบรับ “และไม่นานมานี้ก็เพิ่งซ่อมแซมอาคารทั้งหลายที่ถูกทำลายไปก่อนหน้า”
“ถูกทำลาย… ฝีมือของจิตแห่งเงางั้นหรือ?” เอวานน่าขมวดคิ้ว
นางทราบดีถึงความแข็งแกร่งของชาวไซเรน กระนั้นก็ยังต้องเผชิญกับวิกฤตเพราะจิตแห่งเงา
“หรือพูดให้ถูก คือพวกเราทำเอง” เฮเลนเวียเผยท่าทีจนใจ
“หือ?” เอวานน่ามองตอบด้วยความสงสัย
“จิตแห่งเงาจะส่งผลกระทบต่อวิญญาณ ทำให้คนที่รับมันเข้าไปต้องตกอยู่ภายใต้สภาวะคลุ้มคลั่ง” เฮเลนเวียอธิบายออกมา “ลำพังแค่พวกมันนั้นไม่มีอำนาจการโจมตีที่แข็งแกร่งอะไรเลย”
“ฟังแล้วเหมือนการติดเชื้อปนเปื้อน มันทำข้านึกถึงขุมนรกที่เคยมีบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ” เอวานน่าศึกษาประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
“สองสิ่งนี้จะต้องมีความเชื่อมโยงถึงกันแน่…” เฮเลนเวียพยักหน้าเห็นพ้อง จากนั้นจึงยิ้มและส่ายศีรษะ “แต่ตอนนี้ประเด็นนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่สำคัญ…” เอวานน่าเกิดนึกถึงลั่วฉวนขึ้นมา อีกฝ่ายคือผู้คลี่คลายวิกฤตของชาวไซเรนได้ตามใจนึก นางที่คิดได้จึงเผยยิ้มตอบ “นั่นสินะ”