God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1026
ตอนที่ 1026
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
“น่าจะได้ที่แล้ว”
เหยาซือหยานตรวจสอบเวลาก่อนจะนำเอาขนมไหว้พระจันทร์ออกมา
ทั้งห้องครัวตอนนี้จึงอบอวนด้วยกลิ่นหอมผลไม้หลากหลายชนิด
ผลไม้ทั้งหลายเหล่านี้ใช้เพื่อเป็นไส้ขนมไหว้พระจันทร์
ขนาดของตัวขนมคือราวครึ่งฝ่ามือ เรียกได้ว่ามีขนาดเล็กและงดงาม
พื้นผิวนั้นจะมีลวดลายอันวิจิตรปรากฏ มันจะเปรียบดังงานศิลป์ที่ผสานเข้ากับอาหาร
“รสชาติ ต้องลองรสชาติ” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
“กลิ่นหอมมาก” เหยาซือเย่ว์ไม่อาจอดทนรอได้ไหว
อานเหวยหยาหยิบมาสอง หนึ่งนั้นส่งให้ปิงชวง
ลั่วฉวนหยิบมาหนึ่ง
จากนั้นจึงกัดเข้าไปและลิ้มรสชาติอย่างถี่ถ้วน
ผิวภายนอกตัวขนมไม่หนา ระยะเวลาอบพอดิบพอดี กลิ่นและรสมาพร้อมพลังงานจากตัววัตถุดิบอัดแน่นอยู่ภายใน
ไส้นั้นมีทั้งความหวานและอมเปรี้ยว หากพิจารณาให้ดีจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นที่นำมาราวกับเดินอยู่ในสวนดอกกล้วยไม้
รสชาติถือว่าดี น่าพึงพอใจ
ส่วนสรรพคุณที่คาดหวังว่าจะมี ลั่วฉวนยังไม่อาจตระหนักได้ถึง
เขาจึงหันมองทางเหยาซือหยาน
เหมือนดังลั่วฉวน นางเพิ่งกัดเข้าปากไปและกำลังลิ้มรสชาติ
ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น สีหน้าของเหยาซือหยานจึงเผยอาการประหลาดใจเด่นชัด
ลั่วฉวนตระหนักพบเห็นท่าทีจึงทราบ ว่ามันมีผลพวงพิเศษคงอยู่จริง
ระยะเวลานั้นไม่นาน เพียงชั่วครู่ก็จบลง
อานเหวยหยา เหยาซือเย่ว์ รวมถึงปิงชวงที่ทานเข้าไปทีหลังตอนนี้ค่อยได้ตระหนักถึงสิ่งที่เหยาซือหยานแสดงออก
“ขนมไหว้พระจันทร์นี้มีส่วนช่วยในการขยายพลังจิต” เหยาซือหยานมองขนมไหว้พระจันทร์ในมือที่กัดไปแล้วคำหนึ่งอย่างนึกทึ่ง เพียงแค่คำเล็กน้อยก็มากพอให้นางรู้สึกเสมือนพบเห็นหมู่ดาวเบ่งบาน
“เหมือนว่าจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก” อานเหวยหยามองทางเหยาซือหยานด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
“มันมีอยู่จริง แต่อาจเล็กน้อยหรือมากตามแต่ละคน” เหยาซือหยานหันมองทางกองวัตถุดิบที่อยู่ไม่ไกล
นางใช้สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ทำอาหารทุกวัน สิ่งที่ควรจะได้รับก็สมควรได้รับจนถึงขีดจำกัดไปนานแล้ว
อานเหวยหยาตระหนักถึงสายตาเหยาซือหยาน นางทราบถึงเหตุผลดี
ครั้งนางได้ดื่มน้ำแร่ที่ช่วยเสริมศักยภาพ ผลลัพธ์นั้นก็ไม่ได้เด่นชัดอะไรมากมาย
อานเหวยหยา เหยาซือเย่ว์ และปิงชวงต่างทานขนมไหว้พระจันทร์กันต่อ
สรรพคุณของอาหารที่ลั่วฉวนมีส่วนร่วมในการทำขึ้น มันจะเผยออกตราบเท่าที่ทานเข้าไป ส่วนว่าจะแบ่งไปมากหรือน้อยตามจำนวนนั้นไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
“ข้าคิดว่าแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อยนะ” เหยาซือเย่ว์กำหมัด
“ผิวพรรณข้าเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย” อานเหวยหยาลูบแขนตนเอง
“เส้นผม” ปิงชวงกล่าวคำสั้นกระชับเหมือนดังเคย
หลายคนที่นี้ค่อยได้ตระหนัก ว่าเส้นผมสีเงินของนางสาดส่องประกายยิ่งกว่าของเดิม
ลั่วฉวนตอนนี้จึงเผยสีหน้าจริงจัง
สรรพคุณเหล่านี้ดูแปลกเกินไปแล้ว
เพราะจากที่เห็น ขนมไหว้พระจันทร์ของแต่ละคนให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป
“เถ้าแก่ ขนมไหวพระจันทร์นี้เหมือนจะแตกต่างกันไปนะ” อานเหวยหยาหันมองทางลั่วฉวนก่อนจะกัดขนมไหว้พระจันทร์เข้าปากไปอีกคำหนึ่ง
“เหมือนว่าบ๊ะจ่างครั้งก่อนก็เป็นเช่นเดียวกันนี้” เหยาซือเย่ว์นึกถึงงานเลี้ยงครั้งก่อน “แต่ครั้งนั้นผลที่ได้รับค่อนข้างเหมือนกัน… แปลกจริง”
หลังผ่านการครุ่นคิดอยู่หลายวินาที นางค่อยหาคำอธิบายที่เหมาะสมมาใช้งานได้
สรรพคุณอย่างทำให้เส้นผมและผิวพรรณดีขึ้นถือว่าค่อนข้างแปลก
เหยาซือหยานพยักหน้ารับเห็นพ้องกับคำกล่าว
“กล่าวไปแล้ว ข้ายังไม่เคยได้ลองทานบ๊ะจ่างเลย คงต้องไปร้านเถ้าแก่หยวนเสียหน่อยว่ามีให้ทานหรือไม่” อานเหวยหยาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ปิงชวงไม่เข้าร่วมวงสนทนา เพียงแต่นั่งทานขนมไหว้พระจันทร์ต่อไปอย่างเงียบงัน
พิจารณาจากแก้มนาง น่าจะอร่อยถูกใจไม่ใช่น้อย
“ใช้สิ่งนี้เป็นรางวัลในงานดีไหม?” ลั่วฉวนคิดอยากได้ยินความเห็นของผู้อื่น
“ข้าคิดว่าดี” เหยาซือหยานรับคำ
“อย่างไรแล้วไม่ว่าเถ้าแก่นำเสนออะไร ลูกค้าทั้งหลายในร้านก็ต้องนึกทึ่งกันประจำอยู่แล้ว” เหยาซือเย่ว์ตอบรับเรียบง่าย
แม้ฟังดูแปลก แต่ที่นางกล่าวก็จริง
“แต่จำนวนเท่านี้ไม่น่าพอ” ลั่วฉวนมองทางขนมไหว้พระจันทร์ที่เหลือในถาด ตอนนี้มันมีน้อยกว่าสิบก้อน
“ไม่ใช่ปัญหา เถ้าแก่ต้องการสักเท่าใดดี?” เหยาซือหยานกล่าวถาม
ลั่วฉวนครุ่นคิดไปครู่ก่อนจะบอกจำนวนออกมา “สักหนึ่งร้อย”
อย่างไรขนมไหว้พระจันทร์ก็ไม่ได้ใช้เวลาทำนานอะไรมาก
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
ขณะช่วยกันทำขนมไหว้พระจันทร์ มื้อกลางวันก็แทบผ่านพ้นไปแล้ว
จากนั้นทั้งคณะจึงลงไปทานมื้อกลางวัน
“เถ้าแก่ไปเอาของเหล่านี้มาจากไหนหรือ?” อานเหวยหยาเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจนาง
“โลกแห่งผู้ฝึกตนไม่ได้มีแห่งเดียว” ลั่วฉวนกล่าวตอบอย่างเป็นปริศนา
จากการที่เคยสอบถามระบบ เขามองว่าคำตอบนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร
“เป็นเช่นนี้” อานเหวยหยาพยักหน้ารับอย่างไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด
นางทราบดีถึงตัวตนและภูมิความรู้ของลั่วฉวน ก่อนจะถามนางก็พอคาดเดาคำตอบได้อยู่ก่อนแล้ว
คำตอบของลั่วฉวนก็แค่ช่วยยืนยันคำตอบของนางอีกทีหนึ่ง
ลั่วฉวนนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเตรียมเผยแพร่เรื่องราวออกไป
ก่อนหน้านั้น เขาหันมองกลุ่มคนร่วมโต๊ะ “อย่าเพิ่งบอกผู้อื่นเรื่องงาน”
“เถ้าแก่วางใจได้” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ
เหยาซือหยานกับเหยาซือเย่ว์รับคำอย่างดี ส่วนปิงชวงนั้นนางไม่ได้สนใจเรื่องราวทางนี้
หลังครุ่นคิด ลั่วฉวนจึงตัดสินใจโพสต์ออกไป
“กิจกรรมใหม่จะเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย โดยจะมีการคัดเลือกลูกค้าผู้โชคดี”
ส่วนวิธีการอย่างไรนั้นลั่วฉวนยังไม่ได้ตัดสินใจ เอาไว้ถึงหน้างานค่อยว่ากล่าวกันอีกที
หลังโพสต์ออกไป ลั่วฉวนจึงปิดโทรศัพท์วิเศษ
จากนั้นจึงตั้งใจทานมื้อเที่ยงต่อ
แม้ลั่วฉวนน้อยครั้งจะเคลื่อนไหวในกระดานสนทนา แต่กว่าครึ่งของลูกค้าล้วนกดติดตามเขาเอาไว้ทั้งสิ้น
ทันทีเมื่อมีการโพสต์ออกไป บรรดาลูกค้าจึงได้รับการแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว
กระดานสนทนาตอนนี้จึงคึกคักร้อนแรง
จำนวนความเห็นและการกดถูกใจโพสต์ของลั่วฉวนเพิ่มขึ้นด้วยอัตราชวนสะพรึง
“ร้านเถ้าแก่จะจัดงานอีกแล้วหรือ?!” เหว่ยอี้จับจ้องหน้าจอโทรศัพท์วิเศษพร้อมเผยเสียงตื่นเต้นราวแทบคุมตัวเองไม่ได้
เขาเพิ่งได้รับข่าวคราวจากสหายใกล้เคียง
เพราะกำลังตั้งใจควบคุมอุณหภูมิอยู่ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกะทันหัน ตัวยาที่กำลังหลอมอยู่จึงกลายเป็นผง
เหว่ยอี้ตอนนี้วางโทรศัพท์วิเศษก่อนจะเผยสีหน้าเคร่งเครียด
การแปรสภาพตัวยาสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องยาก เขายังพอที่จะแอบเล่นโทรศัพท์วิเศษชั่วครู่ชั่วคราวได้
แต่หากถูกอาจารย์พบเห็นว่าเผลอทำพลาดเข้า จุดจบคงไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
“เหว่ยอี้” ผู้อาวุโสที่สามตระหนักพบเห็นความเปลี่ยนแปลงจึงเดินมา
“อาจารย์” เหว่ยอี้เผยท่าทีอับอาย
“ความผิดพลาดเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เจ้าได้เห็นอะไรในโทรศัพท์วิเศษกัน?” สีหน้าของผู้อาวุโสที่สามไม่ได้แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด
การสอนโดยความสงบ นี่จึงเป็นวิธีของผู้อาวุโสที่สาม
ภายในห้องนี้มีศิษย์ของเขาหลายคนกำลังฝึกฝนควบคุมอุณหภูมิเพื่อหลอมยา
เหว่ยอี้ก้มศีรษะต่ำลงอย่างเกรงจะสบตา จากนั้นจึงบอกเล่าเรื่องราวออกไป