God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1025
ตอนที่ 1025
เหยาซือหยานเดินมาทางเครื่องเล่นเกมก่อนจะนั่งลง จากนั้นจึงเข้าสู่โลกเสมือนจริง
ลั่วฉวนรับชมที่โทรศัพท์วิเศษ โนริเอลกับชาวไซเรนยังไม่ส่งข่าวคราวใดมา
เวลาทำการช่วงเช้าของร้านก็ผ่านไประดับหนึ่งแล้ว เหมือนว่าชาวทะเลคงจะมาร้านกันตอนช่วงบ่าย
ด้วยเพราะไม่มีอะไรทำ เขาจึงไปร่วมเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกับหู่ขวงและพรรคพวก
ชาวคณะสัตว์อสูรราชวงศ์ตอนนี้ถือเป็นลูกค้าที่แวะเวียนมาร้านกันบ่อยที่สุดอีกกลุ่ม
ทุกวี่วันจะเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด เปิดโต๊ะพนัน และเล่นเกมเสมือนจริง
ชีวิตเช่นนี้สุขสบายอย่างถึงที่สุดแล้ว
“ห้าแต้ม กล่าวไปแล้วเถ้าแก่ พี่หญิงใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงทำอะไรหรอื?” เหยาซือเย่ว์กล่าวถามขณะลงไพ่ไป
เพราะร้านขยับขยายเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเพิ่มเข้ามาอีกห้าร้อย ตอนนี้ลูกค้าหลายคนจึงเข้าไปสำรวจด้วยความสงสัยเหมือนดังตอนที่หมู่บ้านซากุระเพิ่งเปิด
หากให้กล่าวถึงบรรยากาศในร้าน ตอนนี้จึงดูผ่อนคลายมากขึ้นเพราะมีที่ว่างหลายแห่ง
หลายคนจะนั่งสุมหัวกันเล่นไพ่ ขณะที่บางส่วนก็นั่งทานของที่ซื้อกันจากในร้านตามสะดวก
ลั่วฉวนดูไพ่ในมือก่อนจะกล่าวตอบ “สองแต้ม ไปเรียนรู้การทำอาหารใหม่”
“เถ้าแก่สองแต้มงั้นหรือ?” หู่ขวงจับจ้องลั่วฉวนราวไม่คิดเชื่อ
“อาหารใหม่?” เหยาซือเย่ว์สนใจฟังเรื่องราวที่แตกต่างจากหู่ขวง หลังนางครุ่นคิดจึงตัดสินใจกล่าวคำออก “เถ้าแก่ ข้าตัดสินใจแล้ว มื้อเที่ยงวันนี้ข้าฝากท้องด้วย”
“ตามสะดวก” ลั่วฉวนตอบรับราวคุ้นชินเสียแล้ว จากนั้นจึงทวนคำ “สองแต้ม”
“เถ้าแก่เล่นต่อแล้ว” เหยาซือเย่ว์ยิ้มตอบ
หู่ขวงขมวดคิ้ว เขาคิดอยากอยู่ทานอาหารด้วย แต่สุดท้ายก็ได้เพียงแต่คิด
ลั่วฉวนตระหนักพบเห็นท่าทีของหู่ขวง เขาเกิดสงสัยในใจว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไร
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ไม่ช้าช่วงพักเที่ยงก็มาถึง
ลูกค้าหลายคนในร้านกลับกันออกไป เสียงจอแจภายในร้านจึงค่อยเลือนหาย
“ปิงชวง ไปกัน” อานเหวยหยาเปิดประตูพร้อมเรียก
ปิงชวงนั่งชันเข่าบนเก้าอี้พร้อมถือโทรศัพท์วิเศษเอาไว้ นางไม่ได้ใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริง
นางค่อนข้างชอบบรรยากาศสงบเงียบที่นี่
ได้ยินเสียงเรียก นางจึงเงยหน้าขึ้นมองอานเหวยหยา จากนั้นจึงค่อยลุกจากที่นั่ง
“เถ้าแก่ ขนมไหว้พระจันทร์มีหลากหลายชนิด ให้ข้าทำอย่างไหนดี?” เหยาซือหยานสอบถามความเห็นของลั่วฉวน
“ก็ไม่ได้ต้องการอย่างไหนเป็นพิเศษ” ลั่วฉวนส่ายศีราะ ตราบเท่าที่เหยาซือหยานทำ สำหรับเขาแล้วรสชาติไหนก็น่าจะดีทั้งหมด
“ขนมไหว้พระจันทร์? เป็นชื่อของอาหารมื้อเที่ยงวันนี้?” เหยาซือเย่ว์เกิดสงสัยขึ้นมา
“ไม่ใช่” เหยาซือหยานส่ายศีรษะ “เป็นของทานเล่นอย่างหนึ่ง”
ปิงชวงกับอานเหวยหยาคือลูกค้าสองคนสุดท้ายที่ยังอยู่ในมิติส่วนต่อขยาย
เมื่อทั้งสองออกมาจึงได้ยินบทสนทนาเข้า
ดวงตาอานเหวยหยาเกิดประกายขึ้น ทางด้านปิงชวงก็ไม่ต่างกัน
“ขนมไหว้พระจันทร์คืออะไรกัน?” อานเหวยหยาเข้าร่วมวงสนทนา “เถ้าแก่จะนำเสนอสินค้าใหม่หรือ?”
ปิงชวงจ้องมองเหยาซือหยานไม่วางตา
เหยาซือหยานยิ้มตอบก่อนจะส่ายศีรษะ จากนั้นจึงค่อยอธิบายออกไป
“เป็นแบบนี้นี่เอง” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ “ปิงชวง ไปกัน”
กระนั้นปิงชวงคล้ายไม่คิดออกไป ดังนั้นนางจึงนิ่งตอบรับ
ลั่วฉวนยังคงเล่นโทรศัพท์อย่างเงียบงัน เขาไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนาแต่อย่างใด
เหยาซือหยานมองที่ลั่วฉวนก่อนจะทราบ ว่าเขาคิดปล่อยให้นางตัดสินใจเอาเอง
“ไม่เป็นไร อยู่ทานด้วยกันก่อนสิ” นางตัดสินใจเช่นนี้
รวมปิงชวงด้วย ทั้งสี่คนเดินขึ้นไปยังชั้นที่สอง
ลั่วฉวนมองไปทางบันไดก่อนจะถอนสายตากลับคืน
ตอนนี้เขากำลังถึงคำถามที่ว่า ร้านต้นตำรับควรจัดงานดีหรือไม่
“ระบบ ขอคำแนะนำหน่อย” หลังครุ่นคิดไม่ตก ลั่วฉวนตัดสินใจใช้ตัวช่วย
“หลังจากที่ระบบประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การซื้อของได้อย่างไม่มีข้อจำกัดคือสิ่งที่ต้องการที่สุด” ระบบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่เลย แล้วถ้าทำแบบนั้นกฎที่ตั้งเอาไว้มายาวนานก็ถูกทำลายกันพอดีสิ” ลั่วฉซนปฏิเสธความเห็นของระบบ เขามองว่าไม่ดี
หรือจะทำเหมือนครั้งก่อน?
ลั่วฉวนนึกถึงงานเลี้ยงมื้อเย็นเมื่อครั้งก่อน
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ลูกค้าหลายคนที่เคยได้เข้าร่วมก็ยังคงกล่าวถึง กลายเป็นว่าทำให้ผู้ที่พลาดโอกาสครั้งนั้นไปต้องอิจฉากันไม่น้อย
แต่การจัดงานสองครั้งที่เหมือนกันออกจะดูไม่ดีอยู่บ้าง
ช่างมัน เอาเป็นว่าแจกขนมไหว้พระจันทร์ก็แล้วกัน
ส่วนผู้เข้าร่วม…
ลั่วฉวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจใช้วิธีการคัดแยกรวมเข้ากับบรรดาลูกค้าเก่าที่คุ้นเคย
สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ ร้านต้นตำรับก็เป็นเพียงร้านสำหรับขายสินค้า พวกเขามาก็เพียงแค่ซื้อสินค้า สัมพันธ์ก็เป็นเพียงแค่ผู้ซื้อกับผู้ขาย
บรรดาผู้ที่คุ้นเคยกับลั่วฉวนจึงจะเรียกได้ว่า… เป็นสหาย
อย่างน้อยลั่วฉวนก็คิดเช่นนั้น
นอกจากนี้แล้วลั่วฉวนยังจำได้ ว่าอาหารที่ผู้เข้าร่วมได้ทานเมื่อครั้งก่อน พวกเขาต่างได้รับผลประโยชน์กันอย่างถ้วนหน้า
ครั้งก่อนนั้นคือการทำบ๊ะจ่าง
ครั้งนั้นเขาเคยสอบถามระบบ คำตอบที่ได้รับคือ “สิทธิ์การเข้าถึงไม่พอได้รับคำตอบ”
ตอนนี้ลั่วฉวนแทบจะได้คำตอบแล้ว มันสมควรเป็นผลกระทบจากพลังงานความว่างเปล่าที่ทำให้อาหารเกิดความเปลี่ยนแปลงไป
แต่หากจะให้เขาทำเองทั้งหมดก็ดูเป็นปัญหาเกินไป
ลั่วฉวนลุกขึ้นก่อนจะเดินขึ้นบันได
อานเหวยหยาและเหยาซือเย่ว์คุ้นเคยกับห้องครัวที่ชั้นสองของร้านดีแล้ว
มีแต่ปิงชวงที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก นางสำรวจมองด้วยสายตาใคร่สงสัย
ตามที่เหยาซือหยานมอบหมายงาน อานเหวยหยากับเหยาซือเย่ว์จึงค่อนข้างยุ่งกันไม่น้อย
พื้นที่ภายในห้องครัวค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ใช่แออัดแต่อย่างใด
ที่มุมหนึ่ง ปิงชวงนั่งบนเก้าอี้เล็กพร้อมถือผลไม้วิญญาณสีม่วงส่งให้เหยาซือหยาน ขณะที่บางครั้งจะกัดกินเข้าไปเอง
เมื่อลั่วฉวนเดินเข้ามาในห้องครัว เขาค่อยได้เห็นว่าเรื่องราวที่นี่เป็นอย่างไร
“เถ้าแก่มาทำไมกันหรือ?” เหยาซือหยานตระหนักพบเห็นลั่วฉวนเป็นคนแรก
“นึกอะไรขึ้นได้น่ะ” ลั่วฉวนกล่าวบอก
จากนั้นเขาจึงบอกเนื้อหาโดยคร่าวของงานออกไป
อานเหวยหยาเกิดสงสัย “ทำไมถึงคิดอยากจัดงานขึ้นมากะทันหันกัน?”
“อืม… มันก็มีเหตุผลพิเศษอยู่” ลั่วฉวนรู้สึกว่าเรื่องนี้ยากอธิบาย
“หรือก็คือเถ้าแก่อยากมีส่วนร่วมทำด้วยใช่ไหม?” เหยาซือเย่ว์ไม่ใส่ใจอะไรมาก ที่นางสนใจคืองานเลี้ยง
อย่างน้อยลูกค้าส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกับนางดี งานเลี้ยงเช่นนี้จึงสำคัญ ดังนั้นสาเหตุจะเป็นอะไรก็ได้ขอแค่เป็นงานเลี้ยง
ผู้อื่นกระทั่งคิดด้วยซ้ำ ว่าหากร้านต้นตำรับจัดงานทุกวันจึงเป็นเรื่องดี
“เถ้าแก่คิดทำอะไรดี?” เหยาซือหยานเอ่ยถาม
ลั่วฉวนสำรวจมองรอบ สุดท้ายจึงมองอาหารทั้งหลายที่ระบบนำเสนอมาให้ ซึ่งเขาก็ไม่เคยทราบว่ามันจะเป็นอาหารระดับเทพประทานส่งมอบ “ให้ข้าล้างวัตถุดิบก็แล้วกัน”
“เถ้าแก่ นั่นเหมือนจะเป็นงานข้านะ” อานเหวยหยายกมือขึ้นร้องบอก