God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1024
ตอนที่ 1024
ขณะเวลาผ่านไป ลูกค้าก็มาเยือนร้านกันคนแล้วคนเล่า
พวกเขาต่างให้ความสนใจต่อพื้นที่ต่อขยายใหม่ของร้านต้นตำรับ
เหล่านี้ยังได้เห็นชัดผ่านกระดานสนทนา แอพแชท จำนวนลูกค้าที่เข้ามาพูดคุยจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนค่อนข้างมาก
“กู่หยุนซี นี่ไม่ใช่เวลาที่สถาบันพวกเจ้าต้องเรียนร่วมกันหรอกหรือ?” ซือโยวเหวยพบเห็นร่างอันคุ้นเคยภายในร้าน
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย” กู่หยุนซีโบกมือตอบ “ได้ยินมาว่าที่ร้านเถ้าแก่มีความเปลี่ยนแปลง ข้าจึงเร่งรีบมารับชม”
ขณะนางกล่าวก็หันมองทางลั่วฉวนด้วย
แต่แล้วขณะกู่หยุนซีหันมองทางลั่วฉวน นางพลันรับรู้ถึงสายตาที่จับจ้องมาทางด้านหลัง
เมื่อหันกลับไปมอง ร่างคุ้นเคยปรากฏในสายตา รอยยิ้มของนางแข็งค้าง “อะ-อาจารย์ไห่เถิง อรุณสวัสดิ์”
มู่หรงไห่เถิงเผยสีหน้าเรียบเฉย กู่หยุนซีรับรู้ถึงแรงกดดันอันหนักอึ้ง
นางกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ “ข้าจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”
ขณะนางคิดเดินออกไป คำของมู่หรงไห่เถิงจึงหยุดนางเอาไว้ “ไม่เป็นไร การเรียนวันนี้เลื่อนไปตอนกลางคืนแทน”
“ซีเอ๋อ ข้าคิดอยู่แล้วตอนไม่เห็นเจ้า มาที่นี่จริงด้วย” เจียงเหวิ่นฉางที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านพลันพบเห็นกู่หยุนซี
ลั่วฉวนที่รับชมอยู่ตอนนี้ค่อยละสายตากลับ
เขาแทบลืมไป ว่าศิษย์ของสถาบันเหล่านี้ยังจำเป็นต้องเล่าเรียนศึกษา ดังนั้นจะมาร้านต้นตำรับทุกวี่วันเหมือนดังปู้หลี่เกื๋อนั้นคงเป็นไปไม่ได้
ไม่นานมานี้หลังได้เป็นศิษย์ของหยวนก่วย ปู้หลี่เกื๋อก็เริ่มพยายามหนักมากขึ้น บทเรียนการทำอาหารที่เขาไม่เคยได้สัมผัส ตอนนี้จึงได้สัมผัสทุกวัน
ด้วยเพราะไม่มีอะไรทำแล้ว ลั่วฉวนตัดสินใจเข้ามิติพัฒนาเกมไปปรับเปลี่ยนให้สี่ตัวละครที่เหลืออยู่เรียบร้อย
ตามแนวคิดของเขา ตัวตนเหล่านี้ค่อนข้างมีแนวทางแน่ชัดแล้ว ตอนนี้เพียงเพิ่มสีสันเข้าไป…
เมื่อดึงสติกลับคืนโลกความเป็นจริง ลั่วฉวนหาวออก
เขาหยิบโคล่าที่วางไว้ข้างเคียงก่อนจะยกขึ้นดื่ม
ถัดจากนั้นจึงนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
เขายังคงจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ ตอนกล่าวว่าทุกคนสามารถนำผลงานของตนเองมาลงแอพนักอ่าน มันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ตอนนี้เขาจึงเปิดแอพนักอ่านขึ้นมา
เรื่องราวถือว่าเกินลั่วฉวนคาดคิด เพราะตอนนี้มีผลงานจำนวนหนึ่งถูกใส่เข้ามากันแล้ว
จำนวนนั้นออกจะเล็กน้อยไปบ้าง
ลั่วฉวนจำได้ว่าเมื่อคืนค่อนข้างคึกคักกันเพียงนั้น ไฉนตอนนี้มีผลงานเข้ามาเพียงน้อยนิดกัน?
เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นผู้ทำงานของมันไป
ลั่วฉวนพลันคิดอะไรขึ้นมาได้
จากนั้นเขาจึงเลือกเปิดขึ้นมาเรื่องราวหนึ่ง
เนื้อหาไม่ยาว และมีเพียงหนึ่งบท
ลั่วฉวนอ่านจบอย่างรวดเร็วพร้อมในใจที่ได้ข้อสรุป
เนื้อหานั้นยังค่อนข้างไปทางทวีปเทียนหลันเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นสถานการณ์ที่ผู้ฝึกตนบังเอิญไปพบเจอสมบัติอันล้ำค่าจากยุคโบราณในป่า
ลั่วฉวนมองว่าถึงเวลาควรเพิ่มเทียบอันดับและการแสดงความคิดเห็นในแอพนักอ่านแล้ว
ซึ่งก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ ไว้กลางคืนค่อยว่ากล่าว
เขาไปสำรวจดูว่าเหล่าลูกค้าตอนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่
ปู้หลี่เกื๋อกำลังตั้งสมาธิถือไม้คทาโครงกระดูกไว้ในมือแน่น อัคคีอันเดตปรากฏออกจากร่างพร้อมต้านทานพลังงานแสงสีดำที่พุ่งเข้าหา
“แพ้แหง” สหายร่วมทีมคนหนึ่งถอนหายใจ
“ก็อาจจะ แต่ยังมีโอกาสน่า”
“จะเป็นไปได้ยังไง? อีกฝ่ายยังมีทั้งสามคน ข้าไม่มีทางต้านไว้จนถึงระยะเวลาฟื้นคืนชีพได้แน่…”
กำลังจะแพ้?
ปู้หลี่เกื๋อมองซากหอคอยเวทมนตร์ที่พังทลายทางด้านหลัง พร้อมกันนี้เขาคล้ายจะได้กลิ่นของฝุ่นควัน
สหายร่วมทีมทั้งสี่ถูกสังหาร พวกเขายังมีแรงใจอยู่ แต่สถานการณ์ไม่อำนวย นี่จึงแสดงให้เห็นว่าเป็นศึกที่ยากจะผ่านพ้นไปได้
อสูรเพลิงก้าวเดินเข้ามาใกล้ ลาวาบนร่างของมันร่วงหล่นลงมาไม่หยุดทิ้งเอาไว้ซึ่งรอยประทับลากกับพื้น
ดวงตาของผู้ตัดสินเฮลรัมลุกโชนด้วยหมอกสีดำจับจ้องปู้หลี่เกื๋อ มีดในมือตอนนี้ถึงกับเผยประกายแสงเย็นเยือก
นักบุญแห่งแสงโรแลนยืนอยู่ไม่ไกล มือนั้นยังคงจับพระคัมภีร์เอาไว้แน่น
แถบเลือดแสดงอยู่เหนือศีรษะศัตรูทั้งสามก็ไม่ใช่มากมายนัก เรียกได้ว่าเลือดตกค้างแถบเสียมากกว่า
ปู้หลี่เกื๋อเพิ่งออกมาจากฐาน ดังนั้นสภาพจึงสมบูรณ์ดี
กระนั้นอารมณ์ของเขาก็หนักอึ้งแล้ว
เพราะนี่คือสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูสามคน
“ทำยังไงดี? พวกเราสภาพก็ไม่ใช่ดีเท่าไหร่ ถอยก่อนดีหรือไม่?”
“ตราบเท่าที่สังหารเขาลงได้ก็ชนะ ไม่มีเหตุให้ต้องถอยแล้ว!”
“พวกเรามีสาม หนึ่งปะทะสาม ไม่น่าใช่ปัญหา!”
“ก็… ก็ได้”
หลังพูดคุยกันภายใน ทั้งสามจึงตัดสินใจได้
ด้วยรับชมทั้งสามคนที่เข้ามาใกล้ ทันใดนี้เองที่เสียงรอบด้านคล้ายเลือนหายไป
มันราวกับมีแต่เขาและศัตรูอีกสามคงเหลือในโลก
ความทรงจำของเขาผุดขึ้น พลังของอันเดตที่ลั่วฉวนเคยใช้ควบคุมสถานการณ์พลันปรากฏเป็นพลังของเขา
กระดูกนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นในอากาศปกคลุมร่างปู้หลี่เกื๋อเอาไว้ ทางด้านผู้ตัดสินเฮลรัมแยกร่างออกเป็นสามเข้าปิดล้อม
เสียงคำรามดังปรากฏ อัคคีเพลิงสีเขียวลุกโชนในมือของอสูรเพลิงเซารอน ไม่ช้ามันขยายขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมต่อยหมัดออก
ปราการโครงกระดูกกระจายตัว ผู้ตัดสินเฮลรัมที่เพิ่งเรียกใช้ท่าไม้ตายเมื่อครู่นี้แถบเลือดฉับพลันกลับกลายเป็นศูนย์พร้อมร่างที่ล้มลงกับพื้น
พระคัมภีร์ในมือของนักบุญแห่งแสงโรแลนเผยแสงพุ่งเข้าปะทะปู้หลี่เกื๋อพร้อมดึงร่างนั้นเข้ามาใกล้
ปู้หลี่เกื๋อเผยยิ้มผ่านทางสายตา การลงมือของทั้งสองถือว่าอยู่ในขอบเขตท่าไม้ตายของเขาเช่นกัน
เสียงกรีดร้องราวกับดังจากเก้าปรโลก พลังงานตอนนี้ปรากฏรวมตัวบนฟากฟ้าพร้อมอุกกาบาตที่ลุกโชนด้วยอัคคีกำลังร่วงหล่นลงมา…
ห้วงเวลาแห่งความเงียบงันปรากฏ ไม่ช้าข้างหูปู้หลี่เกื๋อจึงได้ยินเสียงอุทาน
“ไม่จริงน่า เอาชนะได้ด้วยหรือนี่?”
“ยอดเยี่ยม”
“ข้ากำลังจะคืนชีพแล้ว เดี๋ยวบุกไปกันต่อ…”
ลั่วฉวนคิดอยากกล่าวอะไรออก
สามรุมหนึ่งกลับกลายเป็นหนึ่งรุมสาม นี่เรียกว่าอะไร?
ด้วยไม่คิดเก็บมาใส่ใจอะไรอีก เขาเดินกลับไปยังที่นั่งหลังโต๊ะเช่นเดิม
จากนั้นจึงเอนกายด้วยความเบื่อหน่าย
“เร็วเข้า เวลาเล่นเกมข้าจะหมดแล้ว” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวเร่ง
“เวลาเล่นเกมของพวกเราด้วย”
“รีบแล้ว!”
หลังผ่านไปราวสิบกว่าวินาที ฐานคริสตัลฝั่งตรงข้ามจึงแตกกระจายออกพร้อมเกมที่จบลง
“หือ? ทำไมเหมือนยังมีเวลาเหลือล่ะ?” ปู้หลี่เกื๋อมองที่ระยะเวลาเล่นเกมประจำวันพร้อมพึมพำกับตนเอง
ขณะเดียวกันนี้สหายร่วมทีมและคู่ต่อสู้ก็เกิดคำถามเดียวกันขึ้นมา
ปู้หลี่เกื๋อถอดหมวกออกก่อนจะเตรียมไปสอบถามลั่วฉวน
“รับชมระยะเวลาเล่นเกมบนกระดาน มันเปลี่ยนไปแล้ว!”
ลูกค้าจำนวนหนึ่งตระหนักพบเห็นความผิดปกติภายในร้าน
ปู้หลี่เกื๋อหันควับกลับมองก่อนจะเผยดวงตาเบิกกว้าง “สามชั่วโมงเป็นสี่ชั่วโมง!?”
ลูกค้าหลายคนตอนนี้ต่างร้องถามลั่วฉวนกันเสียงดัง
“ถูกต้อง” ลั่วฉวนตอบรับอย่างเรียบง่าย
ทันใดนี้เองที่เสียงฮือฮาพูดคุยรอบด้านจึงเริ่มดังขึ้น
“เถ้าแก่ มื้อเที่ยงวันนี้ทานอะไรดี?” เหยาซือหยานถามลั่วฉวนตั้งแต่ยังไม่เที่ยง
ลั่วฉวนไม่คิดอยากกินอะไรเป็นพิเศษ “เลือกให้ด้วย”
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้าตอบรับ
“กล่าวไปแล้ว ทำขนมไหว้พระจันทร์มาสักจำนวนหนึ่ง” ลั่วฉวนพลันนึกขึ้นมาได้
“ขนมไว้พระจันทร์?” เหยาซือหยานถามกลับด้วยความสงสัย
“เป็นขนมที่เอาไว้ทานเพื่อสักการะดวงจันทร์” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“แต่ตอนนี้ไม่คล้ายจะเห็นดวงจันทร์เลย” เหยาซือหยานมองออกไปนอกร้าน ฝนยังคงตกหนักต่อเนื่องยาวนาน ท้องฟ้าด้านบนถูกเมฆบดบังไม่มีคลายหาย
ลั่วฉวนเงียบไปครู่หนึ่ง “…แม้มองไม่เห็นก็ต้องทำเพื่อเป็นพิธีตามเวลาที่มีการวางกำหนดการเอาไว้แล้ว”
เหยาซือหยาน : …