God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1019
ตอนที่ 1019
ระยะเวลาเล่นเกมของปู้หลี่เกื๋อกับเจียงเฉิงจวินนั้นหมดตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว
ทั้งสองตอนนี้มือหนึ่งถือไอศกรีม อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์วิเศษพลางนั่งเก้าอี้แสดงให้เห็นว่า “พวกข้านี่แหละคนว่างงาน”
“ทำไมชอบอยู่ที่นี่กันล่ะ?” อานเหวยหยาส่งไอศกรีมให้ปิงชวงก่อนจะกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ทำไมถามอย่างนั้น?” ปู้หลี่เกื๋อเผยความจริงจัง “บรรยากาศในร้านเถ้าแก่สะดวกสบาย มีตรงไหนบ้างที่ไม่ดี”
“ถูกต้องแล้ว” เจียงเฉิงจวินพยักหน้ารับ “ไม่ได้สังเกตหรือว่าอุณหภูมิในร้านนั้นดีกว่าข้างนอกเป็นไหน!”
เพราะฝนตกหลายวัน ความชื้นในอากาศจึงสูงจนแทบล้น อยู่ข้างนอกเพียงครู่เสื้อผ้าก็ชื้นแล้ว กลายเป็นว่าภายในร้านต้นตำรับจึงสะดวกสบายน่าอยู่
“เหมือนจะเป็นงั้นจริง” อานเหวยหยาทราบ ขณะเดียวกันก็ทำนางเข้าใจได้ว่าทำไมจึงชอบอยู่ที่ร้าน เพราะทุกครั้งมันจะทำให้นางเกิดรู้สึกผ่อนคลาย
ปิงชวงนั่งหลบมุมพร้อมนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเริ่มใช้งานแอพนักอ่าน
นางอ่านหนังสือไปอย่างเชื่องช้า ด้วยจำนวนที่มีตอนนี้ น่าจะมากพอให้นางได้อ่านไปอีกนานพอสมควร
อานเหวยหยาเดินเข้าไปนั่งข้างปิงชวง “ข้าไปเล่นเกมก่อนนะ”
“อืม” ปิงชวงตอบรับเสียงเบา
หลังจากที่ปู้หลี่เกื๋อกับเจียงเฉิงจวินเข้ามาในร้าน ลูกค้าคนอื่นก็เริ่มตามกันมา
หากเทียบกับช่วงเช้า จำนวนอย่างไรก็น้อยกว่า
“ปู้หลี่เกื๋อ เล่นไพ่กันสักตาไหม?” เฉินโม่ตะโกนถาม
“ไพ่หรือ? เอาสิ!” ปู้หลี่เกื๋อเก็บโทรศัพท์วิเศษพร้อมลุกขึ้นยืน
ด้วยเพราะอยู่ในร้านและไม่มีอะไรทำ ลูกค้าหลายคนจึงหากิจกรรมมาร่วมสนุกกัน
ด้วยเหตุนี้ร้านจึงคึกคัก
สำหรับลั่วฉวน ประเด็นหลักคือการงีบนอนทุกวัน และสภาพแวดล้อมในร้านไม่ว่าเป็นยังไงก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา
ได้ตื่นช่วงบ่ายแก่ ถือว่าเรียกความสดชื่นได้ดี
และเพราะไม่มีอะไรทำ ตอนนี้จึงเข้ามิติพัฒนาเกมเพื่อขัดเกลาอีกสี่ตัวละครที่เหลือให้เรียบร้อย
เวลาผันผ่านไปอย่างเงียบงัน เมื่อลั่วฉวนรู้ตัวกลับสู่โลกความเป็นจริง ท้องฟ้าภายนอกร้านก็มืดแล้ว
เพราะเมฆสีดำมืด แม้เป็นตอนเย็น แสงที่เห็นมันก็ไม่ต่างอะไรกับกลางดึก
แสงไฟจากถนนยังคงทำงานอยู่โดยตลอด เหล่านั้นจะทะลวงผ่านสายฝนและฟุ้งกระจายจนเสมือนภาพฝัน
“เฮ้อ เวลาผ่านไปเร็วนัก” หลังกลับจากโลกเสมือน อานเหวยหยาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ปิงชวงตอนนี้นั่งอยู่ด้านข้างนาง มือนั้นถือโทรศัพท์วิเศษเอาไว้ไม่วาง และนางนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่บ่าย
“มืดขนาดนี้แล้ว ไปกันดีกว่า” อานเหวยหยากล่าวกับปิงชวง
ปิงชวงมองตอบก่อนจะสำรวจมองในร้านที่ว่างเปล่า จากนั้นจึงเก็บโทรศัพท์วิเศษไป
กระนั้นหากพิจารณาจากท่าทีของนาง คล้ายว่าจะไม่อยากกลับ
“อืม… เหมือนนางจะอยากอยู่ที่นี่ต่อนะ” อานเหวยหยาเผยท่าทีอับจน
ปิงชวงยืนที่หน้าโต๊ะ ดวงตาสีแดงนั้นมองไปยังลั่วฉวนและเหยาซือหยาน
“ไม่เป็นไร” เหยาซือหยานยิ้มตอบ
ตอนนี้ก็เย็นย่ำแล้ว อานเหวยหยากับปิงชวงอยู่ทานต่อก็ได้อยู่
“ฮ้า อิ่มเลย” อานเหวยหยาร้องออกมา “เหยาซือหยาน เถ้าแก่ เช่นนั้นขอตัวก่อนแล้ว”
ปิงชวงมองมือที่ยื่นมือของอานเหวยหยา นางลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงรับเอาไว้
จากนั้นจึงก้าวเดินออกจากร้าน และทันใดนี้เองที่ฝีเท้านั้นหยุด
นางหันกลับมาโบกมือให้ลั่วฉวนกับเหยาซือหยาน
“ไว้พบกันใหม่พรุ่งนี้” เหยาซือหยานยิ้มตอบ
อานเหวยหยากับปิงชวงจึงค่อยเลือนหายไปจากสายตา
“เหมือนเจ้าจะชอบปิงชวงนะ” ลั่วฉวนกล่าวออก
“เถ้าแก่ไม่ชอบหรือ?” เหยาซือหยานถอนสายตากลับพร้อมเผยยิ้มมองตอบลั่วฉวน “ข้าก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรนาง แล้วยังมี… เรื่องผลไม้เมื่อเช้า”
“อืม…” ลั่วฉวนเงียบไปครู่ “ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าชอบหรือไม่ชอบ”
“ไม่ทราบเพราะอะไร นางให้ความรู้สึกพิเศษแก่ข้า เหมือนดังซือเย่ว์ที่ต้องการการปกป้อง” เหยาซือหยานครุ่นคิด “กล่าวไปแล้วเถ้าแก่ ท่านว่าอานเหวยหยาจะพาปิงชวงไปที่ใด? แล้วปกตินางพักอาศัยอยู่ที่ไหนกัน?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น” อานเหวยหยาจะกลับไปยังมิติพิเศษทันทีหลังออกจากร้านต้นตำรับ เรื่องนี้ลั่วฉวนทราบ
จากที่เขาเข้าใจ มันน่าจะเป็นที่ที่อานเหวยหยาใช้พักอาศัย และตอนปิงชวงกับอานเหวยหยาออกจากร้านไปเมื่อครู่นี้ ทั้งสองก็หายเข้าไปผ่านเส้นทางมิติ
หลังพูดคุยอยู่พักหนึ่ง ลั่วฉวนจึงเดินไปยังเครื่องเล่นเกมและนั่งลง
จากนั้นจึงเข้ามายังมิติแรกเริ่มอันคุ้นเคย
กล่าวถึงเรื่องนี้ เหมือนว่าจะนานพอสมสควรแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับโหมดท้าทายของหอคอยแห่งการทดสอบ
ลั่วฉวนนึกถึงเมื่อเดือนก่อน ตอนนั้นเขายังต่อสู้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองอยู่เลย
เห็นได้ชัดว่าเพียงผ่านพ้นหลักเดือน ความรู้สึกที่ขาดหายไปมันเรียกร้องให้นึกย้อนกลับคืน
เขาจึงตัดสินใจเข้าโหมดท้าทายชั้นที่เจ็ด
ที่บนเนินอันกว้างใหญ่ หงส์เพลิงที่ขนลุกโชนด้วยอัคคีเพลิงเผยสายตาจับจ้องมายังเขา
เสียงร้องวิหคดังปรากฏ ทะเลเพลิงเริ่มโหมซัดเป็นคลื่นเข้าหาลั่วฉวน
ภายใต้อุณหภูมิสูงล้ำ พื้นดินจึงเริ่มหลอมละลายกลายเป็นลาวา
“การโจมตีที่คุ้นเคย น่าคิดถึงจริง”
ลั่วฉวนถอนหายใจ ราวกับเขาไม่ได้ใส่ใจการโจมตีที่พุ่งเข้ามาแม้แต่น้อย
เสียงดีดนิ้วปรากฏ โล่พลังงานสีดำควบแน่นปรากฏตรงหน้า
อัคคีเพลิงเหล่านี้ราวกับกลายเป็นภาพขาวดำก่อนจะเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่คือพลังงานความว่างเปล่าที่สามารถเป็นได้ทั้งพลังโจมตีอันไร้สิ้นสุดและพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง
โหมดท้าทายคือมิติโดดเดี่ยวขนาดเล็ก กฎที่ใช้งานกับที่นี่ค่อนข้างแปลกออกไปเล็กน้อย
ร่างเขาก้าวเดินตัดผ่านทะเลเพลิงลุกท่วมเข้าหาตรงหน้าของหงส์เพลิง
หงส์เพลิงสยายปีกกว้างคิดหลบหนี กระนั้นมันไม่อาจขยับ
ร่างของมันคล้ายโดนพลังงานสีดำเล่นงานตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ผลลัพธ์ที่ได้คือการถูกจองจำอย่างไม่อาจหลุดพ้น
“น่าเบื่อจริง” ลั่วฉวนถอนหายใจเสียงเบาก่อนจะคว้าร่างหงส์เพลิงเอาไว้ในมือ
โหมดทั่วไปและโหมดท้าทายของหอคอยแห่งการทดสอบ ในอดีตมันน่าสนใจกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
หลังกลับออกจากชั้นที่เจ็ด ลั่วฉวนจึงหันมองด้านข้าง
เหยาซือหยานที่ไม่ทราบว่ามาตั้งแต่เมื่อใดตอนนี้กำลังรับชมหน้าจอด้วยความสงสัย
นางเมื่อพบเห็นสายตาลั่วฉวนจึงถาม “เถ้าแก่ทำเช่นนั้นได้ยังไงกัน?”
เหยาซือหยานเคยสู้กับหงส์เพลิงมาก่อน สุดท้ายเวลาหมดจึงโดนตีกลับออกมา นางทราบดีว่าคิดเอาชนะนั้นยากเพียงใด
กระนั้นยามเมื่อหงส์เพลิงที่อยู่ขอบเขตราชันเผชิญหน้าเข้ากับพลังงานสีดำ มันไม่อาจแม้ต่อต้าน
“นั่นคือ… พลังที่เป็นต้นตอของสรรพสิ่ง เรียกว่าพลังงานความว่างเปล่า” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“พลังงานความว่างเปล่า…” เหยาซือหยานครุ่นคิด “เป็นต้นกำเนิดของโลก?”
“มันเป็นการคงอยู่ที่สูงยิ่งกว่าโลกนี้ ความว่างเปล่าคือต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง” ลั่วฉวนพยายามอธิบายให้เข้าใจง่าย “มันสามารถปรับเปลี่ยนความเป็นไปของโลกได้ดังใจนึก”
แม้เหยาซือหยานไม่ทราบความหมายในถ้อยคำของลั่วฉวน แต่นางก็พยักหน้าตอบรับจริงจัง “เถ้าแก่น่าทึ่งเกินไปแล้ว!”