God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1011
ตอนที่ 1011
ผ่านสายฝนที่โปรยปราย ปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินจึงมาถึงหน้าประตูร้านหยวนก่วย
“อาจารย์” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวคำอย่างนอบน้อมต่อหยวนก่วยที่อยู่ในร้าน
“อรุณสวัสดิ์เถ้าแก่หยวน” เจียงเฉิงจวินกล่าวทักทาย
ตอนนี้บรรดาลูกค้าต่างทราบเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหยวนก่วยไม่ชอบถูกผู้อื่นเรียกเป็นเทพแห่งอาหาร แต่ชอบคำเรียกหาเถ้าแก่หยวนมากกว่า
หยวนก่วยพยักหน้าตอบรับ
หลังมองดูเวลา เขาจึงเปิดหม้อนึ่ง
ไอน้ำสีขาวฟุ้งกระจายปกคลุมประตูหน้าร้านหยวนก่วย มันมาพร้อมกลิ่นหอมหวานดึงดูด
เหล่านี้ยังผสานไว้ด้วยกลิ่นของซากุระ มันคือกลิ่นปิดท้ายที่ประทับอยู่นานและช่วยยกระดับกลิ่นโดยรวม
เจียงเฉิงจวินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ความหิวโหยจากกระเพาะอาหารกำลังร่ำร้องบอกให้เขาทราบ ว่าที่เห็นตรงหน้านี้ต้องกินให้ได้
“รสชาติเช่นนี้… ต่อให้พ่อครัวที่ตระกูลเก่งกาจกว่านี้สักหลายสิบเท่าก็คงเทียบไม่ได้” เสียงของเจียงเฉิงจวินพูดอุบอิบพร้อมสูดเอากลิ่นอาหารร้อนฉุยเข้าจมูก
“อาจารย์จึงเป็นเทพแห่งอาหารของทวีปเทียนหลัน คงแปลกแล้วถ้าเทียบกับเทพแห่งอาหารได้” ปู้หลี่เกื๋อตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร เพราะความสนใจตอนนี้มองแต่อาหารที่ในมือ
มื้อเช้าที่ร้านน้อยหยวนก่วยขายวันนี้คือเค้กข้าว เพราะใช้ดอกซากุระเป็นส่วนผสม มันจึงมีสีชมพูอ่อนพร้อมให้ความรู้สึกสดชื่นจากผลไม้หลากหลายยามได้ทาน
กลิ่นของผลไม้วิญญาณหลากหลาย รวมเข้ากับกลิ่นซากุระที่ปิดท้าย รวมถึงความหอมของตัวข้าว เหล่านี้จึงเป็นเสมือนกลิ่นของป่าที่พัดพาออกมาและผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างลงตัวกับรสชาติ
หยวนก่วยได้ยินคำของคนทั้งสอง สีหน้านั้นไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด
เมื่อก้าวถึงระดับนี้ เขาก็แทบไม่คิดนำคำของผู้อื่นจากโลกภายนอกมาใส่ใจ
“อาจารย์ ซากุระในเค้กข้าวนี้ไม่ใช่ว่ามาจากร้านของเถ้าแก่หรือ?” ปู้หลี่เกื๋ออดไม่ได้ที่จะถาม
“ใช่” หยวนก่วยพยักหน้ารับร “เป็นดอกซากุระจากหมู่บ้านซากุระ”
“กล่าวถึงเรื่องนี้ ต้นซากุระที่หมู่บ้านซากุระ เหมือนว่าทุกเช้าก็จะมีสภาพเดียวกัน” เจียงเฉิงจวินใช้นิ้วจรดคางครุ่นคิด “แต่ก็มีบางครั้งที่จำนวนดอกดูลดน้อยลง”
“ได้ยินจากเถ้าแก่ว่าต้นซากุระในร้านจะกลับคืนสภาพเดิมทุกตอนเช้า” หยวนก่วยกล่าวบอก
ปู้หลี่เกื๋อไม่ได้เผยสีหน้าแปรเปลี่ยนแต่อย่างใด ทว่าพยักหน้ารับ “เป็นเช่นนี้”
เขาทราบดี ตราบเท่าที่เกี่ยวข้องกับร้านต้นตำรับ ต่อให้เกินจินตนาการถึงก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้ผู้คนต่างมาเริ่มต่อแถวกันซื้ออาหารเช้าจากร้านของหยวนก่วยกันแล้ว
เมื่อซื้อเสร็จเรียบร้อย พวกเขาจะเดินเข้าตรอกไปต่อที่ร้านต้นตำรับ
“เถ้าแก่ อรุณ…” ปู้หลี่เกื๋อเมื่อเดินเข้ามาในร้านพร้อมได้เห็นเรื่องราว คำนั้นถึงกับชะงัก
“เหมือนว่าจะไม่ใช่คนแรกแล้วสิ” เจียงเฉิงจวินตบไหล่พร้อมกล่าวปลอบ
ที่ทั้งสองได้เห็น คือลั่วฉวนที่กำลังอธิบายสินค้าภายในร้านให้ปิงชวง
และจากมุมมองพวกเขา ตอนนี้จึงได้เห็นเพียงแผ่นหลังของปิงชวง
“…ก็ประมาณนี้ ที่เหลือลองเดินรับชมดู” ลั่วฉวนพบเห็นปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินเข้ามาในร้านก็ตอนนี้
ดวงตาสีแดงของปิงชวงมองที่ลั่วฉวนก่อนจะพยักหน้ารับเบาบาง จากนั้นจึงเดินไปยังชั้นที่มีโทรศัพท์วิเศษวางอยู่
เพราะจากที่ลั่วฉวนแนะนำ สินค้าที่ควรซื้อตั้งแต่มาถึงร้านคือโทรศัพท์วิเศษ ถัดจากนั้นมันจะช่วยอำนวยความสะดวกหลายอย่างให้
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เจียงเฉิงจวินกับปู้หลี่เกื๋อก็ยังไม่ได้เห็นใบหน้าของปิงชวง
“เถ้าแก่ ลูกค้าใหม่หรือ?” เจียงเฉิงจวินเดินไปถึงข้างกายลั่วฉวนพร้อมหันมองทางปิงชวง
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
ปู้หลี่เกื๋อมองที่ปิงชวงพร้อมขมวดคิ้ว
ความรู้สึกเขาคือคุ้นเคย ราวกับพบเจอนางมาก่อน
ใช่แล้ว! ร่างในชุดดำเมื่อคืน!
ปู้หลี่เกื๋อหาต้นตอความคุ้นเคยได้พบ เพราะด้านหลังที่ได้เห็นนั้นเหมือนดังบุคคลในชุดดำเมื่อคืน
“เถ้าแก่…” ปู้หลี่เกื๋อคิดบอกลั่วฉวน
ตอนนี้เองที่ปิงชวงหันมาเพราะต้องการสินค้าบนชั้นอื่น และก็เป็นตอนนี้เองที่ใบหน้าของนางเผยให้เจียงเฉิงจวินกับปู้หลี่เกื๋อได้เห็น
ทั้งสองถึงกับเบิกตากว้างประหลาดใจ
พวกเขาหาได้คาดคิดไม่ ว่าร่างภายใต้ชุดคลุมดำจะเป็น… สตรีที่งดงามคนหนึ่ง
“เป็นอะไรแล้ว?” ลั่วฉวนเอ่ยถาม
“แค่กแค่ก ไม่มีอะไร” ปู้หลี่เกื๋อกระแอมไอกลบเกลื่อน
ลั่วฉวนคาดเดาได้จากสีหน้าปู้หลี่เกื๋อแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะกล่าวอะไรออกไป
ขณะนี้เขาจึงเดินกลับไปยังหลังโต๊ะรับเงินและนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
ทางด้านปู้หลี่เกื๋อไม่อาจยับยั้งความสงสัยในใจได้ ตอนนี้จึงเดินตามมาที่โต๊ะรับเงิน
“เถ้าแก่ นางมาที่ร้านตั้งแต่เมื่อคืนใช่ไหม?” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวถามเสียงเบา
แม้เขาส่งข้อความแชทหาลั่วฉวนไปแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าหากได้ถามด้วยตนเองจะคลายความสงสัยได้มากกว่า
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ เขาไม่ประหลาดใจกับคำถามของอีกฝ่าย
เจียงเฉิงจวินที่ไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้เดินไปยังชั้นวางสินค้าพร้อมต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะเค้กข้าวเพียงหนึ่งก้อนไม่พอให้เขาได้อิ่มท้องในยามเช้า
“ประหลาดใจหรือ?” ลั่วฉวนเอ่ยถาม
“ประหลาดใจมาก” สีหน้าปู้หลี่เกื๋อจริงจังพร้อมหันมองทางปิงชวง “ไม่นึกเลยว่ายอดฝีมืดชุดดำผู้นั้นจะมีรูปลักษณ์เช่นนี้”
ในความคิดเขา อีกฝ่ายคือตัวตนอันลึกลับสวมใส่ชุดดำและหน้ากากปกคลุม ใบหน้าย่อมต้องเหมือนตัวร้าย หรือไม่ก็เป็นคนหน้าโหด หรือไม่ก็อาจเป็นมือสังหารกระหายเลือด
ไม่เกินเลยหากจะกล่าวด้วยซ้ำว่าเป็นตัวตนเหนือมนุษย์ เช่นเบื้องหลังหน้ากากคือหัวกะโหลกที่มีดวงตาอัคคีสีน้ำเงินลุกโชน หรือไม่ก็ใบหน้าเหมือนดังสัตว์อสูร
ทั้งหมดนี้ไม่มีภาพของหญิงงามเยาว์วัยอยู่เลยแม้แต่น้อย
เหยาซือหยานกลับลงมาจากชั้นสอง ไม่ช้าจึงได้เห็นปิงชวงที่กำลังหยิบสินค้าจากชั้นวาง พร้อมเผยสีหน้ายิ้มขณะมองไป
ทุกสินค้าที่มีขายในร้านต้นตำรับเหมือนกันหมด ปิงชวงก็เพียงหยิบมา เท่านี้ก็คล้ายมากพอให้นางได้ยินดีแล้ว
“เหมือนจะได้เวลาแล้ว”
ภายในห้วงมิติย่อย ร่างอันงดงามอาจหาญของมังกรทองฉับพลันลืมตาตื่น
พลังงานจากร่างมังกรนั้นแตกต่างจากพลังวิญญาณ และเพียงพริบตาม่านพลังงานแสงได้ปรากฏ มันเริ่มปกคลุมร่างกายจนหมดสิ้น
เมื่อม่านพลังงานหดขนาดลง ร่างมังกรจึงเริ่มหม่นแสงก่อนจะย่อขนาดกลับกลายเป็นมนุษย์
อานเหวยหยามองพลังงานในมือและยื่นออก ม่านแสงปรากฏตรงหน้าราวผืนน้ำที่แปรเปลี่ยนสีสัน มันคือเส้นทางมิติที่จะนำออกไปสู่โลกภายนอก
ร่างกายภาพของมังกรนั้นช่วยให้อานเหวยหยาไม่โดนผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายมิติ หลังก้าวเดินเข้าม่านแสง สภาพรอบด้านจึงเริ่มบิดเบี้ยวก่อนที่นางจะปรากฏตัว กลิ่นอายของฝนที่ตกพร้อมสายลมเย็นเริ่มปรากฏ เสียงเสียงตกกระทบพื้นดินดังจากทั่วทิศให้ได้ยิน