God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1007
ตอนที่ 1007
ผู้ทำลายล้างตอนนี้ต่างเริ่มปลดปล่อยเวทมนตร์สารพัดชนิดออกมา พลังเวทเหล่านั้นมีฤทธิ์ของการกัดกร่อน ทั้งยังให้ความรู้สึกว่ามันบ้าคลั่ง
อัศวินหลายคนที่ทำหน้าที่คงสภาพม่านพลังเวทมนตร์แบกรับแรงกดดัน แสงสีสุกว่างปรากฏวูบวาบผ่านม่านพลังเพราะแรงปะทะ
พลังแห่งการทำลายล้างของนักเวทระดับสูงให้ผลลัพธ์อันน่าทึ่ง โดยเฉพาะกับเวทมนตร์ที่เจือมาด้วยพลังประหลาด มันมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนม่านพลังเวทมนตร์
เอลวิสคล้ายมีความคิดจับเป็น ดังนั้นการจับตัวครั้งนี้คงต้องเปลืองแรง
“พวกปุถุชน พวกเจ้าจงรอ!” พบเห็นว่าไม่อาจหลบหนี หลังเผยเสียงหัวเราะอันคลุ้มคลั่งดังปรากฏ พลังเวทมนตร์จากลัทธิแห่งการทำลายล้างจึงเริ่มรุนแรงขึ้นจนผู้ใช้งานเผยสีหน้าเจ็บปวด
คิ้วของเอลวิสขมวดมุ่น แม้เขาไม่ทราบชื่อเวทมนตร์ที่ลัทธิผู้ทำลายล้างใช้งาน แต่มันจะต้องเกี่ยวข้องกับการสังเวยตนเอง เพราะปฏิกิริยาเวทมนตร์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาเข้าขัดขวางได้ทัน
ฝูงชนที่รับชมต่างรู้สึกได้ถึงออร่าอันตรายจากภายในม่านพลังเวทมนตร์ หลายคนต่างเผยสีหน้ากังวลใจกันออกมา
รับรู้ถึงอันตรายตรงหน้าแล้วยังไม่เตรียมหนีอีกงั้นหรือ? ลั่วฉวนกินขนมคำสุดท้ายเข้าปาก
หลังรับชมอยู่นาน เหมือนว่าจะต้องช่วยสักหน่อย
ปลายนิ้วมือของลั่วฉวนปรากฏพลังงานความว่างเปล่าสีดำ
เพียงนิ้วขยับ มันจึงพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหนึ่งในลัทธิแห่งการทำลายล้าง
เวทมนตร์อันรุนแรงภายในม่านพลังเวทมนตร์หายวับฉับพลันราวไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
ไม่เพียงเท่านั้น พลังเวทของบรรดาคนของลัทธิแห่งการทำลายล้างเองก็เลือนหาย จากนักเวทระดับสูงกลับกลายเป็นคนธรรมดาในพริบตา
รอยยิ้มอันคลุ้มคลั่งที่เคยอยู่บนใบหน้าแข็งค้าง สีหนห้ากลับกลายเป็นแตกตื่นพึมพำกับตนเอง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้… นี่เป็นพลังที่เทพเจ้าประทานมอบให้ ไฉนจึงหายไปได้…”
ไม่เพียงเขา แต่ทุกคนรวมถึงเอลวิสต่างก็ตระหนักทราบถึงความเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ทัน
เหล่าอัศวินที่เดิมคงสภาพม่านพลังเวทมนตร์เอาไว้เตรียมรับแรงปะทะอันรุนแรง แต่ผลลัพธ์นั้นเกินคาดคิด เคล็ดวิชาต้องห้ามของลัทธิแห่งการทำลายล้างถึงกับเลือนหายอย่างชวนสะพรึง
ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาผู้ทำลายล้างตรงหน้ายังราวกับแปรเปลี่ยน จากนักเวทระดับสูงกลายเป็นคนธรรมดา ขนาดว่าตอนนี้ถึงกับตั้งคำถามต่อชีวิต
“จับตัวไว้” หลังผ่านไปหลายชั่วลมหายใจ เอลวิสดึงสติกลับคืนได้พร้อมออกคำสั่ง
สองอัศวินเดินเข้าม่านพลังไปอย่างระมัดระวังพร้อมนำเอาโซ่พิเศษที่แกะสลักอักขระผนึกโบราณใช้จับกุม
ตั้งแต่ลงมือจนแล้วเสร็จ อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ตอบสนอง ราวกับการที่ไม่อาจปลดปล่อยพลังออกมาได้เป็นการทำให้สภาพจิตใจของเขาพังทลาย
หลังจับกุมตัวเอาไว้ สองอัศวินจึงถอนหายใจโล่งอก แม้พวกเขาไม่อาจรับรู้ได้ถึงพลังเวทแม้เพียงน้อยนิด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าหย่อนความระวัง
เหล่าอัศวินที่เหลือค่อยถอนม่านพลังเวทมนตร์ออกมา
แม้ว่ามีผู้รับชมอยู่มากมาย แต่แทบไม่มีใครพูดกล่าวอะไร เพราะพวกเขาไม่ทราบว่ามันเกิดเรื่องราวใดกันขึ้น
เอลวิสขมวดคิ้ว ในใจนั้นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา
แม้จับกุมตัวผู้ทำลายล้างได้ง่ายดายจนน่าฉลอง แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีเรื่องชวนให้คิด
ตอนนี้จ้าวเมืองออรันสำรวจมองรอบ เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นเบาะแสของเรื่องราวไร้ต้นสายปลายเหตุ
ราวกับพบเห็นอะไรเข้า ดวงตานั้นเผยประกายปรากฏ
หลังออกคำสั่งเรียบร้อย เขาจึงใช้เวทแห่งเงาเลือนหายไป
หลังเรื่องราวจบสิ้นเรียบร้อย ลั่วฉวนจึงหันเดินกลับไป
แต่จ้าวเมืองคล้ายจะตามมา
ลั่วฉวนตระหนักพบเห็นถึงจำนวนคนที่ลดน้อยลง ร่างของเอลวิสพลันปรากฏจากเงาที่พื้น
เป็นอีกครั้งที่เขาต้องคิด ว่าเวทแห่งเงานี้สะดวกสบายเกินไปแล้ว
“เป็นนายท่านของเหล่าผู้มาเยือนนี่เอง” คำของเอลวิสเจือความตื่นเต้นแฝงอยู่
“มีเรื่องอะไรหรือ?” ลั่วฉวนสอบถามเรียบง่ายขณะฝีเท้าไม่ได้หยุดแต่อย่างใด
เขาคาดเดาได้แล้วถึงสาเหตุที่คนรอบด้านลดจำนวนน้อยลง มันน่าจะเป็นเวทมนตร์ที่ใช้เพื่อกันคนออกไป
“ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เป็นท่านลงมืองั้นหรือ?” เอลวิสกล่าวถาม
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ เขาไม่คิดปิดบังแต่อย่างใด
ในสายตาของเอลวิสที่เป็นผู้บัญชาการ ตัวตนของเขานั้นลึกลับอย่างยิ่ง ทำให้ดูลึกลับเพิ่มขึ้นอีกก็ไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด
“ขอบคุณ” เอลวิสถอนหายใจกล่าวคำออก หลังครุ่นคิด เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำถาม “เวทมนตร์เมื่อครู่นี้หายไปได้ยังไงกัน? ข้าเพียงแต่สงสัย ท่านไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไร”
“เป็นวิธีการอันเรียบง่าย นั่นก็คือการกำหนดให้พลังเวทของเป้าหมายเป็นศูนย์” ลั่วฉวนกล่าวสิ่งที่เอลวิสไม่มีทางเข้าใจ
ในโลกแห่งนี้ ลั่วฉวนได้เห็นหัวข้อการจำกัด ตามที่เขาเข้าใจ มันอาจเป็นเพราะระดับของโลกที่แตกต่างกันซึ่งระบบเคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็เป็นเพราะตัวของโลกใบนี้เอง
การใช้พลังงานความว่างเปล่าเล็กน้อย มันทำให้สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลเล็กน้อยได้อย่างไร้ปัญหา
เอลวิสขมวดคิ้วแน่น “พลังเวทมนตร์ถูกตั้งค่าเป็นศูนย์? นายท่านแห่งผู้มาเยือน ข้าไม่อาจเข้าใจความหมาย”
“เข้าใจอีกทางว่าเป็นการลบพลังเวทมนตร์ ทำให้เขาลืมเลือนการคงอยู่ของเวทมนตร์ ประมาณนั้น” ลั่วฉวนพยายามอธิบายให้เรียบง่าย
เอลวิสพอได้ฟังแล้วจึงพยายามทำความเข้าใจ แต่หลังผ่านการครุ่นคิด เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
สายตาที่เขามองลั่วฉวนตอนนี้คือความหวาดกลัวฝังลึก
นี่หรือคือผู้มาเยือน?
ปรับเปลี่ยนความจริงได้ ชวนสะพรึงเกินไปแล้ว!
แม้ว่าแก่นแท้ของเวทมนตร์คือการปรับเปลี่ยนความจริง แต่โดยพื้นฐานแล้วสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างมหาศาล
ไม่ทราบเลยว่าผู้มาเยือนที่เหลือทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือไม่ หรือมีเพียงแต่เขาที่พิเศษ
หลังครุ่นคิด เอลวิสค่อยโล่งใจ
“นี่ก็ดึกแล้ว ขอตัวก่อน” ลั่วฉวนมองขึ้นบนฟ้าก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ
“ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวทางพลังเวท…” เอลวิสมองยังตำแหน่งที่ลั่วฉวนหายไปพร้อมได้ยืนยันถึงบางสิ่ง “ไม่อาจรับรู้ถึงอะไรได้เลย”
หลังได้รับคำตอบ เขาจึงสลายพลังกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง จากนั้นเวทมนตร์ที่ปกคลุมจึงคลายออก
ผู้คนเริ่มกลับมาสัญจรทางนี้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเอลวิสจะหายเข้าไปในความมืด
หลังกลับออกจากโลกเสมือน ลั่วฉวนค่อยลุกขึ้นยืน
เหยาซือหยานรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรศัพท์วิเศษพร้อมฮัมเพลงเสียงหวาน
น่าจะเป็นการถ่ายทอดสดของหลิวลู่อวี่
ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยกจัดการนัดพบและถ่ายทอดสดขึ้นแทบทุกคืน เรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกไปแล้ว
เนื้อหาการถ่ายทอดสดเกี่ยวข้องกับดนตรีและเสียงเพลง หากเทียบกับเด็กหนุ่มที่ถ่ายทอดสดช่องเอาชีวิตรอดในป่า กล่าวได้ว่ามีความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว
“เถ้าแก่” เหยาซือหยานพบเห็นลั่วฉวนเดินใกล้เข้ามา
“ทราบเรื่องผู้ทำลายล้างในเก๋อหลัวหรือไม่?” ลั่วฉวนนั่งลงก่อนจะถาม
ในตอนนั้นเขาไม่รู้สึกว่าสถานที่แห่งนั้นมีอะไรพิเศษ แต่ตอนนี้กลับได้พบเจออะไรที่ชวนให้ต้องครุ่นคิด