God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1005
ตอนที่ 1005
ที่ร้านของหยวนก่วย ลูกค้าหลายคนกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารสุดอร่อย
รับชมเช่นนี้ สีหน้าของหยวนก่วยจึงอดไม่ได้ที่จะโอนอ่อนลงกว่าปกติ
ด้วยฐานะพ่อครัว การได้ทำอาหารซึ่งผู้ทานชื่นชอบจึงเป็นเรื่องน่ายินดี
“อานเหวยหยา นี่เจ้าสังกัดกองกำลังใดอยู่กัน? เห็นเจ้ามาร้านต้นตำรับเพียงลำพังทุกวัน หรือจะกล่าวว่าฝึกฝนด้วยตนเอง?” หลิวลู่เหม่ยมองทางอานเหวยหยาด้วยความสงสัย
นางค่อนข้างสงสัยต่อตัวหญิงสาวที่ดูเด็กเสียยิ่งกว่าหลิวลู่อวี่
โดยเฉพาะในตอนที่ยังต้องต่อสู้แย่งชิงไวน์หยก ผู้ชนะสุดท้ายคือนาง
คู่ต่อสู้ทั้งหมดที่นางพบเจอล้วนแล้วแต่เคี้ยวยาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำลูกค้าทั้งร้านต้องนึกทึ่ง
“ข้า…” อานเหวยหยาครุ่นคิดไปครู่ “เป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองกำลัง”
มันคือกองกำลังที่ทรงอำนาจล้นพ้น ซึ่งเหล่านี้นางเพียงกล่าวอยู่ในใจ
“ผู้ซ่อนเร้นงั้นหรือ?” หลิวลู่อวี่กล่าวถาม
“ว่างั้นก็ได้” อานเหวยหยาพยักหน้ายิ้มตอบรับ
หลิวลู่อวี่และหลิวลู่เหม่ยไม่คิดถามมาก อย่างไรแล้วอานเหวยหยากับพวกนางก็ไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก อีกฝ่ายเหมือนไม่ค่อยอยากกล่าวเท่าใดนัก ดังนั้นมันจึงควรมีเหตุผล
การฝืนใจบังคับให้บอกเล่าออกมาไม่ใช่เรื่องดีกับความสัมพันธ์
การสนทนายังคงดำเนินไปพร้อมหัวข้อที่เปลี่ยนไปเรื่อย
“คิดว่าสินค้าใหม่ของร้านต้นตำรับจะเป็นอะไรกัน?” อานเหวยหยากล่าวถาม
“ผู้ใดทราบกัน” หลิวลู่อวี่ส่ายศีรษะตอบกลับ “ทุกครั้งที่เถ้าแก่นำสินค้าใหม่ออกมาก็เกินคาดเสมอ ใครกันจะคิดว่าของเช่นกาแฟจะเพิ่มโชคได้? ยังมีหมู่บ้านซากุระภายในร้านอีก…”
“ข้าไม่คิดว่าจะมีอะไรใหม่ในช่วงนี้” ปู้หลี่เกื๋อเข้าร่วมวงสนทนาด้วย “ตามที่รู้จักเถ้าแก่มา อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง อย่างไรแล้วเถ้าแก่ก็เพิ่งกลับจากโพ้นทะเลมาไม่นาน”
“นั่นสินะ” เหวินเทียนจีพยักหน้ารับเห็นพ้อง
“น่าจะเป็นอะไรที่ทานได้นะ” หยวนก่วยถือเค้กเดินออกมาจากห้องครัว “สินค้าในร้านเถ้าแก่ส่วนใหญ่ทานได้ ส่วนสรรพคุณอะไรนั้นคงยากคาดเดาเกินไป”
สาเหตุว่าทำไมร้านต้นตำรับดึงดูดลูกค้ามากมายได้ ก็เพราะสินค้าที่มีขายถือครองสรรพคุณอันหลากหลาย
แน่นอนว่ารสชาติอันเป็นที่สุดนั้นคือส่วนสำคัญร่วมด้วย
ยามกล่าวถึงสินค้าของร้านต้นตำรับ ภายในร้านของหยวนก่วยจึงกลายเป็นคึกคักกันขึ้นมา
อานเหวยหยาและผู้อื่นต่างเผยความเห็นกันคนแล้วคนเล่า บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน
“ได้ยินมาว่าอีกไม่ช้าชาวทะเลจะมาเยือนร้านต้นตำรับ ซึ่งก็น่าจะผ่านมาทางนครไซเรน…” คำของอานเหวยหยาฉับพลันถูกหยุดเอาไว้
นางคล้ายตระหนักอะไรได้จึงหันมองออกไปยังนอกร้าน
ลูกค้าในร้านของหยวนก่วยพบเห็นท่าทีผิดแปลกของอานเหวยหยาจึงหันมองตาม
สายฝนยังคงร่วงหล่นลงมาต่อเนื่อง ฟ้าเริ่มมืดหม่นลงประหนึ่งน้ำหมึกทึบแสงที่ย้อมผืนฟ้า
หลายครั้งคราจะมีอสรพิษสายฟ้าเคลื่อนผ่านด้านบนสว่างวูบวาบ รวมถึงแสงที่ปรากฏจากร่องของก้อนเมฆจนชวนให้รู้สึกว่าน่ารับชม
แสงไฟจากถนนสองฟากข้างที่ใช้พลังวิญญาณทำงานแทบตลอดทั้งวัน แสงสลัวค่อยขับไลความมืดมิดให้พอเห็นภาพอันเลือนรางภายใต้สายฝนได้
ที่ภายนอกไม่มีคนสัญจร แต่เป็นความว่างเปล่า ร้านรวงแห่งอื่นก็ปิดกันไปก่อนแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ปู้หลี่เกื๋อเผยความสงสัยมองออกไปยังถนนที่มีสายฝนกระหน่ำ
“ไม่ทราบ” เหวินเทียนจีส่ายศีรษะ
เว้นก็แต่อานเหวยหยา ผู้อื่นเผยความฉงนอย่างไม่ทราบว่ามีเรื่องราวใด
กระนั้นพวกเขาทราบ ว่าตัวตนที่สามารถเป็นผู้ชนะการแข่งขันศึกชิงการซื้อไวน์หยกได้ก็คือนาง ดังนั้นจากท่าทีแล้วนางจะต้องตระหนักพบเจออะไรเป็นแน่
“เหมือนว่า… จะมีคนมาทางนี้” หยวนก่วยกล่าวคำเสียงเบา
ที่สุดปลายของถนน ความมือปรากฏเคลื่อนตัวผ่านอย่างแปลกประหลาด
เมื่อเวลาผ่านไป ความมืดนั้นเริ่มเข้ามาใกล้ทีละน้อยจนกระทั่งเผยให้เห็น ว่าเป็นร่างในชุดคลุมยาวสีดำ
เพราะฝนตกและแสงจากไฟส่องทางที่ฟุ้งกระจาย ดังนั้นภาพที่เห็นจึงบิดเบี้ยวเพราะระยะทาง
“คนในชุดดำ” ปู้คังเฉียงเผยความสงสัย “แต่ไม่อาจรับรู้ถึงอะไรได้”
ขณะบุคคลในชุดดำเข้ามาใกล้ รายละเอียดก็ยิ่งเผยให้ทุกคนได้เห็น
ร่างนั้นมีชุดดำยาวปกคลุมทั้งตัว ใบหน้าสวมใส่หน้ากากสีดำที่ไม่เผยแม้ดวงตา มันเรียบเนียนจนดูน่าขนลุก
ขณะฝนตกลงมา มันราวกับเผชิญกับสิ่งกีดขวางที่ไม่อาจมองเห็นแบ่งแยกทั้งถนนจนไม่มีน้ำฝนร่วงหล่น นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง
ร่างในชุดดำไม่คล้ายมองมาทางแสงในร้านของหยวนก่วย อีกฝ่ายเดินต่อไปโดยไม่แม้หยุดมอง
“ไม่อาจรับรู้ถึงอะไร” เหวินเทียนจีขมวดคิ้ว “หากหลับตาลงคงไม่ทราบถึงการมีอยู่ด้วยซ้ำ”
คำของเหวินเทียนจีแทบทำทุกคนเผยดวงตาเบิกกว้างแตกตื่น
เหวินเทียนจีคือยอดฝีมือขอบเขตราชันระดับสูงสุด ทั้งยังเป็นจ้าวตำหนักจักรกลสวรรค์ เป็นบุคคลแรกของทวีปเทียนหลันที่เข้าถึงการอ่านกรรม
หากเขาไม่อาจรับรู้ถึงอะไร นั่นไม่ใช่หมายถึงตัวตนลึกลับในชุดสีดำตรงหน้าคือสุดยอดฝีมือที่ระดับทัดเทียมกันหรอกหรือ?
ร่างในชุดดำหยุกอยู่ในตรอกตรงหน้าร้านต้นตำรับ และเพียงอึดใจร่างนั้นจึงเดินเข้าไป
“เหมือนว่าจะมาเพราะร้านต้นตำรับ” เหวินเทียนจีคาดเดา “ไม่ทราบเลยว่าทวีปเทียนหลันมีผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นคงอยู่ด้วย”
บรรยากาศในร้านหยวนก่วยกลับกลายเป็นผ่อนคลาย ในสายตาของพวกเขาและลูกค้าทั้งหมด หากเกี่ยวข้องกับร้านต้นตำรับก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเถ้าแก่ไม่ว่าเรื่องใดก็รับมือได้
นี่เป็นความเชื่อมั่นจากใจของพวกเขา
“แต่ตอนนี้ร้านต้นตำรับหมดเวลาทำการแล้ว ผู้อาวุโสท่านนั้นน่าจะไม่ได้อะไร” ปู้หลี่เกื๋อเผยยิ้ม
“เถ้าแก่น่าจะกำลังทานมื้อเย็น คงได้พบมื้อเย็นอันน่าตระการตาเป็นแน่” หลิวลู่อวี่เผยยิ้ม
ไม่เหมือนดังผู้อื่น อานเหวยหยามองไปยังตำแหน่งที่บุคคลชุดดำเลือนหายไป ดวงตาสีทองของนางเผยความ… ซับซ้อนปรากฏ
ไม่มีใครได้ตระหนักถึงเรื่องนี้
ที่ร้านต้นตำรับ ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานกำลังทานมื้อเย็นกันอยู่
“เหมือนว่าจะมีแขกมา” ลั่วฉวนมองออกไปยังนอกร้าน
“แขก?” เหยาซือหยานมองออกไปและพิจารณาก่อนจะเผยท่าที่สับสน “แต่ข้าไม่อาจรับรู้ถึงอะไร”
ไม่ว่าแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่ควรพึ่งพาแต่จิตรับรู้ หากไม่แล้วมันอาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันเอาได้
และการรับรู้ของเหยาซือหยาน ก็ไม่อาจตรวจพบความผิดปกติใดจากตรอกภายนอกร้าน
“เป็นแขกที่พิเศษ” ลั่วฉวนไม่บอกว่าพิเศษอย่างไร แต่เขารับรู้ได้ “อีกไม่ช้าคงมาถึงหน้าประตูร้านแล้ว”
และคำของลั่วฉวนก็ได้รับการยืนยัน
ทันทีเมื่อสิ้นเสียงคำพูด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
ตึก!
ร่างในชุดสีดำล้มนอนลงตรงพื้นหน้าทางเข้าร้านจนทำน้ำที่ขังกับพื้นกระจาย
ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานถึงกับพูดกล่าวไม่ออก…