God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1004
ตอนที่ 1004
คำบอกเล่าของลั่วฉวนเป็นตัวจุดประกายให้เหยาซือหยาน
ตอนนี้โทรศัพท์วิเศษยังคงอยู่ในมือนางพร้อมกับดื่มด่ำในโลกแห่งจินตนาการ
ภายในร้านมีแสงสว่างเพียงพอ แม้ฝนตกภายนอกทั้งวันก็ไม่ได้กระทบอะไร
ตอนนี้เป็นช่วงบ่าย จำนวนลูกค้าไปมาค่อนข้างน้อยกว่าช่วงเช้า
วันเวลาก็ผันผ่านไปเช่นนี้
ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับภาพฉากนี้
คงถึงเวลาของสินค้าใหม่แล้วกระมัง?
ความคิดนี้ผุดปรากฏขึ้นในใจเขา
ตอนนี้ไม่มีรางวัลภารกิจเป็นการสุ่มโชคหรืออะไร ระบบคล้ายต้องการให้เขาพัฒนาสินค้าใหม่ด้วยตนเอง
กล่าวไปนี่ก็เพิ่งกลับจากการเดินทางไปยังโพ้นทะเลไม่นาน รวมถึงเพิ่งเปิดหมู่บ้านซากุระไป สินค้าใหม่อาจไม่ต้องเร่งรีบถึงเพียงนั้น
พอคิดเช่นนี้ ลั่วฉวนจึงเก็บความคิดเรื่องสินค้าใหม่ไปก่อน
เมฆครึ้มยังคงรวมตัวหนาบนฟากฟ้าประหนึ่งหมึกย้อม แสงสว่างเจิดจ้าปรากฏวูบวาบหลายครั้งพร้อมเสียงคำรามดังจากเบื้องบน
ฝนยังคงเทลงมา โลกหล้าถูกชำระล้างอย่างไม่ทราบว่าจะถูกชำระล้างกว่านี้ได้เช่นไร ฤดูฝนมาถึงยาวนานเกินไปแล้ว ไม่ทราบเลยว่าเมื่อไหร่มันจึงจบลง
“เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกสักทีนะ” ภายใต้ที่หลบของประตูเมือง ทหารรักษาการณ์มองม่านฝนที่ปกคลุมอยู่เช่นนี้มาหลายวัน
ผลกระทบจากการที่ฝนตกหนัก ผู้คนสัญจรไปมาในนครจิ่วเหยาลดลงอย่างมหาศาล แม้ตอนนี้เป็นช่วงบ่าย แสงก็ไม่แตกต่างอะไรกับยามฟ้ามืดเพราะเมฆบดบังแสงอาทิตย์แทบสิ้น จำนวนคนผู้คนเข้าออกเมืองบางวันก็หลักหน่วยด้วยซ้ำ
เพราะเรื่องนี้พวกเขาจึงกลายเป็นค่อนข้างว่างงาน กระทั่งว่ามีเวลาเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด
ตอนนี้ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกระจายทั่วทั้งนครจิ่วเหยา มันกลายเป็นเกมที่คนมากมายได้ร่วมกันเล่นยามว่างหรือหลังมื้ออาหาร
“จากที่คาดการณ์ น่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกหลายวัน” หัวหน้าทหารรักษาการณ์เดินออกไปรับชมสายฝน “แต่ก็ไม่แย่ อย่างน้อยงานก็ลดน้อยลงสักหลายวัน มีเวลาได้พักเพิ่มขึ้นมาก”
“หัวหน้า เหมือนจะมีคนอยู่ตรงนั้นหรือไม่?” ทหารรักษาการณ์คนหนึ่งชี้ไปยังไกลห่างพร้อมเผยเสียงประหลาดใจ
“ตรงไหนกัน?” หัวหน้าทหารรักษาการณ์หรี่ดวงตาจับจ้องยังทิศทางที่ได้รับการบ่งชี้
ทัศนการมองเห็นโดนฝนที่ตกหนักบดบัง ระยะไกลจึงค่อนข้างไม่แน่ชัด แต่เหมือนจะมีร่างสีดำเคลื่อนเข้ามาใกล้จริง
“น่าจะเป็นผู้ฝึกตนพเนจรกระมัง?” หัวหน้าทหารรักษาการณ์คาดเดา
เวลาผันผ่าน ระยะห่างระหว่างร่างนั้นกับประตูเมืองก็ใกล้มากขึ้น ภาพที่คลุมเครือตอนแรกก็ชัดเจนมากขึ้น
ทั้งร่างนั้นปกคลุมด้วยชุดยาวสีดำ ใบหน้ามีหน้ากากสีดำปิดบัง กระทั่งดวงตาก็ไม่เปิดเผยให้เห็น
ร่างนั้นไม่มีออร่าพิเศษใดปรากฏ เรื่องนี้ทำเอาหัวหน้าทหารรักษาการณ์เกิดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“หยุดก่อน มีธุระใดจึงมานครจิ่วเหยา?” หัวหน้าทหารรักษาการณ์หยุดอีกฝ่ายไว้เพื่อสอบถาม
เพราะนี่คือหน้าที่ การสอบถามถึงพื้นเพและจุดประสงค์ก็เพื่อคัดกรองว่าควรอนุญาตให้เข้าเมืองได้หรือไม่
บุคคลในชุดดำหยุดลง หลังเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง เสียงอันแหบห้าวขอองสตรีจึงดังปรากฏจากใต้หน้ากาก “ร้านต้นตำรับ”
แม้ว่าหน้ากากไร้ซึ่งดวงตา แต่หัวหน้าทหารรักษาการณ์ก็รู้สึกได้ชัดเจน ว่าอีกฝ่ายกำลังจับจ้องมาที่ตน
หลังปรับลมหายใจอยู่ครู่ เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายเดินผ่านเข้าไปจนกระทั่งร่างนั้นเลือนหายไปกับสายฝนเหมือนดังตอนที่มา
พบเห็นอีกฝ่ายไปแล้ว ทหารรักษาการณ์จึงขมวดคิ้ว พวกเขาเกิดความรู้สึกผิดแปลกปรากฏขึ้นในใจ
“แปลกคนนัก”
“ใส่ชุดดำ หน้ากากคลุมหน้ามิด นี่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่โดนกองกำลังใหญ่ตามล่าแน่หรือ?”
“อย่าได้ล้อกันเล่นแล้ว คิดว่าร้านต้นตำรับมีอำนาจมากเพียงใดกัน? แล้วจากที่เห็นอีกฝ่ายก็มาเพียงคนเดียว”
“นั่นก็จริง บางทีอาจเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาที่มีนิสัยแปลกไปบ้าง”
“ปล่อยแล้ว มาเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกันต่อดีกว่า”
หลังจากทหารรักษาการณ์พูดคุยเรื่องอีกฝ่ายพักหนึ่งจึงกลับไปสนใจเรื่องของตนเองกันต่อ
หัวหน้าทหารรักษาการณ์ไม่ได้แจ้งให้เหล่าไป่ทราบเรื่อง เขามองว่าอีกฝ่ายก็แค่ผู้ฝึกตนนิสัยประหลาดคนหนึ่งที่มาเยือนเพราะร้านต้นตำรับ
กระทั่งว่ามีจุดประสงค์อื่น ก็ไม่ใช่เขาที่เป็นหัวหน้าหน่วยตัวน้อยจะทำอะไรได้ ตอนนี้ในนครจิ่วเหยามีกองกำลังใหญ่คงอยู่มากมาย และเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครกล้าไปสร้างปัญหาให้ร้านต้นตำรับ
“อีกวันแล้วสินะ” อานเหวยหยากลับออกจากโลกเสมือนจริงพร้อมเผยยิ้มบาง “พรุ่งนี้น่าจะระดับสี่สิบได้แล้ว ไม่ทราบเลยว่าจะได้รางวัลเป็นอะไร”
ในบรรดาลูกค้าร้าน อานเหวยหยาคือจักรพรรดิเก็บระดับ เพราะจากสถานการณ์ตอนนี้ นางจะเป็นผู้เล่นคนแรกที่ระดับถึงสี่สิบ
“รางวัลระดับที่สี่สิบ?” ลั่วฉวนส่ายศีรษะ “ไม่มี”
“งั้นหรือนี่” อานเหวยหยาถอนหายใจก่อนจะโบกมือให้ลั่วฉวน “เถ้าแก่ ข้าไปก่อนแล้ว ไว้มาใหม่พรุ่งนี้”
ขณะนางเดินออกจากร้าน ฉับพลันนี้จึงหันมองทางประตูเมืองพร้อมเผยท่าทีฉงนใจผ่านดวงตาสีทอง “คิดไปเองหรือ?”
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานไม่ได้ตระหนักพบเห็นท่าทีแปลกประหลาดของอานเหวยหยา เพียงแต่กำลังพูดคุยถึงเรื่องมื้อเย็น
อานเหวยหยาถอนสายตากลับ ครุ่นคิด จากนั้นจึงเดินไปยังหน้าตรอก “ได้ยินว่าเถ้าแก่หยวนมีเมนูใหม่ไม่น้อย ต้องไปรับชม”
ณ ร้านน้อยหยวนก่วย
ค่ายอาคมมิติถูกถอนไปแล้ว ดังนั้นพื้นที่ภายในร้านจึงกลับคืนขนาดเดิม โดยมีโต๊ะไม้พร้อมเก้าอี้สี่ชุดตั้งอยู่
ที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้คือมีร่างอันไม่คุ้นเคยภายในร้านยืนอยู่
“หรือก็คือ นับจากนี้ลูกจะอยู่ที่นี่ทุกคืนเพื่อเรียนการทำอาหารจากเถ้าแก่หยวน?” ปู้คังเฉียงวางถ้วยชาลง
“ขอรับ อาจารย์กล่าวเช่นนั้น” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ
“เหมือนว่าต้องกลับไปบอกพ่อครัวแล้วว่าให้ลดอาหารสำหรับคนหนึ่ง” ปู้ฉืออีเผยสีหน้าครุ่นคิด
ปู้หลี่เกื๋อ : …
อานเหวยหยาเปิดประตูร้านเดินเข้ามาพร้อมได้ยินบทสนทนาก่อนจะมองปู้หลี่เกื๋อด้วยอาการประหลาดใจ “เจ้ากลายเป็นศิษย์ของหยวนก่วยแล้วหรือ?”
“ยังห่างไกลนัก” ปู้หลี่เกื๋อเกาศีรษะแก้เขิน “ตอนช่วงเที่ยงข้าอยากเชิญท่านมาด้วย แต่ไม่ทราบว่าควรส่งเทียบเชิญที่ใด”
“เชิญข้า?” อานเหวยหยาเกิดสงสัย นางไม่ทราบเรื่องงานเลี้ยงพิธีรับตัวศิษย์
หลังปู้ฉืออีบอกเล่าให้ทราบ นางจึงเกิดเสียดาย “หากรู้แต่แรกข้าคงอยู่ที่ร้านต้นตำรับต่ออีกสักหน่อย!”
“ปู้หลี่เกื๋อ” หยวนก่วยเผยเสียงเรียก
“ขอรับ” ปู้หลี่เกื๋อรับคำก่อนจะหันไปกล่าวกับผู้อื่น “อาจารย์เรียกแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ตอนที่อานเหวยหยามาถึงร้านของหยวนก่วย โต๊ะถูกจับจองไปเพียงหนึ่ง
ถัดจากนั้นร่างอันคุ้นเคยจึงมาเยือนในร้านกันคนแล้วคนเล่า
“พี่หญิง เหมือนว่าจะไม่เหลือโต๊ะว่างแล้ว” หลิวลู่อวี่กล่าวคำขึ้น
“หากไม่ใส่ใจ ร่วมโต๊ะกับข้าได้” อานเหวยหยามองยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่
“เช่นนั้นรบกวนแล้ว” หลิวลู่เหม่ยนั่งลงตรงข้ามอานเหวยหยา