God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1003
ตอนที่ 1003
เมื่อลั่วฉวนและเหยาซือหยานกลับมาถึงร้าน ก็พบว่าลูกค้าหลายคนรออยู่ในร้านแล้ว
เหมือนว่าช่วงระยะเวลาพิธีรับตัวศิษย์ของหยวนก่วยจะใช้เวลาจนหมดช่วงพักของร้านต้นตำรับ
“เถ้าแก่กลับมาแล้ว!” อานเหวยหยาตระหนักพบเห็นคนทั้งสองเดินเข้ามาในร้านจึงยิ้มแย้มกล่าวทักทาย
อันที่จริงในรายชื่อเทียบเชิญของหยวนก่วยนั้นมีอานเหวยหยาอยู่ด้วย แต่เพราะมังกรสาวกลับออกจากร้านทุกครั้งจะหายเข้ามิติไปจนไม่ทราบว่าจะหาตัวเจอที่ใด
ลั่วฉวนยังไม่ทราบว่าเหตุใดอานเหวยหยาจึงเล่นเกมเสมือนจริงได้แทบทั้งวัน
จากเริ่มช่วงเช้าจนถึงหมดช่วงบ่าย ลั่วฉวนเห็นอานเหวยหยาเล่นอยู่ในเกมตลอดเวลาจนกระทั่งปิดร้านเย็น
“นอกจากรางวัลเทียบอันดับโหมดอารีน่าแล้ว ยังมีรางวัลภารกิจจากโหมดทั่วไปด้วย” อานเหวยหยาบอกออกมา
โหมดทั่วไปมีภารกิจเพิ่มเวลาเล่นเกมด้วย?
ลั่วฉวนเกิดรู้สึกว่าระบบจะดูแลอานเหวยหยาเป็นพิเศษเกินไปแล้ว
ช่างมัน อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นมังกรหนึ่งเดียวในบรรดาลูกค้า ก็แค่เวลาเล่นเกมเอง
ลั่วฉวนไม่คิดใส่ใจมาก ดังนั้นจึงเงียบตอบ
หลังปรับองศาเก้าอี้เอน เขาจึงเอนกายลงนอน
เมื่อหลับตาลง เสียงในร้านก็เริ่มเลือนหายไป
เมืองใต้สมุทร
ที่จัตุรัสตรงใจกลางเมือง ชาวไซเรนกำลังง่วนกับการก่อสร้างขนาดใหญ่โต
อุปกรณ์ที่คล้ายวงแหวนอะไรสักอย่างมีรัศมีราวสิบเมตร วงแหวนนั้นประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญหลากหลายอย่างน่าสนใจ
ชาวไซเรนล้อมรอบวงแหวนดังกล่าวขยับวางชิ้นส่วนไปมากับพื้นก่อนจะตรวจสอบว่าถูกตำแหน่ง
วงแหวนทั้งวงเผยสีเงินเงางาม ตอนนี้มันยังไม่มีอะไร แต่เมื่อใดทำงาน มันจะเป็นเสมือนพื้นที่ต่อต้านแรงโน้มถ่วง
“หนึ่งวันน่าจะเสร็จนะ” ยี่ลากับเอวานน่าพูดกล่าวกันถึงความคืบหน้าการก่อสร้างประตูมิติ “ถึงตอนนั้นจะไปยังนครไซเรนได้โดยตรงผ่านประตูมิตินี่”
“มันดู… น่าทึ่ง” กระทั่งว่าเคยเห็นหลายครั้งแล้ว เอวานน่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
รูปลักษณ์นั้นแตกต่างจากอุปกรณ์วิญญาณอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันงดงามน่ารับชม
ชาวทะเลที่อยู่ในเมืองใต้สมุทรต่างนึกทึ่งยิ่งกว่าเอวานน่า
พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานถึงการติดตั้งอุปกรณ์อันวิจิตรจากแรกเริ่มที่ไม่มีอะไร มันเสมือนเสกขึ้นมาก็ไม่ปาน
ชายหาดทางด้านนอกนครไซเรนตอนนี้ก็กำลังเกิดฉากวุ่นวายเช่นเดียวกันนี้อยู่
ชาวไซเรนหลายคนกำลังร่วมมือกันก่อสร้างอุปกรณ์ที่คล้ายคลึงกับที่เมืองใต้สมุทรจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว
สองประตูมิติจะเชื่อมต่อกันทางมิติและสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้
หลังผ่านการหารือ ประตูมิติทางฝั่งนครไซเรนไม่อาจวางไว้ตรงจัตุรัสกลางได้
เพราะตรงนั้นมีประตูแสงของร้านต้นตำรับอยู่ก่อนแล้ว
หลังออกจากร้านหยวนก่วย เหยาฮุยเฉินจึงกลับหุบเขาโอสถโดยค่ายอาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลาง
อากาศที่อบอวนด้วยกลิ่นเครื่องยา รวมถึงเหล่าศิษย์ของหุบเขาโอสถในชุดเครื่องแบบต่างยืนอยู่เพื่อร่วมเดินทาง
หลังมิติเปิดออก ร่างเหยาฮุยเฉินจึงหายไป
“ไม่ได้! คุณภาพโดยรวมไม่ผ่าน! เริ่มใหม่!”
ที่ภายในถ้ำบนภูเขาแห่งหนึ่ง เสียงตวาดดังปรากฏ
เมื่อเหยาฮุยเฉินกลับมาถึง เขาจึงได้ยินเสียงนี้
เขาต้องส่ายศีรษะก่อนจะเดินเข้าถ้ำไป
“ผู้อาวุโสที่สาม ได้ยินเสียงแต่ไกล ความคืบหน้าการถ่ายวิดีโอเป็นเช่นไรแล้ว?”
สิ่งแรกที่เหยาฮุยเฉินได้เห็นคือนักปรุงยาเริ่มการสกัดเม็ดยาขึ้นใหม่พร้อมเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นจากหน้าผากไหลหลั่ง
โทรศัพท์วิเศษลอยอยู่กลางอากาศ ผู้อาวุโสที่สามจับจ้องนักปรุงยาผู้โชคร้ายด้วยสีหน้าถมึงตึง
“จ้าวสำนัก” เพราะเหยาฮุยเฉินมาถึง สีหน้าของผู้อาวุโสที่สามค่อยกลับคืนความปกติ “กระบวนการคืบหน้าไปได้ด้วยดี ยังไม่มีปัญหาใหญ่ใดเกิดขึ้น”
“อย่างนั้นแล้วเมื่อครู่เจ้าโกรธอะไรกัน?” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้ม
“ก็ไม่มีใด” ผู้อาวุโสที่สามส่ายศีรษะ “แม้ไม่ทราบว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกว่าการถ่ายทำให้เสร็จสิ้นนั้นดูเป็นไปได้ยาก”
“ก่อนอื่นคือหยุดพัก ออกไปเดินเล่นแล้วผ่อนคลาย” เหยาฮุยเฉินมองทางนักปรุงยาที่หลั่งเหงื่อท่วมก่อนจะกล่าว
“ทราบแล้วขอรับจ้าวสำนัก” นักปรุงยาผู้นั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเดินออกจากถ้ำไป
“แล้วเมื่อครู่ได้อะไรกัน? ให้ข้ารับชม” เหยาฮุยเฉินเกิดสงสัย
โทรศัพท์วิเศษลอยลงสู่ฝ่ามือผู้อาวุโสที่สามก่อนจะเปิดภาพที่เพิ่งถ่ายเอาไว้ให้รับชม
มันไม่มีเสียง มีแต่ภาพของนักปรุงยาที่กำลังสกัดเม็ดยา
เหยาฮุยเฉินหรี่ดวงตา เขาทราบแล้วว่าปัญหามาจากอะไร
“ไม่มีคำอธิบายหรือ? เป็นแค่การสกัดเม็ดยา?” เหยาฮุยเฉินส่ายศีรษะ “นอกจากนี้แล้วยังมีปัญหาตรงการเลือกเม็ดยา ระดับนั้นสูงเกินไป ควรเริ่มจากที่ง่ายก่อน อย่างไรแล้วเม็ดยาอะไรได้รับความนิยมและเหมาะสมในพื้นฐานก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรทราบมากกว่า”
เหล่านี้คือแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากเทียบอันดับในแอพวิดีโอ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพราะ “เอาตัวรอดในป่า” ที่ทำให้เขาเกิดความคิดขึ้นมา
“คำอธิบายยามสกัดเม็ดยางั้นหรือ?” ผู้อาวุโสที่สามทราบความหมายของเหยาฮุยเฉิน คิ้วนั้นขมวดเล็กน้อย “แต่การสกัดเม็ดยาเป็นเรื่องของสมาธิ การถูกรบกวนออกจะไม่ดีเท่าใดนัก”
ในบรรดาเก้าผู้อาวุโสหุบเขาโอสถ ผู้อาวุโสที่สามมีความสามารถด้านสกัดเม็ดยาเป็นอันดับหนึ่ง
“ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดี นอกจากนี้แล้วข้าแนะนำให้เจ้าลองไปรับชมวิดีโอที่ชื่อเอาตัวรอดในป่าดูสักครั้ง” เหยาฮุยเฉินเผยยิ้ม “ข้าขอกลับไปตรวจสอบเรื่องอื่นก่อน ผู้อาวุโสที่สาม อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”
ทันทีเมื่อสิ้นเสียง ตัวคนก็เลือนหายไป
“เอาตัวรอดในป่างั้นหรือ…”
ผู้อาวุโสที่สามครุ่นคิดก่อนจะเปิดแอพวิดีโอขึ้นมา
ณ ร้านต้นตำรับ
ร้านตอนนี้ยังคงคึกคักเหมือนดังเคย
ลั่วฉวนลืมตาตื่นก่อนจะหาวลากยาว
เมื่อตื่นขึ้นจึงค่อยรู้สึกสดชื่น
หลังปรับองศาเก้าอี้เอนเล็กน้อย เขาจึงค่อยหยิบโคล่าที่ขวางอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาดื่ม
“เถ้าแก่ สัมพันธ์ระหว่างตัวละครในเนื้อเรื่องได้กำหนดไว้หรือไม่?” เหยาซือหยานเข้ามาสอบถาม
ตัวละครกับเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน?
ลั่วฉวนคิดไปครู่ก่อนจะเกิดนึกอะไรขึ้นได้ “เป็นความขัดแย้งทางความสัมพันธ์ เหมือนดังประเทศทั้งหลายที่มีวัฒนธรรมต่างกัน รัก โลภ โกรธ เกลียดชัง ล้วนมีทั้งสิ้น”
คำตอบนี้ดูกว้างเกินไป เหยาซือหยานยังคงไม่เข้าใจ
ลั่วฉวนตระหนักได้จึงกล่าวเสริม “ยกตัวอย่าง ฮูคาคือนักบวชอันเดตที่เป็นนายเหนือของภูเขาเนโครแมนเซอร์ใช่หรือไม่? ทางด้านผู้ตัดสินเฮลรัมก็เป็นทัพมนุษย์ พบเห็นอะไรหรือไม่? มันเป็นความเกลียดชังระหว่างคนเป็นและคนตาย”
“เหมือนจะพอเข้าใจอะไรบ้างแล้ว” เหยาซือหยานตอบรับ
ตอนนี้เองที่ลั่วฉวนคิดอะไรเสริมขึ้นมาได้ “ทูตธรรมชาติคาโรรี่เป็นเผ่าเอลฟ์ เพื่อต่อต้านอสูรเพลิงเซารอนที่หลบหนีออกจากผนึกโบราณ นางจึงแสวงหาความช่วยเหลือจากมนุษย์ นักบุญแห่งแสงโรแลนจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ…”