God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1002
ตอนที่ 1002
ลั่วฉวนดื่มเหล้าซากุระในถ้วยจนหมด กลิ่นหอมจางของซากุระยังคงคุกกรุ่นอยู่ภายในปาก
เหล้าซากุระกลายเป็นเครื่องดื่มสามัญประจำร้าน ทว่าไม่ใช่มีไว้ขาย
เหยาซือหยานพบเห็นลั่วฉวนค่อนข้างชอบ ดังนั้นจึงทำเตรียมเอาไว้มากมาย
เมื่อหมดเวลาทำการช่วงเช้าของร้าน ภายในร้านจึงว่างเปล่า
“ไปกัน” ลั่วฉวนเก็บถ้วยบนโต๊ะ
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
เมื่อเดินไปจนถึงประตูร้าน ลั่วฉวนฉับพลันหยุดเท้าลงก่อนจะหันมองทางต้นไม้โลกที่อยู่มุมหนึ่ง “ก้อนดำน้อย อยู่ที่ร้านคอยเฝ้าดูให้ด้วย”
แม้ว่าภายใต้สถานการณ์ปกติภายในร้านจะไม่มีทางเกิดอะไรขึ้น แต่ลั่วฉวนก็รู้สึกว่าควรทำเป็นพิธี
“พิธีรับตัวศิษย์จัดขึ้นที่ร้านน้อยหยวนก่วย แตกต่างจากที่คิดไม่น้อยเลย” ระหว่างทาง เหยาซือหยานมองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์วิเศษพลางยิ้ม
“ไม่นึกเลยเช่นกัน” ลั่วฉวนเห็นพ้องด้วย
เดิมนั้นตามที่ลั่วฉวนคาดเดา เหตุการณ์ใหญ่เช่นหยวนก่วยรับตัวศิษย์ มันย่อมต้องสร้างความปั่นป่วนใหญ่โต
แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวเกินผู้ใดคาดคิด พิธีรับตัวศิษย์จัดขึ้นในระยะเวลารอคอยแค่สองวัน
จากปากคำของเหวินเทียนจี งานนี้เชิญคนไม่มาก และลูกค้าส่วนใหญ่ในร้านก็ไม่ทราบเรื่องด้วยซ้ำ
ร้านน้อยหยวนก่วยตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านต้นตำรับ เพียงไม่นานทั้งสองจึงมาถึงจุดหมายปลายทาง
ภายในกลุ่มแชท หยวนก่วยได้ประกาศแล้วว่าวันนี้จะหยุดทำการ ดังนั้นวันนี้จึงไม่มีมื้อเย็นขาย
ปัจจุบันละแวกใกล้เคียงร้านต้นตำรับกำลังพัฒนาก้าวหน้า แม้ว่าฝนยังคงตกหนัก แต่ผู้คนสัญจรก็มีค่อนข้างมาก ร้านรวงทั้งหลายต่างก็เปิดขึ้นที่สองฟากข้างเส้นทาง
บางคนที่ใช้บริการร้านอื่นยังมองไปทางร้านน้อยหยวนก่วย พวกเขาคิดอยากคาดเดาว่าเหตุใดวันนี้ร้านจึงปิด
“ดูนั่น เถ้าแก่ไม่ใช่หรือ?” คนผู้หนึ่งพบเห็นลั่วฉวนกับเหยาซือหยานเดินใกล้เข้ามา
“ฝนตกหนักเกินไป ต้องใกล้กว่านี้”
“สายตาข้าจึงดีกว่า เป็นเถ้าแก่กับเหยาซือหยานไม่ผิดแน่”
“ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านน้อยหยวนก่วยแล้ว! ไม่ใช่ว่าร้านวันนี้ปิดทำการหรอกหรือ?”
“เถ้าแก่จะเหมือนพวกเราได้ยังไง?”
“ก็จริง…”
ผู้คนต่างพูดกล่าว เหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าร้านต้นตำรับ พวกเขาเร่งรีบส่งข่าวคราวแจ้งไปในกลุ่มแชทจนกระตุ้นความสนใจโดยพลัน
ประตูร้านหยวนก่วยเปิดออก จากนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไป
พบเห็นพื้นที่ภายในร้านกว้างขวางกว่าก่อนหน้านี้ ลั่วฉวนจึงเผยดวงตาประหลาดใจรับชม
ในร้านมีคนอยู่จำนวนหนึ่งแล้ว เหล่านี้สมควรเป็นหยวนก่วยเชิญตัวมา
“เถ้าแก่ แม่นางเหยา” หยวนก่วยลุกขึ้นยืนกล่าวทักทาย
“ในร้านมีค่ายอาคมมิติด้วยหรือนี่?” เหยาซือหยานกล่าวถาม
หยวนก่วยพยักหน้ารับ “มิติเดิมภายในร้านไม่น่าจะมีพอ ดังนั้นเลยต้องขอให้จ้าวตำหนักเหวินช่วยเหลือจัดตั้งค่ายอาคมมิติ หลังพิธีรับตัวศิษย์เสร็จสิ้นเรียบร้อยค่อยถอนกลับคืน”
เหวินเทียนจีกำลังเล่นโกะกับเหยาฮุยเฉิน ทั้งสองคล้ายมาอยู่ที่ร้านก่อนนานแล้ว
“อยู่ตั้งแต่เช้าเลยล่ะ” เฉินอี้อี้บอกเล่าเสียงเบา
นอกจากนี้แล้วยังมีผู้อื่นที่ถูกเชิญมา พวกเขาต่างพูดคุยพลางหัวเราะ บ้างก็เล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกันอยู่
“ยังมีคนมาไม่ถึง รบกวนรอสักพักหนึ่ง” หยวนก่วยกล่าวบอก
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานจึงหาที่ว่างเพื่อนั่งรอ
ในร้านของหยวนก่วยตอนนี้มีคนไม่น้อย เหวินเทียนจี เหยาซือเย่ว์ ปู้คังเฉียง ชิงหยิน ฟ่านเฉิงเทียน จวินซื่อจู่… เหล่านี้เป็นลูกค้าร้านต้นตำรับทั้งสิ้น
จากที่เห็น น่าจะมีแขกมาอีกพอสมควร
ตัวหลักของงานวันนี้คือปู้หลี่เกื๋อ เขากำลังยืนด้วยท่าทีจริงจังด้านหลังปู้คังเฉียงประหนึ่งเด็กนักเรียนกำลังเตรียมรับพิธีปฐมนิเทศจากผู้อำนวยการ
นับได้ว่าเป็นท่าทีที่หาได้ยากของอีกฝ่าย
ถัดจากนั้นผู้อื่นจึงมาถึงร้านของหยวนก่วยกันคนแล้วคนเล่า
“มากันครบแล้ว”
หยวนก่วยประกาศให้ได้ยิน ทุกคนที่พูดคุย เล่นไพ่ รวมถึงเล่นโทรศัพท์วิเศษต่างหยุดมือ
“ดังที่ได้เห็น ข้าคิดทำพิธีรับตัวศิษย์ในวันนี้” หยวนก่วยหันมองทางปู้หลี่เกื๋อ
ปู้หลี่เกื๋อจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกและสงบใจลง และจึงค่อยเดินไปยังด้านข้างของหยวนก่วย
“คำนับชา” เหยาฮุยเฉินกล่าวบอก
ปู้ฉืออีจึงถือถาดเดินเข้ามา เป็นกาน้ำชาและถ้วยน้ำชา
ปู้หลี่เกื๋อรินชาที่มีกลิ่นหอมปรากฏออก
มือทั้งสองจับถ้วยเอาไว้ด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมยื่น “อาจารย์รับน้ำชาขอรับ”
หยวนก่วยรับไว้ จิบ และวางลง จากนั้นจึงพยักหน้า
“นับจากนี้ เจ้าเป็นศิษย์ข้าแล้ว”
ปู้หลี่เกื๋อโขกศีรษะคำนับ “อาจารย์”
นี่… จบแล้ว?
ลั่วฉวนหันมองผู้อื่นที่กลับไปเล่นไพ่ โกะ รวมถึงโทรศัพท์วิเศษกันต่ออย่างหมดอารมณ์
เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรที่น่ารับชม คิดอยากได้เห็นว่าพิธีรับตัวศิษย์ของต่างโลกเป็นเช่นไร รวมถึงได้ยินว่าหยวนก่วยหาตัวศิษย์มาเนิ่นนานจนกระทั่งพบเจอ
ตอนนี้ลั่วฉวนคิดอยากกล่าวอะไรออก ว่าแค่นี้หรือ?
“เถ้าแก่ อาจารย์กล่าวว่าทานอาหารได้ตามสะดวก” ปู้หลี่เกื๋อเดินเข้ามาเผยยิ้มแย้ม
“เรียบง่ายเช่นนี้?” เหยาซือหยานเองก็รู้สึกว่าแปลก
“เดิมเตรียมการไว้มาก แต่อาจารย์กล่าวว่าเรียบง่ายคือทุกสิ่ง” ปู้หลี่เกื๋อเกาศีรษะตอบรับ เขาเองก็รู้สึกนึกทึ่งเช่นกัน
ลั่วฉวนสำรวจมองรอบ มันก็ไม่ใช่แค่ทั้งสองที่ประหลาดใจต่อความเรียบง่าย
“จริงด้วย ข้าต้องไปช่วยอาจารย์ก่อน” กล่าวคำจบ ปู้หลี่เกื๋อจึงเร่งรีบเดินไปยังครัว
“เถ้าแก่ ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดไหม?” หู่ขวงที่อยู่โต๊ะใกล้เคียงกับลั่วฉวนกล่าวเชิญ
“ได้” ลั่วฉวนรับคำก่อนจะหันมองทางเหยาซือหยาน
เหยาซือหยานยิ้มตอบ ทั้งสองจึงโยกย้ายตำแหน่งที่นั่ง
สัตว์อสูรราชวงศ์ต่างได้รับเทียบเชิญจากหยวนก่วย พวกเขาตอนนี้กำลังนั่งล้อมโต๊ะตัวใหญ่ที่เป็นไม้แกะสลักอย่างประณีต
หลังรอคอยอยู่ครู่หนึ่ง การประลองไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดจึงเริ่มขึ้น
ลั่วฉวนไม่กังวลว่าหยวนก่วยจะทำอาหารออกมาตอนไหน เพราะหากจัดการเวลาได้ไม่ดี เช่นนั้นสมญาเทพแห่งอาหารคงร่ำลือเกินจริงแล้ว
เพียงไม่ถึงนาทีตั้งแต่ปู้หลี่เกื๋อเข้าครัว เขาจึงกลับออกมาด้วยสีหน้าขื่นขม
“เป็นอะไรไปแล้ว?” ปู้ฉืออีกล่าวถามด้วยความสงสัย
“อาจารย์คิดว่าข้าโง่เกินไปเลยโดนไล่ออกมา” ปู้หลี่เกื๋อร้องออก
ปู้ฉืออีเงียบไปครู่หนึ่ง “เล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดไหม?”
“ได้!” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับ
หลังผ่านไปสิบนาที กลิ่นหอมของอาหารจึงปรากฏจากในครัว
เพราะเป็นมื้อเที่ยง ทุกคนที่กำลังทำกิจกรรมบันเทิงอยู่จึงแทบลืมเลือนสิ่งที่ทำไปชั่วขณะ
รอคอยไม่นาน เวลาทานอาหารจึงมาถึง
อาหารบนโต๊ะตรงหน้า มันไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าเป็นงานศิลป์
“ลองทานดู” หยวนก่วยเดินออกมาจากในครัว
“มาแล้ว!” ผู้อื่นที่กำลังรอคอยตอนนี้ต่างตื่นเต้นยินดี
ร้านหยวนก่วยตอนนี้คึกคัก เสียงสนทนาและเสียงหัวเราะดังออกถึงภายนอกขนาดทำเอาผู้สัญจรไปมาทั้งหลายเกิดสนใจ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คืองานเลี้ยงรับตัวศิษย์พร้อมแขกคนสนิท