My MCV and Doomsday - ตอนที่ 572
Chapter 572: ความรู้สึกของความเจ็บปวด
สิ่งทุกคนได้ยินต่างเป็นเสียงของเสียงกรีดร้องที่โหยหวนและเสียงของร่างกายที่หล่นกระแทกลงกับพื้นไม่เพียงแต่สมาชิกของจางหมิงซื่อจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้แต่พวกเขาครึ่งหนึ่งได้ล้มตายลงไปแล้ว
ในการต่อสู้ที่ตึงเครียด วิธีในการเอาชนะ คือการได้รับโมเมนตัมเมื่อสูญเสียโอกาสที่จะหาโมเมนตัมในการเอาชนะแล้วมันก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอนตราบเท่าที่หลันซิหยู่และเจียงจู่อิงร่วมมือระหว่างกันและกันมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย สําหรับพวกเธอที่จะจัดการคู่ต่อสู้ซึ่งไม่ได้ทรงพลังเทียบเท่าพวกเธอ
“รอก่อน! รอก่อน!” ใครบางคนตะโกนออกมาแต่โชคร้ายที่หยิงและหลิงต่างเมินเฉยต่อเสียงอ้อนวอนและสังหารพวกเขาต่อที่ละคน ที่ละคน
ในเวลาเดียวกัน จางหมิงซื่อหลุดออกมาจากตาข่ายไฟฟ้าที่จับเขาไว้แต่เขากลับพบกับภาพที่น่าตกตะลึงแทนร่างกายของสหายเขาต่างนอนกองอยู่ล้อมรอบเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในทีมของเขา!
พร้อมกันนั้นเอง เจียงลู่ฉียกปืนขึ้นและยิงออกไปสองนัดหลังจากที่สบตากับอีกฝ่ายในระยะไกล ไม่มีใครรู้ว่า ทําไมเจียงลู่ฉีถึงยิงออกไปสองนัดดังนั้นพวกเขาจึงมองไปทางนั้นอย่างสับสนหลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นเลือดสาดกระจายบนกําแพงด้านบนคฤหาสน์สองหลังที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปนับร้อยเมตร
ด้านบนดาดฟ้าของหนึ่งในคฤหาสน์ คือชายที่ถือปืนสไนเปอร์ไรเฟิลในมือและมีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอกของเขาหลังจากลมหายใจหมดลงเขาตกลงบนพื้นอย่างรุนแรงเหมือนกับกองมันฝรั่ง
เลือดที่สาดกระจายบนกําแพงนั้นเป็นหลักฐานว่าเจียงลู่ได้สังหารมือสไนเปอร์ไปสองคนเมื่อทุกคนเห็นถึงฉากนี้ทุกคนต่างประหลาดใจไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสามารถในการยิงปืนของเจียงลู่ฉีนั้นพัฒนาจนถึงขีดสุด แล้ว!
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ทุกคนจึงละทิ้งความคิดที่จะสู้กลับ มันไร้ประโยชน์มากชายที่หวาดกลัวมากที่สุดก็เป็นจางหมิงซื่อ ซึ่งเขาเป็นคนสั่งให้สไนเปอร์สองคนขึ้นไปบนนั้นเขาได้ยินมาว่าทีมจี้หยิงมีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ปกติธรรมดาทั่วไปแต่มันไม่เคยโผล่ในความคิดเลยว่าทีมของเขาจะถูกกวาดล้างก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นเสียอีก
ทันใดนั้นจางหมิงซื่อสังเกตเห็นปืนของเจียงลู่ฉีกําลังเล็งมาที่เขาความรู้สึกนี้มันอะไรกัน? ปกติแล้วจางหมิงซื้อเป็นคนที่เล็งปืนใส่คนที่อ่อนแอกว่าไม่ใช่ในทางกลับกันแบบนี้ตําแหน่งของเขามันสลับกันไปแล้ว
จางหมิงซื่อแทบจะเกือบหยุดหายใจ ในขณะที่เม็ดเหงื่อเย็นยะเยียบไหลลงมาข้างแก้มของเขา ไม่สําคัญว่า เขามีความแข็งแกร่งทางจิตใจมากเพียงใดพวกเขาก็ยังคงยากที่จะรับความจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาได้สถานการณ์มันกลับเป็นฝั่งตรงข้ามจากที่มันควรจะเป็นถ้ากลุ่มถูกล้อมรอบโดยกองทัพจํานวนมากแล้ว กลุ่มคน เหล่านี้ควรที่จะวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้สิหรือจะตายจมกองห่ากระสุนไปแต่ไม่เพียงเจียงลู่ฉีจะพลิกสถานการณ์แต่เขายังทํามันด้วยวิธีที่น่าตกตะลึงและสุดยอดมากที่สุด
“นายต้องการทําอะไร? ฉันเป็นถึงรองผู้บังคับบัญชาของเขตกองทัพเมืองชิงไห่เลยนะตอนนี้ฉันเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดถ้านายฆ่าฉัน ทหารทั้งหมดจะโจมตีใส่นาย นายคิดว่านายสามารถสู้กับพวกเขาทุกคนได้งั้นเหรอ?”
เจียงลู่ฉีได้บดขยี้ความมั่นใจของจางหมิงซื้อไปแล้วและเขาทําได้เพียงพึ่งทหารนับไม่ถ้วนในการปกป้องเขา
“รองผู้บังคับบัญชาของเขตกองทัพ?” เจียงลู่ฉีเยาะเย้ย “อย่างมากที่สุด นายก็เป็นเพียงแค่เจ้าถิ่นแค่นั้นแหละ ในอีกความหมายหนึ่งนายมันก็แค่โจรธรรมดาทั่วไป นายนี่มีความกล้ามากเลยนะที่บอกว่านายมาจากกองทัพ!” เจียงลู่ฉีพูดในขณะที่มองไปทางทหารเสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์
“พวกนายส่วนใหญ่เป็นทหารมาก่อนไวรัสจะระบาดใช่ไหม? พวกนายมีความรับผิดชอบอะไร? นายควรที่จะปกป้องบ้านเกิดของพวกนายในยามคับขัน!ถ้ารัฐบาลทําให้พวกนายผิดหวังพวกนายควรจะทําตัวเหมือนกับเป็นทหารตัวจริงคอยช่วยเหลือคนอื่น แทนที่จะมาทําเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้”เจียงลู่ฉีพูด
“ตราบเท ไม่เพียงแค่พวกนายจะไม่ปกป้องประเทศของนายแต่นายยังรับใช้องค์กรลึกลับอีก นายไม่รู้ด้วยซ้ําว่าใครอยู่ด้านหลังพวกมันและพวกเขาต้องการที่จะทําอะไร ชีวิตหลังจากวันโลกาวินาศมันทําให้นายเพลิดเพลินงั้นเหรอ? แม้แต่ฉินฮงฟางที่ครอบครองร้านเหล้าทั้งหมดในเมืองชิงไห่เขามันก็แค่พวกเจ้าชู้แค่นั้นแหละที่เขามีเส้นสายกับผู้นํากับหัวหน้าบางคนที่เรียกว่าคนจากกองทัพพวกนายเข้าใจไหม?” เจียงลู่ฉีพูดในขณะที่เดินไปเตะฉินฮุงฟางที่นอนหมอบอยู่บนพื้น
“อ๊ก!” ฉินฮงฟางร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เลือดไหลออกมาจากปากของเขาในขณะที่ฟันของเขาปกคลุมไปด้วยเลือดแม้แต่หน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยบาดแผลเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจียงลู่ฉีจะใช้ความสําเร็จของเขามายกตัวอย่างแบบนี้
ทหารนั้นมีเกียรติยศของพวกเขาเองถ้าพวกกเขาทรยศความภาคภูมิใจของเขาพวกเขาอาจจะมีชีวิตที่มีความสุขแต่มันมีค่าอะไร?ทหารของเมืองชิงไห่ไม่เหลือคุณค่าให้ภาคภูมิใจอีกต่อไปด้วยเหตุนี้นี่เองคําพูดของเจียงลู่ฉีได้ทําให้หัวใจที่เย็นชาของพวกเขาสั่นไหว
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้วพวกเราเป็นสาขาหนึ่งของกองทัพ!พวกเราคือหน่วยพายุซึ่งเป็นทีมกองทัพที่ใหญ่ที่สุดทางใต้ แกกล้าดียังไงเรียกพวกเราว่าเจ้าถิ่นกัน?เหอะ! ทําให้ฉันเข้าใจหน่อยสิว่าคนที่จัดการรัฐาลตอนนี้กับรัฐบาลเก่ามันอยู่ไหน?การโต้เถียงของนายมันไร้สาระมากบอกฉันมาสิว่าองค์กรที่สนับสนุนพวกเรานั่นก็คือ รัฐบาลในอนาคต!”จางหมิงซื่อพูด
“โอ้ หน่วยพายุ? ฉันลืมบอกนายไปเลยผู้บังคับบัญชาอู่ที่ซึ่งเป็นหัวหน้าของหน่วยนี้ฝากฉันให้ส่งจดหมายนี้มาให้นายพูดตามจริงแล้วนะคนที่เหลือของหน่วยพายุต่างไม่ต้องการร่วมมือกับนายเลยด้วยซ้ําพวกเขาต้องการที่จะกลับมาปฏิบัติตัวเป็นทหารอีกครั้งหนึ่ง” เจียงลู่ฉีพูด ในขณะที่โบกกระดาษไปมา
“ตอนแรก เขาต้องการที่จะเกษียนตัวเองนั่นแหละแต่เขายังไม่ต้องการเกษียนตัวเองจริงๆเขาแค่ต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์กับพวกนายทั้งหมดจิตวิญญาณของการเป็นทหารของพวกเขานั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่งและเขาไม่ต้องการที่จะร่วมมืออยู่ภายใต้พวกนายอีกแล้ว”จดหมายขอลาออกอยู่ในมือของเจียงลู่ฉีหน่วยพายุจะไม่กลับอีกแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาจากไปเป็นเวลานานแล้ว
“หัวหน้าคู่ไปแล้วงั้นเหรอ?”
“ใช่หรอ? มันจะไม่มีหน่วยพายุอีกแล้วใช่ไหม?”
ในสายตาของทหารแล้ว จางหมิงซื้อไม่ได้เป็นหนึ่งในพวกเขาแต่ผู้บังคับบัญชาขู่นั้นแตกต่างออกไปเขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีคนนับถืออย่างมากนอกจากนี้แล้วหน่วยพายุเป็นกองกําลังหลักและความภาคภูมิใจของเมืองชิงไห่พวกเขาจะรับกับข่าวใหม่อย่างนี้ได้ยังไงกัน?
“ฉันไม่ได้บอกพวกนาย เพราะว่าฉันกลัวพวกนายหรอกนะกลุ่มของพวกนายมันทรงพลังจริง แต่ฉันก็มีทีม ของฉันเหมือนกันตั้งแต่ที่พวกเรามาที่นี่ได้หลังจากที่ถูกล้อมรอบและถูกโจมตีโดยหน่วยพายุ มันก็ไม่ได้ยากหรอก สําหรับพวกเราที่จะหลบหนีไป ฉันแค่ไม่ต้องการให้การเสียสละชีวิตของพวกนายมันไร้ค่า”เจียงลู่ฉีพูด
ทหารส่วนใหญ่ต่างเงียบงัน และแม้แต่จางหมิงซื่อก็ยังสั่นไปมาอย่างไม่รู้ตัวหลังจากที่ได้ยินมัน
จางหมิงซื่อต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ใครบางคนพูดขัดเขา “พี่น้องสิ่งที่เขาพูดมันถูกต้องเลย! พวกเราเป็นทหาร!พวกเราไม่ใช่เครื่องมือ!ถ้าพวกเราจะต้องสละชีวิตของพวกเราพวกเราจะต้องสละมันด้วยเหตุผลที่มันถูกต้อง!”
“ผู้บังคับบัญชาอู่ก็ไปแล้ว ดังนั้นทําไมพวกเราถึงยังต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก?”
จางหมิงซ่อมองไปที่คนที่ตะโกนออกมาและสังเกตเห็นว่าเขาเป็นทหารธรรมดาทั่วไป แต่ทันทีหลังจากนั้นทหารมากขึ้นเรื่อยๆก็ก้าวขึ้นมเบื้องหน้าและแสดงตกลง