My MCV and Doomsday - ตอนที่ 569
Chapter 569: คู่อาฆาตคนเก่า
ฉินฮงฟางตัวแข็งที่อเหมือนกับตอไม้ หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ไม่สำคัญว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง แต่เขาก็เอาตัวไปพัวพันกับปัญหาที่ใหญ่หลวงเข้าเสียแล้ว
เมื่อตระหนักได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตามมา หัวหน้าของทีมสนับสนุนรีบหยิบวิทยุสื่อสารของเขาขึ้นมา อย่างไรก็ตาม กระแสไฟฟ้าได้พุ่งเข้าฟาดใส่วิทยุสื่อสารจนมันพังลง และเขากรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
เจียงลู่ฉีเหลือบตาไปมองที่พวกเขาอย่างเย็นชา ตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้เรียกกำลังเสริมมาเพิ่มอย่างแน่นอน แม้ว่าเสียงดังจะดึงดูดผู้คนจากพื้นที่กองทัพมาก็ตาม แต่เจียงลู่ฉีได้วางแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว
“เจียงลู่ฉี แกต้องการที่จะฆ่าฉันที่นี่เนี่ยนะ? แกมันบ้าไปแล้ว!” หลัวเจียเฟิงพูดอย่างเยือกเย็น หลังจากที่จองไปยังฉินฮงฟาง
“แกคิดว่าฉันจะกลัวแก เพียงแค่แกแอบเข้ามาแบบนี้เนี่ยนะ? ฝันไปเถอะ! ที่นี่แหละ จะกลายเป็นหลุมฝังศพของแกเอง!” หลัวเจียเฟิงพูด ในขณะที่เขาแอบนับคนของเขาไปอย่างเงียบๆ
นอกจากการ์ดส่วนตัวของเขาแล้ว มันยังมีการ์ดอีกหลายคน รวมทั้งทีมสนับสนุนนอกจากนี้แล้ว เขาและหลี่หยินฉิงต่างอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งคู่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่หวาดกลัวเจียงลู่ฉีเลยแม้แต่น้อย
“พี่หยินฉิง พี่รู้จักเจียงลู่ฉีได้ยังไงกันครับ?” หลัวเจียเฟิงถาม “มันมากยิ่งกว่ารู้จักเขาเสียอีก…” หลี่หยินฉิงตอบ
“มันเหมือนกับว่าพวกพี่ทั้งสองคนมันไม่ได้ญาติดีกันสักเท่าไหร่ ใช่ไหมครับ? งั้นนี่ก็เป็นเรื่องที่ดีเลยละครับ พวกเราจะได้แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันได้” หลัวเจียเฟิงพูด
“อื้ม มันเป็นความคิดที่ดีเลยนี่! ฉันจะได้จัดการพวกนายไปพร้อมกันทีเดียวเลยสองคนก่อนหน้านี้ฉันมัวแต่จัดการได้แต่พวกขี้ไก่ขี้กา มันถึงเวลาแล้วละ ที่จะต้องฆ่าคนดังเสียบ้าง!” เจียงลู่ฉีพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “นายตัดสินใจกันได้ยังว่า ใครจะเป็นคนแรกที่ตายก่อนกัน?”
“แกต่างหากที่จะเป็นคนตาย! แกกล้าดียังไงวะ ถึงคิดว่าจะฆ่าฉันในถิ่นของฉันได้ฮะ? ไอ้เวร!” หลัวเจียเฟิงตะโกน
อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายและรีบกระโดดออกไปด้านข้างโดยที่ไม่คิด
หลังจากนั้น คลื่นอากาศทำลายล้างก็พุ่งออกมาจากเบื้องหน้าของรถทัวร์ มันกวาดผ่านหลัวเจียเฟิงและทำลายประตูของคฤหาสน์ที่อยู่ด้านหลังของเขาไป หลังจากนั้น เสียงระเบิดนับครั้งไม่ถ้วนก็ดังขึ้นตามมาจากในคฤหาสน์ เศษกระจก ตะเกียงและเฟอนิเจอร์ทั้งหมดในบ้านถูกฉีกกระชากด้วยคลื่นอากาศ ในชั่วพริบตา คฤหาสน์ทั้งหลังพังพินาศลง
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น หลัวเจียเฟิงโกรธแค้นอย่างมาก ตั้งแต่การก่อตั้งเมืองชิงไห่ คฤหาสนหลังนี้เป็นบ้านส่วนตัวของเขา ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์ของสถานะเขา ไม่มีใครกล้าที่จะมาก่อกวนเขาที่นี่ แต่เจียงลู่ฉีทำลายมันไปทั้งอย่างงั้น
ทันใดนั้น หลี่หยินฉิงคำรามออกมา เขาพุ่งตัวเข้าใส่รถทัวร์ เทียบกับหลัวเจียเฟิงแล้ว หลี่หยินฉิงเป็นคนที่อยากให้เจียงลู่ฉีตายมากกว่าใครๆ เมื่อเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ การขาดแขนไปข้างหนึ่ง มันทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก ถึงแม้ว่าแขนของเขาจะไม่ได้ขาดเพราะเจียงลู่ฉี แต่เขาก็ยังโทษเจียงลู่ฉีอยู่ดี
หลี่หยินนิ่งเหมือนกับเสือที่พุ่งลงมาจากบนภูเขา ร่างของเขาปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของรถทัวร์เจียงลู่ฉีอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เขาต่อยลงไปบนกระจกหน้ารถ ซึ่งมีเจียงลู่ฉีอยู่ด้านหลังของมัน แต่ก่อนที่หมัดของเขาจะกระทบเข้ากับกระจกหน้ารถ หยิงได้เหยียบคันเร่งและ เลี้ยวรถดังนั้นแทนที่เขาจะต่อยไปโดนกระจกหน้ารถ หมัดของเขาไปกระทบเข้ากับลำตัวของรถทัวร์แทน
หลังจากการต่อยหมัดของเขาออกไปแล้ว รอยถลอกได้ถูกเหลือทิ้งไว้บนรถทัวร์ แม้แต่เจียงลู่ฉียังขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คาดคิดว่าหลี่หยินฉิงจะทรงพลังถึงเพียงนี้
หลี่หยินนิ่งรู้สึกผิดหวัง เมื่อเขาคิดว่าหมัดของเขาน่าจะทำลายรถทัวร์ได้ “ยิง! ยิง!” ฉินฮงฟางตะโกนออกมาในทันที
ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องตะโกนออกมาด้วยซ้ำ หัวหน้ายามและหัวหน้าหน่วยสนับสนุนต่างรู้สิ่งที่พวกเขาควรจะทำดี เพียงเวลาไม่นาน พวกเขาต่างพบว่ากระสุนที่พวกเขายิงออกไปมันไร้ประโยชน์ พวกเขาต่างสงสัยว่าทำไมรถทัวร์ถึงมีตัวรถที่มันแข็งขนาดนี้
ทันใดนั้น ตาข่ายไฟฟ้าได้ปกคลุมไปทั่วรถทัวร์ทั้งคัน และรถทัวร์ก็เริ่มที่จะต่อสู้กลับ มันบดขยทุกอย่างที่ขวางหน้า พร้อมทั้งฆ่าหรือทำให้ใครก็ตามที่โดนมันชนต่างบาดเจ็บหนักหรือตาย
เจียงจู่อิงที่ยืนอยู่ในห้องสงครามได้ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาตามที่ใจเธอปรารถนาเธอปกคลุมรถทั้งคันด้วยตาข่ายไฟฟ้าของเธอ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เมื่อเธอเพลิดเพลินกับการทำแบบนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากเสียงกรีดร้องแล้ว เธอไม่ได้ดูเหมือนกับนางฟ้าที่น่ารักอีกต่อไป แต่เธอเหมือนกับปีศาจน้อยที่ปลอมตัวเป็นนางฟ้าเสียมากกว่า
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างหลี่หยินฉิง หลัวเจียเฟิงและชายหัวล้าน พวกเขาต่างไม่สามารถที่จะทำร้ายรถทัวร์ของเจียงลู่ฉีได้ ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วละก็ คนอื่นคงจะถูกฆ่ากันไปหมดแล้ว
“มันแย่เกินไปสำหรับฝั่งเรา พวกเรามีคนมากขนาดนี้ ยังเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่อีก!”ฉินฮงฟางพูดอย่างกังวลใจ
หลี่เฉียนเฉียนที่อยู่ในรถรู้สึกหวาดกลัวแทบตาย เมื่อเธอไม่เคยเห็นภาพที่เลวร้ายอย่างงี้มาก่อน
ในเวลาเดียวกัน เจียงลู่นี่นึกถึงอะไรบางอย่าง เขามองออกไปด้านนอกและเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า
หลี่หยินฉิงกระโดดถอยหลังและจ้องไปที่เจียงลู่ฉีอย่างเย็นชา เจียงลู่ฉีสังเกตเห็นว่าเฮลิคอปเตอร์กำลังจะขึ้นบิน หลี่หยินนิ่งและคนอื่นต่างถ่วงเวลาเพื่อให้เฮลิคอปเตอร์หลบหนีอยู่
“เจียงลู่ฉี รถนายอาจจะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่มันก็ทำได้เพียงขับบนพื้นเท่านั้น ต่อหน้าเฮลิคอปเตอร์ของพวกเราแล้ว มันก็เป็นแค่เป้าหมายที่อยู่นิ่งๆนั่นแหละ”หลี่หยินฉิงพูด ในขณะที่ปืนกล ลูกขนาด 23 มิลลิเมตรที่อยู่ด้านหน้าเฮลิคอปเตอร์เล็งไปยังรถทัวร์ มุมของปืนสามารถปรับได้ถึง 130องศา และมันแทบจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่รถทัวร์จะหลบหนีจากมันไปได้
นอกจากนี้แล้ว มันยังมีจรวดต่อต้านรถถังหกลูกและจรวดอีก 36 ลูก แม้แต่เกราะของรถทัวร์จะแข็งมากก็ตาม มันก็ไม่สามารถที่จะทนทานกับอาวุธเหล่านั้นได้
เพียงแค่คิดว่ารถของเจียงลู่ฉีจะถูกทำลายและพังไป หลี่หยินฉิงก็มีความสุขมาก หลัวเจียเฟิงก็ล่องลอยไปด้วยความสุขด้วยเช่นกัน ในความคิดของเขาแล้ว เจียงลู่ฉีอาจจะทรง พลังแต่เขาโอหังมากเกินไป
“เยี่ยมเลย! พวกเรามีเฮลิคอปเตอร์! พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปแล้วละ” ฉินฮงฟางอุทานออกมา
“เฮลิคอปเตอร์จะทรงพลังมากพอที่จะฆ่าพวกเขาทิ้งได้ไหม?” หลี่เฉียนเฉียนถาม
“แน่นอนสิ ถ้ากองกำลังต่อสู้ภาคพื้นดินพบกับกองกำลังอากาศ โดยที่พวกเขาไม่มีอาวุธต่อต้านอากาศยานแล้วละก็ พวกเขาก็จะถูกบดขยอย่างราบคาบ” ฉินฮงฟางตอบกลับอย่างมั่นใจ ฉินฮงฟางไม่สามารถที่จะหาทางอื่นได้ นอกจากจะวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เมื่อเป็นทีมผู้รอดชีวิตแล้ว พวกเขาจะมีอาวุธต่อต้านอากาศยานได้ยังไงกัน?
แต่ปากกระบอกปืนยืดออกมาจากห้องสงครามของเจียงลู่ฉี ปากกระบอกปืนสีเงินนั้นบางจนดูไม่พิเศษอะไร ฉินฮงฟางคิดว่าเจียงลู่ฉีกำลังจะทำลายเฮลิคอปเตอร์ แต่เขาสังเกตว่าปากกระบอกปืนมันเล็กเกินไป แล้วเขาจะทำลายมันได้ยังไงกัน?
ในตอนนี้ คนขับในเฮลิคอปเตอร์เตรียมพร้อมที่จะยิงแล้ว “พร้อม…”
ทันใดนั้น ฝูงชนต่างได้ยินเสียงแหลม และพวกเขาต่างรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของพวกเขาต่างถูกกระชากออกมาจากอก ในเวลาเดียวกัน ปากกระบอกปืนสีเงินส่องประกายสีเงินออกมา
“ปากกระบอกแปลกๆนั่นมันยังไงกันเนี่ย?”
“พวกเขาต้องการทำอะไรกัน?” ฉินฮงฟางและคนอื่นต่างรู้สึกสับสน เมื่อปากกระบอกปืนสีเงินส่องประกายออกอีกหลายต่อหลายครั้ง แทนที่จะปลดปล่อยคลื่นพลังทำลายล้างหรืออย่างอื่นออกมา
“พวกเขาโง่เปล่าเนี่ย? ทำไมเจียงลู่ฉีถึงยังหัวเราะอยู่กัน? เขาบ้าไปแล้วเหรอ?” หลี่หยินฉิงตะโกนออกมา
อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ขับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาเงยหน้าขึ้นไปและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป! เฮลิคอปเตอร์สั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนกับว่ามันสูญเสียการคงตัวและมันเข้าใกล้พื้นดินมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัง!
เฮลิคอปเตอร์ล่วงกระแทกลงกับพื้น มันชนกับพื้นหลายต่อหลายครั้งจนเปลวไฟลุกโชนไปที่เครื่องและปล่อยควันดำออกมา หลังจากนั้นมันก็ระเบิดออก พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะหลบมันได้ทัน หัวหน้ายามถูกฆ่าตายไปในทันที แม้แต่หลี่หยินฉิงและหลัวเจียเฟิงต่างไม่สามารถที่จะหลบได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลี่หยินนิ่งล่วงหล่นลงบนพื้นและร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยดินและเศษหญ้า เขาไม่ได้มีเวลามาสังเกตร่างกายของเขาเลย เขาเพียงแต่สงสัยว่าทำไมเฮลิคอปเตอร์ของเขาถึงตกลงกันแน่
ปืนก็ยังไม่ได้ยิงออกไปด้วยซ้ำ!
หลี่หยินฉงนึกถึงปากกระบอกปืนแปลกๆที่อยู่หน้ารถทัวร์อีกครั้งหนึ่ง มันเห็นได้เด่นชัดเลยว่ามันไม่ธรรมดาเลย ซึ่งเป็นมันนี่เองที่ยิงเฮลิคอปเตอร์ตก
“ฟังก์ชั่น กระสุนกระแสไฟฟ้าหัวนี่มันเยี่ยมมากเลยนะ” เจียงลู่ฉีพูดพร้อมออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่พึงพอใจ
ทันทีที่เขายิงออกไป ฟังก์ชั่นทั้งหมดของเฮลิคอปเตอร์ได้ถูกปิดตัวลง ไม่สงสัยเลยที่ว่าทำไมเฮลิคอปเตอร์ถึงตกลงพื้นทันที มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากที่หลัวเจียเฟิงและหลี่หยินนิ่งต่างดูถูกเจียงลู่ฉีแบบนี้ พวกเขาแทบจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง การโจมตีด้วยพลังจิตที่ทรงพลังที่เป็นเหมือนกับเข็มได้โจมตีเข้าใส่หลี่หยินนิ่งและหลัวเจียเฟิง
การโจมตีทั้งสองโจมตีพวกเขาได้รุนแรงมาก หลังจากนั้น หลายต่อหลายคนได้พุ่งออกมาจากรถทัวร์ของเจียงลู่ฉี และพุ่งตัวเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว