My MCV and Doomsday - ตอนที่ 566
Chapter 566: กล้าบ้าบิน
เจียงลู่ฉีเข้าไปใน MCV และเดินไปยังห้องห้องหนึ่ง เขาเคาะประตูและเปิดประตูออก การแสดงออกของเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อห้องนี้เป็นห้องของผู้หญิง และหลังจากที่เข้ามาพักอาศัยพวกเธอได้ทําการตกแต่งและมันทําให้ดูอบอุ่นและดูสวยงาม
หลังจากที่อัพเกรด MCV แล้ว มันเป็นครั้งแรกสําหรับเจียงลู่ฉีที่เข้ามาในห้องนี้ เพียงเวลาไม่นานที่เขาเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมได้ลอยเข้ามาใส่จมูกของเขา มันเป็นแสงที่คุ้นเคยและกลิ่นที่น่าพึงพอใจแต่มันไม่ได้เป็นกลิ่นน้ําหอมหรือน้ํายาพ่นกลิ่น เจียงลู่ฉีที่อดทนไม่ไหวที่จะหายใจ เข้าลึกๆเพื่อที่จะค้นหาว่ามันคือกลิ่นของอะไร ไม่นานหลังจากนั้น เขาจึงตระหนักได้ว่านี่คือกลิ่นของผู้หญิงเมื่อพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เจียงลู่ฉีเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน แต่ตอนที่หญิงสาวรวมกันอยู่ในห้องนี้มันทําให้กลิ่นมันแรงขึ้น
หลันซิหยู่ เจียงจ๊อิง หลิง และหลี่ยู่ซินต่างอยู่ในห้อง เซียงซัวไฮ่กําลังนอนอยู่บนเตียงในขณะที่หลี่ยซินกําลังนั่งอยู่ข้างเธอ เธอนั้นเหนื่อยล้าอย่างมาก
“ยู่ซิน เหนื่อยหน่อยนะ แต่เธอทําได้ดีมากเลยละ” เจียงลู่ฉีพูด
หลี่ยซินยิ้มและพยักหน้า
หลังจากนั้นเจียงลู่เดินเข้าไปทางเตียง มองไปทางเซียงซัวไฮ้ “เธอตื่นแล้วสินะ” เจียงลู่นี่พูด
ก่อนหน้านี้ หลันซิหยู่ได้แจ้งเขาแล้วว่าเซียงซัวไฮ่พ้นขีดอันตรายแล้ว ใบหน้าของเซียงซัวไฮซีดขาวมาก และเธอดูอ่อนแอ เธอไม่ได้ตอบกลับเจียงลู่ฉีทันที แต่ทําเพียงแค่จ้องกลับใส่เขาไม่นานหลังจากนั้น เธอยิ้มออกมาและพูดด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”
“อื้ม มันเป็นเวลาที่ยาวนานเลยละ” เจียงลู่ฉีตอบกลับ เขายื่นมือออกไปจับมือเซียงซัวไอ่ อย่างนุ่มนวล
“เธอวางใจได้เลยว่าฉันจะช่วยอย่างดีที่สุด ในการแก้ไขปัญหาค่ายเธอ” เจียงลู่ฉีพูด
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา ดวงตาของเซียงซัวไฮโตขึ้น เธอไม่รู้เหตุผลว่าทําไม แต่เจียงลู่คอยที่จะทําให้เธอรู้สึกอบอุ่นอยู่ตลอด เทียบกับผู้คนในเมืองแล้ว เซียงซัวไฮ่เชื่อใจในตัวเจียงลู่ฉีมากกว่าคนเหล่านั้นเสียอีก เธอรู้ดีว่า เมื่อเจียงลู่ฉีสัญญาสิ่งใด เขาจะทํามันตามที่เขาพูด
“เธอควรที่จะไปพักก่อนนะ หลังจากที่เธอดีขึ้นแล้ว เธอค่อยบอกข่าวให้ฉันละกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เจียงลู่ฉีพูด
เมื่อเจียงลู่ฉีกําลังจะชักมือกลับ เซียงซัวไฮกุมมือของเขาไว้แน่น เธอส่ายหัวและพูดต่อ “ฉันว่าฉันสบายดีแล้วละ ยู่ชินได้ช่วยฉันแก้พิษทั้งหมดไปแล้ว ฉันสามารถที่จะบอกนายได้เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้นายอาจจะได้ยินว่าโรคระบาดมันแพร่กระจายที่ค่ายของฉันมาบ้างแล้วใช่ไหม? มันเป็นโรคระบาดที่ทําให้คนกลายเป็นซอมบี้”
เจียงจ๊อิงกระพริบตาและถามอย่างสับสน “อ๊า? ซอมบี้? นี่ไม่ใช่การติดเชื้อของไวรัสงั้นเหรอ?”
“คนหลายคนก็คิดแบบบนี้เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วมันแตกต่างไปจากไวรัส ไม่ว่าใครก็ตามที่ติดเชื้อไวรัส พวกเขาไม่ได้สูญเสียสติของพวกเขาไป ถึงแม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นแบบซอมบี้และนิสัยของพวกเขาค่อยๆที่จะเปลี่ยนไป พวกเขามีสติมากพอที่จะรู้ว่าพวกเขายังเป็นมนุษย์อยู่ แต่พวกเขาค่อยๆจะเปลี่ยนกลายเป็นศากซพเน่าเปื่อย ยิ่งแย่ไปกว่านั้น พวกเขายังคงมีสติอยู่ตลอดเวลา การเปลี่ยนไปเป็นซอมบี้ด้วยไวรัสมันคงเป็นโชคชะตาที่ดีกว่าและโหดร้ายน้อยกว่าโรคระบาดนี้เสียอีก…” เซียงซัวไฮพูด
ใบหน้าของหลี่ยชินขาวซีด เมื่อเธอจินตนาการว่ามันเกิดขึ้นแบบไหน ในขณะที่เจียงจ๊อิงรู้สึก ไม่สบายเนื้อสบายตัว แม้แต่หลิงยังขมวดคิ้ว
“มันเป็นมานานแค่ไหนแล้ว?” เจียงลู่ฉีถาม
เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าโรคระบาดมันอันตรายมากขนาดไหน แน่นอนว่ามันแย่ยิ่งกว่าการกลายเป็นซอมบี้ทันที โรคระบาดนี้มันทรมาณทั้งด้านจิตใจและร่างกายของคนที่เป็นผู้คนมากมายต่างเลือกที่จะฆ่าตัวตายแทนที่จะได้รับประสบการณ์เช่นนี้
“มันไม่ได้นานสักเท่าไหร่ แต่… คนมากมายตายไปแล้ว…” เซียงซัวไฮตอบกลับพร้อมกับริมฝีปากที่สั่นเครือ ไม่สําคัญว่าเป็นใคร หลังจากเห็นภาพที่น่าตกตะลึงแบบนั้นแล้ว พวกเขาคงจะหวาดกลัวอย่างมาก นี่คือเหตุผลที่ว่าทําไมเซียงซัวไฮถึงได้มาขอความช่วยเหลือ
“เซียงซัวไฮ เธอพักผ่อนก่อนได้เลย ยู่ซิน ดูแลเธอด้วยนะ” เจียงลู่นี่พูดและยืนขึ้น
พวกเขาได้มาถึงประตูทางเข้าของเมืองชิงไห่แล้ว เมื่อพระอาทิตย์กําลังจะตกดิน เงาของกําแพงสูงได้ปกคลุมรถ MCV ไว้ทั้งคัน ซึ่งมันได้เปลี่ยนกลับกลายเป็นร่างรถทัวร์ได้นานแล้ว
“ไม่เป็นไร แต่พวกเราอยู่ไหนกันแล้ว?” เซียงซัวไฮถาม
เซียงซัวไฮ้สังเกตเห็นว่าแสงมันค่อยๆมืดลง ดังนั้นเธอจึงหันกลับไปมองนอกหน้าต่าง ซึ่งเห็นเพียงแค่กําแพงเมืองเท่านั้น
“เมืองชิงไห่” เจียงลู่ฉีตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“อะไรนะ?” เซียงซัวไฮถามอย่างสับสน
เธอตัวแข็งที่อขึ้นมา เพราะว่าทีมจี้หยิงถูกตั้งค่าหัวโดยเมืองชิงไห่นี่เอง ดังนั้นทําไมพวกเธองมายังที่อันตรายแบบนี้ด้วยตัวของพวกเธอเองกัน?
ถึงแม้ว่าเซียงซัวไฮรู้ว่าเจียงลู่ฉีเป็นชายที่ทรงพลัง เธอยังคงคิดว่าพวกเธอควรที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าไปในเมืองชิงไห่อยู่ดี
“เจียงลู่ฉีต้องการที่จะสู้กับทั้งกองทัพเลยนี่นะ?”
“นายต้องการทําอะไร? ไม่ใช่ว่านาย…”
เจียงลู่ฉีพูดขัด “เอาละ ฉันรู้ดีแล้วละ ถึงความอันตรายในการมาที่นี่ แต่ฉันมาที่นี่เพื่อฆ่าคนสักคนหนึ่งนี่ละ”
ก่อนที่จะมาถึงเมือง เจียงลู่ฉีได้แจ้งสมาชิกที่เหลืออยู่ของหน่วยพายุและออกจากเมืองไปก่อนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า พวกเขาทั้งหมดจะตกลงกับคําขอของเขา ตั้งแต่ที่พวกเขาได้รับการพ่ายแพ้มาอย่างหนักหน่วง และพวกเขาต่างไม่ได้ชอบการที่ซงหลิงเฉินปฏิบัติกับพวกเขามาก่อนหน้านี้หรือความจริงที่ว่าพวกเขากําลังเช็ดขี้ให้กับคนอื่นอยู่ มันทําให้พวกเขาหันหลังให้กับเมืองบางทีพวกเขาอาจจะสามารถสร้างทีมและกองกําลังของตัวเองได้ในเมืองเล็กๆบางแห่ง
แน่นอนว่า ความตัดสินในการไปจากเมืองเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวงกับเมืองชิงไห่เมื่อกองกําลังต่อสู้ของพวกเขาคือหนึ่งในเหตุผลหลักที่เมืองพัฒนามาได้ถึงจุดนี้ แต่ในตอนนี้มันไม่มีใครสักคนที่สนใจพวกเขาเลย
“ฆ่าใครสักคน?” เซียงซัวไฮตกตะลึงกับความธรรมดาและใจเย็นกับคําว่า “ฆ่า” จากปากของเจียงลู่ฉีแบบนี้ก่อนที่เธอจะมีเวลาพูดอะไรต่อ เจียงลู่ฉีก็ได้เดินหนีไปแล้ว
“หยุด! หยุดนะ!” ทหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าประตูตะโกนออกมา
เมืองชิงไห่เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าขาย ดังนั้นมีทีมมากมายต่างมาทําธุรกิจที่นี่ ไม่แปลกใจที่ ยามจะได้รับผลประโยชน์บางส่วนจากการตรวจสอบทีมเหล่านี้
“หยุดให้พวกเราตรวจซะ!” กัปตันของยามตะโกนออกมา
“หยุด! หยุดนะ!” ทหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าประตูตะโกนออกมา
เมืองชิงไห่เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าขาย ดังนั้นมีทีมมากมายต่างมาทําธุรกิจที่นี่ ไม่แปลกใจที่ยามจะได้รับผลประโยชน์บางส่วนจากการตรวจสอบทีมเหล่านี้
“หยุดให้พวกเราตรวจซะ!” กัปตันของยามตะโกนออกมา
ชายหนุ่มที่ไว้เครา จ้องไปที่รถทัวร์เจียงลู่ฉีเหมือนกับว่าเขามองไปยังสมบัติ เมื่อเป็นกัปตันทีมชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างที่จะเก่งกาจในการตัดสินความแข็งแกร่งของทีม เขาพิจารณาแล้วว่าทีมด้านในรถทัวร์นี้แข็งแกร่งมาก ไม่อย่างงั้นแล้วพวกเขาจะขับรถทัวร์ในโลกที่มันเลวร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน?
นอกจากนี้แล้ว รถทัวร์ยังอยู่ในสภาพที่ดีมากอีกด้วย ในขณะที่ด้านในรถ ซึ่งเขามองผ่านเข้าไปกระจกหน้ารถ มันดูเหมือนจะหรูหรามาก ไม่ต้องพูดเลยว่าคนขับเป็นสาวงามอีกด้วยทําไมกัปตันคนนี้จะไม่หวั่นไหว?
“ลงไป! ทุกคนลงจากรถไปซะ!” กัปตันตะโกนออกมา เมื่อเขาต้องการที่จะเข้าไปมองสาวงามใกล้ๆ
กัปตันยกปืนของเขาขึ้นและตะโกนต่อ “เปิดประตูซะ!” เขากระตือรือร้นมากที่จะขึ้นไปบนรถทัวร์และค้นทุกอย่างในรถนั่น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาก็ตามที ไม่มีใครเปิดประตูให้กับเขา
“กัปตันครับ เกิดไรขึ้น? ทําไมคุณถึงหยุดกัน?” ในเวลาเดียวกัน จางไฮตะโกนมาจากด้านหลังปกติแล้ว เขาเรียกเจียงลู่ฉีว่า “พี่เจียง” อยู่ตลอด แต่เมื่อพวกเขากําลังจะเข้าเมืองชิงไห่เขาก็เรียกเจียงลู่ฉีว่ากัปตันแทน
สีของรถทัวร์ได้เปลี่ยนไปและเจียงลู่ฉีได้เปลี่ยนทะเบียนรถของเขาด้วยโลโก้ ดังนั้นมันไม่มีใครที่จะจดจําพวกเขาได้ง่ายๆ แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น การมาทางประตูของเมืองชิงไห่ตรงๆอย่างนี้แล้วมันยังคงอันตรายมากอยู่ดี แม้แต่หลัวเจียเฟิงก็ยังไม่ได้คาดคิดว่าทีมฉีหยิงจะกล้าบ้าบินแบบ
เจียงลู่นี่รู้ว่าพวกคนเหล่านี้จะแพร่กระจายข่าวไม่ได้เร็วสักเท่าไหร่ และไม่มีใครในพวกเขาเลยที่รู้ว่าเจียงลู่ฉีมีหน้าตาเช่นใด นี่คือเหตุผลที่ทําให้เจียงลู่ฉีกล้ามาตรงๆแบบนี้
“โอ้? นายมีรถสองคันงั้นเหรอ? กฎของทั้งสองคันก็เหมือนกัน! ลงจากรถมาซะ!” กัปตันพูดโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ยังไงก็ตาม เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถถังขึ้น กัปตันยามมองไปทางต้นกําเนิดของเสียงและเสียงของเขาก็ติดอยู่ในลําคอ “รถถัง! รถถังต่อสู้หลักรุ่น 99 นี่นะ!?” กัปตันตกตะลึงเมื่อเขาจ้องไปยังรถถัง
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย? ทําไมคนกลุ่มนี้ถึงขับรถถังได้กัน? มันเป็นรถรุ่นที่ดีที่สุดเลยนะ”กัปตันเห็นทีมผู้รอดชีวิตมามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นทีมผู้รอดชีวิตที่แปลกแบบนี้มาก่อน พูดตามปกติแล้ว มันไม่มีทีมไหนที่สามารถขับรถถังได้ ความสิ้นเปลืองของน้ํามันสูงมากจนไม่ว่าทีมไหนก็ตามก็แทบจะขับมันไม่ไหว ในขณะที่มันแทบจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยในการหากระสุนมาใช้สําหรับปืนหลักของรถถัง นอกจากนี้แล้ว โดยปราศจากการสนับสนุนของกองทัพแล้ว พวกเขาจะหากระสุนกันได้ยังไง?
ยามคนนี้ตกตะลึงมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้ยินชายในรถถังเรียกกัปตันของเขา ที่ซึ่งอยู่บนรถทัวร์ซะอย่างงั้น
“มีอะไร เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ให้พวกเราเข้าไปได้แล้ว” จางไฮ้ตะโกนออกมา “เฮ้! ฉันพูดกับนายอยู่นะ!” จางไฮ้กําลังยกปืนกลของเขา และทุบลงไปยังปืนกลหลักของรถถังด้านบนรถอยู่”
กัปตันกลืนน้ําลายและถามต่อ “นายกล้าดียังไงขับรถถัง? มันเป็นของกองทัพนะ นายขโมยมันมาหรือไปแอบขึ้นมากัน? ส่งคืนมันไปให้กับทางกองทัพนะ!” เขาพูดต่อ “นายไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น! ตามฉันไปยังเขตทหารซะ!” กัปตันตบไปยังปืนของเขาและเรียกคนมาช่วยจากวิทยุของเขา ทีมแปลกๆนี้มันทําให้เขารู้สึกกังวลมาก
“นายว่าไงนะ? พูดอีกทีดิ์! เออ ฉันขโมยรถถังมาเองนี่แหละ และมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของนายด้วยเหมือนกัน” จางไฮ้ตะโกนต่อ แต่หยุดหลง หลังจากเห็นเจียงลู่ฉีโบกมือให้กับเขา
เจียงลู่ฉีตั้งใจที่จะไปยังเขตทหารอยู่แล้ว และเขาต้องการที่จะให้ใครสักคนพาพวกเขาไปด้วยเช่นกัน
“นาย วางอาวุธลงและลงมาจากรถถังซะ” กัปตันตะโกนออกมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่กลับกลายเป็นว่าจางไฮ้ปิดฝารถถังอย่างดัง หลังจากนั้นปากกระบอกปืนค่อยๆหันไปเล็งยังกัปตันยามแทน ชายที่น่าสงสารคนนี้กลืนน้ําลายของเขา และไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อหน้าจางไฮ่อีก
“อย่าขยับ!”
โชคดีที่ทีมสนับสนุนมาได้ทันเวลา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพวกที่อ่อนแอก็ตาม พวกเขายังคงค่อนข้างที่จะมั่นใจ เมื่อคนคอยสนับสนุนเขาเป็นกองทัพท
หัวหน้าของหน่วยสนับสนุนเป็นชายหัวแหลม ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น เขาข่มขู่ออกมา “ตามฉันมา! ฉันเตือนนายไว้ก่อนเลยนะว่า ถ้านายกล้าที่จะสู้ด้านในนั้น ฉันสัญญาเลยว่านายจะต้องเสียใจ!” หลังจากนั้นกัปตันหัวแหลมมองไปทางกัปตันยาม พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ตราบเท่าที่พวกเขาส่งรถถังไปให้กับทางกองทัพ พวกเขาทั้งหมดก็จะได้รับรางวัลเมื่อรถถังเป็นอาวุธที่ล้ําค่า
“ตามฉันมา!” เขาตะโกนออกมา
เจียงลู่ฉียิ้มและพูด “ไปกันเถอะ”
เซียงซัวไฮ้มองไปที่ชายหัวแหลมอย่างสงสาร เขาเป็นชายที่น่าสงสารมาก เขาคงไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะชวนหมาปาเข้าไปในบ้าน ไม่สําคัญว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน เขาก็จะต้องจ่ายถึงราคาของมันอย่างแน่นอน
จางไฮมองอย่างเหยียดหยามใส่พวกเขา ก่อนที่จะตามหลังเข้าเมืองไป
อ่านได้ที่ wwwcat2auto.com