My MCV and Doomsday - ตอนที่ 482
Chapter 482: ตัวตลก
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้กับประตูมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของลู่ฉานชานก็เต้นดังออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและก็หยุดอยู่หน้าประตู “นี่มันห้องของฉันเอง..”ลู่ฉานชานหันกลับไปพูด
“เธอไม่ได้ต้องการให้ยู่ซินช่วยเธองั้นเหรอ? อย่าเสียเวลาของพวกเราเลย เปิดประตูซะ!”เจียงลู่ฉีพูดขัดเธอ
ลู่ฉานชานส่ายหัว ที่จริงแล้วเธอต้องการที่จะแลกเปลี่ยนคำพูดกับเจียงลู่ฉีหลายคำพูด เพื่อที่จะทำให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้สักเล็กน้อย ยังไงก็ตามพวกเขาก็เคยเป็นเพื่อนร่วมห้องมาก่อน อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่เจียงลู่ฉีเป็นคนใจร้อนเช่นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำเดียว
“ยู่ซิน ฉันกำลังจะไปเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจร่างกาย เมื่อฉันพร้อมแลวฉันจะบอกให้เธอเข้ามาด้านใน”ลู่ฉานชานพูดออกมาอย่างกระตือรือร้นกับหลี่ยู่ซิน
หลี่ยู่ซินพยักหน้าและยืนอยู่ที่เดิม ลู่ฉานชานเปิดประตูออกมา เท้าข้างหนึ่งของเธอก็เข้าไปในประตูแล้ว ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ฉานชานก็จางหายไปในทันที เธอนั้นมีแววตาที่สับสนอยู่ในดวงตา มันผสมไปด้วยอารมณ์ที่ได้รับการปลดปล่อยและความสงสาร
‘เจียงลู่ฉี ถ้านายอ่อนโยนกับฉันมากกว่านี้สักเล็กน้อยแล้วละก็ฉันก็อาจจะลังเลสักเล็กน้อยในการหลอกนาย สำหรับหลี่ยู่ซินแล้ว เธอก็ควรที่จะรับผลกรรมนี้ไปด้วย เธอนั้นได้มีชีวิตที่มีความสุขมานานมากแล้ว มันเป็นตาของฉันแล้วในตอนนี้!’ลู่ฉานชานคิด เธอรู้ดีว่าหลินเว่ยและคนอื่นจะโจมตีในทันทีแลเพียงเวลาไม่นานคนด้านนอกก็จะเต็มไปด้วยรูกระสุนทั่วร่าง
‘ปัง!’
เสียงปืนก็ดังขึ้นมาในทันที ถึงแม้ว่าลู่ฉานชานจะตกตะลึงกับเสียงของมัน เธอก็ยังคงใจเย็นอยู่เหมือนเดิม เธอได้คาดการณ์ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไว้แล้ว แต่ในเวลานั้นเองเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเธอนั้นแข็งทื่อ ควบคู่ไปกับเสียงที่ดังก้องออกมา เธอก็เห็นชายคนหนึ่งล้มลงไปอย่างช้าๆ
จากจุดที่เธอยืนอยู่ เธอก็สามารถที่จะมองเห็นร่างกายครึ่งร่างของชายคนหนึ่งได้ที่ซึ่งเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของหลินเว่ย ในความเป็นจริงแล้วลู่ฉานชานก็รู้จักเขาดี เขาเป็นชายที่มีความสามารถในการยิงปืนที่เก่งกาจ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงอันโหดร้ายนี้นั้นก็คือเขากำลังล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างไม่มีชีวิตซึ่งพร้อมกับปืนที่อยู่ในมือของเขาและดวงตาที่เปิดกว้าง
‘ตุบ! ตุบ! ตุบ!’
ร่างแล้วร่างเล่าก็ล่วงหล่นลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตา ด้านหน้าของลู่ฉานชานก็มีศพที่ไร้ชีวิตนอนกองอยู่บนพื้นถึงแปดศพ ซึ่งทั้งหมดต่างเป็นมือปืนที่รอลอบโจมตีที่อยู่ตรงหน้าต่าง!
ลู่ฉานชานรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่ออย่างมาก หลังจากผ่านไปหลายวินาที เธอก็หลุดออกมาจากสภาพที่สับสนและหลังจากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเสียงปืนดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
ขาของหวังคุยสั่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้กระทั่งริมฝีปากของเขาก็สั่นสะท้านอย่างหนักหน่วง….เขายืนอยู่ด้านหลังลู่ฉานชานหนึ่งก้าว ดังนั้นเขาจึงอยู่ใกล้กับเจียงลู่ฉีมากกว่าเธอ เขารู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่แทบจะไม่ได้ยินกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างช้าๆ แต่หูของเขานั้นทุกก้าวที่เหยียบลงไปของเจียงลู่ฉีเหมือนกับเสียงของกลองที่ถูกตีอย่างรุนแรง
ลู่ฉานชานยืนนิ่งอยู่ในจุดเดิมที่ยืนอยู่ เธอเห็นเจียงลู่ฉีและหญิงสาวคนอื่นต่างเดินเข้าไปในบ้านและมาถึงด้านหน้าเธอ พวกเขาต่างเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย…
ในบ้านหลังนั้นหลินเว่ยและลูกน้องของเขาต่างยืนแข็งทื่อ พวกเขาได้จัดการให้มือปืนแปดคนยืนอยู่หน้าต่างและพวกเขาต่างเป็นมือปืนที่มีความสามารถ นอกจากนี้แล้วหน้าต่างไม่เพียงแต่มีฝุ่นเขรอะเพียงอย่างเดียว แต่มันยังถูกปกคลุมด้วยผ้าม่านอีกด้วย อย่างไรก็ตามเพียงแค่เวลานั้นเอง เมื่อพวกเขากำลังจะยิงปืนออกไป เจียงลู่ฉีก็ชักปืนออกมาเหมือนกับว่าเขาไม่จำเป็นต้องเล็งเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต่างยืนอยู่ในมุมที่แตกต่างกันออกไปและก็ถูกเขายิงออกมาพร้อมกันๆ!
ในชั่วพริบตา มือปืนที่หลบอยู่หลังหน้าต่างก็ถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นทั้งหมดโดยไม่มีโอกาสได้ยิงเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกคนต่างถูกฆ่าโดยการยิงเข้าที่หัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาสในการที่จะได้ทำอะไรเลยสักอย่างและด้วยเหตุนี้นี่เองพวกเขาจึงถูกส่งไปลงนรกในทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจียงลู่ฉีนั้นได้ฆ่าพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวของเขาเพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่ความสามารถในการยิงปืนของเขาจะอยู่ในระดับสุดยอดมากแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถระบุตำแหน่งของมือปืนได้อีกด้วย!
หลินเว่ยรู้สึกมันไม่น่าเชื่อและสงสัยว่าทำไมสถานการณ์มันจึงเลวร้ายเช่นนี้ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาบางกับลูกน้องที่เหลืออยู่ “ไม่ต้องกังวลไป! พวกเรายังมีคนอีกนับสินคนและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่พวกเขามีกันแค่ห้าคนเท่านั้นและอีกสี่คนเป็นผู้หญิง อย่ากลัวไป!”
มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดที่ก่อนเสียงของเขาจะหายไป เสียงอันเย็นยะเยียบขึ้นไปดังข้างหูของเขา ‘อย่าดูถูกผู้หญิงอย่างพวกเรานะ’
หลังจากนั้นเขาก็เห็นเงาดำผ่านเขาไปและในชั่วพริบตา คนหลายคนที่ลอบโจมตีอยู่ด้านข้างประตูต่างกุมคอของพวกเขา แต่เลือดก็ไหลผ่านนิ้วของเขาออกมา คนเหล่านั้นต่างตัวกระตุกและก็ล้มลงไปและสุดท้ายเงานั้นก็เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเธอออกมา เธอนั้นเป็นสาวที่เหมือนกับแมวที่ดูเหมือนรวมร่างเข้ากับเงา เธอก็ยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบงัน แต่กริชของเธอนั้นมีเลือดไหลหยดออกมา ดวงตาของเธอทั้งไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงใจเย็นอยู่ เมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ก็ทำให้หลินเว่ยรู้สึกผิวหนังเสียวซ่านไปหมด แต่เสียงที่เขาได้ยินคือใครกัน!?
หลังจากที่ฆ่าคนไปหลายคนในชั่วพริบตาและพร้อมกับคนที่ฆ่าพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวเพียงคนเดียว เฟิงยี่และคนอื่นพึ่งจะตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ระมัดระวังเลย พวกเขาเหมือนกับกบในบ่อน้ำ – ที่เห็นท้องฟ้าเพียงแค่เล็กน้อย พวกเขาต่างคิดว่าแผนของพวกเขานั้นไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับรู้ว่าทีมที่ดูอ่อนแอนั่นเต็มไปด้วยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่น่าหวาดกลัว
ลู่ฉานชานตกตะลึงอย่างมาก มันกลับกลายเป็นว่าความสามารถในการยิงปืนของเจียงลู่ฉีนั้นดีอย่างมาก มันเห็นได้เด่นชัดเลยว่าไม่มีสมาชิกคนใดของเขาธรรมดาเลยแม้แต่คนเดียว
หลินเว่ยก็ใจเย็นลงและพูดออกมา “เฟิงยี ฉันและนายควรที่จะสู้กับเด็กหนุ่มนั่น ถึงแม้ว่าความสามารถในการยิงปืนของเขาจะน่าหวาดกลัว ตราบเท่าที่พวกเราร่วมมือกัน เขาก็จะไม่สร้างปัญหากับพวกเรา พวกนายสองคนไปจับสาวที่เหมือนแมวนั่นไป คนอื่นก็ไปจับผู้หญิงที่เหลือที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงลู่ฉี”หลินเว่ยก็สั่งออกมา เพราะว่าเขารู้ดีว่าหลี่ยู่ซินเป็นแค่หมอและเขาก็สามารถที่จะสัมผัสการไหลเวียนพลังงานเพียงแค่เล็กน้อยจากหญิงสาวคนอื่น เขาคิดว่าตราบเท่าที่เขาจดจ่อไปที่สามสาว เจียงลู่ฉีก็จะระมัดระวังในการกระทำของเขา
แต่มันก็ไม่มีการรอพวกเขาให้ทำอะไรเลยสักอย่าง สาวงามที่สูงก็เดินมาหาพวกเขาตรงๆ เจียงจู้อิงก็ยิ้มและพูดออกมา “นายต้องการจับฉันงั้นเหรอ? ทำไมต้องทำให้ยุ่งขนาดนั้นด้วยละ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ หลินเว่ยก็ตกตะลึงมาก เธอได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูดเลยงั้นเหรอ?
ที่จริงแล้วไม่เพียงแค่เจียงจู้อิง แต่เจียงลู่ฉีก็ได้ยินคำพูดของเขาอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
“พี่หลิง พี่ทำงานหนักแล้ว มานี่ก่อนเถอะค่ะ”เจียงจู้อิงพูดและหลังจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาและเดินเข้าไปใจกลางห้องพร้อมกับอุปกรณ์ที่ถูกพันผ้าไว้ที่เธอถือมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ลู่ฉานชานก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังไปแล้วก็รู้สึกถึงความหวังเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นได้ว่าท่าทางของเจียงลู่ฉีต่อหญิงสาวคนนี้ดีมาก มันเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นห่วงเธออย่างมาก ถ้าพวกเธอสามารถที่จะจับตัวเธอไว้ได้ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเคลื่อนไหว เจียงจู้อิงก็ชักดาบยาวของเธอออกมาและผ้าพันของมันก็ล่วงหล่นลงบนพื้น เปิดเผยให้เห็นคมดาบที่สว่างวาบและโซ่ที่พันรอบมัน และหลังจากนั้นก็กระแสสไฟฟ้าก็ไหลผ่านออกมาและล้อมรอบอาวุธที่เย็นยะเยียบ
‘บึ้ม!’
ทุกคนต่างได้ยินเสียงระเบิดดังออกมาจากร่างกายของเจียงจู้อิงรวมทั้งการไหลเวียนพลังงานที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขาม การไหลเวียนพลังงานทำให้หลินเว่ยและลูกน้องของเขาหวาดกลัวอย่างมาก ในเวลาเดียวกัน ดาบยาวของเจียงจู้อิงก็ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าที่มีรูปร่างเป็นงูไฟฟ้าออกมา ในขณะที่กระแสไฟฟ้าสีเงินนั้นล้อมรอบตัวของเจียงจู้อิง เธอก็มองไปที่หลินเว่ยและลูกน้องของเขาเหมือนกับพวกเขาเป็นแค่พวกหนอนไร้ประโยชน์
ทั้งลู่ฉานชานและหวังคุยรู้สึกว่าผิวหนังของเขาแสบซ่านอย่างมากและพวกเขาต่างมองไปที่เจียงจู้อิงอย่างหวาดกลัว
‘ซี่-‘
ทันใดนั้นการระเบิดพลังงานก็ทำให้วิสัยทัศน์ของทุกคนมืดบอดและพวกเขาก็โดนโจมตี แต่ไม่มีใครกรีดร้องออกมาเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อสายตาของพวกเขาค่อยๆฟื้นฟูกลับมา พวกเขาก็เห็น,กน้องของหลินเว่ยยืนอยู่ที่เดิม แต่ผิวหนังของพวกเขาต่างไหม้เกรียม
เจียงจู้อิงก็ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรสักอย่างลงไป เธอพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกออกมา “คนเหล่านี้มันอ่อนแอเกินไป” คนเหล่านี้ต่างอ่อนแอเกินไปที่เธอจะใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง เธอยังไม่ได้พบเจอกับศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อเลยตั้งแต่ที่เธอวิวัฒนาการมา การปลดปล่อยพลังงานของเธอก่อนหน้านี้ก็ไม่ต่างไปจากการบิดคลายกล้ามเนื้อ
มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดที่มีใครสักคนหนึ่งกระโดดไปหาหลัวหมิงที่กำลังนอนอยู่ตรงมุมห้อง ชายคนนั้นก็คือหลินเว่ยที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังตู้ไม้ที่อยู่ด้านหลัง แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะหลบการโจมตีของเจียงจู้อิงได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อสังเกตเห็นมันเจียงลู่ฉีก็ประหลาดใจ มันเหมือนกับว่าหลินเว่ยมีความสามารถอยู่สักเล็กน้อยเหมือนกัน
‘ปัง!’
ในช่วงเวลาสั้นๆ ความเร็วในการยิงปืนของเจียงลู่ฉีรวดเร็วเหมือนกับสายฟ้าและเขาก็ยิงไปที่ขาของหลินเว่ยอย่างแม่นยำ
“อ๊า!”
หลินเว่ยก็ล้มลงไปบนพื้น เขาก็กรีดร้องออกมาอย่างฉับพลันเนื่องจากว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของเขานั้นเจ็บปวดมากเกินไป
เจียงลู่ฉีก็เดินไปยกหลินเว่ยขึ้นมา
เมื่อเห็นเจียงลู่ฉียกชายแกร่งด้วยมือเดียวได้นั้นเองหวังคุยก็ไม่สามารถที่จะอดกลั้นความกลัวได้อีกต่อไปและก็ล้มลงไปบนพื้นในทันที ในความคิดของเขานั้นเจียงลู่ฉีเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัว
เจียงลู่ฉีมองไปที่หลัวหมิงและหลังจากนั้นก็ดึงผ้าปิดปากของเขาออกมา “หลัวหมิง ใครเป็นคนตีนายจนเป็นแบบนี้กัน? ใช่เขาหรือเปล่า?”เจียงลู่ฉีถามออกมา ในขณะที่ชี้ไปที่หลินเว่ย
หลินเว่ยหายใจอย่างหนักหน่วงและใบหน้าของเขาก็ซีดขาวเหมือนกับกระดาษ หลัวหมิงก็หันไปมองอย่างอึดอัดใจและพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว
“เอาเถอะ ฉันรู้แล้ว”เจียงลู่ฉีมองไปที่หลินเว่ย
หัวใจของหลินเว่ยเต้นเร็วอย่างมากแล้วเขาก็อดกลั้นความเจ็บที่ขาของเขา เขาพูดออกมา “พี่เจียง พี่เจียง! มันเป็นเฟิงยี่ที่บังคับผมให้ทำแบบนี้..”
“เฟิงยี่? ฉันไม่รู้จักและฉันก็ไม่สนใจเขาด้วยเช่นกัน”เจียงลู่ฉีพูดขัด
ความเย็นยะเยียบสว่างวาบในดวงตาของหลินเว่ยและร่างกายของเขาก็บิดตัวอย่างฉับพลันและโจมตีใส่เจียงลู่ฉี อย่างไรก็ตามเจียงลู่ฉีก็แค่เหวี่ยงตัวหลบไปด้านข้างและหลังจากนั้นแสงสีเงินก็สว่างวาบในมือของเขา
‘ปึ้ก!’
จากด้านหลังของเขา ดาบปลายปืนก็เจาะทะลุหัวของหลินเว่ยอย่างแม่นยำ เมื่อเจียงลู่ฉีชักอาวุธของเขาออกมา หลินเว่ยก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
“นี่เป็นการลงโทษของนาย นายสมควรได้รับมัน”เจียงลู่ฉีพูด ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยคิดกับหลินเว่ยดีๆเลยแม้แต่นิดเดียว
หวังคุยที่ตัวสั่นไปมาอยู่บนพื้นก็มึนงง เขาก็ไม่สามารถที่จะเชื่อได้เลยว่ามันพึ่งจะผ่านไปไม่ถึงสามนาทีตั้งแต่ที่เจียงลู่ฉีเข้าไปในบ้านและทุกคนก็ถูกสังหารกันทั้งหมดแล้ว!
ในเวลาเดียวกันลู่ฉานชานก็ร้องออกมา เธอก็ชี้ไปที่หวังคุยและพูดออกมา “หวังคุย นายมันเป็นไอ้สัตว์ป่า นายกล้าที่จะหลอกฉันได้ยังไงกัน? ไม่สงสัยเลยตอนที่ฉันพูดว่าฉันต้องการที่จะไปขอความช่วยเหลือจากยู่ซิน นายจึงตามไปด้วยสินะ!”เธอพูดออกมาในขณะที่เดินไปด้านข้างเจียงลู่ฉี เธอนั้นตัวสั่นกลัวและร้องไห้ออกมา “เจียงลู่ฉี ฉันขอโทษจริงๆ ฉันโดนเขาหลอก โชคดีจริงๆที่นายทรงพลังมากพอ มิฉะนั้นแล้วละก็พวกนายทั้งหมดก็คงจะตายกันหมดเพราะฉัน…”
“ไม่ มันไม่ใช่ฉัน ฉัน…”เสียงของหวังคุยนั้นสั่นเครือ
เจียงลู่ฉีมองไปที่ลู่ฉานชานและถามออกมา “เธอมั่นใจแล้วเหรอ? เธอร้องไห้ออกมาเพราะว่าเธอโทษตัวเองอย่างงั้นเหรอ?”
ลู่ฉานชานมองไปที่เจียงลู่ฉีและดวงตาของเธอก็มีประกายแห่งความหวัง เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “แน่นอนเลย! ในความเป็นจริงแล้วมันมีบางสิ่งที่ฉันไม่ได้บอกนาย ฉัน…ฉันหวังไว้จริงๆว่านายจะสามารถพาฉันไปด้วยได้ แต่ฉันกลัวว่าฉันจะกลายเป็นภาระของนาย ฉันจำนายได้เป็นอย่างดีเลยละ เพื่อนของนายเคยบอกฉันว่าเขาต้องการที่จะแนะนำนายให้กับพวกเรา ฉันมีความสุขมากเลยละตอนนั้น แต่นายไม่เคยที่จะติดต่อฉันกลับมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจึงโกรธนายมากเลยในตอนนั้น…แต่หลังจากนั้นฉันก็รู้สึกเสียใจ ฉันควรที่จะทักนายก่อน”ลู่ฉานชานพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม เธอเชื่อไหมว่าชายคนนี้จะอ่อนโยนกับหญิงสาวที่นับถือเขา
อย่างไรก็ตาม เจียงลู่ฉีก็เพียงแค่เหลือบมองไปที่ลู่ฉานชาน แต่เขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาเสียมิได้
ลู่ฉานชานมึนงง เมื่อเธอเห็นเจียงลู่ฉียิ้มออกมา ในความเป็นจริงแล้วเธอคิดว่าเจียงลู่ฉีนั้นหล่อมากพร้อมกับสเน่ห์ที่สุดแสนพิเศษและก็รู้สึกว่าเธอนั้นใสซื่อมากเกินไปในอดีต
ตั้งแต่ที่เจียงลู่ฉียิ้มออกมา ลู่ฉานชานก็ยิ้มตามด้วยเช่นกัน “ฉันขอโทษจริงๆที่จะบอกนายว่า…”
“ลู่ฉานชาน ฉันนับถือในความสามารถการแสดงของเธอจริงๆ”เจียงลู่ฉีพูดออกมา
“อ๊า?”ลู่ฉานชานมองไปที่เจียงลู่ฉีอย่างมึนงง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความใสซื่อ
“เธอรู้ไหมว่ามันมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตในโลกใบนี้ที่พวกเราอาศัยอยู่กัน? จากทันทีที่เธอออกไปหาหลัวหมิง พวกเราก็ได้ติดตามเธออยู่แล้ว พวกเรารู้ดีว่ามันมีการลอบโจมตีเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเริ่มต้น”เจียงลู่ฉีพูดออกมาอย่างเชื่องช้า แต่ทุกคำพูดของเขาก็เหมือนกับค้อนใหญ่ที่ทุบลงไปบนหัวของลู่ฉานชาน เธอก็เหมือนตกอยู่ในความสิ้นหวังอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับขาของเธอที่สั่นสะท้านอย่างไม่ได้ตั้งใจและริมฝีปากของเธอก็สั่นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ลู่ฉานชานก็เข้าใจแล้วว่าเจียงลู่ฉีปฏิบัติเธอเหมือนกับเป็นตัวตลกที่กำลังหลอกเด็กอยู่
เธอร้องออกมาอีกครั้งหนึ่ง “พี่เจียง! ฉันแค่สับสนไป…ได้โปรดละ ไว้ชีวิตฉันด้วย…พวกเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาก่อน…ฉันเป็นผู้หญิงที่สิ้นหวังนะ…”ลู่ฉานชานตะโกนออกมา
โชคร้ายสำหรับเธอที่เห็นเพียงแค่เจียงลู่ฉียกปืนของเขาขึ้น ลู่ฉานชานก็ก้าวถอยไปอย่างตื่นตระหนกและจ้องไปที่เจียงลู่ฉีและส่ายหัวของเธออย่างช่วยไม่ได้ “เจียงลู่ฉี อย่าเลยนะ! นายต้องการที่จะฆ่าผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ?”
‘ปัง!’
พร้อมกับหมอกที่พวยพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืน เจียงลู่ฉีก็มองไปที่ร่างกายที่หล่นลงของเจียงลู่ฉีและเขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน?”