My MCV and Doomsday - ตอนที่ 481
Chapter 481: ลอบโจมตี
หลัวหมิงกัดลงไปที่เนื้อโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่เขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปและความยากของอาหารของเขาก็น้อยมาก เขาก็ไม่สามารถที่จะกินมันได้มากสักเท่าไหร่ เนื้อบาบีคิวก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาเคยกินอยู่บ่อยๆในอดีต มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่หลัวหมิงจะรู้สึกว่าโชคดีมากที่เขาได้เพลิดเพลินไปกับเนื้อแสนอร่อยนี้และมันก็เป็นเพราะเจียงลู่ฉี
ในเวลาเดียวกันหวังคุย ลู่ฉานชานและคนอื่นต่างมองมาที่พวกเขาอย่างอิจฉา หลังจากที่กัดไปอีกหลายคำ หลัวหมิงก็หยุดกินและหลังจากนั้นก็ถามเจียงลู่ฉีพร้อมกับรอยยิ้ม “เจียงลู่ฉี ฉันขอ…”
“ให้พวกเขากินด้วยสิ”เจียงลู่ฉีตอบกลับตรงๆ
“ขอบคุณนะ เจียงลู่ฉี โอ้ ขอโทษครับ พี่เจียง”หวังคุยพูดอย่างมีความสุข เขารู้ดีว่าเจียงลู่ฉีทำแบบนี้เพราะหลัวหมิง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับเจียงลู่ฉีในตอนมหาวิทยาลัย หวังคุยก็เรียกเจียงลู่ฉีว่า ‘พี่ชาย’ เพื่อการเยินยอ
เฉินจิงรู้สึกขอบคุณเจียงลู่ฉีอย่างมากสำหรับการที่ให้พวกเขากินเนื้อบาบีคิว ลู่ฉานชานก็ลังเลใจ ที่จริงแล้วเธอต้องการที่จะปฏิเสธมัน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็อดที่จะไม่ต้านทานความอยากกินเนื้อบาบีคิวได้ หลังจากได้รับเนื้อไปแล้วเธอก็อดใจรอที่จะกินมันไม่ไหว เนื้อชิ้นนี้นั้นเอร็ดอร่อยอย่างมาก เจียงลู่ฉีและหลี่ยู่ซินมีอาหารที่แสนเอร็ดอร่อยเช่นนี้ทุกวันงั้นเหรอ?
หลังจากที่หลัวหมิงแบ่งเนื้อกับนักศึกษาคนอื่นเสร็จแล้ว เขาก็ตบมือและหยุดกิน “เจียงลู่ฉี นายมาจากที่ไหนกัน?”หลัวหมิงถามอย่างสงสัย
“เซียหยวน”เจียงลู่ฉีตอบ เมื่อเห็นหลัวหมิงไม่รู้ว่าเซียหยวนคือที่ไหน เจียงลู่ฉีก็พูดต่อ “มันคือเขตจงซาน”
“ว้าว! มันไกลมากเลยนะ”หลัวหมิงพยักหน้า
เจียงลู่ฉียิ้มออกมาบางๆ เขาสงสัยว่าหลัวหมิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้าเขารู้ความจริงที่พวกเขานั้นขับมาจากพื้นที่ซ้ายสุดกันแน่
“ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่นายพูดถึงก่อนหน้านี้รู้อะไรบ้าง?”เจียงลู่ฉีถามตรงๆ ถึงแม้ว่าซูกวงฉีและซูตงก็รู้ว่าพื้นที่ปลอดภัยในเจียงหนิงผ่านวิทยุ มันเป็นข้อมูลข่าวสารเท่านั้น
“สถานการณ์ของเขตเจียงหนิงงั้นเหรอ…เขาพูดว่ามันพื้นที่ปลอดภัยที่อยู่ภายใต้การควบคุมอันเข้มงวดอยู่และคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ พื้นที่ล้อมรอบต่างวุ่นวายอย่างมาก คนธรรมดาทั่วไปและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติต่างอาศัยอยู่ด้วยกันและนายก็สามารถที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่นายต้องการในพื้นที่ผู้รอดชีวิต ถ้านายต้องการที่จะขายอะไรสักอย่าง นายก็จะสามารถหาคนซื้อมันได้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังบางคนจากเจียงเบยก็ไปทำการค้าขายที่นั่น แต่ถ้าความแข็งแกร่งของใครสักคนนั้นไม่เพียงพอ พวกเขาก็จะถูกกลืนกินไป”หลัวหมิงพูดตามคำพูดของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ
“เอ่อ…”เจียงลู่ฉีไม่รู้จะตอบอะไร แต่สถานการณ์ของเจียงหนิงนั้นเป็นแตกต่างไปจากสิ่งที่เขาได้ยินมา พื้นที่เขตการทหารก็ดูเข้มงวดอย่างมาก
“ถ้านายไม่รีบแล้วละก็ฉันจะไปบอกให้คนนั้นมาหานาย ดังนั้นนายจะได้ถามเขาได้”หลัวหมิงแนะนำ
“มันเป็นความคิดที่ดี”เจียงลู่ฉีพยักหน้า
หลัวหมิงพยักหน้ากลับและหลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งไปเรียกชายคนนั้น เจียงลู่ฉีก็มีความตั้งใจที่จะบอกหลินเว่ยว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่นานขึ้นอีกสักเล็กน้อย แต่เขาก็ไปที่ไหนก็ไม่รู้ มีเพียงลูกน้องของเขาที่เหลืออยู่และจ้องมาที่พวกเขา
“ซิหยู่ จดจ่อความสนใจไปที่พวกเขาให้มากกว่านี้”เจียงลู่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
“โอเค”หลันซิหยู่พยักหน้า
ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ เจียงลู่ฉีก็ไม่รู้สึกร้อนรน แต่เขาก็ระมัดระวังตัวด้ยเช่นกัน มันก็เหมือนกับสำหรับหวังคุยและคนอื่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาในอดีต เจียงลู่ฉีก็ไม่เชื่อใจพวกเขาง่ายๆ สุดท้ายแล้วเวลามันก็ผ่านไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย แม้จะก่อนวันโลกาวินาศ เจียงลู่ฉีก็ไม่เคยเป็นคนที่โดนหลอกลวงได้ง่าย ท่ามกลางพวกเขาแล้ว เจียงลู่ฉีก็รู้จักหลัวหมิงดีแค่คนเดียวเท่านั้น
ลู่ฉานชานเหลือบตามองไปที่เจียงลู่ฉีและหลังจากนั้นก็ดึงหวังคุยและเฉินจิงไป “ไปกันเถอะ”
….
ในฐานทัพผู้รอดชีวิต ผู้ชายและผู้หญิงต่างอยู่ในห้องใหญ่ คนที่แข็งแกร่งสามารถที่จะอาศัยอยู่ในห้องที่ใหญ่กว่านี้พร้อมกับคนอีกหลายคน มีเพียงแค่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ในห้องเดี่ยวซึ่งเหมาะสมได้
ชายที่หลัวหมิงกำลังมองหาอยู่นั้นอยู่ในห้องใหญ่ ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็เป็นผู้ดูแลระดับต่ำและมันก็เป็นเรื่องปกติที่หลัวหมิงจะไม่พูดคุยกับเขา เมื่อสถานะของพวกเขาแตกต่างกันมากเกินไป สิ่งที่หลัวพูดมาก่อนหน้านี้ก็เป็นเนื้อหาการพูดคุยกันระหว่างผู้ดูแลและคนอื่น หลัวหมิงจำเป็นที่จะต้องอ้อนวอนให้เขาช่วยเจียงลู่ฉี
ผู้ดูแลเป็นชายหัวล้านที่กำลังนั่งอยู่ในห้องและกินอาหารกับคนอื่น พวกเขากำลังกินผัดผักซึ่งมีเนื้อมากกว่าที่หลัวหมิงและคนธรรมดาทั่วไปกินกัน เมื่อหลัวหมิงเข้ามาในห้อง ผู้ดูแลและคนอื่นที่อยู่ในห้องต่างขมวดคิ้ว “นายกำลังทำอะไรอยู่?”ผู้ดูแลถาม
หลัวหมิงก็ยิ้มออกมาและอธิบายเกี่ยวกับความตั้งใจในการที่เขามาที่นี่อย่างระมัดระวัง “ตราบเท่าที่พี่ฉิงตกลง ผมจะรับใช้ปฏิบัติกับพี่เองในอนาคตครับ”หลัวหมิงพูด
“อะไรนะ?”พี่ฉิงส่งเสียงไม่พอใจออกมาและดูถูก “นายจะรับใช้ฉันงั้นเหรอ? นายทำอะไรได้? ซักผ้าหรือเช็ดรองเท้าละ?”
“ทุกสิ่งทุกอย่างครับ!”หลัวหมิงยังคงยิ้มอยู่ต่อไป เขาไม่รู้ว่าเจียงลู่ฉีต้องการที่จะไปทำอะไรที่เจียงหนิง แต่หลัวหมิงเชื่อว่า ถ้าพวกเขามีข้อมูลมากกว่านี้ การเดินทางของพวกเขาก็จะปลอดภัย นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังรู้สึกขอบคุณต่อเจียงลู่ฉีอย่างมาก เมื่อเขาเชิญให้เขากินเนื้อบาบีคิวที่แสนเอร็ดอร่อยนั่น
อาหารเพียงมื้อเดียวมันไม่ได้สำคัญอะไร แต่มันทำให้หลัวหมิงรู้สึกตื้นตันใจมาก ในโลกที่ล่มสลายเช่นนี้แล้วมีเพียงแค่เจียงลู่ฉีเท่านั้นที่ยังทำเหมือนกับว่าพวกเขายังคงเป็นพี่น้องกัน ในเวลาเดียวกัน มันก็ไม่ได้แตกต่างไปเลยสำหรับเขากับคนที่เคยรู้จักกัน
“เด็กน้อย นายซื่อสัตย์ต่อเพื่อนของนายมากเลยนะ”พี่ฉิงเดินมาที่หน้าของหลัวหมิงและลูบไปที่แก้มของเขาและหลังจากนั้นก็ตบไปที่เขาอย่างรุนแรง หลัวหมิงนั้นเจ็บปวดมากแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ยังไงก็ตามพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้อง..”
พี่ฉิงก็พูดขัดเขาขึ้นมาในทันที “หุบปากซะ! เพื่อนร่วมห้องงั้นเรอะ? ไอ้เวร! นายดูตัวนายเองก่อนเถอะ นายมันไม่ดีพอที่จะรับใช้ฉันหรอก! ทำไมฉันจะต้องตามนายไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจียงหนิงด้วย? ไสหัวไปซะ!”พี่ฉิงก็พ่นน้ำลายไปที่ใบหน้าของหลัวหมิง
หลัวหมิงก็ก้มหัวลง ที่จริงแล้วผู้ดูแลฉิงนั้นจะด่าพวกเขาและปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเลวร้ายอยู่เสมอๆ หลัวหมิงอยากจะกรีดร้องออกมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงต้องก้มหัวลง ตั้งแต่ที่สถานะและความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นผลักดันให้หลัวหมิงต้องยอมรับความจริงอันขมขื่นนี้ ในครั้งนี้มันก็เป็นเช่นเดียวกัน
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดที่หลินเว่ยเดินโผล่ออกมาจากประตูและพูดขึ้นมา “ทำไมนายไม่ไปละ? ไปซะและเรียกเฟิงยี่มาด้วย เฟิงยี่เป็นบอสของนาย ดังนั้นเขาจะต้องรู้เรื่องราวต่างๆมากมายเลยใช่ไหมละ? ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเจียงหนิง”
พี่ฉิงมึนงง แต่หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ไม่มีปัญหาครับ”
เมื่อหลัวหมิงเห็นพี่ฉิงกำลังไปตามหาเฟิงยี่ เขาก็หันไปมองหลินเว่ยและรู้สึกแย่ขึ้นมา ถึงแม้ว่าหลัวหมิงจะเป็นคนที่มีความคิดในแง่บวกก็ตามที เขาก็ไม่ใช่คนโง่เง่า ทำไมหลินเว่ยถึงจะต้องพูดอะไรแบบนี้ขึ้นมาด้วยกัน? มันค่อนข้างแปลกมาก นอกจากนี้แล้วหลินเว่ยก็ไม่รู้จักเจียงลู่ฉีเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทำแบบนั้น
“รอก่อนครับ พี่หลิน ขอบคุณพี่มากจริงๆ แต่พี่ไม่ต้องทำแบบนี้หรอกนะครับ”หลัวหมิงรีบพูดออกมา
“นายควรที่จะไปเรียกเพื่อนร่วมห้องของนายมาที่นี่ซะ”หลินเว่ยตอบ
หลัวหมิงตึงเครียดขึ้นมาและเขาก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ในทันที
“ขอโทษนะครับ พี่หลิน ถ้าเพื่อนร่วมห้องของผมทำให้พี่ต้องรำคาญ ผมต้องการที่จะขอโทษแทนเพื่อนผมครับ อย่าโกรธไปเลยนะครับ”หลัวหมิงรีบตะโกนออกมา เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะไม่ได้ช่วยเจียงลู่ฉี แต่เขายังทำให้เพื่อนของเขาจะต้องพบกับอันตรายอีกด้วย ถึงแม้ว่าเจียงลู่ฉีจะทรงพลัง เขาก็มีรถมินิบัสเพียงแค่คันเดียวกับสมาชิกอีกหลายคนเท่านั้น เขาจะสามารถสู้กับพวกเขาได้ยังไงกัน? นอกจากนี้แล้วหลินเว่ยก็เก่งกาจในการลอบโจมตีคนอื่น!
“นายมั่นใจนะว่านายไม่ต้องการที่จะไปหน่ะ?”หลินเว่ยถามอีกครั้ง
“พี่หลิน!”หลัวหมิงต้องการที่จะอ้อนวอน แต่หลินเว่ยก็เข้ามาใกล้และตบไปที่ใบหน้าของเขา ส่งเขากระเด็นออกไปไกล เมื่อหลินเว่ยเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ หลัวหมิงก็กระอักเลือดออกมา
ในเวลาเดียวกัน หลัวหมิงก็เห็นหวังคุย เฉินจิงและลู่ฉานชานเดินมาทางเขา ในความจริงแล้วลู่ฉานชานเป็นคนที่เรียกหวังคุยและเฉินจิงมาที่นี่ก็คือเธอ เธอนั้นประทับใจในตัวเจียงลู่ฉีที่ไม่ได้เป็นคนจิตใจด้านชา ดังนั้นเธอต้องการที่จะช่วยหลัวหมิงและหลังจากนั้นก็อ้อนวอนให้เจียงลู่ฉีพาพวกเธอไปด้วย ในฐานทัพนี้พวกเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะนำพาชีวิตที่ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่พวกเธอสามารถติดตามเจียงลู่ฉีไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะแตกต่างออกไป อย่างน้อยที่สุดพวกเธอก็สามารถที่จะอาศัยอยู่ในรถมินิบัสที่สะอาดและเลิศหรูได้ แต่ลู่ฉานชานไม่ได้คาดคิดเลยว่าพวกเธอจะเห็นสถานการณ์นี้เกินขึ้นในเวลาไม่นานที่พวกเธอมาถึง หวังคุยและเฉินต่างหวาดกลัว ในขณะที่ลู่ฉานชานตัวสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง
เมื่อเห็นหลินเว่ยเดินมาหาพวกเธอ ลู่ฉานชานก็หายใจเข้าอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นเธอก็พูดออกมา “ฉันทำได้ค่ะ! ฉันสามารถที่จะไปเรียกเจียงลู่ฉีมาที่นี่ได้ค่ะ”
“เธอมัน!”หลัวหมิงตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ หวังคุยและเฉินจิงต่างตกตะลึงด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างมองไปที่ลู่ฉานชานกันทั้งหมด ในความคิดของพวกเขาแล้ว ลู่ฉานชานเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจอ่อนโยนและไม่มีใครในพวกเขาจะคาดคิดเลยว่าเธอจะทำการตัดสินใจแบบนี้
“เธอทำได้งั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้สนิทกับเขางั้นเหรอ?”หลินเว่ยพูด
“แต่ฉันรู้จักแฟนสาวของเขา เธอนั้นเป็นหมอ ดังนั้นฉันจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องสภาพร่างกายของผู้หญิง ฉันจะเชิญเธอมาที่นี่และตรวจร่างกายของฉันและฉันก็มั่นใจว่าเจียงลู่ฉีจะตามเธอมา”ลู่ฉานชานอธิบาย
หลินเว่ยจ้องไปที่เธออย่างประหลาดใจและพยักหน้า หลังจากที่ได้ยินแผนการของลู่ฉานชาน “มันเป็นความคิดที่ดีมาก”
“ลู่ฉานชาน เธอต้องการที่จะทำอะไรกัน?”หลัวหมิงตะโกนออกมา
หลินเว่ยรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำของหลัวหมิงและเขาก็ชักมีดยาวออกมา
“พี่หลินคะ ตั้งแต่ที่ฉันได้ช่วยพี่แล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าหลัวหมิงเลยค่ะ ฉันเคยได้ยินมาว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินั้นมีสัมผัสที่ดีต่อกลิ่นของเลือดมาก ถ้าพวกเขาค้นพบว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติแล้วละก็เรื่องต่างๆมันจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น”ลู่ฉานชานพูดออกมาในทันทีและหลินเว่ยก็พยักหน้า
“ลู่ฉานชาน เธอพึ่งอ้อนพวกเราให้ไปขอให้หลัวหมิงโน้มน้าวเจียงลู่ฉีให้พาพวกเราไปกับเขาด้วยนะ ทำไมเธอถึงต้องการที่จะช่วยหลินเว่ยในการทำร้ายเจียงลู่ฉีกัน?”หลังจากที่ออกมาจากห้องใหญ่ หวังคุยและเฉินจิงก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง
“มันช่วยไม่ได้หน่า พวกเราเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าพวกเราไม่ร่วมมือกับพวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะฆ่าพวกเราทิ้งทั้งหมด”ลู่ฉานชานพูดออกมาอย่างใจเย็น “คิดให้ดีๆนะ! เจียงลู่ฉีได้ดูถูกพวกเรา ยังไงก็ตามพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว ถ้าพวกเราตามเขาไป เขาก็อาจจะทิ้งพวกเรากลางทางก็ได้ ตั้งแต่ที่มันเป็นแบบนั้นแล้วมันก็จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าในการอยู่ที่นี่และอยู่ร่วมกับหัวหน้าของพวกเรา พี่ฉิงนั้นเป็นแค่ผู้ดูแล แต่เขาก็สามารถที่จะนำพาชีวิตของพวกเราไปในทางที่ดีได้”แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่เป้าหมายของเธอ
“ฉันทำไม่ได้…”เฉินจิงส่ายหัวของเธออย่างรวดเร็ว เมื่อเธอไม่สามารถที่จะทำสิ่งที่เลวร้ายอย่างนั้นได้ เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้เธอหวาดกลัวความตายอย่างมาก
“นายมันไร้ประโยชน์จริงๆ!”ลู่ฉานชานส่ายหัวของเธอและก็เหลือบตามองไปที่หวังคุย “หวังคุย แล้วนายละ?”
“ฉัน…”หวังคุยลังเลใจ เขาก็มองไปที่ลู่ฉานชานและรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้มันเหมือนกับว่าเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสมบูรณ์ แต่บางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของลู่ฉานชาน
หวังคุยกลืนน้ำลายและสุดท้ายก็พยักหน้า “ฉันจะช่วยเธอเอง”เขาคิดว่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตามลู่ฉานชานไป เธอก็จะไปด้วยตัวของเธอเอง เมื่อแผนของเธอมันได้ผลแล้วละก็มันก็จะสายเกินไปในการที่จะเสียใจ พวกเขาได้ยั่วยุเธอไปแล้ว ดังนั้นวันที่กำลังจะถึงมันจะดีได้อย่างไร?”
“ถ้างั้นนายควรที่จะดึงดูดความสนใจของเจียงลู่ฉีไว้แล้วฉันจะพาหลี่ยู่ซินมากับฉัน”ลู่ฉานชานพยักหน้าและพูดออกมา
เมื่อเธอเดินไปทางรถมินิบัส หัวใจของลู่ฉานชานก็ค่อยๆใจเย็นลง เธอก็รู้ดีว่าวันนี้จะเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปเลย ถึงแม้ว่าความคิดของเธอจะเปลี่ยนไปก็ตามทีเธอก็เชื่อว่ามันเป็นความตั้งใจของพระเจ้า…
‘นี่คือโชคชะตาของนาย เจียงลู่ฉี’ลู่ฉานชานพูดกับตัวของเธอเอง
….
ในตอนนี้พี่ฉิงก็รวมตัวกับเฟิงยี หลินเว่ยและคนอื่นและพวกเขาต่างวางแผนที่จะลอบโจมตี พวกเขามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติห้าคนและคนทั้งหมดยี่สิบคน พวกเขานั้นใช้กำลังคนจำนวนมากในการลอบโจมตีคนบนรถมินิบัส! พวกเขาต่างเชื่อว่าตราบเท่าที่ทีมของเจียงลู่ฉีติดกับดักที่วางไว้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นไปตามความคิดของพวกเขา ไม่มีใครที่มีพลังพอที่จะต้านทานอำนาจการยิงปืนที่ทรงพลังของพวกเขาได้เลย
…
“พี่เจียง หลัวหมิงไปตามหาพี่ฉิง แต่เขาไม่รู้ว่าพี่ฉิงไปไหน ผมต้องการที่จะถามพี่ว่าพี่สามารถช่วยผมได้ไหม”หวังคุยพูดกับเจียงลู่ฉี
ในเวลานั้นเองลู่ฉานชานก็เข้าไปใกล้กับหลี่ยู่ซิน เธอก็ลดเสียงของเธอลงและพูดออกมา “ยู่ซิน ฉันขอให้เธอมากับฉันและตรวจโรคของฉันได้ไหม นี่มัน…ขอโทษจริงๆ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเลย เมื่อพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“สภาพความสะอาดมันแย่มากเกินไปงั้นเหรอ? ถ้ามันเป็นเพราะเรื่องนี้แล้วละก็มันก็เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป”หลี่ยู่ซินตอบกลับโดยไม่ได้คิดอะไรอื่นเพิ่มเติม ยังไงก็ตามหญิงสาวต่างเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในทุกๆด้าน สภาพสุขาภิบาลหลังจากวันโลกาวินาศมันเลวร้ายอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลี่ยู่ซินก็ไมได้ตามไปในทันที “ได้โปรดรอก่อน ฉันจะต้องรายงานต่อพี่เจียงก่อนเป็นอันดับแรก”
ร่องรอยของความมืดมนสว่างวาบในดวงตาของลู่ฉานชาน เมื่อเธอได้ยินมัน เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าหลี่ยู่ซินจะต้องรายงานทุกสิ่งทุกอย่างกับเจียงลู่ฉี แต่ลู่ฉานชานก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันโอเค เมื่อแผนของเธอมันไร้ข้อผิดพลาด
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลี่ยู่ซินแล้ว เจียงลู่ฉีก็มองไปที่ลู่ฉานชานและหลังจากนั้นก็เดินไปหา “ไม่มีปัญหา แต่ฉันต้องการที่จะไปกับเธอด้วย”
เมื่อได้ยินคำตอบของเจียงลู่ฉี ลู่ฉานชานก็ตื่นตระหนกและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “ฉันคิดว่ามันจะไม่เหมาะสมนะ”
“วางใจได้ ฉันไม่สนใจที่จะมองเธออยู่แล้ว ฉันแค่ต้องการที่จะปกป้องยู่ซินเท่านั้น”เจียงลู่ฉีพูดตรงๆ
ลู่ฉานชานมองไปที่เจียงลู่ฉี แต่ความไม่สบายใจของเธอก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าเจียงลู่ฉีไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับผู้หญิงแต่เหมือนกับเป็นตัวตลกยังไงยังงั้น
เจียงลู่ฉีถามออกมาอย่างง่ายๆ “หวังคุย ลู่ฉานชาน พวกนายรู้สึกว่าฉันเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวาง เพราะว่าพวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันงั้นเหรอ?”
หัวใจของลู่ฉานชานเต้นอย่างหนักหน่วงและใบหน้าของเธอก็ขาวซีด เธอผลักดันตัวของเธอเองให้ใจเย็นลงและฉีกยิ้มออกมา “มันเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน? ถ้าพี่ต้องการที่จะมากับพวกเราแล้วละก็พี่จะเป็นแขกของพวกเรา”
“ถ้างั้นฉันจะไปเดินรอบๆฐานทัพผู้รอดชีวิตของเธอเอง”เจียงจู้อิงกระโดดลงมาจากรถมินิบัสและพูดออกมา ซูกวงฉีและซูตงต่างอยู่บนรถมินิบัส ในขณะที่หยิง จางไฮ่และซุนคุนก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องพวกเขา
เจียงลู่ฉีพาหลี่ยู่ซิน เจียงจู้อิง หลิงและหลันซิหยู่มากับเขาและตามลู่ฉานชานและหวังคุยไป พวกเขาต่างเดินไปยังพื้นที่ใจกลางของฐานทัพผู้รอดชีวิต ลู่ฉานชานรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่เธอก็ดูใจเย็นอยู่เช่นกัน ที่จริงแล้วเธอรู้สึกมีความสุขพร้อมกับความจริงที่เจียงลู่ที่ต้องการตามเธอไป ที่จริงแล้วเธอต้องการที่จะใช้หลี่ยู่ซินเป็นเหยื่อในการล่อเจียงลู่ฉีออกมา แต่มันก็ไม่จำเป็นแล้วอีกต่อไป เมื่อหญิงสาวอีกสามคนตามพวกเธอมาด้วย
“พี่เจียง ห้องของฉันอยู่ด้านหน้าพวกเราเอง แต่ฉันต้องการที่จะให้ยู่ซินเดินเข้าไปด้านในก่อนเมื่อมันเป็นเรื่องของผู้หญิง”ลู่ฉานชานพูดออกมาพร้อมกับความอับอายที่แสดงอยู่บนใบหน้าของเธอ
เจียงลู่ฉีเหลือบตามองไปที่เธอพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในตอนนี้มันมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติห้าคนและคนอีกยี่สิบคนรอลอบโจมตีอยู่พร้อมกับกระสุนจำนวนมาก พวกเขาต่างรอคอยอย่างเงียบงันให้ลู่ฉานชานพาหลี่ยู่ซินเข้ามาในห้องนี้ พวกเขาโยนหลัวหมิงไปตรงมุมห้งอและปิดปากของเขาทำให้เขาไม่สามารถร้องเตือนพวกเจียงลู่ฉีได้ เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยนอกจากการยืนมองประตูอย่างสิ้นหวัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและความกังวล มันมีคนหลายคนต่างรอคอยประตูให้เปิดออกมาและจับตัวหลี่ยู่ซินไว้