My MCV and Doomsday - ตอนที่ 480
Chapter 480: รถมินิบัสที่ยอดเยี่ยมและสาวงาม
“เอ่อ มันเป็นนายใช่ไหม หวังคุย?”เจียงลู่ฉีตะโกนออกมา เขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาสามารถที่จะพบกับเพื่อนที่นี่
หวังคุยเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขาคนหนึ่ง เมื่อวันโลกาวินาศเกิดขึ้นออกมา หวังคุยก็น่าจะอยู่ในโรงเรียน
“ไม่ใช่ว่านายอพยพไปยังเกาะเชนไฮ่กับคนอื่นงั้นเหรอ?”เจียงลู่ฉีถาม เมื่อเขาอยู่ในเกาะเชนไฮ่ เขาก็พบกับเพื่อนร่วมห้องตอนมปลายคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครที่เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเขาเลย นี่มันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปที่มีผู้คนนับแสนคนในเกาะเชนไฮ่
“พื้นที่ปลอดภัย?”หวังคุยส่ายหัว “ไม่ ในเวลาเดียวกันหลัวหมิงและฉันก็หลบหนีมาพร้อมกับคนอื่น พวกเราสามารถที่จะหลบหนีได้และซ่อนตัวอยู่ในที่ที่พวกเราไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้เป็นเวลาสิบวัน หลังจากนี้พวกเราก็พบกับผู้รอดชีวิตคนอื่นและหลบหนีมาจากเขตเจียงเบยมาด้วยเช่นกัน…”การแสดงออกของหวังคุยนั้นดูน่ารังเกียจอย่างมาก เมื่อนึกว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่พวกเขาพบเจอมา
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชีวิตรอดมาได้ พวกเรากินทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราสามารถหาได้เพื่อเอาชีวิตรอด ฉันเจ็บปวดอย่างมากในช่วงวันเหล่านี้”หวังคุยพูด ความรู้สึกทั้งหมดต่างพวยพุ่งขึ้นมาในความคิดของหวังคุย เมื่อเห็นเจียงลู่ฉีแต่งตัวสะอาดสะอ้านและอยู่ในสภาพที่ดี หวังคุยก็อดที่จะชื่นชมเขามิได้ เพียงแค่เวลาไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้เขาก็เห็นเจียงลู่ฉีเอาถุงข้าวออกมาและส่งให้กับพวกเขา
“จริงเหรอ?”เจียงลู่ฉีประหลาดใจ หลัวหมิงเป็นเมทของเขา เมื่อวันโลกาวินาศระบาดออกมา เจียงลู่ฉีก็ขอยืนเงินหลัวหมิงเพื่อที่จะไปซ่อมแซมรถมินิบัสของเขา
อย่างไรก็ตาม หลัวหมิงก็ไม่ให้เขายืมเงินในครั้งนี้ เจียงลู่ฉีได้เตือนเขาแล้วให้อยู่ในหอพักและไม่ออกไปเดินรอบๆ
“ฉันกำลังจะไปเรียกหลัวหมิง”หวังคุยพูด
เจียงลู่ฉีพยักหน้า เขามองไปที่หลินเว่ยและพูดออกมา “เพื่อนร่วมห้องของฉันอยู่ในฐานทัพของนาย ดังนั้นฉันจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้หน่อยนึงเพื่อที่จะพบกับพวกเขา”
“ไม่มีปัญหา แต่อย่าไปที่ไหนละ”หลินเว่ยพูด สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้รับข้าวมาแล้ว
เพียงเวลาไม่นานหวังคุยก็กลับมา แต่เขาก็ไม่ได้พาหลัวหมิงกลับมาเพียงคนเดียว แต่ยังพาคนอีกหลายคนกลับมาด้วย
เจียงลู่ฉีมึนงง ในความเป็นจริง เมื่อพวกเขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาก็ไม่ได้รู้จักคนมากมายสักเท่าไหร่ เจียงลู่ฉีไม่รู้จักคนส่วนมากที่หวังคุยพามา หลี่ยู่ซินก็เปิดหน้าต่างออกมาและตกตะลึงแทน “ลู่ฉานชาน? เฉินจิง?”คนที่ถูกพามาโดยหวังคุยต่างเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยเจียงเบยกันทั้งนั้น
“เจียงลู่ฉี! จริงเหรอ?”หลัวหมิงกรีดร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “ฉันรอดมาได้จะต้องขอบคุณนายเลยจริงๆ! ถ้านายไม่ได้บอกฉันให้อยู่ในหอพักแล้วละก็ฉันก็คงจะตายไปนานแล้ว!”
หลัวหมิงกำลังเล่นเกมอยู่ในหอในช่วงเวลาที่ไวรัสระบาด ดังนั้นเขาจึงล็อคประตูและอยู่ด้านในหอเป็นเวลาหลายวันจนกระทั่งเขากินอาหารที่เขามีจนหมดเกลี้ยง หลังจากนั้นเขาก็พบกับผู้รอดชีวิตคนอื่นที่อยู่ในหอด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงหลบหนีออกมาด้วยกัน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็มายังฐานทัพผู้รอดชีวิตแห่งนี้ มันพูดได้ว่าฐานทัพผู้รอดชีวิตแห่งอื่นในเจียงเบยก็อาจจะมีนักศึกษาคนอื่นที่อยู่ที่แต่ละแห่งด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในโลกที่ล่มสลายเช่นนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะติดต่อกันและกันและมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะไปมาหาสู่กัน หลัวหมิงไม่เคยลืมเกี่ยวกับเจียงลู่ฉีเลย แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง
“มันจะต้องเป็นโชคชะตาแน่ๆ”น้ำตาของหลัวหมิงไหลออกมา เพียงเวลาไม่นานที่เขาเห็นเจียงลู่ฉี การพบกับเพื่อนเก่าอย่างไม่ได้ตั้งตัวเช่นนี้ทำให้เขาพูดไม่ออก
คนอื่นก็ไม่ได้คุ้นเคยกับเจียงลู่ฉี แต่หนึ่งในหญิงสาวเหล่านั้นที่มีชื่อว่าลู่ฉานชานมองไปที่เจียงลู่ฉีอย่างซับซ้อน เธอคิดว่าเจียงลู่ฉีจะไม่สามารถจำเธอได้ ในอดีต เพื่อนของเจียงลู่ฉีเคยล้อเธอเล่นว่าเขาต้องการที่จะตีสนิทกับเธอ แต่เธอรู้สึกขยะแขยงอย่างมากกับเจียงลู่ฉีในเวลานั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เธอไม่ต้องการที่จะพบกับเจียงลู่ฉีเลย
ที่จริงแล้วเจียงลู่ฉีก็ไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว มันก็แค่เป็นการตัดสินใจของเพื่อนเฉยๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจในการที่จะพบกับลู่ฉานชาน เขานั้นมีความสุขอย่างมากที่ได้กลับมาพบหน้ากับหลัวหมิงเพียงแค่นั้น
“ขึ้นรถกันเถอะ พวกเราควรที่จะคุยกันบนรถมินิบัสนะ”เจียงลู่ฉีรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีที่จะคุยกันแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้หยิงเปิดประตูรถมินิบัสของเขา
“ดี”หลัวหมิงพยักหน้าและเดินไปทางรถมินิบัส เมื่อหลัวหมิงกำลังจะก้าวเข้าไปด้านใน ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ
‘รถมินิบัสนี่มันหรูเกินไปแล้ว!’
เขาคิดว่ามันเป็นแค่รถมินิบัสธรรมดาทั่วไปเสียอีก แต่เขาคิดผิดจริงๆ!
‘โซฟา? พรม? เตียงและห้องน้ำ? รถมินิบัสนี่มันยอดเยี่ยมไปเลย!’
และเมื่อเขามองไปด้านใน เขาก็รู้สึกว่าดวงตาของเขานั้นแทบจะบอดไปเลย
‘1,2,3…สาวงามหลายคน!’ทุกคนดูมึนงงพร้อมกับอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป
ลู่ฉานชานก็ดูดีอย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับสาวงามเหล่านั้นแล้ว เธอก็สามารถที่จะพิจารณาว่าได้ว่าเป็นแค่สาวที่มีหน้าตาปกติธรรมดาทั่วไปเท่านั้น หญิงสาวในรถมินิบัสของเจียงลู่ฉีต่างเป็นสาวงามที่น่าจับตามองอย่างมาก ไม่เพียงแต่หลัวหมิงที่มึนงงเพียงคนเดียว แต่หวังคุยและคนอื่นที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างมึนงงด้วยเช่นกันหลังจากที่เห็นพวกเธอ
เมื่อประตูถูกเปิดออก มันก็ทำให้มุมมองของพวกเขานั้นเปลี่ยนแปลงไป ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างไมได้อยู่ด้านหน้าพวกเขาแล้วละก็พวกเขาก็คิดว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นในดวงตาของเขาอย่างแน่นอน
ที่จริงแล้วหลินเว่ยก็กำลังจ้องไปที่พวกเธอจากที่ที่ห่างไกลด้วยเช่นกัน แต่ในตอนนี้นี่เองเขาก็ตกตะลึงกับพื้นที่ภายในรถมินิบัส รถมินิบัสธรรมดาทั่วไปจะมีสิ่งที่หรูหราด้านในมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน? มันมีสาวงามมากมายด้านในนั้นได้ยังไงกัน? หลินเว่ยอดที่จะคาดคิดไม่ได้ว่ารถมินิบัสคันนี้มันพิเศษอย่างมาก เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ลืมบุหรี่ที่เขาถือไว้เลย เมื่อเทียบกับสภาพภายในรถมินิบัสและฐานทัพของพวกเขา มันก็เหมือนเทียบกับบ้านฟางกับคฤหาสน์ยังไงยังงั้น
หลัวหมิงก็ยืนแข็งทื่ออยู่หน้าประตูสักพักหนึ่งและหลังจากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังพร้อมกับรอยยิ้ม “สภาพแวดล้อมด้านในนั้นดูดีมาก! ฉันสามารถที่จะเห็นได้ว่ามันมีคนมากมายอยู่ด้านในนั้นแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่ขึ้นไปบนรถ”หลัวหมิงอ้างออกมาในขณะที่จ้องไปที่รองเท้าที่สกปรกของเขา
เมื่อได้ยินคำตอบ เจียงลู่ฉีก็ลงมาจากรถในทันที หลี่ยู่ซินก็ตามมาด้วยเช่นกัน ที่จริงแล้วลู่ฉานชานก็เห็นหลี่ยู่ซินแล้ว แต่เธอไม่มั่นใจว่าเป็นหลี่ยู่ซินแน่หรือเปล่า แต่เธอก็ยืนยันมันได้แล้ว
“ฉานชาน! เฉินจิง! ฉันไม่คิดเลยที่จะพบเธอที่นี่!”หลี่ยู่ซินพูดออกมาอย่างมีความสุข ทุกครั้งที่เธอพบกับคนรู้จัก เธอก็รู้สึกโชคดีอย่างมาก สุดท้ายแล้วในโลกใบนี้ก็มีเพียงคนไม่กี่คนที่สามารถเอาชีวิตรอดได้เท่านั้นและแม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ก็ตามที พวกเขาก็จะสามารถตายได้ในทุกเมื่อ เนื่องจากอันตรายทุกประเภท
“ยู่ซิน…”ลู่ฉานชานจ้องไปที่หลี่ยู่ซิน “ฉันไม่คิดเลยว่าที่จะพบกับเธอด้วยเช่นกัน”
เธอมองไปที่หลี่ยู่ซินที่ดูสวยงาม สภาพจิตใจของเธอนั้นค่อนข้างดีและอารมณ์ของเธอก็ดีกว่าเดิม หลังจากที่เธอลงมา คนที่อยู่ในฐานทัพก็ถูกดึงดูดโดยเธอ แม้กระทั่งหลินเว่ยก็สนใจด้วยเช่นกัน
“เธอ…ทำไมเธอถึงมาพร้อมกับเจียงลู่ฉีกัน?”ลู่ฉานชานเหลือบตามองไปที่เจียงลู่ฉีและถามออกมา
หลี่ยู่ซินก็ยิ้มออกมา “มันเป็นเรื่องยาว พี่เจียง พี่รู้จักลู่ฉานชานและเฉินจิงไหม?”
เจียงลู่ฉีเหลือบตามองไปที่พวกเขา แต่เธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “สวัสดี” เขาไม่รู้จักพวกเธอเลยแม้แต่น้อย เขาก็เดาว่าพวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของหลี่ยู่ซิน
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงลู่ฉีแล้ว ลู่ฉานชานก็รู้สึกแย่เนื่องจากเจียงลู่ฉีจึงจำเธอไม่ได้เลย แต่เธอก็ยังสงสัยว่าทำไมหลี่ยู่ซินจึงเรียกเจียงลู่ฉีว่าพี่เจียงกัน
‘หรือว่าพวกเขา…’เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลู่ฉานชานก็รู้สึกเศร้าหมอง เมื่อตอนที่พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้อง เธอก็ดูถูกเจียงลู่ฉี เนื่องจากว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าและเขาก็มีน้องสาวอีก ในความคิดของเธอแล้ว ถ้าเธอตกหลุมรักกับเจียงลู่ฉี เธอก็จะทำให้เธอตกต่ำลง แต่เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าหลี่ยู่ซินที่โดดเด่นเช่นนั้นจะตกลงอาศัยอยู่กับเจียงลู่ฉี…เธอนั้นไม่พอใจอย่างมากที่สภาพร่างกายของเธอนั้นแสดงให้เห็นเลยว่าหลี่ยู่ซินนั้นตัดสินใจได้ถูกต้อง ลู่ฉานชานก็รู้ว่าหลังจากวันโลกาวินาศแล้ว หญิงสาวส่วนใหญ่ที่ไม่มีพลังการต่อสู้นั้นจะกลายเป็นของเล่นของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ตราบเท่าที่พวกเธอนั้นชาญฉลาด พวกเธอก็จะมีชีวิตที่สุขสบายกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เรื่องราวเหล่านั้นดูเศร้าหมอง แต่ลู่ฉานชานก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป คนอ่อนแอนั้นจะถูกไล่ล่าโดยคนที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเธอจะพิจารณาสิ่งนั้นเป็นเป้าหมายของเธอก็ตามที อย่างไรก็ตามในฐานทัพนี้เธอก็ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย เพียงเวลาไม่นานที่เธอสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเธอและหลี่ยู่ซินแล้ว ลู่ฉานชานก็รู้สึกมืดมน
“หลัวหมิง มีชีวิตเป็นยังไงบ้าง?”เจียงลู่ฉีถามออกมา ทันทีที่เขาเห็นสภาพที่น่าสงสารของหลัวหมิงแล้ว เขาก็คิดว่าเพื่อนของเขานั้นมีชีวิตอันยากลำบาก
“มันโอเคดี พวกเรามีอาหารให้กินและมีสถานที่ไว้พักหลบฝน พวกเราทำงานกันทุกวัน แต่ฉันคิดว่ามันเป็นการออกกำลังกายเสียมากกว่า”หลัวหมิงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“แล้วนายละ? นายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยหรือเปล่า?”หลัวหมิงถามอย่างสงสัย
เจียงลู่ฉียิ้มและพูดกลับมา “ถูกแล้ว”
“วู้วววว! นายนี่มันน่าทึ่งมาก! ที่จริงแล้วพวกเราก็มีเพื่อนร่วมห้องที่เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นแล้วละก็พวกเราก็คงไม่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ แต่โชคร้ายที่เขาตายไปแล้วละ”หลัวหมิงพูดออกมาอย่างลำบากใจ ถ้าเพื่อนร่วมห้องของเขายังไม่ตายแล้วละก็ ชีวิตของพวกเขาในฐานทัพนี้ก็คงจะดีกว่านี้ เพื่อนร่วมห้องของเขาเป็นคนดี เขานั้นคอยดูแลพวกเขาอยู่เสมอๆ
แต่เสียงกริ่งก็ดังขึ้นมา
เจียงลู่ฉีก็เห็นผู้รอดชีวิตทั้งหมดที่อยู่รอบเขาต่างหยุดสิ่งที่พวกเขาทำอยู่และเดินกันไปในทิศทางเดียว หลัวหมิงและคนอื่นก็หันกลับไปมองด้วยเช่นกัน
หลัวหมิงก็หันกลับมาพูด “เจียงลู่ฉี รอฉันอยู่ที่นี่ก่อนสักพักหนึ่ง พวกเรากำลังจะไปเอาอาหาร ถ้าพวกเราช้าแล้วละก็มันจะไม่มีอะไรเหลือกินละ”และหลังจากนั้นหลัวหมิงก็วิ่งไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
เพียงเวลาไม่นานหลัวหมิงก็กลับมา เจียงลู่ฉีก็มองไปที่เขาและเห็นชามที่เต็มไปด้วยข้าว มันมีเนื้อเพียงไม่กี่ชิ้นด้านในนั้นและผักในชามก็มีน้อยมาก ในโลกใบนี้ การกินผักนั้นเรียกว่าหรูหรามาก อย่างไรก็ตามหลัวหมิงก็ไม่ได้สนใจมันเลย เขาก็นั่งลงและคุยกับเจียงลู่ฉีต่อ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้หวังคุยพี่งบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาคุยระหว่างเจียงลู่ฉีและหลินเว่ย หลัวหมิงก็รู้ว่าเจียงลู่ฉีจะไปจากที่นี่ในเวลาอีกไม่นานแล้ว หลังจากที่เขาเดินทางไปแล้วในครั้งนี้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะสามารถพบกันได้อีก มันอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้วในชีวิตนี้
จึงทำให้หลัวหมิงต้องการที่จะคุยกับเจียงลู่ฉีมากกว่านี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกัน การพูดคุยกับเจียงลู่ฉีทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขานั้นย้อนกลับไปในอดีตและวันโลกาวินาศก็ไม่เคยมาถึง
“นายกำลังไปที่ไหนกัน?”หลัวหมิงถามในขณะที่กินอยู่
เจียงลู่ฉีก็มองไปที่ชามอาหารของเขาอีกครั้งหนึ่งและถาม “นายกินไอ้นี่นี่นะ?”เจียงลู่ฉีขมวดคิ้วและถาม
“มันเป็นเพราะว่าภัยพิบัตินั่นแหละ นายก็รู้จักฉันนี่นา! ฉันกินได้ทุกอย่างแหละ!”หลัวหมิงพูดออกมาในแง่ดี
เจียงลู่ฉียิ้มและพูด “พวกเรากำลังจะไปยังเจียงหนิงหน่ะ”
“เจียงหนิง?”หลัวหมิงมึนงงแลละพูดออกมา “ทำไมละ? นายกำลังจะไปทำอะไรที่เจียงหนิง?”
“พวกเราจะต้องหารอะไรบางอย่าง”เจียงลู่ฉีพูดออกมาอย่างคลุมเครือ
“โอ้….พูดถึงเจียงหนิงแล้วฉันจำได้ว่ามีใครบางคนพูดถึงมันอยู่”หลัวหมิงพูดต่อ “ในฐานทัพของพวกเรา มันมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่หลบหนีมาจากเจียงหนิงพร้อมกับคนอีกหลายคนและเขาก็เอาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเจียงหนิงมาฝากด้วย รอก่อน! ฉันจะบอกนายเกี่ยวกับรายละเอียดหลังจากกินข้าวมื้อค่ำ ถ้านายต้องการที่จะไปนั่น นายจำเป็นต้องได้รับข้อมูล”หลัวหมิงรีบกิน เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเจียงลู่ฉีรีบหรือเปล่า เนื่องจากว่าเขากินเร็วมากเกินไป เขาจึงค่อนข้างที่จะจุกเล็กน้อย เขารู้สึกมีความสุขมาก เนื่องจากว่าเขาสามารถที่จะทำบางสิ่งบางอย่างช่วยเพื่อนรักของเขาได้
เจียงลู่ฉีมองไปที่หลัวหมิงแล้วก็เอาข้าวกล่องของเขาไป “อย่ากินนี่เลย ตั้งแต่ที่พวกเราพบหน้ากัน ให้ฉันชวนนายมากินมื้ออาหารที่แท้จริงดีกว่า พวกเรามากินเนื้อบาบีคิวกันดีกว่า”
เจียงลู่ฉีและทีมของเขาไม่ได้กินอาหารตามเวลาอย่างคนอื่น พวกเขาจะกินตอนไหนก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ
จางไฮ่และซุนคุนก็หยิบเอาที่ย่างออกมา เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเจียงลู่ฉีและก็หยิบเนื้อวัวกลายพันธุ์ที่สดใหม่ออกมาจากตู้เย็น น้ำจิ้มของพวกเขาก็มีทุกอย่างและพวกเขาก็ไม่ขาดผักที่สดใหม่
หลินเว่ยพึ่งจะฟื้นตัวจากความประหลาดใจที่เห็นสาวงามและสภาพภายในรถมินิบัส แต่หลังจากที่เขาเห็นจางไฮ่และซุนคุนเอาเครื่องปรุงออกมาจากรถมินิบัสและเกือบทำให้เขาตกตะลึงอย่างมา
‘เนื้อสัตว์กลายพันธุ์ ผักและผลไม้!’หลินเว่ยก็ตบที่ต้นขาอย่างฉับพลัน! เขาก็ดูถูกของความแข็งแกร่งทีมนี้เกินไป นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังลดข้าวจากสิบห้ากิโลกรัมไปเป็นเจ็ดกิโลกรัมครึ่ง มันเหมือนกับว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเจียงลู่ฉี
หวังคุย เฉินจิงและคนอื่นต่างมองไปรอบๆและกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ลู่ฉานชานก็รู้สึกว่ามื้ออาหารของเธอไร้รสชาติอย่างมาก เธอก็จ้องไปที่บาบีคิวและน้ำลายไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
จางไฮ่และซุนคุนทำอาหารกันเก่งมาก เพียงเวลาไม่นานพวกเขาก็ตั้งที่ย่างเสร็จและเริ่มจุดไฟ พวกเขานั้นเชี่ยวชาญกว่าเหล่าขายเนื้อบาบีคิวและคนขายไม้เสียบลูกชิ้นไป
“หลัวหมิงมากินเนื้อนี่มา”เจียงลู่ฉีก็ส่งชิ้นเนื้อไปให้กับหลัวหมิง
หลัวหมิงจ้องไปที่เนื้อบาบีคิว ลังเลอยู่สักพักหนึ่งและหลังจากนั้นเขาก็รับมันไป เขาก็พูดมันออกมา “ฮ่าๆ เพื่อนเก่า ขอบคุณนะ!”เขารอไม่ไหวที่จะกัดมันลงไปและเขาก็เกือบที่จะกัดลิ้นของเขาแล้ว มันอร่อยอย่างมาก!
เมื่อเห็นหลัวหมิงกำลังกินเนื้อกลายพันธุ์ แม้ว่าหลินเว่ยจะอิจฉาอยู่สักหน่อย เขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะอิจฉาคนธรรมดาทั่วไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการล่าในฐานทัพผู้รอดชีวิตและผู้นำของพวกเขาควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง
เนื้อสัตว์ป่ากลายพันธุ์ไม่เพียงพอสำหรับทุกคนแล้วคนธรรมดาทั่วไปจะกินเนื้อกลายพันธุ์ได้ยังไงกัน? หลินเว่ยก็มั่นใจอย่างมากว่าเจียงลู่ฉีนั้นค่อนข้างรวย มิฉะนั้นแล้วละก็ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกันจะแบ่งปันเนื้อกลายพันธุ์ได้ยังไงกัน? เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินเว่ยก็มีความคิดที่เลวร้ายอย่างมากตามคำที่พูดว่า ‘ต้นไม้ใหญ่ก็จะได้รับลมแรง!”