My MCV and Doomsday - ตอนที่ 478
Chapter 478: หลัวหลัวที่สุดแสนพิเศษ
หลัวหลัวก็มุดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเจียงจู้อิงลึกขึ้นและหวาดกลัว หลังจากที่มันเห็นทุกคนกำลังจ้องมาที่มัน
“รอก่อนเถอะ! ฉันจะลงโทษนายในไม่ช้า”เจียงลู่ฉีเตือน
หลัวหลัวปิดหูของมันตลอดเวลาซึ่งมันทำให้เจียงลู่ฉีรู้สึกว่าคำเตือนของเขานั้นไม่ได้ถูกส่งไปถึงมัน
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง มันก็มีเสียงเกิดขึ้นมาจากท้องนาที่ว่างเปล่าด้านข้างถนน เสียงของมันดังเหมือนกับสายฟ้าที่ดังออกมาท่ามกลางหยาดสายฝน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เสียงของสายฟ้าอย่างแน่นอน เมื่อท้องนาขนาดใหญ่ถูกแบ่งแยกออกเป็นครึ่งและพื้นดินก็เริ่มที่จะสั่นไหวเล็กน้อย
สัตว์ป่ากลายพันธุ์!
พวกเขาขับรถมาบนถนนด้านนอกเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องของเวลาที่จะพบกับสัตว์ป่ากลายพันธุ์ แม้กระทั่งเจียงลู่ฉีก็จะรู้สึกแปลกที่พวกเขาไมได้พบกับสัตว์ป่ากลายพันธุ์จนถึงตอนนี้
‘มู!’
วัวกลายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับรถพุ่งออกมาจากท้องนาอย่างฉับพลัน ผวิหนังของมันหยาบกร้านเหมือนกับทรายและก้อนกรวดและเขาสองเขาบนหัวของมันก็เป็นที่ดึงดูดต่อสายตาอย่างมาก มันปลดปล่อยลมที่ร้อนแรงออกมาผ่านรูจมูกของมัน ในขณะที่กำลังจ้องไปยังรถมินิบัสของเจียงลู่ฉี
“โอ้ พระเจ้า!”จางไฮ่และซุนคุนตะโกนออกมาพร้อมๆกันหลังจากที่เห็นวัวกลายพันธุ์กำลังพุ่งมาหารถมินิบัส
“เนื้อวัว! ยอดเยี่ยมมาก!”
ถึงแม้ว่าเนื้อกลายพันธุ์จะอร่อยมากก็ตามที เนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อหมูก็เป็นที่ยอมรับง่ายกว่ามากสำหรับมนุษย์ สุดท้ายแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผู้คนกินมันก่อนวันโลกาวินาศ
หลัวหลัวที่ซ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเจียงจู้อิงก็ตั้งหูตรงและก็เปิดดวงตาอันใหญ่โตของมันออกมา มันแทบจะน้ำลายไหลออกมา!
วัวกลายพันธุ์ที่มีท่าทางที่ดุร้ายสัมผัสได้ถึงลางร้าย ดังนั้นมันจึงลังเลและไม่ได้พุ่งเข้าใส่พวกเขาตรงๆ ในสายตาของมันนั้นแล้ว รถมินิบัสนั้นเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะ
จางไฮ่และซุนคุนเตรียมที่จะยิงออกมาแล้วและหลิงก็ชักกริชออกมาและไปยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
“รอก่อน!”เจียงลู่ฉีพูดออกมา “อย่าเปลืองกระสุน”หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่หลัวหลัว “ถ้าฉันเดาไม่ผิดแล้วละก็หลัวหลัวก็เป็นสัตว์ป่ากลายพันธุ์ด้วยเช่นกัน ฉันจะส่งมันออกไปสู้กับวัวกลายพันธุ์ อย่าทำให้พวกเราผิดหวังซะละ”เจียงลู่ฉีพูดและหลังจากนั้นเขาก็จับไปที่หลัวหลัวในทันทีและขว้างมันออกไปนอกหน้าต่าง
วัวกลายพันธุ์เป็นสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 1 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ระดับของหลัวหลัว เจียงลู่ฉีก็เชื่อว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับหลัวหลัวในการเผชิญหน้ากับมันตรงๆ สุดท้ายแล้วมันก็ได้กินเนื้อกลายพันธุ์ไปจำนวนมาก รวมทั้งไข่ราชินีมดกลายพันธุ์อีกด้วย
เมื่อหลัวหลัวถูกขว้างออกไปนอกหน้าต่างและเผชิญหน้ากับวัวกลายพันธุ์ รถมินิบัสก็ขับถอยหลังออกไปหลายสิบเมตร วัวกลายพันธุ์ก็หวาดกลัวกับเจ้าลูกขนและเสียงคำรามของเจียงลู่ฉี
“หลัวหลัว ไป!”เจียงลู่ฉีตะโกน
‘ซี่—ซี่’
ผมของหลัวหลัวนั้นตั้งตรงในทันทีที่มันเห็นวัวกลายพันธุ์ ถึงแม้ว่าหลัวหลัวจะเป็นสัตว์ปากลายพันธุ์และมีความกล้าที่จะกินไข่ราชินีมดกลายพันธุ์ก็ตามที ความกล้าหาญของมันก็สูญหายไป เมื่อมันเผชิญหน้ากับวัวกลายพันธุ์ขนาดใหญ่ ทุกครั้งที่ทีมเจียงลู่ฉีพบกับซอมบี้ หลัวหลัวก็จะซ่อนตัวอยู่เสมอ ในเวลาเดียวกันมันก็ไม่กล้าที่จะสู้กับศัตรูตรงๆด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม มันไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจียงลู่ฉีจะขว้างมันออกมา เมื่อมันลงบนพื้น หลัวหลัวก็วิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เห้ย! อย่าทำตัวน่าอับอายอย่างงี้สิ”’เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจียงลู่ฉีก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
ในเวลาเดียวกัน วัวกลายพันธุ์ก็คำรามออกมาและพุ่งเข้าใส่พวกเขา! มันเล็งไปที่หลัวหลัวและใช้ร่างกายของมันขวิดเข้าใส่ วัวกลายพันธุ์นั้นมีน้ำหนักที่สูงมากและแรงกระแทกจากการปะทะก็สามารถที่จะทำให้รถนั้นพลิกคว่ำลงได้ หลัวหลัวก็หวาดกลัวมาก แต่มันก็ไม่มีเวลาให้หลบอีกแล้ว
เจียงลู่ฉีก็ถอนหายใจออกมาและยกปืนสไนเปอร์ไรเฟิลของเขาขึ้น สุดท้ายแล้วมันก็เป็นวัวกลายพันธุ์และเขาก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้มันวิ่งหนีไปได้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง ร่างกายของหลัวหลัวก็ขยายโตเหมือนกับลูกโป่งขนาดใหญ่ เจ้าแมวที่เหมือนกระต่ายนั้นดูค่อนข้างตลกและลูกโป่งหมีที่น่ารักที่ยังมีขาทั้งสี่เหมือนเดิม ทั้งเตี้ยและเล็ก มันเป็นภาพที่ตลกอย่างมาก
อย่างไรก็ตามร่างกายของมันนั้นบดบังปากกระบอกปืนของเจียงลู่ฉี และหลังจากนั้นวัวกลายพันธุ์และหลัวหลัวก็ปะทะกัน!
พวกเขาต่างได้ยินเสียงแปลกประหลาดและหลังจากนั้นก็เห็นหลัวหลัวถูกส่งกระเด็นกลับมาทางรถมินิบัส แต่มันไม่มีร่องรอยของเลือดหรือบาดแผลเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อหลัวหลัวกระแทกเข้ากับหน้าต่าง มันก็กลับไปยังร่างเดิมและมุดเข้ามาทางช่องว่างระหว่างหน้าต่าง กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหลันซิหยู่ เมื่อเธออยู่ใกล้มันมากที่สุด
“อะไรกัน?”เจียงลู่ฉีตกตะลึงอย่างมาก แม้แต่เจียงจู้อิงและหลันซิหยู่ที่รักหลัวหลัวอย่างมากก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน…
มันไม่มีบาดแผลบนตัวของหลัวหลัวได้ยังไงกัน?
‘ปัง!’
เจียงลู่ฉีก็ลั่นไกปืนออกไปเร็วที่สุดเท่าที่เขาทำได้และหลังจากนั้นเพียงไม่นานวัวกลายพันธุ์ก็ล้มลงบนพื้น ร่างกายขนาดใหญ่โตกว่าสองเมตรของมันก็ล้มอยู่ห่างจากด้านหน้ารถมินิบัสไปสองเมตร ดังนั้นรถมินิบัสของเจียงลู่ฉีจึงสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“จางไฮ่และซุนคุน ช่วยฉันจัดการกับมันหน่อย”เจียงลู่ฉีสั่งการและหลังจากนั้นเขาก็วางปืนสไนเปอร์ของเขาลง เขาก็เดินไปหาหลันซิหยู่และดึงหูของหลัวหลัวตรงๆ มันเหมือนกับว่ามันหวาดกลัวเขาอย่างมาก เมื่อมันถูกยกขึ้นโดยเจียงลู่ฉี มันก็หดตัวเหมือนกับไข่พร้อมกับดวงตาที่เศร้าสร้อยที่โผล่ออกมา เจียงลู่ฉีก็มองไปที่หลัวหลัวอย่างสนอกสนใจ
ซูกวงฉีและซูตงก็ต่างมาล้อมรอบด้วยความสงสัย ซูกวงฉีก็สวมแว่นสายตาและสังเกตหลัวหลัวอย่างระมัดระวัง
บนพื้นผิวแล้วมันเหมือนกับว่าหลัวหลัวมันไมได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาเห็นต่างเป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์ หลัวหลัวสามารถที่จะขยายตัวได้อย่างฉับพลัน
เจียงลู่ฉีก็จับไปที่หูของหลัวหลัวและหลังจากนั้นก็พบว่าผมของมันนุ่มนวลและหูของมันก็สามารถที่จะยืดออกมาได้ไม่จำกัด….
“พี่เจียง…พี่กำลังทำอะไรอยู่กัน…”แม้กระทั่งหลันซิหยู่ต้องการที่จะช่วยปกป้องสัตว์น้อยนี้ด้วยเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามเจียงลู่ฉีก็ไม่สนใจและดึงหูของหลัวหลัวจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถยืดแขนไปได้อีก เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างตกสู่ความเงียบ ในเวลาเดียวกันเจียงลู่ฉีก็หมุนไปรอบๆ แต่หูของหลัวหลัวก็ฟาดปะทะเข้ากับลูกบิดประตูของรถมินิบัส
‘ตึง!’
เสียงของโลหะกระแทกกันก็ดังขึ้น เจียงลู่ฉีก็พูดไม่ออกและเขาก็ไปตรวจสอบลูกบิดประตูในทันที ถึงแม้ว่าลูกบิดประตูจะไม่ได้รับการเสริมโลหะอัลลอยเข้าไปก็ตามที มันก็ยังแข็งแกร่งกว่าลูกบิดประตูธรรมดาทั่วไป
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”เจียงลู่ฉีอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าชิ้นส่วนของลูกบิดประตูนั้นยุบเข้าไป โชคดีที่มันเป็นเรื่องง่ายที่ค่อนข้างง่ายสำหรับเจียงลู่ฉีในการซ่อมแซมมัน เจียงลู่ฉีก็ดึงหูของหลัวหลัวอีกครั้งหนึ่งและกระแทกเข้ากับลูกบิดประตูอีกครั้ง
‘ปัง! ปัง!’
ความจริงนั้นเป็นสิ่งที่ดังกว่าคำพูด
หลัวหลัวนั้นเป็นสัตว์ป่ากลายพันธุ์ที่พิเศษออกไปจริงๆ
“มันน่ามหัศจรรย์มาก!”ซูกวงฉีจ้องไปที่หลัวหลัวและพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่ได้รับคำอนุญาตจากเจียงลู่ฉีแล้ว ศาตราจารย์ซูก็ตัดขนบางส่วนของหลัวหลัวออกมาเพื่อศึกษา หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ศาสตราจารย์ซูก็พูดออกมา “ถึงแม้ว่าผมของหลัวหลัวจะให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อสัมผัสมัน ที่จริงแล้วมันเหนียวเป็นอย่างมาก กัปตันเจียง หลัวหลัวไม่ใช่สัตว์ที่ไร้ประโยชน์ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สุดน่าสนใจอย่างมาก”ในสายตาของซูกวงฉีแล้ว หลัวหลัวมีสติปัญญาที่สูงมากและหลังจากที่มันวิวัฒนาการแล้ว ความแข็งแกร่งของมันก็ถูกเปิดเผยออกมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมซูกวงฉีจึงรู้สึกว่าหลัวหลัวเป็นสิ่งมีชีวิตทีน่ามหัศจรรย์
ในความเป็นจริง เมื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์แล้ว ศาสตราจารย์ซูยังไมได้มีโอกาสในการสังเกตสัตว์ป่ากลายพันธุ์แบบมีชีวิต สุดท้ายแล้ว สัตว์ป่ากลายพันธุ์ตัวอื่นเป็นเรื่องที่ยากที่จะควบคุมมัน แม้ว่าพวกมันจะอยู่ในกรงขังก็ตาม อย่างไรก็ตามหลัวหลัวนั้นแตกต่างไปจากพวกมัน มันทั้งน่ารักและตัวเล็กมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์ซู ความรู้สึกของเจียงลู่ฉีต่อหลัวหลัวก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน เขาก็คิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์เหมือนกัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำการทดสอบในทันที เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ หลัวหลัวสามารถทำให้ร่างกายของมันบางเท่ากับแผ่นกระดาษ มันเหมือนกับหน้าตาของมันถูกปริ้นลงไปบนกระดาษ หลัวหลัวก็สังเกตเห็นว่าท่าทางของเจียงลู่ฉีต่อมันนั้นเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นดวงตาของมันจึงมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
หลัวหลัวก็เลียมือเจียงลู่ฉีและขยับหัวคลอเคลียไปกับมือของเจียงลู่ฉี “หยุด! มันไร้ประโยชน์ที่จะทำแบบนั้นกับฉัน หลัวหลัว นายสามารถที่จะไปเล่นกับผู้หญิงได้”เจียงลู่ฉีพูดและหลังจากนั้นเขาก็ยกหลัวหลัวให้กับน้องสาวของเขา หลันซิหยู่และหลี่ยู่ซินก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเธอไม่สามารถที่จะต้านทานความน่ารักของหลัวหลัวได้
เจียงลู่ฉีก็กลับไปยังห้องคนขับและหยิงก็เริ่มที่จะสตาร์ทรถมินิบัสใหม่อีกครั้งหนึ่งและขับต่อไปบนถนนขรุขระ ในครั้งนี้เจียงลู่ฉีก็สังเกตเห็นป้ายบนทางด่วน ท่างกลางชื่อสถานที่แตกต่างออกไปหลายแห่ง เจียงลู่ฉีก็เห็นชื่อที่คุ้นเคย – เจียงเบย เมืองบ้านเกิดของเขา
….
หลังจากการระบาดของไวรัส ในตอนนั้นเจียงลู่ฉีก็ขับลงมาจากทางด่วนและก็หลีกหนีผู้รอดชีวิตบางส่วนที่ต้องการจะขวางรถมินิบัสของเขาไว้
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันก็ไม่มีผู้คนที่มีชีวิตที่ถูกพบเห็นได้อีกต่อไป เมื่อพวกเขาขับต่อไปด้านหน้า รถที่ถูกละทิ้งไว้จำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนถนน ร่องรอยของการต่อสู้ก็สามารถที่จะพบได้บนถนนและบนรั้วข้างทาง เจียงลู่ฉีก็จำได้ว่ากองทัพได้สั่งการให้ทุกคนทิ้งรถและเดินทางด้วยเท้าเปล่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่มันจะมีอันตรายมากมายในตอนที่กำลังเดินทางด้วยเท้า
เพียงเวลาไม่นานรถมินิบัสของเจียงลู่ฉีก็มาถึงสถานีเก็บเงินบนทางด่วนเจียงเบย หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เจียงลู่ฉีก็เห็นรถยนต์กองทัพที่ขวางสถานีเก็บเงิน หลังจากผ่านมาสักพักหนึ่ง รถยนต์กองทัพเหล่านั้นต่างขึ้นสนิมและทรุดโทรม ถึงแม้ว่าจะไม่มีร่างกายที่ถูกพบเห็น สถานีบนทางด่วนต่างเต็มไปด้วยเลือดสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นที่น่าตกตะลึงมาก บนทางด่วนมีป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘เมืองเจียงเบย ยินดีต้อนรับ’ ไว้ด้วย
“พวกเรามาถึงเจียงเบยแล้ว…”นอกจากเจียงจู้อิงแล้ว หลี่ยู่ซินก็ทำท่าคิดถึงออกมา
เจียงลู่ฉีก็มองไปทางเหนือของเมืองเจียงเบย เขาและเจียงจู้อิงต่างอาศัยอยู่ตรงมุมเมืองเจียงเบยมามากกว่าสิบปี
“พวกเราจะไม่เข้าไปในเมืองเจียงเบย เราจะแค่ผ่านรอบๆเมืองของมัน มันน่าจะมีคนติดเชื้อซอมบี้อยู่”เจียงลู่ฉีพูด เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซอมบี้ต่าง ‘ใช้มันเป็นที่พักอาศัย’ ของมันแล้วในตอนนี้ ถนนในเมืองเต็มไปด้วยร้านค้าที่ถูกละทิ้งและซอมบี้ก็ต่างเดินเร่ร่อนไปมาพร้อมกับดวงตาแดงเลือดและเสื้อผ้าที่สกปรก เมื่อเห็นภาพที่น่าหดหู่นั้นทำให้มนุษย์สัมผัสได้ถึงหายนะ
สำหรับเมืองอย่างเจียงเบยแล้ว เจียงลู่ฉีไม่ต้องการที่จะเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว มันเป็นทางที่ดีกว่าที่จะคิดถึงมันแทนที่จะพบมัน โชคดีที่เจียงลู่ฉีแข็งแกร่งพอที่จะยอมรับความจริงสิ่งใหม่ที่ถูกนำมาโดยวันโลกาวินาศ ไม่ต้องพูดถึงซอมบี้ธรรมดาทั่วไปที่ไม่สามารถสร้างปัญหากับรถมินิบัสของเขาได้เลย
“ความคิดดีค่ะ”หลี่ยู่ซินตกลงด้วยเช่นกัน เธอก็นั่งลงกับแม่ของเธอและกุมมือแม่ของเธออย่างอ่อนโยน มันเห็นได้เด่นชัดว่าอารมณ์ของเธอนั้นไม่คงที่
เจียงจู้อิงก็ดูไม่ได้กังวลใจและเธอก็เริ่มที่จะพูดคุยเกี่ยวกับอดีตของเธอกับหลิงและหลันซิหยู่ก็ดูสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเจียงจู้อิงอย่างระมัดระวังแล้ว หลิงก็รับฟังอย่างเงียบงัน
“เธออยู่ร่วมกับเมทงั้นเหรอ?”หลิงถามขึ้นมา
เยีงจู้อิงพยักหน้าและพูดออกมาอย่างใจเย็น “ใช่!”
“หื้มมม…”หลิงพยักหน้า
เจียงจู้อิงสงสัยว่าเธอได้ยินถูกมั้ย เนื่องจากว่าเธอคิดว่าหลิงจะถามคำถามอื่น แต่หลิงก็เงียบอีกครั้งหนึ่ง
“เอาเถอะ มันก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป ไม่ใช่ว่าพวกเธอทั้งหมดต่างนอนข้างพี่ชายฉันในตอนกลางคืนอย่างงั้นเหรอ?”เจียงจู้อิงพูดและยิ้มออกมา
“…”
ทันใดนั้น บรรยากาศภายในรถก็แปลกไป การแสดงออกของหลันซิหยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่หูของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย หลี่ยู่ซินก็หน้าแดงด้วยความอาย เธอก็แอบเหลือบมองไปที่แม่ของเธอและเธอก็เขิลอายเกินกว่าที่จะเงยหน้าขึ้นมา
เจียงลู่ฉีก็เหลือบตามองไปที่น้องสาวของเขาและหลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างอึดอัด “รถมินิบัสมันเล็กมาเกินไป…”
รถมินิบัสมันเล็กเกินไปจริงๆ! จางไฮ่และซุนคุนต่างนอนอยู่ในห้องคนขับในทุกๆคืน แม้แต่ซูกวงฉีก็จำเป็นที่จะต้องนอนในห้องคนขับด้วยเช่นกัน คนอื่นต่างอาศัยอยู่ในห้องนอนและพวกเธอก็หันหน้าเข้าหากัน ไม่สำคัญว่าพวกเธอจะจัดการยังไง มันก็จะต้องมีใครสักคนหนึ่งมานอนบนพื้นข้างเจียงลู่ฉี
เจียงจู้อิงไม่เคยรังเกียจที่จะนอนข้างพี่ชายของเธอ ยังไงก็ตามพวกเธอต่างเป็นพี่น้องกัน แต่หญิงสาวคนอื่นต่างสลับวันนอนข้างเจียงลู่ฉีอย่างเงียบๆ สถานการณ์นี้ทำให้เจียงลู่ฉีรู้สึกแปลกเล็กน้อยด้วยเช่นกัน โชคดีที่ไม่มีใครเคยพูดถึงมันมาก่อน แต่เจียงจู้อิงก็พูดมันออกมาอยู่ดี
‘ฉันจะต้องรีบอัพเกรดรถมินิบัสของฉันซะแล้ว!’เจียงลู่ฉีคิด เขาสงสัยว่ามันจะมีอะไรน่าประหลาดใจขึ้นมาอีก หลังจากที่รถมินิบัสของเขาได้รับการอัพเกรด
“เอาละ มันก็โอเคดี ในโลกที่เลวร้ายเช่นนี้ พวกเราก็มีความสุขมากที่พวกเราสามารถหลับในรถมินิบัสที่ปลอดภัยเช่นนี้ เรื่องอื่นๆต่างไม่ได้สำคัญอะไร”หลันซิหยู่พูดและหลังจากนั้นเธอก็มองไปที่เจียงลู่ฉี
จากดวงตาสีเทาอันเยือกเย็นของหลันซิหยู่ เจียงลู่ฉีก็เห็นเธอยิ้มออกมา เมื่อมองเห็นดวงตาของเจียงลู่ฉีแล้ว หลันซิหยู่ก็ก้มหัวและแอบซ่อนรอยยิ้มของเธอไว้