My MCV and Doomsday - ตอนที่ 477
Chapter 477: หลัวหลัว สัตว์ป่าที่น่ารักและเจ้าเล่ห์
ก่อนวันโลกาวินาศ ผู้คนต่างคุ้นชินกับระบบนำทาง ตราบเท่าที่จุดหมายนั้นถูกตั้งไว้ เสียงจักรกลแสนหวานก็สามารถที่จะนำทางคนขับไปยังถึงจุดหมายและกฏจราจรที่เข้มงวดและการเปลี่ยนเลนก็ถูกแจ้งเตือน แต่ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงระบบนำทางเลย ถนนธรรมดาทั่วไปก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว
ระยะทางที่แบ่งแยกจากเซียหยวนจากเจียงหนิงนั้นห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ในเวลาเดียวการค้นหาบริเวณพื้นที่อุตสาหกรรมต่างเป็นเลือกที่ท้าทายอย่างมาก แม้ว่าซูกวงฉีจะอยู่ที่นั่นมาก่อน เขาก็รู้จักแต่เพียงทิศทางของมัน ในการที่จะหลีกเลี่ยงการหลงทาง พวกเขาต่างขึ้นทางด่วนและขับออกไปจนถึงสุดขับไปตลอดทางจนกระทั่งไปต่อไม่ได้เนื่องจากรถยนต์ที่ถูกทิ้งไว้ มันมีรถมากมายที่หรูหราและสวยงามต่างบิดเดบี้ยวและกลายเป็นเศษเหล็กที่จดจำไม่ได้ว่าเป็นรถรุ่นอะไร เนื่องจากการชนกันนับไม่ถ้วนและพวกมันต่างเลอะไปด้วยคราบเลือดสีดำ จากการระบาดของไวรัส พวกมันก็ถูกละทิ้งไว้ตลอดกาลที่นี่…
ใต้ทางด่วน สภาพถนนก็ไม่ดีด้วยเช่นกันและด้วยเหตุนี้นี่เองรถมินิบัสจึงขับและสั่นไปมาตลอดทาง เมื่อเวลาพลบค่ำ มันก็เริ่มฝนตกและเพียงเวลาไม่นานหมอกก็ปกคลุมไปทั่วทั้งถนน
“นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริง สภาพของถนนมันแย่มากและฝนตกก็สร้างปัญหาจนทำให้ความเร็วของรถมินิบัสช้าลง ด้วยความเร็วในปัจจุบันนี้ช้าเหมือนกับเต่าเลย”เจียงลู่ฉีมองไปยังฝนที่กำลังตกอยู่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อย
“พี่เจียง พวกเราควรที่จะพอใจในสิ่งที่พวกเรามีนะ แม้ว่าสภาพถนนมันจะไม่ดีและฝนตกหนัก พวกเราก็ยังคงขับไปด้วยความเร็วสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ดี แม้กระทั่งแลนด์โรเวอร์ก็ไม่สามารถที่จะทำได้นะ”หลี่ยู่ซินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่หาแม่และปู่ของเธอพบ เธอก็มีอารมณ์ที่ดีมาก
เจียงลู่ฉียิ้มและพูดออกมา “ตั้งแต่ที่ฝนมันตก มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบ ยังไงก็ตามมันก็เริ่มมืดแล้ว พวกเราควรที่จะหยุดพักก่อนคืนนี้ พวกเรายังคงมีหม้อไฟอยู่ ดังนั้นพวกเราควรที่จะทำหม้อไฟอีกสักรอบหนึ่งเพื่อเฉลิมฉลองให้กับหลี่ยู่ซินในการกลับมาพบหน้ากันกับครอบครัวของเธอ”
“ขอบคุณค่ะ พี่เจียง!”หลี่ยู่ซินพูดออกมาอย่างมีความสุข ตั้งแต่ที่เธอพบกับเจียงลู่ฉีอีกครั้งหนึ่ง เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นดั่งดวงดาวนำโชคของเธอ เมื่อมองไปยังฝนที่ตกอย่างหนักหน่วงด้านนอก หลี่ยู่ซินรู้สึกโชคดีมาก พวกเธอต่างอบอุ่นด้านในรถมินิบัสพร้อมกับเตียงที่นุ่มสบาย หม้อไฟและแม้กระทั่งเบียร์ก็ตามที เมื่อเทียบกับคนด้านนอกที่พยายามอย่างดีที่สุดที่จะหาที่พักเพียงแค่หลับนอนแล้ว พวกเธอต่างมีชีวิตที่สุขแสนสบาย
“โอ้ พี่เจียง ปู่ของฉันได้ศึกษาหลัวหลัวมาสองวันแล้ว ฉันได้บอกเขาเกี่ยวกับหลัวหลัวและปู่ของฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์อย่างมาก”หลี่ยู่ซินพูดออกมาอย่างฉับพลัน
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ยู่ซินแล้ว เจียงลู่ฉีก็นึกถึงหลัวหลัวที่แสนซน ทุกครั้งที่เขานึกถึงสัตว์ป่าตัวน้อยที่ตะกละตะกลามที่กินไข่ราชินีมดกลายพันธุ์นั่นไปทำให้เจียงลู่ฉีรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เขารู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้มีสติปัญญาที่สูงมากซึ่งสามารถที่จะบอกได้ว่าอะไรสามารถกินได้และอะไรที่ไม่สามารถกินได้ แต่มันน่ารังเกียจเกินไป
“เจ้าสัตว์ตัวน้อยนี้ยังคงหลับอยู่อีก! มันจะหลับไปอีกนานแค่ไหนกัน? มันไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากใช้ตาใสซื่อของมันอ้อนวอนสำหรับการกระทำที่ซุกซนของมันเท่านั้น!”เจียงลู่ฉีพูดออกมาอย่างโกระเคือง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงของเจียงจู้อิงดังขึ้นมาจากห้องนอน “พี่ชาย! หลัวหลัวขยับตัวนิดหน่อย มันเหมือนกับว่าคุณปู่ซูปลุกมันขึ้นมาละ!”
เจียงลู่ฉีประหลาดใจ “จริงเหรอ?”
หยิงก็ขับหาที่หยุดและหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มที่จะไปรวมตัวกันในห้องคนขับที่ที่หลัวหลัวถูกเคลื่อนย้ายไปที่นั่น
เจียงลู่ฉีสังเกตเห็นซูตงและซูกวงฉีที่ตื่นเต้นอย่างมาก เขาก็สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นแบบนั้น ไม่สำคัญว่ามันจะกลับไปยังยุคที่ยังมีอารยธรรมอยู่หรือไม่ก็ตามหรือจะเป็นช่วงเวลาหลังวันโลกาวินาศ นักวิทยาศาสตร์ก็ต่างตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ที่พวกเขาค้นพบ
“คุณปู่ซูครับ มันเกิดอะไรขึ้นกัน? คุณปลุกมันตื่นขึ้นได้ยังไงกันครับ?”
“โอ้ มันเป็นแบบนี้”ซูกวงฉีจิบน้ำและพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “เจ้าตัวน้อยนี่ไม่ธรรมดาเลย สติปัญญาของมันนั้นสูงที่สุดท่ามกลางสัตว์ป่า เท่าที่ฉันเคยเห็นมันมาตลอดทั้งชีวิต! ฉันเคยเห็นหมาที่รู้คำพูดมากกว่าร้อยคำพูดมาก่อนและฉันก็เคยเห็นลิงชิมแปนซีที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ผ่านการใช้ภาษาท่าทางมาก่อน แต่สัตว์ป่าเหล่านั้นก็ไม่ได้ฉลาดเท่ากับเจ้าลูกขนกลมๆที่อยู่น่าพวกเรา..”
ซูกวงฉีพูดออกมาในขณะที่กำลังจับไปที่หลัวหลัวอย่างนุ่มนวล “สิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดเช่นนี้ต่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นหัวข้อทางการวิจัยอยู่เสมอๆ นักวิจัยต่างชาติต่างตีพิมพ์กระดาษที่คล้ายคลึง…”
‘แค่ก! แค่ก!’
“เอ่อ…แต่ว่า…”เจียงลู่ฉีไอออกมาสองครั้งและขัดจังหวะซูกวงฉี เจียงลู่ฉีก็รู้ดีว่าสติปัญญาของหลัวหลัวนั้นไม่ธรรมดาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาคิดว่ามันไร้ประโยชน์ มันไม่สามารถที่จะทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากขอความเห็นใจจากหญิงสาวทั้งหลาย
เจียงลู่ฉีก็กังวลเกี่ยวกับวิธีการที่คุณซูปลุกเจ้าตัวน้อยนี่ขึ้นมาและความสามารถใหม่ที่มันได้รับ หลังจากที่กินไข่ราชินีมดกลายพันธุ์ของเขาไป มันก็ควรที่จะมีปฏิกิริยาสักเล็กน้อยนะ!
“โอ้..ขอโทษนะ เจียงน้อย ฉันตื่นเต้นมากเกินไปและเกือบที่จะหลงไปพูดเรื่องอย่างอื่นไปแทน”ซูกวงฉีหัวเราะออกมา “ถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วละก็ ในความเป็นจริงก่อนที่ยู่ซินจะบอกกับฉันเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าตัวน้อย ฉันก็สงสัยเกี่ยวกับมันมากๆแล้ว ฉันมีวิธีการมากมายและอุปกรณ์ต่างๆ จากข้อมูลทางสภาพร่างกายของมันแล้ว ฉันพบว่ามันมีระบบเส้นประสาทที่มีปฏิกิริยาขึ้นสูงมาก อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาพโคม่าปกติธรรมดาทั่วไปแล้ว ไอ้ปฏิกิริยาแบบนี้จะไม่ถูกทำงานหรือไม่อย่างงั้นก็จะไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากนั้นฉันก็ได้ทำการทดลองอย่างเช่นการวัดรูม่ายตาของมัน…ตามปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตที่ไมได้สติแล้วนั้น ฉันพบว่า….เจ้าตัวน้อยนี่กำลังแกล้งหลับอยู่ ในตอนหลังฉันก็ใช้วิธีการง่ายๆ ยู่ซินบอกฉันมาว่าเจ้าตัวน้อยนี้ชอบกินเนื้อบาบีคิวมาก ดังนั้นฉันจึงตัดชิ้นเนื้อบาบีคิวไว้บางส่วนใกล้กับมันและหลังจากนั้นก็เดินออกมา ฉันพบว่าเนื้อบาบีคิวจำนวนมากนั้นหายไปและเจ้าตัวน้อยก็แสร้งว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยการจัดชิ้นเนื้อที่เหลืออยู่ไว้ให้เหมือนเดิม มันต้องการที่จะทำให้ฉันเข้าใจผิด! ยู่ซินได้บอกฉันมาว่าเจ้าตัวน้อยนี้สามารถที่จะเข้าใจการสื่อสารแบบง่ายๆ ดังนั้นฉันจึงแกล้งบอกมันว่าถ้ามันยังคงแกล้งหลับต่อไป ฉันจะให้เจียงน้อยต้มมัน มันหวาดกลัวมากและมันก็ตื่นขึ้นมาในทันที”
เจียงลู่ฉียังคงตกตะลึงเป็นเวลานาน หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูกวงฉีและตรักหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ‘มันแกล้งทำเป็นโคม่างั้นเหรอ!? ไอ้นี่มัน..’
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมฉันถึงหาเนื้อบาบีคิวเมื่อวานไม่เจอ ในตอนแรกฉันคิดว่ามีใครบางคนกำลังหิวอยู่ แต่ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าหลัวหลัวได้กินมันลงไป!”เจียงจู้อิงพูดออกมาอย่างมีความสุขและหลังจากนั้นเธอก็กอดหลัวหลัวไว้ เธอมีความสุขมากเมื่อกอดหลัวหลัวและไม่ได้ตำหนิมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรักแทน “มันจะต้องหิวมากแน่ๆในช่วงสองวันที่ผ่านมา”
หลัวหลัวดูเหมือนกับค้นพบที่ป้องกันตัวแล้วและมันก็พยายามอิย่างมากในการวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่ยู่ซินและเจียงจู้อิง ในเวลาเดียวกันมันก็หันมามองเจียงลู่ฉีอย่างแหยๆ
หลัวหลัวมองไปที่เจียงลู่ฉีพร้อมกับดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาในขณะที่หูใหญ่ๆของมันทั้งสองกำลังสั่นไหวอยู่
อย่างไรก็ตามเจียงลู่ฉีก็ยังหงุดหงิดหลังจากที่เห็นมัน “เจ้าตัวน้อย เลิกแกล้งทำได้แล้ว! มานี่สิ!”เจียงลู่ฉีก็หยิบหลัวหลัวจากอ้อมแขนของเจียงจู้อิงไป
“อย่าแกล้งทำท่าน่ารักแบบนั้นกับฉัน มันไร้ประโยชน์ นายกินไข่ราชินีมดกลายพันธุ์ของฉันไป ดังนั้นแสดงความสามารถใหม่ของนายมาให้ฉันเห็นซะ นายเข้าใจมันใช่ไหม?”
เจียงลู่ฉีคิดว่าการที่จะได้รับอะไรมาจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ไข่ราชินีมดกลายพันธุ์ของเขาถูกกินไปโดยหลัวหลัว ด้วยเหตุนี้นี่เองเจียงลู่ฉีคิดว่ามันควรที่จะได้รับอะไรบางอย่างมา
เจียงลู่ฉีจ้องไปที่ดวงตาอันใหญ่โตของหลัวหลัว “เหี้…เอ้ย! ไร้ประโยชน์จริงๆเหรอ?”เจียงลู่ฉีตะโกนออกมา
“พี่ชาย พี่ข่มขู่มากเกินไปแล้ว! อย่าทำให้หลัวหลัวของพวกเราหวาดกลัวสิ!”เจียงจู้อิงรีบจับหลัวหลัวไปจากมือของเจียงลู่ฉี มันดูเหมือนว่าเธอนั้นหวาดกลัวพี่ชายของเธอจะทำร้ายหลัวหลัว
เจียงลู่ฉีพูดไม่ออก
“ฮ่าๆ เจียงน้อย ไม่ต้องกังวลไป พวกเราก็สงสัยเกี่ยวกับมันมากเหมือนกัน”ซูกวงฉีพูดออกมาในขณะที่ดูเจ้าตัวน้อยก้อนกลมนี้อย่างมีความสุข