My MCV and Doomsday - ตอนที่ 465
Chapter 465: ความสูญเสีย
“พี่เจียง…”หลี่ยู่ซินจับไปที่แขนของเจียงลู่ฉีพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง เจียงลู่ฉีก็เคยช่วยสมาชิกครอบครัวของเธอแล้ว คนที่ติดกับดักอยู่ในสถานีโรงงานนิวเคลียร์ พร้อมกับทหารคนอื่นในเกาะเชนไฮ่ หลี่ยู่ซินก็อับอายที่จะต้องอ้อนวอนขอเจียงลู่ฉีให้ช่วยปู่และแม่ของเธออีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้แล้วพื้นที่ A ก็อันตรายมากในตอนนี้ ดังนั้นกองทัพก็ไม่ได้อนุญาตพวกเขาให้ผ่านเข้าไป อย่างไรก็ตามหลี่ยู่ซินก็ไม่ยอมแพ้ เธอก็สามารถทำได้เพียงจับไปที่แขนของเจียงลู่ฉีอย่างช่วยไม่ได้ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
เมื่อมองไปในดวงตาของหลี่ยู่ซินและสัมผัสได้ถึงมืออันสั่นเทาเล็กน้อยของเธอ เจียงลู่ฉีก็ยื่นมือของเขาออกมาและตบไปที่ไหล่ของหลี่ยู่ซิน
“ยู่ซิน ไม่ต้องกังวลไป! พวกเราจะตามหาสมาชิกครอบครัวของเธอเอง”เจียงลู่ฉีพูด เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วที่จะเข้าในพื้นที่ A เพื่อตามหาเซรุ่ม นอกจากนี้แล้วภายใต้ช่วงวันเหล่านี้ หลี่ยู่ซินได้ให้ความสนใจกับน้องสาวของเขาในทุกทางที่เป็นไปได้ ในขณะที่เจียงจู้อิงยังคงหลับอยู่นั้นหลี่ยู่ซินก็ได้ตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอเป็นปกติจนถึงบางครั้งที่ไม่ได้นอนหรือไม่กิน เจียงลู่ฉีก็ทอะไรไม่ได้และทำได้เพียงแค่ยืนมองเขา
ในความคิดของเจียงลู่ฉีแล้ว ดาวโรงเรียนได้ทุ่มเทตัวของเธอเองเพื่อเข้าร่วมกับทีมฉี่หยิง เหมือนกับดอกลิลลี่ที่สวยงามและเงียบสงบ เธอมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เธอก็เริ่มทำงานบ้านทั้งหมดด้วยตัวของเธอเอง ในเววลาเดียวกันเธอก็ยังคงรู้สึกว่าหน้าที่ของเธอในทีมยังคงเป็นรองอยู่ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธโดยคริสตัลวิวัฒนาการที่เจียงลู่ฉีแบ่งปันให้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ อย่างไรก็ตามเจียงลู่ฉีก็ยังรู้สึกชื่นชมในตัวเธอและรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญจนขาดไม่ได้ เมื่อเป็นแพทย์ของทีม เธอก็สามารถที่จะกลายเป็นคนสำคัญได้ในชั่วเวลายามวิกฤติ
“ยู่ซิน เลิกคิดมากได้แล้ว เธอได้ปฏิเสธพื้นที่ปลอดภัยสองแห่งเพื่อที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา ตั้งแต่ที่พวกเราเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน ทำไมเธอยังคงกังวลอยู่มากขนาดนี้อีกละ?”เจียงลู่ฉีถอนหายใจและส่ายหัว
หลี่ยู่ซินจ้องไปที่เจียงลู่ฉีอย่างมึนงงและหลังจากนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลอาบลงบนหน้าของเธอ เธอนั้นเหมือนกับเด็กตัวน้อยที่เหมือนกับรู้สึกโดนกหักขัง เธอกัดปากของเธอและพยายามที่จะไม่ร้องไห้และก็พยักหน้า
“มันเอาจจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเราในการเข้าไปยังทางหลัก แต่พวกเราสามารถที่จะหาสถานที่ลอบเข้าไปได้”เจียงลู่ฉีหันกลับไปพูด
ที่จริงแล้วกำลังยิงของกองกำลังเหล่านี้ต่างหนาแน่นอย่างมากในพื้นที่ที่มคนหนาแน่น จนถึงจุดที่คนติดเชื้อหลายคนนั้นวิ่งหลบหนีออกมาได้ มันสามารถที่จะเห็นได้เลยว่าทางกองทัพไม่สามารถที่จะควบคุมได้ในทุกมุม
‘ปัง ปัง ปัง!’
ในเวลาเดียวกัน เสียงปืนอันหนักหน่วงก็ดังขึ้น ไกลออกไปเจียงลู่ฉีก็เห็นคนอีนับสิบคนวิ่งออกมาจากพื้นที่ A พวกเขาต่างวิ่งตรงมาทางทหารตรงๆ บางคนในพวกเขาต่างสวมชุดยูนิฟอร์มทหาร แต่คนอื่นต่างเป็นผู้รอดชีวิตทีค่เป็นนายพล พวกเขาต่างคล้ายคลึงกับผู้บังคับบัญชาหวังซึ่งสูญเสียการควบคุมตัวเองและความบ้าคลั่งเข้าครอบงำพวกเขา
เจียงลู่ฉีหันกลับไปมองหลันซิหยู่ “ซิหยู่ ได้โปรดสแกนพื้นที่บริเวณนี้ด้วย”
“โอเคค่ะ!”หลันซิหยู่เปิดวิสัยทัศน์จิตวิญญาณของเธออีกครั้งหนึ่งและก็แพร่กระจายมันไปรอบๆอย่างเงียบๆ
พื้นที่ A และ B ถูกแบ่งแยกกันโดยลวดหนามและรั้ว วิสัยทัศน์จิตวิญญาณของหลันซิหยู่ก็ยืดยาวจนไปถึงกำแพงและจุดสว่างหลายจุดก็สว่างขึ้นในวิสัยทัศน์จิตวิญญาณของเธอ สถานที่ที่มีจุดสว่างวิบวับเหล่านั้นต่างเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันอ่อนแอที่สุดและมันหมายความว่าจำนวนของคนติดเชื้อนั้นค่อนข้างน้อย เพียงเวลาไม่นานดวงตาของหลันซิหยู่ก็กลับมาจากสถานที่ที่ดูห่างไกล “ฉันค้นพบสถานที่ที่ใกล้ที่สุดที่เป็นไปได้แล้วค่ะ”หลันซิหยู่พูด
เจียงลู่ฉีพยักหน้าตกลง “หยิง ขับไป”เจียงลู่ฉีสั่งการและหลังจากนั้นหยิงก็สตาร์ทรถมินิบัสขับไปยังถนนอีกเส้นทางหนึ่งโดยไม่รบกวนเหล่าทหารคนใด
…
พื้นที่ A ในปัจจุบัน จากถนนที่เคยเงียบสงบดูเหมือนกับได้รับประสบการณ์ของวันโลกาวินาศที่ปะทุขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเศษซากปรักหักพัง
‘อว๊า!’
ปากของคนติดเชื้อส่งเสียงคำรามต่ำออกมาและเบียดตัวอยู่บนถนน ด้านหน้าของเขานั้นเป็นตึก ในตึกนั้นมีคนหลายสิบคนกำลังทำการซ่อนตัวอยู่ ภายใต้การป้องกันของกองกำลังขนาดเล็ก หนึ่งในพวกเขาดูหวาดกลัวและไม่สบายใจ เขาอดที่จะแอบมองผ่านหน้าม่านและเห็นคนติดเชื้ออย่างใกล้ชิดเสียมิได้
“อ๊า!”ชายที่อยู่ในตึกกุมหน้าอกของเขาไว้และกรีรด้องออกมา ทหารคนที่อยู่ข้างเขาก็ลั่นไกออกมาในทันที
‘ปัง!’
มันก็เกิดเสียงดังขึ้นจากทางประตูขึ้น คนที่อยู่ด้านในต่างสั่นสะท้านและพวกเขาก็มองไปยังประตูอย่างกังวลใจ เลือดก็ไหลผ่านเข้ามาในประตูอย่างช้าๆ แต่มันก็ไม่มีเสียงดังมาอีกต่อไป
‘เขาถูกฆ่าแล้ว…’
ทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจรวมทั้งทีมทหารขนาดเล็กด้วยเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน ชายแก่ที่เสียงแหบแห้งก็ยืนขึ้นและมองไปยังชายที่พึ่งเปิดหน้าม่านออก “อย่าทำการตัดสินใจโดยพลการแบบนั้นอีกนะ! ถ้ามันมีมากกว่าหนึ่งตัวด้านนอกละก็ นายอาจจะทำให้พวกเราถูกฆ่า!”
“ฉันไม่รู้นี่ว่าเขาสามารถมองเห็นฉันได้หน่ะ!”ชายคนนั้นพยายามที่จะอธิบาย
ในความเป็นจริง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นต่างติดเชื้อ แต่พวกเขารู้ว่าคนเหล่านั้นต่างน่าหวาดกลัวอย่างมากพร้อมกับสัญชาตญาณที่เฉียบคม
มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถพิจารณาว่าได้นั้นก็คือพวกเขาไม่ได้กินคน แต่ตราบเท่าที่พวกเขากัดหรือข่วนใครสักคน พวกเขาก็จะเปลี่ยนกลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบนั้น
“ในโลกที่ล่มสลายเช่นนี้ แม้กระทั่งคนธรรมดาทั่วไปแบบนายและฉันก็ยังแสดงให้เห็นถึงการวิวัฒนาการอย่างช้าๆ อย่าได้ดูถูกไวรัสนะ”ชายเฒ่าพูดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เขาเป็นศาสตราจารย์ซูกวงฉี ตึกนี้นั้นมีโครงสร้างที่มั่นคง แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ตามที คนติดเชื้อหลายคนก็ได้ติดตามพวกเขามา
“สิ่งที่ศาสตราจารย์ซูพูดถูก เหตุการณ์ระบาดของไวรัสนี่อาจจะเป็นเพราะอาจจะติดมาจากรังสัตว์ป่า พวกเราต่างรู้ดีเกี่ยวกับมัน!”ชายอีกคนหนึ่งพูดออกมา
พวกเขาต่างเป็นสมาชิกของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัย ดังนั้นหลังจากที่เกิดการระบาดของไวรัสที่ไม่รู้จักขึ้น ทหารบางส่วนก็มาคุ้มกันพวกเขาไปยังสถานที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ถูกโจมตีโดยคนที่ติดเชื้อบางคน ดังนั้นพวกเขาจึงแยกทางกัน ทีมส่วนนี้ต่างรออยู่ในตึกเพื่อรอคอยความช่วยเหลือ
“ศาสตราจารย์ อย่าได้กังวลไปครับ มีใครบางคนจะมาช่วยเหลือพวกเราในไม่ช้าอย่างแน่นอน!”กัปตันของทีมนี้ปลอบประโลมพวกเขา ศาสตราจารย์จำนวนมากต่างถูกปกป้องไว้ก่อนที่ไวรัสจะระบาดออกมา มีเพียงแค่พวกเขาไม่กี่คนที่ได้พบเห็นความเลวร้ายของวันโลกาวินาศ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีประสบการณ์มากสักเท่าไหร่กับมัน ในช่วงวันเริ่มต้น ผู้คนจำนวนมากนั้นถูกฆ่าตาย เนื่องจากการตัดสินสถานการณ์ที่ผิดพลาดเหมือนกับชายที่เปิดผ้าม่านและคนติดเชื้อได้สังเกตเห็นเขา
ในเวลาเดียวกัน เสียงดังเอี๊ยดก็ดังขึ้นมาจากสถานที่ที่ห่างไกล ผู้คนทั้งหมดต่างที่อยู่ในตึกต่างรู้สึกร่างกายนั้นแข็งทื่อและทหารนายนั้นก็ยกปากกระบอกปืนของเขาขึ้นในทันที
‘พวกเราไม่ได้มีกระสุนมากพอ ฉันหวังว่าทีมช่วยเหลือจะสามารถมาได้อย่างรวดเร็วนะ’ กัปตันคิดออกมาอย่างกังวลใจ