My MCV and Doomsday - ตอนที่ 461
Chapter 461 – ไม่ไว้หน้าลี่หยินฉิงเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้เจียงลู่ฉีและเพื่อนร่วมทีมของเขาต่างกินอาหารกันอยู่ แต่ก็มีเสียงจากด้านนอกดังเข้ามาขัดพวกเขา “กัปตันเจียงอยู่ที่ไหน?”
เมื่อประตูของรถมินิบัสถูกเปิดออก เจียงลู่ฉีก็ปรากฏพร้อมกับชามในมือของเขา “ติงยี? นายมาเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าหลี่ยู่ซินจะปลอดภัยงั้นเหรอ?”เจียงลู่ฉีถามอย่างประหลาดใจ
ติงยีอยู่ในสภาพตำแหน่งที่น่าอึดอัด เขายังจะสามารถพูดว่าเขาจะสามารถปกป้องหลี่ยู่ซินได้ยังไงกัน? เมื่อเป็นผู้นำทีมที่อยู่ภายใต้หน่วยป้องกันเหยี่ยว เขาก็ทำให้พวกเขานั้นเสียหน้าจริงๆ
“การปกป้องคุณหลี่เป็นหน้าที่หลักของพวกเรา แต่ว่าเมืองนี้นั้นปลอดภัยแล้ว ภารกิจของพวกเราก็ถูกพักไว้ก่อนครับ”ติงตีอธิบาย “ผมกำลังทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาลี่ให้เชิญกัปตันเจียงไปยังที่พักชั่วคราวของเขา”
“รองผู้บังคับบัญชาลี่? ลี่หยินฉิง? มีอะไรเหรอ?”เจียงลู่ฉีสับสนอย่างมาก
“ผมไม่รู้ครับ กัปตันเจียง ได้โปรดตามผมมาด้วยครับ”ติงยีพูด
“เอาละ ฉันจะไปกับนาย”เจียงลู่ฉีตอบ “หลิงตามฉันมาด้วย”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอันตรายอยู่ด้านในค่ายทหาร เจียงลู่ฉีคิดว่าเขาควรที่จะระมัดระวังมากขึ้น หลังจากที่พบกับผู้บังคับบัญชากองพลหวัง เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวตรวจพบถึงการไหลเวียนพลังงานที่ไม่รู้จักมาจากเขา
“พี่เจียง พี่รู้ไหมว่าทำไมลี่หยินฉิงถึงได้มองหาพี่?”
“บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเสือดาวที่ปรึกษากับลู่ฉางเฟยก่อนหน้านี้ มันน่าจะเกี่ยวข้องกับรังสัตว์ป่า บางทีพวกเขาต้องการที่จะจัดการภารกิจบางอย่างให้กับพวกเรา”หลิงพูด
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่กองทัพจะส่งคนมาคุยกับลู่ฉางเฟย เมื่อพวกเขาเคยสนับสนุนเขามาก่อน แม้ว่าเขาจะออกไปก็ตามที ยิ่งไปกว่านี้เขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเสือดาวและผู้บังคับบัญชาหวังจึงไปคุยกับเขาแบบต่อหน้า สำหรับเจียงลู่ฉีแล้ว ลี่หยินฉิงเคยถามเขาว่าให้เขาเข้าร่วมกับกองกำลังชั้นยอดของเขาและด้วยเหตุนี้นี่เอง มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจที่ลี่หยินฉิงต้องการที่จะพบกับเขา
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดด้วยเช่นกัน แต่ฉันต้องการที่จะรู้สถานการณ์กับเขา ฉันสงสัยพอตัวเลย”เจียงลู่ฉีถาม
ลี่หยินฉิงเป็นรองผู้บังคับบัญชาสำหรับภารกิจนี้ เขานั้นมีตำแหน่งที่สูงกว่าและรู้รายละเอียดมากกว่าผู้รอดชีวิตธรรมดารทั่วไป ถึงแม้ว่าเจียงลู่ฉีจะสามารถรู้ได้เพียงแต่สถานการณ์ทั่วไปในพื้นที่ปลอดภัยเซียหยวน มันก็มีค่ามากสำหรับเขาในการตัดสินสถานการณ์ของเขตอื่น
ในช่วงเวลาที่โลกล่มสลายเช่นนี้มันค่อนข้างที่จะแตกต่างไปจากช่วงเวลาแห่งสงครามหรือช่วงเวลาที่สงบสุข แม้ว่าวิทยุจะสามารถใช้งานได้ ผู้คนก็รู้เกี่ยวกับเขตอื่นเพียงแค่เล็กน้อย มันเหมือนกับการขับรถในยามมืด คนนั่งโดยสารสามารถที่จะเห็นได้แต่สถานที่ที่แสงสาดส่องลงมา แต่ไม่ว่าจะทางซ้ายหรือทางขวา พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นมันได้ชัดเจน สิ่งที่ไม่รู้จักนั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด
ติงยีนั้นอยู่ในรถอีกคันหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาและหลังจากนั้นรถทั้งสองคันก็เข้าไปยังพื้นที่ถูกที่แบ่งแยกไว้ เมื่อมาถึงสถานีของทหารยาม เมื่อเป็นรองผู้บังคับบัญชา ลี่หยินฉิงไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่อาศัยที่แยกออกไปแต่เขากลับย้ายห้องนอนไปยังส่วนบัญชาการชั่วคราว จากตอนเช้าถึงยามค่ำคืน สำนักงานนั้นยุ่งมากอยู่เสมอๆ
ทหารก็ทั้งเดินเข้าและออกอยู่ตลอดเวลาและก็ส่งข้อความเร่งด่วนไปจากสนามรบ
ลี่หยินฉิงนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะและแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ทรงพลัง ทหารทั้งหมดที่ผ่านประตูเข้ามาต่างได้รับผลกระทบจากออร่าที่น่าเกรงขามและก็รู้สึกตึงเครียดอย่างไม่รู้ตัว ด้านหลังของพวกเขาต่างตั้งตรงจากความหวาดกลัวต่ออำนาจของลี่หยินฉิงที่อาจจะค้นพบความหย่อนยานของพวกเขา ตั้งแต่ที่ลี่หยินฉิงนั้นได้มาถึงสนามรบ เขาก็ได้ต่อสู้อยู่ที่ด้านหน้า เขามีเวลาเพียงแค่เล็กน้อยในการพัก พร้อมกับพลังงานที่ล้นเหลือและความเด็ดขาด ลี่หยินฉิงนั้นเป็นที่นับถือของทหารเหล่านี้
บนโซฟาที่อยู่ด้านหน้าลี่หยินฉิงก็มีชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ ชายคนนี้นั้นสวมชุดลายพลางและดวงตาปลอมและทำให้เขาดูน่าหวาดกลัวอย่างมาก คนธรรมดาทั่วไปต่างหวาดกลัวในดวงตาปลอมของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อชายคนนี้มองไปที่ลี่หยินฉิง ดวงตาที่ดีของเขาต่างทรยศและแสดงให้เห็นถึงความชื่นชมและความนับถือ
“ฉันได้ถามติงยีให้หาทีมผู้รอดชีวิตที่ทำงานร่วมกับนายแล้ว สมาชิกเกือบทั้งหมดของทีมนั้นต่างเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่และพลังในการต่อสู้ ทีมนั้นต่างแข็งแกร่งอย่างมาก ในตอนนี้พวกเราไม่สามารถที่จะจัดสรรทีมทหารให้กับนายได้ ดังนั้นทางเลือกอันดับสองที่ดีที่สุดสำหรับนายก็คือการร่วมมือกับทีมผู้รอดชีวิต”ลี่หยินฉิงพูด
หลังจากที่ได้ยินลี่หยินฉิง การแสดงออกของชายตาเดียวไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย “พวกเราต่างทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา!”
“เอาละ ถึงแม้ว่าผู้รอดชีวิตร่วมมือกับพวกเขาพร้อมกับผลประโยชน์และรางวัล พวกเขาก็ต่างทำหน้าที่ที่สำคัญ”ลี่หยินฉิงพูดเพิ่มเติม
ในเวลาเดียวกัน ติงยีก็เดินผ่านประตูออกมาในทันทีและหลังจากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง “รองผู้บังคับบัญชาลี่ ผมพากัปตันเจียงมาพร้อมกับผมแล้ว”หลังจากที่เสียงของติงยีเงียบลง เขาก็สังเกตเห็นถึงชายตาเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟา
“กัปตันหลัว คุณกลับมาจากแนวหน้าเมื่อไหร่กัน?”มันเห็นได้เด่นชัดว่าติงยีนั้นรู้สึกหวาดกลัว อย่างไรก็ตามชายตาเดียวก็มองไปที่เขาโดยไม่ได้ตอบคำถามใดๆ
“เจียงลู่ฉีเป็นกัปตันของทีมที่ฉันพึ่งจะบอกไป ติงยีพาเขามาที่นี่เพื่อพบกับนาย”
เพียงเวลาไม่นานที่เจียงลู่ฉีเข้ามาในห้องพร้อมกับหลิง ทันทีที่เจียงลู่ฉีเข้ามา เขาก็สังเกตเห็นถึงลี่หยินฉิงและหลังจากนั้นก็ชายตาเดียว ในความคิดของเขาห้องเล็กๆนี้ต่างเต็มไปด้วยเสือและหมาป่ารวมตัวกัน ไม่ต้องพูดเลยว่าลี่หยินฉิงนั้นเป็นชายที่ทรงพลังและเกือบที่จะไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด แม้ว่าเจียงลู่ฉีจะได้ปะทะกับลู่ฉางเฟยแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกว่าลี่หยินฉิงเป็นที่หยั่งไม่ถึง มันเหมือนกับว่าลี่หยินฉิงนั้นแข็งแกร่งว่าลู่ฉางเฟย
สำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตาเดียว แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 2 เขาก็จะกลายเป็นระดับสองในเวลาไม่นาน เขานั้นเหมือนกับอาศัยอยู่ท่ามกลางภูเขาแห่งดาบและทะเลแห่งเปลวเพลิง แม้ว่าเขาจะแต่งกายอย่างเรียบร้อย เขาก็ยังคงทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกว่าเขาได้สังหารคนไปมากมาย
“กัปตันเจียง ชายคนนี้คือหลัวเฟย กัปตันหลัวเป็นหนึ่งในกัปตันของทีมหน่วยป้องกันเหยี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุด ในหน่วยป้องกันเหยี่ยว มีเพียงแค่สองทีมเท่านั้นที่สามารถพูดได้ว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด”ลี่หยินฉิงพูด
“กัปตันลี่ ผมสงสัยว่าผมจะสามารถทำอะไรกับคุณได้”เจียงลู่ฉีถามตรงๆ
“ฉันคิดว่านายน่าจะเดาได้แล้ว ดังนั้นฉันจะบอกนายในทันที มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในรังสัตว์ป่าที่พวกเราโจมตีไป ดังนั้นพวกเราจึงหยุดแผนการต่อสู้ดั้งเดิมไว้ก่อนชั่วคราว นายน่าจะรู้ดีเกี่ยวกับข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในรังสัตว์ป่าเพียงแค่เล็กน้อย นอกจากนี้แล้ว สถานการณ์ในแต่ละรังสัตว์ป่าต่างแตกต่างกัน”ลี่หยินฉิงอธิบาย
“รังสัตว์ป่าบางรังได้ถูกยึดครองโดยแมลงกลายพันธุ์ ในขณะที่รังอื่นต่างเป็นของสัตว์ป่า แต่ไม่สำคัญ่ามันจะเป็นรังประเภทไหน พวกมันก็ต่างอันตรายสำหรับพวกเรา ไม่นานก่อนหน้านี้ พวกเราก็พบกับปัญหาบางอย่าง ดังนั้นฉันจึงได้เชิญนายให้เข้าร่วมกับพวกเราและร่วมมือกับกัปตันหลัว”ลี่หยินฉิงก็พูดต่อและยื่นเอกสารไปให้กับเจียงลู่ฉี
เจียงลู่ฉีก้มลงไปอ่านมันอย่างระมัดระวัง ในตอนแรกเขาดูใจเย็น แต่เพียงเวลาไม่นานเขาก็ขมวดคิ้ว
“กัปตันหลัวต้องการที่จะสำรวจรังสัตว์ป่าและพวกเราควรที่จะปกป้องเขาจากอีกถนนเส้นทางหนึ่งอย่างงั้นเหรอ?”เจียงลู่ฉีถาม
“ใช่ พวกเราสามารถที่จะให้รางวัลภารกิจระดับสูงและเลื่อนระดับของทีมนายได้ ในอนาคต ทีมของนายจะสามารถได้รับการปฏิบัติจากพื้นที่ปลอดภัยเซียหยวนอย่างมากมายซึ่งคล้ายคลึงกับทีมชั้นยอดของกองทัพ ภารกิจนี้สามารถที่จะให้รางวัลเหล่านั้นกับนายได้ ฉันคิดว่านายไม่ควรที่จะปฏิเสธข้อเสนอของฉันนะ พวกเราจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากนาย เนื่องจากว่าพวกเราขาดแคลนทหาร”ลี่หยินฉิงพูด
“นายมีรถมินิบัสนั่นทำให้นายปลอดภัยได้ ดังนั้นนายจะไม่ต้องพบกับอันตรายมากมายในรังสัตว์ป่า”ลี่หยินฉิงพูดเพิ่มเติม
“แต่…ผมมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าซึ่งผมจำเป็นต้องมุ่งมั่นในการทำมันอย่างถึงที่สุดและผมไม่สนใจภารกิจนี้”เจียงลู่ฉีวางเอกสารลงและพูดออกมา
ที่จริงแล้ว เขาได้ทำการตัดสินใจหลังจากที่ได้อ่านเอกสารอย่างระมัดระวัง ภารกิจนี้ซับซ้อนกว่าที่อธิบายมาในเอกสาร
ลี่หยินฉิงมองไปที่เจียงลู่ฉีและเปิดเผยท่าทางที่แปลกประหลาด “ทำไมนายถึงได้ปฏิเสธข้อเสนอของฉันครั้งแล้วครั้งเล่ากัน!? ฉันไม่รู้ว่าเรื่องอะไรมันสำคัญสำหรับนาย!”
ในครั้งนี้ลี่หยินฉิงตัดสินใจที่จะหาเจียงลู่ฉี เนื่องจากว่าเขาได้ยินเจียงลู่ฉีนั้นได้ทำภารกิจสำเร็จ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจียงลู่ฉีจะปฏิเสธเขาอีกครั้งหนึ่ง
เจียงลู่ฉีก็เงียบลงอีกครั้งหนึ่ง ถ้าลี่หยินฉิงได้ถามเขาก่อนหน้านี้หลายชั่วโมง เจียงลู่ฉีก็จะตกลงช่วยเขาและถามเกี่ยวกับกระบวนการวิวัฒนาการระดับ 2 ของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติกลับ แต่ในตอนนี้มันไร้ประโยชน์สำหรับเขาในการอธิบายมัน เนื่องจากว่าเขาได้รับคำตอบมาจากลู่ฉางเฟยแล้วเรียบร้อย ด้วยเหตุนี้นี่เองเขาจึงรู้วิธีที่เขาสามารถช่วยน้องสาวของเขาได้แล้ว
“เอาละ ฉันจะหาทีมอื่นเอง ติงยี นายสามารถพากัปตันเจียงกลับไปได้เลย”ลี่หยินฉิงพูดออกมาอย่างเย็นชา เมื่อเป็นรองผู้บังคับบัญชาของภารกิจรวมทั้งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 2 ลี่หยินฉิงก็ปฏิเสธเจียงลู่ไปสองครั้ง ดังนั้นเขาไม่ต้องการที่จะคุยกับเจียงลู่ฉีอีกต่อไป
ชายตาเดียวก็ยังคงนั่งอย่างเงียบงันและไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียวในครั้งนี้
เมื่อติงยีส่งเจียงลู่ฉีและหลิงออกไป ติงยีก็อดที่จะมองไปที่เจียงลู่ฉีไม่ได้ ในความคิดของเขา เจียงลู่ฉีนั้นหยิ่งมาก ในครั้งนี้เจียงลู่ฉีก็ได้ยั่วยุต่อลี่หยินฉิง แม้ว่าลี่หยินฉิงจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมัน มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ใครบางคนจะทำมัน
ไม่ว่าพวกเขาจะซื่อสัตย์กับลี่หยินฉิงอย่างมากหรือใครก็ตามก็ที่ต้องการทำให้ลี่หยินฉิงพึงพอใจต่างต้องการที่จะลงโทษใส่เจียงลู่ฉี
“มันอาจจะมีปัญหาสักเล็กน้อยในภายหลัง”เจียงลู่ฉีพูดออกมาและก็หันกลับไปมองสำนักงาน
หลิงพยักหน้า
“แต่มันไม่สำคัญสักเท่าไหร่ ถ้าพวกเราไม่มีความสุขในการอยู่ที่นี่ พวกเราก็จะจากไปในทันที”เจียงลู่ฉีไม่กังวลเกี่ยวกับความคิดของติงยีเลยแม้แต่นิดเดียว
“ภารกิจนี้ดูไม่ธรรมดาทั่วไปเหมือนกับที่เขาพูด”หลิงพูดออกมาอย่างฉับพลัน
เจียงลู่ฉีพยักหน้า ภารกิจนี้ดูเหมือนธรรมดาทั่วไป แต่มันก็แค่หน้าฉาก เจียงลู่ฉีได้สู้กับแม่สัตว์ป่ามาแล้วและเขาก็เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากรังสัตว์ป่าซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณเกี่ยวกับวิสัยทัศน์จิตวิญญาณที่ได้รับการแบ่งปันมาจากหลันซิหยู่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับเขาในการขับรถมินิบัสเข้าไป แต่มันจะเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาในการขับออกมา ลี่หยินฉินต้องการที่จะใช้ทีมฉี่หยิงเป็นเหยื่อล่อ
ถ้าเจียงลู่ฉีล่อแม่สัตว์ป่าและฝูงสัตว์ป่าขนาดใหญ่ด้านในรังสัตว์ป่า หลัวเฟยก็จะสามารถทำภารกิจสำเร็จของเขาได้ อย่างไรก็ตาม ภารกิจอย่างนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นคนแบบหลัวเฟย แน่นอนว่าหลัวเฟยเพียงแค่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านในรังสัตว์ป่า ในอีกความหมายหนึ่ง สำหรับลี่หยินฉิงหรือหลัวเฟยแล้ว การที่จะทำภารกิจให้สำเร็จเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะต้องครุ่นคิด พวกเขาต่างทิ้งผู้รอดชีวิตคนอื่นไปนอกจากการพิจารณา นั่นเป็นเรื่องที่เจียงลู่ฉีคาดการณ์เองและบางทีสถานการณ์ก็อาจจะดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามสำหรับเจียงลู่ฉีและทีมของเขาแล้วมันเสี่ยงมาก
“เพียงเวลาไม่นานที่เส้นทางปิดกั้นถนนถูกปิดลง พวกเราก็จะกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยเซียหยวน”เจียงลู่ฉีตอบกลับด้วยน้ำเสียงต่ำ