My MCV and Doomsday - ตอนที่ 442
Chapter 442: เชิญชวน
เอเฉิงจะยอมตกลงกับเงื่อนไขการเพิ่มรังแตนอีกสิบรังได้อย่างไรกัน?
ความจริงแล้ว ความสามารถพิเศษของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ประโยชน์จากสนามรังแตน เนื่องจากว่าความสามารถทางจิตอ่อนๆของเขาได้ตื่นขึ้นซึ่งทำให้เขาสามารถที่จะควบคุมแตนกลายพันธุ์ได้มากที่สุดสิบสองตัว ในแต่ละการต่อสู้ เขาใช้แตนสิบสองนี้ในการควบคุมแตนตัวอื่นด้วยขั้นที่มันกำลังกลายพันธุ์อยู่ พูดตามปกติแล้ว มันทำงานได้ดีเพราะสัญชาตญาณของพวกมัน ไม่สำคัญว่าพวกมันจะเป็นซอมบี้กลายพันธุ์หรือแตนกลายพันธุ์ก็ตามที พวกมันก็เหมือนจะถูกควบคุมโดยผู้นำที่ทรงพลังหนึ่งตัวหรือมากกว่านั้น ด้วยเหตุนี้นี่เอง แตนสิบสองตัวนี้จึงเป็นอาวุธของเอเฉิง อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ถูกเจียงลู่ฉีฆ่าไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น เอเฉิงก็หวาดกลัวอย่างมาก ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ปลดปล่อยรังแตนอีกสิบรังซึ่งเหมือนกับเขาไม่ได้ยินคำอ้อนวอนของเอเฉิงเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้รับการแจ้งมาว่าให้การแข่งขันนี้น่าตื่นเต้นขึ้นอีกเล็กน้อย แน่นอนว่าเขารู้สิ่งที่จะต้องทำดี
‘ซี่ซี่ซี่!’
รังแตนมากกว่าสิบรังก็ถูกปล่อยออกมาและหลังจากนั้นทั้งสนามก็ถูกปกคลุมไปด้วยแตนที่หนาแน่น
ฝูงชนก็ตัวสั่นสะท้าน เพียงแค่ได้ยินเสียงกระพือปีกนับไม่ถ้วนของพวกมัน
“ผม…โอ้!”เอเฉิงเหลือบมองไปที่เจ้าหน้าที่และวิ่งไปยังตรงประตูเหล็กอย่างรวดเร็ว เขาหวังว่าเขาจะสามารถพุ่งหนีออกไปได้ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะไปได้ครึ่งทาง กลุ่มแตนขนาดใหญ่ก็ล้อมเขาไปแล้ว
เอเฉิงกรีดร้องเหมือนกับเด็กทารกที่พึ่งลืมตาขึ้นมาดูโลกยังไงยังงั้น…
สมาชิกขององค์กรน้ำดำที่ยืนอยู่ด้านนอกก็รู้สึกประหลาดและสงสัยว่าทำไมเอเฉิงจึงเป็นคนที่กรีดร้องออกมา
“เกิดอะไรขึ้น? เอเฉิงโดนกัดอย่างงั้นเหรอ?”
“เขาล้มเหลวงั้นเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้หน่า! เขาน่าจะร้องออกมาเพื่อที่จะล่อความสนใจของฝ่ายตรงข้าม…”
สมาชิกองค์กรน้ำดำบางคนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ในขณะที่พูดคุยกันอยู่ โชคร้ายที่ไม่นานหลังจากที่พวกเขาพูดคำเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็รู้สึกเสียใจตามมา พวกเขาก็เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเอเฉิงและเขาก็เจ็บปวดอย่างมาก
“เชี่ย! ทำไมเด็กนั่นถึงปลอดภัยดีกันละ?”ใครบางคนตะโกนออกมา
“โอ้ พระเจ้า! เขาแม่งโคตรเร็วเลย! มันเป็นไปไม่ได้หน่า แม้กระทั่งตาของฉันก็ตามความเร็วของเขาไม่ทัน! เขานั้นหลบการกัดและต่อยของแตนได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยการเคลื่อนตัวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น!”ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอุทานออกมา
เขาเป็นชายที่มีดวงตาที่ทรงพลังและสายตาที่แหลมคม ดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจียงลู่ฉีขยับตัวให้น้อยที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนกับยืนอยู่กับที่สำหรับคนอื่นก็ตามที เท้าของเจียงลู่ฉีก็เปลี่ยนทิศทางอย่างต่อเนื่อง มันทั้งละเอียดอ่อนและเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนตาเปล่าตรวจจับได้อย่างยากลำบาก
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหวาดกลัวและส่ายหัว เมื่อเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะสามารถทำแบบนั้นได้
เมื่อเทียบกับการโอดครวญของเอเฉิงแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจียงลู่ฉีกำลังเพลิดเพลินกับแตนที่มาล้อมเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าเลือดที่ไหลเวียนในตัวเขานั้นกำลังร้อนระอุ เลือดที่ไหลเวียดเวียนในร่างกายของเขานั้นไหลเร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว มันแบกไว้ทั้งออกซิเจน พลังงานและสารอาหารจำนวนมาก มันอนุญาตให้เขาใช้พลังงานได้มากกว่าเดิมและในเวลาเดียวกันมันก็เพิ่มปฏิกิริยา ความแข็งแกร่งของเซลล์และการระเบิดพลังงานของความคล่องแคล่วและกล้ามเนื้อ ไม่เพียงแค่นั้น สายตาและการได้ยินของของเขาก็ทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้ มันทั้งทรงพลังจนเขาสามารถที่จะมองเห็นแตนเหล่านั้นในอากาศได้ แต่ละตัวเหมือนกับหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวข้องกับยีนส์เหลวการวิวัฒนาการเลือดระดับ 2ที่เจียงลู่ฉีดื่มไปก่อนหน้านี้ มันสามารถที่จะบอกได้ว่าในเวลานั้น พลังชีวิตของเจียงลู่ฉีก็ทรงพลังยิ่งกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนมาก ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแล้วละก็ แผลนั้นก็จะฟื้นตัวใน 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน
เจียงลู่ฉีนั้นก็ปฏิบัติกับการต่อสู้นี้เหมือนกับเป็นสถานที่สำหรับความเพลิดเพลินส่วนตัวสำหรับเขาแล้ว ฝูงแตนที่หนาแน่นนั้นเป็นที่ทดสอบร่างกาย
“ผม…ผมยอมแพ้! ปล่อยผมออกไป!”เอเฉิงโดนกัดไปมากกว่าสิบครั้งเสียอีก ดังนั้นสติของเขาจึนเลือนราง เขากระตุกและก็ล้มลงไปกับพื้นและร้องขอความเมตตาจากเจ้าหน้าที่
“เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ประตูก็จะปิดไว้อย่างน้อยสิบนาที”เจ้าหน้าที่อธิบายออกมา
นอกจากเสียงกระพือปีกของแตนแล้ว มันก็ไม่มีเสียงอื่นที่สามารถได้ยินอีกเลยในสนาม เอเฉิงนั้นอยู่ในสภาพที่แสนอนาถและเขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังค่อยๆตายลงไปอย่างช้าๆ หน้าผากและแขนของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความเร็วสูงและเสียงกรีดร้องของเขาที่ร้องออกมาจากความเจ็บปวดของบาดแผลของเขาก็แหบแห้งขึ้นเรื่อยๆ เสียงของเอเฉิงก็ค่อยๆหายไป..
ในอีกทางหนึ่ง เจียงลู่ฉียังคงเพลิดเพลินไปกับการออกกำลังกายของเขา
สิบนาทีต่อมา ประตูก็ถูกเปิดออก แต่เอเฉิงก็ยังคงนอนกองอยู่บนพื้น…
บนตำแหน่งที่สูงกว่าสนามนั้นเอง การแสดงออกบนใบหน้าของลู่ฉางหยางก็เปลี่ยนเป็นหน้าเกลียด เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี..
“มันน่าเบื่อมาก”เสือดาวยืดแขนและพูดออกมา เขาก็เหลือบตามองไปยังลู่ฉางหยางอย่างมีความสุข “ครั้งหน้า ถ้านายต้องการที่จะท้าทายกับเจียงลู่ฉีแล้วละก็ ได้โปรดหาคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ด้วยเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของเสือดาว ใบหน้าของลู่ฉางหยางก็กระตุกเหมือนกับเขาโดนตบไปที่หน้า “กัปตันเสือดาว พวกเราแค่ต้องการวัดระดับความแข็งแกร่งของเขา พวกเราไม่ได้ส่งสมาชิกที่ทรงพลังของพวกเราออกไป” “สมาชิกที่อยู่ด้านหลังผมนั้นต่างเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังยิ่งกว่าเจียงลู่ฉีเสียอีก”
เสือดาวมองไปที่สมาชิกด้านหลังของลู่ฉางหยาง “ดี พวกเขาดูเหมือนจะทรงพลังกว่าเจียงลู่ฉี แต่อย่าลืมว่าปฏิกิริยาอันรวดเร็วของเจียงลู่ฉีนั้นพัฒนามาอย่างมาก เมื่อเทียบกับตอนที่เขาสู้กับพี่ชายของนาย เจียงลู่ฉีไม่ธรรมดาเลยแม้แต่นิดเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสือดาว ลู่ฉางหยางและลูกน้องของเขาก็ประหลาดใจ เสือดาวเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 2 ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดจะต้องเป็นเรื่องจริง
“ฉันคิดว่าเจียงลู่ฉีก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เมื่อคิดว่าคนธรรมดาสามารถที่จะทำแบบนั้นได้แล้ว มันยอดเยี่ยมมาก! องค์กรต้องการให้ฉันทำการตรวจสอบเขา ฉันคิดว่าจะต้องเป็นเพชรแน่ๆ…แจ้งเขาให้มาที่นี่ ฉันต้องการที่จะคุยกับเขา”ลี่หยินฉิงพูด
เจ้าหน้าที่ที่อ้วนท้วมของคลับร็อคตกตะลึง ลี่หยินฉิงเป็นคนแบบไหนกัน? เจียงลู่ฉีจะมีอนาคตที่สดใสรอเขาอยู่แน่ๆ ตั้งแต่ที่ลี่หยินฉิงต้องการที่จะให้เขามาเป็นลูกน้อง เจ้าหน้าที่อ้วนก็รีบหลี่ตาลงไปและรีบวิ่งไปหาเจียงลู่ฉี
เมื่อเสือดาวได้ประเมินเจียงลู่ฉี ลู่ฉางหยางก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง แต่เมื่อหลี่หยินฉิงประเมินเขา ลู่ฉางหยางก็รู้ว่าเขาควรที่จะทำอะไรต่อไป อย่างน้อย เขาก็ไม่สามารถที่จะวางอุบายกับดักต่อเจียงลู่ฉีอย่างผิวเผินอีกต่อไป
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็กระซิบอะไรบางอย่างกับชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างเขา ชายวัยกลางคนก็ประหลาดใจในตอนแรก แต่เขาก็สามารถที่จะบอกไดว่าลู่ฉางหยางนั้นจริงจังมากแค่ไหน หลังจากที่สัมผัสได้ถึงดวงตาอันแหลมคมของเขา โดยปราศจากการรีรอ ชายวัยกลางคนก็วิ่งตามเจ้าหน้าที่อ้วนไป “ผู้จัดการฮวง! ผู้จัดการฮวง! ผู้จัดการฮวง! รอก่อน! ผมจะวิ่งไปเชิญเจียงลู่ฉีเอง!”
เจ็ดน้อยและฉี่เหลียงที่ยืนอยู่ด้านนอกสนามรังแตนที่กำลังเต็มไปด้วยความสุขและความชื่นชมจากเจียงลู่ฉี
“ต่อไปงั้นเหรอ? เอาสิ! ส่งคนไปท้าทายพี่เจียงต่อไป! ทำไมเขาหยุดละ!? เงียบทำไมกันละ!?”เจ็ดน้อยตะโกนใส่สมาชิกขององค์กรน้ำดำ
พวกเขาก็จ้องหน้ากันและกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สุดท้ายแล้ว ท่ามกลางพวกเขานั้น เอเฉิงก็ถูกพิจารณาว่าเป็นชายที่อยู่ยงคงกระพันกับสนามรังแตน
“ตงกางกำลังมา!”ทันใดนั้น สมาชิกขององค์กรน้ำดำก็ตะโกนออกมา
“ฮะ ตงกวงกำลังมานี่นะ มาดูกันเถอะว่าใครจะโอหังมากกว่ากัน!”สมาชิกบางคนขององค์กรน้ำดำตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่ง
องค์กรน้ำดำเป็นองค์กรที่ทรงพลังเนื่องจากมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังหลายคน นอกจากลู่ฉางเฟยแล้ว เขาก็เป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์กรแล้ว มันก็มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังอย่างเช่นตงกวง ฉี่เทียนซู ฟานกุยและคนอื่นบางคนก็สนับสนุนพวกเขา
เจียงลู่ฉีก็มองไปด้านหน้าและเห็นชายวัยกลางคนกำลังวิ่งมาหาเขา ทั้งชั้นก็เต็มไปด้วยเสียงตึกๆด้วยเสียงของฝีเท้าที่หนักหน่วง เมื่อเขาหยุดลง เสียงวีดหวิวของลมก็รอบเขาๆก็เหมือนกับแรงกระแทกจากรถถัง
‘เขาแข็งแกร่งมาก!’เจียงลู่ฉีพูดในความคิดของเขา แต่เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยศักยภาพของร่างกายของเขาทั้งหมดแล้วการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาต้องใช้พลังงานที่หลบซ่อนทั้งหมดอยู่ในเลือดของเขา ตั้งแต่ที่ชายที่แข็งแกร่งนั้นมาได้จังหวะ มันก็เป็นจังหวะที่จะทดสอบมัน
เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงของตงกวง เสียงสะท้อนที่ดังมาจากบนพื้นดินนั้นก็เหมือนกับใครบางคนกำลังตีกลองอยู่ เมื่อเขายืนอยู่ด้านหน้าเจียงลู่ฉี ทุกคนก็สามารถที่จะเห็นได้ว่าเขาสูงกว่าเจียงลู่ฉีมาก เขาจ้องไปที่เจียงลู่ฉีแล้ววางตัวอย่างเป็นผู้ใหญ่และปลดปล่อยออร่ากดดันที่พิเศษออกมา
ฉี่เหลียงและเจ็ดน้อยก็ตกตะลึงและรู้สึกหวาดกลัว
“นายคือกัปตันเจียงใช่ไหม? กัปตันลี่หยินฉิงเชิญนายให้ไปชั้นบน ได้โปรดตามฉันมาด้วย!”ตงกวงยิ้มออกมาและเปิดเผยฟันหน้าแปดซี่และเขาก็มองไปที่เจียงลู่ฉีด้วยการแสดงออกที่จริงใจ
ทุกคนก็เงียบลง เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด