MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่816-820
ตอนที่816
บาร์นี่คล้ายจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เธอยิ้มอย่างเอียงอายและเอ่ยเสียงเบา “ฉันมาหานาย นภันต์!”
นภันต์ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถาม “หาฉันมีธุระอะไร?”
บาร์นี่ชะงักไปชั่วครู่
ปาณีหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้า ในสายตาเธอ ท่าทางของบาร์นี่ในตอนนี้ช่างแตกต่างจากปกติลิบลับ
บาร์นี่หันกลับมามองเธอทันที สายตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก แต่เป็นเพราะกำลังอยู่ต่อหน้านภันต์เธอจึงไม่กล้าพูดอะไรแบบเมื่อกี้ออกมา
แต่เธอก็ไม่ได้ปล่อยปาณีไปแต่อย่างใด เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน “พี่สาวคนนี้ หัวเราะอะไรมิทราบ? กำลังอวดฟันขาวของตัวเองอยู่หรือไง?”
เป็นปาณีที่ชะงักไปบ้าง เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า ยัยบาร์นี่คนนี้จะกล้าท้าทายตนเองต่อหน้านภันต์
เธอไม่กลัวจะทำลายภาพลักษณ์ของตนเองต่อหน้านภันต์ลงหรือไง?
บาร์นี่ถลึงตามองเธออย่างดุร้าย ก่อนจะหันกลับไปทางนภันต์“ฉันมาปรึกษานายเรื่องการถ่ายทอดสด ตอนนี้นายมีชื่อสเยงในวงการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันว่านายไม่ควรจะทิ้งโอกาสมีชื่อเสียงนี้ไป พอมีชื่อเสียงแล้ว เงินก็หาได้มากขึ้นด้วย นายว่าไหม?”
นภันต์คิดหนักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “อืม ฉันจะลองคิดดู เธอกลับไปก่อนเถอะ”
บาร์นี่ไม่พลาดสีหน้าพึงพอใจของปาณีไป เธอมีท่าทีลังเลไปยอมจากไป
นภันต์อดขมวดคิ้วไม่ได้ “บาร์นี่ เธอยังมีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า? ถ้าไม่มีแล้วก็ไปเถะ ในบ้านฉันยังมีแขกอยู่!”
ต่อให้บาร์นี่จะไม่เต็มใจแค่ไหน แต่เธอก็ทำได้แค่สะบัดเท้าและหันหลังเดินออกไปเท่านั้น
แต่ก่อนจะไป เธอก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาถลึงตามองปาณีอย่างดุร้ายก่อนรอบหนึ่ง ใช้สายตาขมขู่เธอเอาไว้
ปาณีปิดประตูอย่างแรงใส่หน้าบาร์นี่อย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นเอ่ยกับนภันต์“ผู้ฆญิงคนนี้ไม่ดี นภันต์หลังจากนี้นายอย่าไปคบค้ากับเธอ!”
นภันต์มองไปที่เธออยางสงสัย “พี่ หรือว่าพี่เคยถูกเธอรังแกมาก่อน?”
ปาณีนิ่งคิด แต่ไม่ได้ยอมรับ
แต่นภันต์มองสีหน้าลังเลของเธออกว่าอะไรคือเรื่องจริง เขาพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น “พี่ ผมรู้แล้ว! จากนี้ผมจะอยู่ให้ห่างจากเธอหน่อย”
มองดูน้องชายพูดแบบนี้ ปาณีก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดอะไรต่ออีก ในเมื่อเป็นเรื่องความรู้สึกส่วนตัวของเขา เธอเข้าไปยุ่งมากนักจะไม่ดี
เข้ามาในห้อง ธามนิธิมองดูสีหน้าของเธอ เขายื่นมือไปหาเธอ ในขณะที่ปาณีนั้นเดินเข้าไปหาเขาอย่างเคยชินก่อนทั้งคู่จะสอดประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าด้วยกัน ทุกการเคลื่อนไหวดูราบลื่นราวกับสายน้ำ คล้ายกับว่าต้องทำแบบนี้มานานมากแล้วถึงจะสามารถเกิดเป็นความสนิทสนมขนาดนี้ขึ้นมาได้
นภันต์มองดูพี่สาวและพี่เขยที่แสดงความรักกันอย่างเปิดเผย อดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเบาๆอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “พี่ พวกพี่ระวังหน่อย ผมยังยืนหัวโด่อยู่นี่ทั้งคนนะ!”
ปาณีได้ยินคำพูดของเขาจึงกวาดตาไปรอบเขารอบหนึ่ง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งที่ยังว่างอยู่ลูบลงบนหัวเขาเบาๆ “ก็มีแค่นาย ยังมาบอกให้พวกเราระวังอีก ตอนนี้นายกับส้มโอเป็นยังไงบ้างแล้ว? ส้มโอเป็นเด็กดีมาก นายต้องรู้จักถนุถนอม เข้าใจไหม?”
นภันต์มองไปที่ปาณีอย่างสงสัย “พี่ นี่พี่พูดเรื่องอะไร? ผมกับส้มโอไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างที่พี่คิดนะ!”
ปาณีที่อยู่ข้างๆธามนิธิลุกยืนขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปหานภันต์อย่างไม่อยากเชื่อ สีหน้าของเธอดูเคร่งขึมขึ้นมาก “นายคิดแบบนี้จริงๆหรือ? ฉันยังคิดอยู่ว่า…..”
นภันต์กลับมีท่าทีอึกอักขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “พี่ ผมยังเด็ก ตอนนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้!”
ปาณีคิดอยากจะพูดอะไรอีกอยู่บ้าง ในเมื่อส้มโอเป็นเด็กดีขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีใจให้น้องชายของเธอ นับเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
ดังนั้นเธอจึงอยากให้นภันต์ลองคิดๆดู
ยังไม่รอให้เธอได้เอ่ยปาก ธามนิธิรีบชิงลุกขึ้นมาก่อนจะจับมือเธอและจูงไปยังที่ประตู “นภันต์ฉันกับพี่สาวนายกลับก่อนนะ เรื่องบ้านพอฉันหาได้แล้วจะติดต่อนายไป”
นภันต์มองไปยังธามนิธิแล้วหัวเราะเสียงใสขึ้นมา “โอเคครับ พี่เขย เดินทางระวัง! มีเวลาก็แวะมาอีกนะครับ!”
ใบหน้าของธามนิธิแข็งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้กับนภันต์และตรงกลับไปพร้อมกับปาณีทันที
เดินไปถึงชั้นล่าง ธามนิธิมองดูปาณีที่กำลังสั่นไปมาอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยอย่างไม่มีอารมณ์ “อยากหัวเราะก็หัวเราะไป ฉันไม่ใช่คนใจแคยสักหน่อย!”
ปาณีได้ยินดังนั้น จึงหัวเราะฮ่าๆออกมาทันที “ฮ่าๆๆ น่าสนุกเกินไปแล้ว คุณอา…คุณ…”
ธามนิธิมองดูปาณีที่หัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนจะยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาที่หางตาให้เธออย่างอ่อนใจ “โตขนาดนี้แล้ว ยังจะมาหัวเราะจนน้ำไหลได้อีก ปาณี ไม่มีใครนอกจากเธอแล้วจริงๆ!”
ผ่านไปชั่วครู่ปาณีถึงค่อยผ่อนคลายลงมา เธอมองดูใบหน้าของธามนิธิ และเอ่ยพึมพำ “คุณอา นภันต์บอกให้คุณไปหาบ่อยๆ ทีนี้คุณก็ไม่ต้องมานั่งหึงอยู่ทุกวันอีกต่อไปแล้ว!”
พูดจบ ก็อดหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
ธามนิธิมองดูท่าทางมีความสุขจนเก็บอาการไม่อยู่ของเธอ เขาลากเธอเข้ามาอย่างจนปัญญาและเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ด้านหนึ่งเดินไปอีกด้านก็กำลังอดทนต่อการหัวเราะเยาะของปาณี
“คุณอา เมื่อกี้คุณผงกศรีษะ เป็นเพราะรู้สึกหมดหนทางแล้วใช่ไหมคะ!”ปาณียังถามต่อ
ธามนิธิเห็นรถที่จอดอยู่ห่างเพียงแค่คืบ เขารีบร้อนขึ้นรถแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะรอให้ปาณีขึ้นไปก่อนด้วยความใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยปากกับคนขับ
“ไปบ้านสวนจักตุจักร”
บนรถ ปาณียังคงกุมหน้าหัวเราะอยู่และไม่ได้พูดจาแหย่เขาอีกมากนัก
ธามนิธินั่งอยู่ด้านหลังอย่างนิ่งเงียบและกำลังเผชิญหน้ากับปาณีที่ยืนมือมาหาอยู่ไม่หยุด เขาทำตัวมองไม่เห็น
เห็นเขาแบบนี้ทำเอาปาณีไม่สนใจใครอีกต่อ ทั้งคู่ต่างนั่งเงียบๆ
ผลลัพธ์คือพอรถหยุดลง ปาณีก็รีบแย่งลงจากรถและรีบวิ่งเข้าไปในบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา
ธามนิธิรีบตามไป พอเห็นว่าเธอไม่มีทำอะไร เขาก็นั่งลงในห้องรับแขกและในใจรู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นมาชั่วขณะ
ปาณีกลับหัวเราะใส่เขา “คุณอา เมื่อกี้คุณคิดว่าฉันจะขังคุณไว้ข้างนอกใช่ไหมคะ?”
ธามนิธิไม่ได้เอ่ยประท้วง เขาทำแค่นั่งอยู่เงียบๆเท่านั้น
ปาณีเอ่ยพูดต่อ “ฉันจะไปตัดใจขังคุณอาไว้ด้านนอกได้ยังไงกันคะ? ถ้าเกิดถูกผู้หญิงคนอื่นเก็บไปขึ้นมา ตอนนั้นแม้จะร้องไห้ก็ไม่มีที่ไห้ร้องแล้วนะคะ”
ธามนิธิขมวดคิ้วขึ้นใส่ผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาคนนี้ น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ “คิดไม่ถึงว่าปาณีของเราจะมีสัญชาตญาณป้องกันตัวดีขนาดนี้!”
ปาณียิ้มแล้วโอบรอบคอเขาเอาไว้ เธอเอ่ยเสียงเบา “สามีที่ดีแบบคุณอา ไม่ใช่ว่าจะไปหาที่ไหนได้อีก แน่นอนว่าฉันต้องทะนุถนอมเอาไว้สิคะ!”
พูดจบ ปาณีก็ยิ้มสดใสให้แก่ธามนิธิ
ทันใดนั้นธามนิธิก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตนนั้นผ่อนคลายลงมาไม่น้อย เขายื่นมือออกไปและลูบลงที่หลังเธอ
ปาณีคล้ายกับเจ้าแมวน้อยขี้เกียจก็มิปาน เธอซบอยู่ในอ้อมแขนเขาและดื่มดำกับการปรนนิบัติอันสนิทสนมของคุณอา
ไม่นานนัก หนังตาของเธอก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ธามนิธิรู้สึกว่าขาของตนชาขึ้นมาเล็กน้อย จึงกำลังคิดจะยืดตัวขึ้น พอก้มลงมองดูก็พบว่าปาณีนั้นเข้าสู่ความฝันไปแล้วเรียบร้อย!
เขาถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ หลังจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเบาๆและเดินขึ้นชั้นบนไป
เขาช่วยเธอถอดชุดอย่างระมัดระวัง ตั้งแต่ต้นจนจบปาณีไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ขนาดพลิกตัวเธอก็ยังไม่ตื่น ทำเอาธามนิธิหมดคำจะบรรยาย “สมเป็นลูกหมูจริงๆ!”
ตอนที่817
เช้าวันรุ่งขึ้น ปาณีตื่นขึ้นมากฌไม่เห็นเงาธามนิธิอยู่บนเตียงแล้ว
เธอขยี้ตาก่อนจะค่อยๆเดินไปชั้นล่างอย่างช้าๆ และมองเห็นคุณอาที่ใส่ผ้ากันเปื้อนและกำลังล้างมืออยู่
ปาณีเข้าไปกอดเอวของเขาเอาไว้แน่นจากด้านหลัง เธอเอ่ยเสียงต่ำ “คุณอา คุณดีที่สุด! แบบนี้ฉันถูกคุณตามใจจนเสียคนแล้ว!”
ธามนิธิไม่ได้หันกลับมาก็รู้ว่าเป็นใคร เขาหัวเราะและเอ่ยพูด “ฉันอยากให้เสียคนแบบนี้ แบบนี้จะได้ไปจากฉันไม่ได้!”
ปาณีได้ฟังดังนั้น ก็หมุนตัวเขากลับมา สายตาจ้องเขาอย่างจริงจัง “คุณอา ฉันไม่มีทางไปจากคุณตลอดชีวิตนี้! นอกเสียจากว่าคุณจะไม่ต้องการฉัน….”
ยังไม่ทันได้พูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้นมาและเอ่ยตัดบทคำพูดตัดพ้อของเธอ “พอเถอะ รัยไปล้างหน้าแปรงฟัน อาหารเช้าใกล้จะเสร็จแล้ว”
ปาณียื่นมาออกไปดูไข่ดาวที่อยู่ในกระทะและมีสติแจ่มใสขึ้นมาในทันใด เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะวิ่งขึ้นชั้นบนไปอย่างสุดแรงเกิด
สุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นเจ้าตัวตะกละคนเดิม
ธามนิธิมองแผ่นหลังอันปราดเปรียวว่องไวของเธอ อดไม่ได้จะเอ่ยปรามขึ้นมา “ระวังหน่อย เดี๋ยวหกล้ม!”
ปาณีไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
ธามนิธิพลิกไข่ดาวกลับด้านอย่างชำนาญ เขาวางไข่ดาวลงบนจาน เทนมที่อุ่นไว้แล้วลงในแก้ว และหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมา พร้อมเสริฟอย่างงดงาม
ปาณีลงมาชั้นล่างก็มองเห็นฉากราวกับภาพวาด
นี่ทำเอาเธออดถอนหายใจขึ้นมาไม่ได้ “คุณอา คุณเพรียบพร้อมขนาดนี้ต้องการจะตีแสกหน้าฉันหรือคะ?”
ธามนิธินึกถึงท่าทางที่เห็นอาหารแล้วก็ไม่เคลื่อนตัวไปไหนของเธอเข้าก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้เอ่ยอะไร
ตอนนี้ปาณีไม่สนใจเขาอีกต่อไป อาหารตรงหน้าเธอน่าดึงดูดเสียยิ่งกว่า!
ธามนิธิเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่ทำแค่นั่งทานอาหารเช้าอยู่เงียบๆเท่านั้น
หลังทานเสร็จ ทานนิธิก็ขึ้นไปชั้นบนเปลี่ยนเสื้อ ถึงแม้ภาพแบบนี้ปาณีจะเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่พอเธอเห็นรูปร่างอันสมบูรณ์แบบได้รูปปรากฎขึ้นตรงหน้าบันได เธอก็อดส่งเสียงชื่นชมออกมาไม่ได้ “หล่อเสียจริง!”
ใบหน้าธามนิธิเผยรอยยิ้มขึ้นมาในทันใด เขาชื่มชอบเวลาที่ปาณีเอ่ยชมอย่างจริงจังแบบนี้
ปาณีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งไปหาเขาและจูบเข้าให้หนึ่งที หลังจากนั้นตอนที่เขายังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเธอก็รีบวิ่งหนีไป
ธามนิธิมองดูเจ้าตัวน้อยจอมขี้โกงที่วิ่งหนีไป เขามองเธออย่างเป็นฟืนเป็นไปและเอ่ยคำรามเสียงต่ำ “ปาณี! เธอ…”
ปาณีรีบหันไปมองเขาอย่างประขบประแจงก่อนจะรีบเอ่ยขึ้น “สามี คุณรีบหน่อย ฉันจะไปเรียนสายแล้วนะคะ!”
ธามนิธิต่อให้โมโหกว่านี้ก็ต้องสลายหายไปหมด เพียงแต่ตอนที่เดินผ่านปาณี เขาก้มตัวลงมากระซิบข้างๆหูเธอ “เธอรอฉันได้เลย ว่าคืนนี้ฉันจะจัดการกับเธอยังไง”
พูดจบ เขาก็ผ่านเธอไปและเดินนำหน้าไปยังประตู
ปาณีหน้าเสีย ก่อนจะเดินตรงไปยังรถ
เธอเผชิญหน้ากับสายตาอยากรู้อยากเห็นของไวยาตย์จึงหลบตาเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “อรุณสวัสดิ์ ไวยาตย์”
ไวยาตย์ตอนกลับ “อรุณสวัสดิ์ ปาณี!”
ปาณีเอ่ยทักทายไวยาตย์และเดินตรงขึ้นรถไป มองดูผู้ชายที่เอ่ยเตือนตนเองเมื่อกี้และทำเพียงก้มหน้าลงมองพื้น จู่ๆจิตใจก็ยากที่จะสงบลงได้และไอออกมาหนักๆหนึ่งครั้ง
เดิมเธอยังคิดว่าธามนิธิจะรีบเข้ามาปลอบเธอ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำแค่เพียงกวาดสายตามองเธอรอบหนึ่งแล้วหันไปสนใจไอแพดตรงหน้าต่อเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลย ว่าวันหนึ่งตนเองจะมีเสน่ห์น้อยกว่าไอแพดเครื่องหนึ่ง ปาณีรู้สึกปวดใจจนต้องถอนหายใจออกมา
มุมปากของธามนิธิอดยกขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่ได้ส่งเสียงออกมา
ไวยาตย์มองดูทั้งคู่ที่นั่งอยู่ด้านหลัง โดยเฉพาะธามนิธิที่กำลังมีรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เขาส่ายหัวอย่างอดไม่ได้และเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ “ปาณียังเด็กนัก เรื่องความร้ายกาจจะไปเกินหน้าboss ธามนิธิได้ยังไงกัน?”
รถกำลังขับอย่างราบรื่น ปาณีที่กำลังรู้สึกเบื่อๆจึงเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เธอมองดูปสเตอร์ใหญ่ยักษ์แบบต่างๆด้วยความเพลิดเพลิน
ทันใดนั้นโปสเตอร์ใหญ่ยักษ์ตัวใหม่ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าปาณี เดิมเธอรู้สึกทึ่งในความงามของดาราหญิงอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นโปสเตอร์ชัดเจนขึ้น ทั้งตัวเธอก็ไม่อาจสงบลงได้อีกต่อไป
เธอไม่ได้หันหลับไปดู แต่กลับดึงแขนเสื้อของธามนิธิไว้และตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น “คุณอา รีบดูเร็ว นั่นติรยาใช่ไหมคะ? ใช่ไหม?”
ธามนิธิกวาดหางตาออกไปนอกรถรอบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลงและเอ่ยด้วยท่าทางใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง “ใช่”
น้ำเสียงของเขานิ่งสงบราวกับว่ากำลังเอ่ยถึงสภาพดินฟ้าอากาศในวันนี้อยู่
แต่ปาณีกลับมองดูติรยาที่แต่งหน้าจัดด้วยสายตาซับซ้อน เธอบนโปสเตอร์ ดูแลสวยมากเป็นพิเศษ น่าดึงดูดเป็นพิเศษ อีกทั้งยัง…แปลกเป็นพิเศษอีกด้วย!
ผ่านไปสักพัก รถยนต์ก็ขับผ่านโปสเตอร์ของติรยาไป ปาณีถึงค่อยๆกลับมาสงบลงดังเดิม
ธามนิธิกวาดตาดูเธอที่มีสีหน้าแข็งทื่อ เขาเคลื่อนเข้าไปใกล้เธอและเอ่ย “เป็นอะไรไป? สีหน้าของเธอออกจะกระสับกระส่ายอยู่บ้าง?”
ปาณีส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันก็แค่รู้สึกว่า เมื่อก่อนเคยรู้จักเธอที่เป็นคุณหนูใหญ่สุดแสนจะมีทรัพย์อาหารบริบูรณ์ แถมยังเคยหัวเราะเยาะว่าฉันเป็นพวกบ้านนอก! แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นดาราไปแล้ว ฉันรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง….”
ธามนิธินั่งคิด และเอ่ย “เธออิจฉาติรยา?”
ปาณีส่ายหน้าปฏิเสธ และกอดเอวของเขาเอาไว้ “ใช่เสียที่ไหนคะ ฉันมีคุณอาที่เอาใจใส่ฉัน มีงานการของตัวเอง การเรียบก็กำลังเป็นไปด้วยดี ฉันไม่รู้สึกว่าเธอมีตรงไหนให้ฉันอิจฉาสักนิด!”
มองดูใบหน้าด้านข้างอันแสนบริสุทธิ์ของปาณี ธามนิธิอดดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดไม่ได้ “ก็ใช่ เธอมีฉัน แค่นี้ก็ชนะติรยาแล้ว!”
ปาณีมองเขาที่ทำตัวเหม็นโฉ่ อดไม่ได้ที่จะแหย่เล่น “คุณอา หน้าของคุณทำไมหนาขนาดนี้คะ ไปเรียนมาจากใครกัน?”
ธามนิธิทำท่าคิดด้วยสีหน้าจริงจังสักครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีลึกลับ “เรียนจากใคร? คนนั้นๆอยู่ไกลออกไป ณ เส้นขอบฟ้า….”
คำพูดหลังจากนั้น เขาไม่ได้เอ่ยออกมา
ปาณีรู้สึกอยู่ไม่สุขอีกต่อไปทั้งตัวกระโดดทั้งมา แต่กลับลืมว่าตนเองกำลังอยู่ในรถ ยังไม่ทันจะได้ร้องออกมาก็ได้ยินเสียง ‘ตุ๊บ’ ดังขึ้นมา ใบหน้าทั้งใบของ
ปาณียับยู่ยี่เป็นก้อนเดียวกัน
ธามนิธิยังไม่ทันได้ตั้งจัว
ไวยาตย์หัวเราะคิกคักขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
ผาณีที่กำลังอับอายขายขี้หน้าอย่างยิ่งชี้ไปที่ไวยาตย์และฟ้องธามนิธิ “คุณอา ดูสิคะ ไวยาตย์หัวเราะเยาะฉัน!”
ธามนิธิหันไปมองธามนิธิอย่างดุร้ายรอบหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงนิ่ง “อย่างนั้นหักเงินเดือนครึ่งเดือนของเขา มาให้เธอเอาไปซื้อขนมกิน เป็นยังไง?”
ปาณีมองดูสีหน้าจืดเจื่อนของไวยาตย์ รู้สึกทนดูไม่ไหวขึ้นมาอยู่บ้างจึงเอ่ย “ช่างเถอะค่ะ ไวยาตย์ไม่ได้ตั้งใจจะทำสักหน่อย! ว่าไปแล้ว คุณอา คุณหักเงินเดือนคนอื่นพร่ำเพรื่อแบบนี้ได้ยังไงกันคะ? ทำแบบนี้ไวยาตย์จะต้องเป็นทุกข์มากแน่!”
ยังไม่ทันได้ออกหน้าแทนเธอ แต่กลับถูกเธอตำหนิใส่เสียงั้น ใบหน้าของธามนิธิดูปั้นยากขึ้นมาเล็กน้อย
ไวยาตย์นั้นหัวเราะกับปาณีอย่างไม่เกรงใจ “ยังเป็นปาณีที่ใส่ใจเช่นเคย รู้ว่าคนทำงานอย่างพวกเรานั้นไม่ง่ายเลย”
พูดจบก็นิ่งไป เขาหยุดรถลงและเอ่ยกับปาณี “ปาณี ถึงแล้ว!”
ปาณีชะโงกหน้าไปดูและพบว่าตนเองนั้นมาถึงมหาลัยแล้วเรียบร้อยจึงรีบร้อนลงจากรถ เธอเอ่ยกับคุณอาและไวยาตย์ “ฉันไปเรียนก่อนนะคะ บายๆ”
ธามนิธิไม่ได้รีบร้อนจากไปทันที แต่กลับมองดูจนแผ่นหลังอันร่าเริงของเธอลับสายตาไป ถึอออกคำสั่งให้เดินทางต่อ
ตอนที่818
ปาณีมุ่งหน้ากลับไปยังหอพักก่อน เธอเปิดประตูเข้าไปและมองเห็นทีนาร์กำลังนั่งอยู่คนเดียวที่นั่น
ปาณีไม่ได้สนใจเธอแต่อย่างใด เธอทำแค่เพียงมุ่งตรงไปยังชั้นหนังสือของตัวเองและพลิกหาหนังสือที่ต้องใช้ในคาบเรียนวันนี้
สำหรับทีนาร์ ปาณีรู้สึกว่าตนเองทำตัวใจกว้างและมีคุณธรรมอย่างที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อทีนาร์นั้นทำเรื่องเลวร้ายกับตนเองไปตั้งมากมาย เธอก็ไม่ได้แก้แค้นเอาคืนแต่อย่างใด จัดว่ามีเมตตาแล้ว
ตอนที่เธอกำลังหาหนังสืออยู่ จู่ๆทีนาร์ก็เข้ามายืนออยู่ด้านหลังของเธอ ปาณีที่หยิบหนังสือเสร็จและเตรียมจะออกจากห้องไปหันมาเจอเธอยืนขวางอยู่ด้านหลังก็ตกอกตกใจขึ้นมา
“อุ้ย!”ปาณีใจหล่นไปยังตาตุ่ม ก่อนจะเอ่ยจากช่วยไม่ได้ “ทีนาร์ จู่ๆมายืนอยู่ข้างหลังฉันแบบนี้ทำไม ตกใจแทบแย่!”
ทีนาร์มองดูปาณีด้วยสีหน้าย่ำแย่ ทันใดนั้นเธอก็คุกเขาลงกับพื้น ปาณีถึงกับได้ยินเสียง ‘ตุ๊บ’ ดังขึ้นมา
ปาณีรีบร้อนดึงเธอขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ทีนาร์ นี่เธอกำลังทำอะไร? ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ทีนาร์ส่ายหัว และยังคงก้มหน้าต่อไปอย่างดื้อดึง เธอเอ่ยเสียงสะอื้น “ปาณี ฉันรู้ตัวว่าตนเองทพผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรจะพูดคำพูดร้ายๆพวกนั้นกับเธอเลย เป็นเพราะอาจารย์นลิน เธอตั้งใจจะพูดแบบนั้น ทำให้ฉันเข้าใจผิดว่าเธอเป็นเมียน้อย ฉันรู้แล้วจริงๆว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว ปาณี เธอเป็นคนดี เธอรู้ว่าสถานการณ์ที่บ้านฉันเป็นยังไง ฉันไม่สามารถไม่ทำงานได้……”
มองดูคนตรงหน้า ทีนาร์ที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำเอาปาณีอดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้
ทีนาร์ก็เหมือนกับตนเองในเมื่อก่อน เกิดในครอบครัวคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เหมือนอย่างครอบครัวติรยาในเมื่อก่อน ดังนั้นเธอจึงต้องอาศัยความขยันของตัวเองถึงสอบเข้ามาในมหาลัยชยุตได้ สอบเข้ามหาลัยก็เพื่อภายภาคหน้าจะได้มีงานการที่ดีๆทำในเมืองใหญ่เมืองนี้!
แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอนั้นแหละที่เป็นคนกลบหลุ่มฝังตัวเอง ถูกบริษัททั้งหมดในเมืองชยุตจัดรายชื่อเข้าบัญชีดำ หลังจากนี้ต่อให้อยากอยู่เมืองชยุตต่อไป ก็ยากที่จะทำได้อีก
คิดถึงตรงนี้ ปาณีก็มองทีนาร์ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ทีนาร์นิ่งไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ยกมือของตนขึ้นมา ก่อนจะตบลงบนหน้าตัวเองอย่างแรง
เสียง‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้น ใบหน้าของเธอก็ปรากฏเป็นรอยมือแดงขึ้นมา
ปาณีตกใจจนอ้าปากค้าง มองเห็นทีนาร์ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง และตบลงไปยังแก้มอีกข้างของเธอ
ปาณีรีบหยุดเธอเอาไว้แต่กลับต้องเผชิญกับอารมณ์อันบ้าคลั่งของทีนาร์อย่างทุลักทุเล
ในที่สุดปาณีไม่สนใจเธออีกต่อไป เธอเอ่ยเสียงต่ำ “ถ้าเธอเหยียดหยามตัวเองแบบนี้ คนอื่นไม่รู้สึกเห็นใจเธอขึ้นมาหรอ ในเมื่อสุดท้ายแล้ว คนที่ทำลายชีวิตของเธอก็คือตัวเธอเอง!”
ทั้งร่างของทีนาร์ทรุดลงไปพิงอยู่กับพื้นห้อง มองดูแผ่นหลังของปาณีที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ อดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมา “เธอจะไปรู้อะไร? เดินทีเธอก็ไม่เคยจะเข้าใจสถานการณ์ของฉันอยู่แต่แรก! ตอนนี้เธอสบายแล้ว มีสามีที่ร่ำรวย อีกทั้งยังมีบรรดาพวกผู้ชายที่คอยช่วยเหลือเธออย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ แต่ฉันหล่ะ? ตอนนี้แม้กระทั่งคุณสมบัติที่จะอยู่ต่อในเมืองชยุตหลังเรียนจบยังไม่มี แน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะเธอนั้นมีทุกอย่างหมดแล้ว!”
เดิมทีปาณีนั้นกำลังจะก้าวออกจากหอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พอได้ยินเข้า เธอก็หยุดฝีเท้าลง
เธอหันหน้ามาอย่างเย็นชา มองดูทีนาร์ที่กำลังเอนอยู่กับพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด ปาณีเอ่ยพูดเสียงดัง “ทุกอย่างที่ฉันครอบครองอยู่ในวันนี้ ล้วนเป็นเพราะฉันสมควรได้มันมา ยังจำได้ไหมว่าตอนที่สามีฉันนั่งอยู่บนรถเข็น เธอเย้ยหยันฉันไว้ยังไง? แต่ที่ผ่านมาฉันไม่เคยจะเก็บมันมาใส่ใจ นั่นก็เพราะฉันเชื่อมั่น เชื่อว่าต่อให้สามีฉันจะต้องนั่งบนรถเข็นไปตลอดชีวิต ฉันก็จะไม่ทิ้งเขาไปไหน! อ้อยังมี คนเราจะมีเพื่อนแท้ต้องหัดมีความจริงใจ คนที่ชอบเอาแต่พึ่งพาคนอื่นแบบเธอ ช่างน่าทุเรศเสียจริง!”
พูดจบ ปาณีก็เดินออกจากหอพักไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังมามองอีก
ในหอพัก เหลือแค่เพียงทีนาร์ที่กำลังเอนพิงอยู่กับพื้นห้องด้วยน้ำตานองเต็มสองหน้าคนเดียวเท่านั้น….
เป็นเพราะการก่อกวนของทีนาร์ ทำให้ปาณีมาถึงห้องเรียนสาย
ไม่มีทางเลือก เธอทำได้แค่ทำหน้าตนเองให้หนาและเอ่ยเสียงดัง “รายงานตัวค่ะ!”
ภายหลังอาจารย์ก็ยังคงสั่งสอนเธอไปยกหนึ่ง ทำเอาปาณีรู้สึกเสียใจไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้เถียงอะไรออกมา ในเมื่อตัวเธอนั้นมาสายจริงๆ
มองดูห้องเรียนที่มีคนนั่งจนเต็มแล้ว ปาณีเดินอีกไม่กี่ก้าว ก็มองเก็นโมรีที่กำลังโบกมือไปมาอยู่
เธอรีบเดินเข้าไปและนั่งลงข้างๆโมรี
โมรีเอ่ยถามเสียงเบา “ทำไมเธอถึงมาสายเนี่ย?”
ปาณีแค่เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “พูดจากับทีนาร์ไปนิดหน่อย”
พูดจบ โมรีก็ชะงักไป และไม่ได้ถามอะไรอีก ทั่งสองเปลี่ยนมาตั้งใจฟังอาจารย์สอบแทน
หลังเลิกเรียน โมรีเตรียมตัวจะกลับไปพร้อมกับปาณี แต่กลับถูกชยรพเรียกเอาไว้เสียก่อน “โฒรี มานี่หน่อย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ!”
โมรีลังเลไม่ได้เดินไป แต่กลับถูกปาณีดันตัวออกไปหาเขา
โมรีแกล้งทำท่าทีดุร้ายใส่ปาณี แต่เธอกลับหัวเราะขึ้นมา และเอ่ยขึ้นอย่างขี้เล่น “ฉันไม่ทำตัวเป็นแบตสำรองแล้วนะ ชยรพ ฉันส่งคืนโมรีของนายให้แล้วนะ!”
ชยรพยิ้มรับอย่างหน้าหนา “ยังคงเป็นปาณีที่ใส่ใจ!”
ปาณีหัวเราะและเดินออกไป
โมรีย่ำเท้าเบาๆก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “นายมาหาฉันทำไม? ฉันยังอยากจะถามเรื่องที่ปาณีมาสายกับเธออยู่นะ?”
ชยรพมองโมรีด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย เขาเปิดปากเตรียมพูด แต่กลับไม่มีเสียงใดๆออกมา
โมรีเงยหน้าขึ้นมามองเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นชยรพทำตัวขี้เกรงใจขึ้นมา!
ชยรพนิ่งคิด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้งและเอ่ยขึ้นมา “เอ่อคือ พ่อแม่ของฉันอยากเลี้ยงข้าวเธอวันนี้ เธอพอจะมีเวลาไหม?”
โมรีตะลึงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เผชิญหน้ากับสายตาจริงจังของชยรพ ก่อนจะหยักหน้าเล็กๆอย่างเขินอาย “ทำไมกะทันหันแบบนี้หล่ะ? นาย บอกเรื่องของพวกเราให้คุณลุงคุณป้ารู้แล้วหรือ?”
ชยรพพยักหน้า “พูดขึ้นมาน่ะ พ่อแม่ของฉันอยากมาเจอเธอด้วยตาของท่านเอง ไม่รู้ว่าเธอจะสะดวกรึเปล่า?”
มองดูชยรพที่กำลังตื่นเต้นจนมือไม้ถูกันไปมา ก้นบึ้งในใจของโมรีก็เต็มไปด้วยความหวานล้ำ หลังจากทุลักทุเลกันอยู่ครู่หนึ่ง โมรีก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมา ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องเตรียมตัวอะไรไหม?”
ชยรพมองเธอด้วยใบหน้าสดใสขึ้นมาทันใด “เธอไม่ต้องเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น มีฉันอยู่ทั้งคน แค่เธอมาปรากฏตัวก็พอแล้ว!”
พูดจบก็จูงมือโมรีไว้ และพาเธอออกไปข้างนอก
โมรีถูกเขาดึงตัวไปอย่างไม่ทันจะได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงทำได้แค่ด้านหนึ่งเดินไปด้านหนึ่งเอ่ยถาม “นายจะพาฉันไปไหน?”
ชยรพยิ้มอย่างลึกลับ
เห็นดังนั้น โมรีก็ไม่ได้ถามเขาขึ้นมาอีก
มาถึงด้านนอกมหาลัย ชยรพพาโมนีมายังร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง มองลอดผ่านกระจกของร้านเข้าไปและมองเห็นเสื้อผ้าในนั้นมากมาย โฒรีก็เข้าใจขึ้นมาว่าที่แท้ชยรพต้องการพาเธอมาที่นี่
ชยรพชี้เข้าไปด้านในและเอ่ย “ไปเลือกสักชุดเถอะ ฉันซื้อให้เธอ!”
โมรีส่ายหน้า “ฉันไม่เอา!”
ชยรพร้อนลนขึ้นมา คิดอยากจะพูดอะไร แต่กลับถูกมือของโมรีอุดปากไว้เสียก่อน
โมรีหัวเราะเสียงหวาน “ฉันไม่อยากให้นายซื้อให้ ฉันซื้อเอง!”
มองเห็นชยรพยังคงอยากพูดอะไรออกมา โมรีจึงเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ถ้าหากนายแย่งฉันจ่ายเงินละก็ ฉันจะไม่ไปเจอพ่อแม่นายแล้ว!”
ชยรพนิ่งคิด ก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าไปช่วยเลือกเป็นเพื่อนเธอ แบบนี้โอเคไหม?”
โมรีหัวเราะและจับมือเขาเอาไว้ ก่อนที่ทั้งคู๋จะเดินเข้าไปในร้านอย่างหวานชื่น
ตอนที่819
คืนนั้นเมื่อปาณีกลับมาถึงบ้านก็ได้เห็นว่าไวยาตย์กับธามนิธิกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยเเล้ว
ปาณีรีบวิ่งถลาเข้าไปสวมกอดเขาอ้อมกอดนั้นช่างเเสนอบอุ่น
ธามนิธิก้มหน้าลงมามองที่หัวเธอก่อนจะพูดพลางหัวเราะเบาๆ:”อะไรกันล่ะเนี่ย?สาวน้อยปาณีของพวกเราเป็นอะไรไปฮึ?”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมองคางเรียวคมชัดของเขาพลางยิ้มไปส่ายหัวไป:”ไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็เเค่คิดถึงคุณอาเฉยๆ!”
ธามนิธิมองดูเธออย่างอารมณ์ดีพร้อมทั้งกอดเธอเอาไว้เเน่นเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า:”วันนี้เจ้าแมวน้อยจอมตะกละอยากกินอะไรล่ะ?เดี๋ยวคุณอาจะพาไปกิน!”
ในทันใดนั้นจากที่กำลังซึมเซร้าเหงาหงอยปาณีก็กลับมามีท่าทีสดใสขึ้นอีกครั้งก่อนจะกะดี๊กะด๊าพูดกับเขา:”ดีใจจังเลยฉันเป็นคนไม่เลือกกินกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นค่ะขอเเค่อร่อยก็พอเเล้วอิอิ!”
ธามนิธิเอามือมาจิ้มๆที่ปลายจมูกของเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู:”ใช่น่ะสิก็เพราะว่าเธอไม่เลือกกินนี่แหละกระเป๋าสตางค์ของสามีก็เลยค่อยๆแฟ่บลงๆไปทุกวันนี่ไง!”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองด้วยความข้องใจก่อนจะจ้องไปที่เขา:”คุณอาทำไมคุณอาพูดอย่างงั้นอ่า?นี่ฉันกินเก่งขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
ธามนิธิหันไปมองหน้าเธอก่อนจะยิ้มออกมาจากนั้นจึงเดินขึ้นไปข้างบนบ้าน
ปาณีที่เพิ่งจะถูกกล่าวหาไปเมื่อกี้เริ่มเบนสายตาไปทางไวยาตย์ที่ยืนไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆก่อนจะอดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากถามเขา:”ไวยาตย์นี่ฉันกินเก่งขนาดนั้นเลยจริงๆเหรอ?”
ไวยาตย์ตอบอย่างใจเย็นว่า:”ใช่เลยครับถึงขนาดที่ว่ากินจนตัวเองเข้าโรงพยาบาลได้นี่นอกจากคุณแล้วผมก็ยังไม่เคยเจอใครเป็นแบบนี้นะครับ!”
พอนึกไปถึงครั้งก่อนที่ต้องเข้าโรงพยาบาลปาณีก็รู้สึกอับอายจนหน้าแดงขึ้นมาทันทีเธอรู้สึกโกรธจึงรีบหันหลังขวับไม่ยอมให้ไวยาตย์ได้เห็นหน้าที่กำลังแดงระเรื่อของเธอ
เมื่อนึกถึงเรื่องอับอายขายหน้าประชาชีนี้ขึ้นมาทำเอาปาณีอยากจะเอาหน้ามุดแทรกแผ่นดินหนีเสียให้ได้!
ขณะที่ปาณีกำลังรู้สึกแค้นใจในความผิดพลาดของตนเองอยู่นั้นธามนิธิก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเเล้วเเละเดินออกมา
ทันทีที่ปาณีหันไปมองชายหนุ่มเธอก็ลืมเรื่องที่โดนเขาแขวะไปเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิงกลายเป็นรอยยิ้มที่ผลิบานอยู่เต็มใบหน้าสวยๆของเธอ:”ที่รักคุณหล่อจังเลย!”
หน้าของธามนิธิดูเจื่อนๆไปนิดหน่อยเพราะหางตาของเขาพลันได้เห็นใบหน้าที่แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหวของไวยาตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
หลังจากนั้นเขาจึงเบนสายตาไปหาเจ้าตัวร้ายที่เป็นต้นตอของเรื่องนี้เมื่อได้เห็นเเววตาบ้องเเบ๊วเป็นประกายของปาณีกำลังมองมาที่ตัวเองหัวใจของธามนิธิก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเเต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกระแอมเสียงออกไปว่า:”ปาณีสำรวมหน่อยดีมั๊ย!”
ปาณีพยักหน้าหงึกๆเป็นการตอบเขาจากนั้นเธอจึงโอบเอวเขาไว้เเล้วเดินไปกับเขาประหนึ่งเหมือนหมีโคอาล่าไม่มีผิด
เป็นภาพที่ไวยาตย์เองก็เห็นจนชินเเล้วเขาจึงเดินไปรอพวกเขาอยู่บนรถเงียบๆ
จากนั้นต่อมาธามนิธิก็ได้พาเธอไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เพิ่งจะเปิดเมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อได้เห็นตรงประตูทางเข้ามีรถจอดเต็มไปหมดปาณีถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าจากนั้นจึงหันไปถามกับธามนิธิที่อยู่ข้างๆ:”คุณอาคะที่นี่มันใช่ร้านอาหารเเน่เหรอคะ?ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่ามันคือโชว์รูมรถนำเข้าชัดๆ?ดูสิมีเเต่รถหรูๆเต็มไปหมดเลย!เงินทั้งนั้นเลยนะเนี่ย!”
ธามนิธิมองดูสายตาอาฆาตมาดร้ายของปาณีด้วยความเอ็นดูถึงเเม้สายตานั้นจะถูกจดจ้องไปที่เหล่าบรรดาหรูที่จอดเรียงรายอยู่เเต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อออกมา:”รถที่พวกเรานั่งกันอยู่ตอนนี้ก็เรียกว่ารถหรูนะดูอาการเธอสิทำอย่างกับว่ารถของฉันไม่หรูเท่ารถพวกนั้นอย่างงั้นแหละ”
ปาณีหันกลับไปมองที่โลโก้รถยนต์ที่สะท้อนเเสงระยิบระยับต้องตาเธอจากนั้นเธอจึงพยักหน้าเบาๆเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย:”คุณอาพวกเรารีบเข้าไปกันเถอะค่ะฉันหิวเเล้ว!”
อย่างน้อยๆก็ไม่มีใครหน้าไหนที่จะมาได้ยินปาณีบ่นหิวก็แล้วกันคิดมาถึงตรงนี้เขาจึงลืมอาการน้อยใจเมื่อสักครู่ไปจนหมดสิ้นเเละรีบพาเธอเข้าไปด้านใน
ทันที่ที่เข้าไปด้านในด้วยการตกแต่งที่ดูหรูหราอู้ฟู่ทำให้ปาณีถึงกับอุทานออกมาอย่างกับเด็กบ้านนอกเข้ากรุงยังไงยังงั้น:”ว้าวววววแม่เจ้าโว๊ยนี่ทำมาจากคริสตัลทั้งนั้นเลยเหรอเนี่ย?สวยสุดๆไปเลย!”
เเน่นอนอยู่เเล้วว่าปาณีต้องร้องอุทานออกมาเบาๆเพราะตอนนี้เธอมากับธามนิธิซึ่งเธอก็ควรจะให้เกียรติเขาด้วย
ธามนิธิจูงเธอไปหัวเราะเบาๆไปพวกเขาพากันเดินไปที่ห้องอาหารซึ่งไวยาตย์ได้จองไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยเเล้ว
จังหวะที่พวกเขาเดินผ่านห้องอาหารห้องหนึ่งจู่ๆก็มีคนโผล่ออกมาชนเข้ากับปาณีที่เดิมตามมาทางด้านหลังเข้าอย่างเต็มแรง
”โอ๊ย!”ปาณีถูกชนเข้าอย่างจังจนเซถลาไปด้านข้างอย่างไม่ทันตั้งตัวโชคดีที่คุณอามือไวคว้าเธอเอาไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นหัวเธอคงได้โหม่งกำแพงแน่ๆ
จนเมื่อเธอเริ่มตั้งหลักยืนนิ่งๆได้ปาณีก็อยากจะโพล่งปากวีนออกไปสักตั้งเเต่สุดท้ายเมื่อได้เห็นคนที่วิ่งตามออกมากลายเป็นชยรพก็ทำเอาเธอตะลึงจนถึงกับร้องอุทานออกมา:”ชยรพเธอมาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย?”
ชยรพไม่ตอบเธอเเต่กลับมองไปที่เงาร่างที่เพิ่งชนปาณีกระเด็นไปเมื่อสักครู่ซึ่งกำลังยืนพิงประตูอยู่ตรงนั้นจากนั้นเสียงทุ้มต่ำจึงพูดขึ้นมาว่า:”โมรีเธออย่าถือสาเลยนะฉันฉัน……”
ปาณีเพิ่งได้เห็นว่าคนในชุดสีขาวที่เพิ่งชนเธอไปเมื่อสักครู่นี้ก็คือโมรีนั่นเอง!
โมรียืนยืดหลังตรงนิ่งเธอไม่แม้เเต่จะหันกลับมาเพียงเเต่พูดด้วยเสียงนุ่มลึกเท่านั้น:”ปาณีขอโทษนะ!”
หลังจากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไป
ชยรพกำลังจะรีบสาวเท้าตามเธอไปเเต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องอาหารนั้นเเละตะโกนเสียงดังใส่เขา:”ชยรพกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ชยรพจำใจต้องหันกลับมาเขามองมาที่ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะพูดโพล่งออกมาอย่างหมดสิ้นหนทาง:”แม่……”
ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสุขุม:”ชยรพเดี๋ยวนี้แกไม่เชื่อฟังฉันเเล้วใช่มั๊ยแม่บอกให้แกกลับมานี่แกไม่ได้ที่แม่พูดเหรอ?”
ชยรพยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงประตู
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นอย่างนั้นเธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่ออีกว่า:”ชยรพแกพาผู้หญิงแบบนั้นมาเจอพวกฉันต่อให้แกไม่รู้สึกละอายแก่ใจแต่พวกฉันล่ะอายแทนแกจริงๆ!ดูแกสิด้วยหน้าตาฐานะเเถมยังเป็นถึงนักเรียนเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยชยุตทำไมแกถึงไปคบกับผู้หญิงแบบนั้นได้……”
สีหน้าของชยรพดูเเย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเขาเหลือบไปมองที่ปาณีที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะพูดเสียงต่ำขึ้นมาว่า:”แม่พอได้เเล้วครับ!”
เเต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นกลับทำเป็นเอาหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดมิหนำซ้ำยังพูดต่อไปอีก:”แกกลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยอย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง!”
ปาณีซึ่งได้เห็นสภาพเหตุการณ์แบบนั้นมีหรือที่เธอจะไม่เข้าใจเธอไม่รีรอที่จะพุ่งไปแทรกในเหตุการณ์นั้นทันที:”คุณน้าคะผู้หญิงที่คุณน้าเพิ่งจะพูดถึงเมื่อสักครู่นี้เป็นเพื่อนของหนูเองค่ะเเละเธอก็เป็นนักเรียนเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยชยุตเหมือนกันค่ะเธอเหมาะสมกับลูกชายของคุณน้ามากเลยค่ะหนูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณน้าถึงรู้สึกอายที่พวกเขาคบกัน!”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วเเน่นอย่างไม่ค่อยพอใจและถามเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ:”เธอเป็นใคร?”
ปาณีตอบอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้เเต่น้อย:”หนูก็คือรูมเมทของผู้หญิงแบบนั้นที่คุณน้าว่าเเละเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยค่ะ——หนูชื่อปาณี!”
หญิงวัยกลางคนกวาดสายตามองปาณีตั้งเเต่หัวจรดเท้าก็ได้เห็นหญิงสาวที่เเต่งตัวธรรมดาๆทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีแบรนด์เนมเลยสักชิ้นเธอมองปาณีด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามก่อนจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันออกมา:”เธอก็เลยมาปกป้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้รูมเมทของเธออย่างนั้นรึ?เด็กผู้หญิงสมัยนี้ไม่รู้จักตั้งใจเล่าเรียนคิดแต่จะจับผู้ชายที่เป็นลูกเศรษฐีอย่างลูกชายของฉันไม่มีใครสั่งใครสอนรึยังไง!”
ปาณีรับไม่ได้ที่ได้ยินเเบบนั้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปเถียงกับคุณน้าท่านนั้นเสียให้ได้เเต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็ถูกธามนิธิดึงตัวกลับมาซะก่อน
ธามนิธิไม่ได้สนใจความโกรธอันพลุ่งพล่านของเธอเขาหันไปหาหญิงวัยกลางคนคนนั้น:”สวัสดีครับป้ามิน!”
หญิงวัยกลางคนที่กำลังอยู่ในท่าทางไม่พอใจหันขวับกลับมาจึงได้เห็นธามนิธิที่เพิ่งจะเดินผ่านห้องอาหารห้องนั้นไปเธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นท่าทางเธอก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันทีเธอส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับพูดโพล่งออกมา:”อ้าวธามนิธิเธอมาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย?มาทานข้าวที่นี่เหมือนกันเหรอ?มาทานด้วยกันมั๊ย?”
เมื่อได้เห็นผู้หญิงตรงหน้าดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยยิ่งทำให้ปาณีรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีกเธอพยายามดิ้นรนให้หลุดจากมือที่คุณอาดึงรั้งเธอเอาไว้
เเต่ในขณะที่ธามนิธิกำลังคุยอยู่กับหญิงวัยกลางคนอีกมือหนึ่งก็ยังดึงรั้งเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ปาณีค่อยๆออกเเรงขยับมากขึ้นเรื่อยๆผู้หญิงคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นท่าทางที่สนิทชิดเชื้อของทั้งสองคนก็เลยถามออกมาอย่างไม่ลังเล:”เธอคนนี้คือ……”
ธามนิธิจูงปาณีมาอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้นพร้อมทั้งพูดพลางยิ้มๆให้เธอ:”เธอชื่อปาณีครับเป็นว่าที่ภรรยาของผมเอง..ปาณีท่านนี้คือป้ามินคุณแม่ของชยรพ!”
ในวินาทีนั้นสีหน้าของป้ามินก็ดูเจื่อนๆไปเล็กน้อยเเต่ก็ยังเปรยยิ้มพร้อมกับยื่นมือออกมาหาปาณีเเละพูดกับเธอว่า:”ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เมื่อสักครู่ฉันเข้าใจผิดไปหน่อยปาณีใช่มั๊ย?หนูคงไม่ถือโทษโกรธฉันหรอกใช่ไหม?ฉันกับเเม่ของธามนิธิน่ะเราสนิทกันมากเลย!”
ตอนที่820
ปาณียังคงตกอยู่ในภวังค์ของเหตุการณ์อันอัปยศอดสูที่เพิ่งเกิดกับโมรีเมื่อครู่นี้
ธามนิธิจึงรีบยิ้มกลบเกลื่อนช่วยเธอพูดแทนไปว่า:”แน่นอนครับปาณีเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆอยู่เเล้วน่ะครับใช่มั๊ยปาณี?”
เมื่อปาณีได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำ:”สวัสดีค่ะป้ามิน!”
แม่ของชยรพดูมีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันทีเธอรีบกุลีกุจอเชื้อเชิญให้ธามนิธิกับปาณีเข้ามาทานข้าวด้วยกัน:”ไหนๆก็มากันเเล้วมีเเต่คนกันเองทั้งนั้นมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อดีไหม?”
ธามนิธิมองออกว่าปาณีต้องรู้สึกคัดค้านอยู่ในใจอย่างเเน่นอนจึงส่งยิ้มให้ป้ามินพร้อมกับปฏิเสธออกไป:”พอดีว่าพวกเราจองห้องเอาไว้เเล้วน่ะครับผมคิดว่าคงไม่รบกวนเวลาของครอบครัวคุณป้าดีกว่าครับพวกเราไปก่อนนะครับ”
ปาณีพยักหน้าเบาๆให้กับแม่ของชยรพอย่างไม่เต็มใจนักจากนั้นจึงหันไปมองที่ชยรพที่กำลังยืนหน้าเศร้าอยู่ตรงประตูก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเเล้วเดินตามธามนิธิไป
เมื่อเข้ามาถึงห้องอาหารที่พวกเขาได้จองเอาไว้ธามนิธิเห็นท่าทางของปาณีที่ดูสีหน้าห่อเหี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเธอ:”พอแล้วน่าปาณีเธออยากกินอะไรดีล่ะ?โกรธน่ะโกรธได้แต่อย่าให้แม่หนูน้อยของเราถึงกับหิวจนหน้ามืดตาลายล่ะ!”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมองธามนิธิด้วยท่าทางนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาได้เเต่มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา
ธามนิธิอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะโอบตัวเธอเข้ามากอดไว้เเต่กลับรู้สึกถึงเเรงต้านจากเธอ
เมื่อสังเกตเห็นอาการของคุณอาเธอจึงรีบพูดกลบเลื่อนด้วยเสียงนิ่งทุ้ม:”ฉันหิวเเล้วค่ะอยากกินอะไรอร่อยๆ!”
ธามนิธิไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเพียงเเค่ยื่นเมนูอาหารไปวางตรงหน้าเธอเท่านั้น
ปาณีก้มหน้าเลือกดูเมนูอาหารชั่วขณะหนึ่งห้องทั้งห้องก็เงียบงันเงียบจนทำให้คนที่เดินผ่านไปมาคิดว่าภายในห้องนั้นคงไม่มีคนอยู่เป็นแน่แท้
จนเมื่อพนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะปาณีจึงเริ่มก้มหน้าก้มตากินโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับธามนิธิเลยตลอดมื้ออาหารนั้น
ธามนิธิรู้สึกกินอะไรไม่ค่อยลงเขากินไปไม่กี่คำก็วางตะเกียบเเละนั่งรอเธออย่างเงียบๆ
ปาณีเองก็กินไปแบบไม่ค่อยซาบซึ้งในรสชาตอาหารเหมือนกันเเต่ด้วยความที่เธอถูกปลูกฝังจนเคยชินกับการไม่กินทิ้งกินขว้างดังนั้นต่อให้อาหารนั้นจะจืดชืดเเค่ไหนเธอก็จะพยายามตั้งใจกินมันจนหมด
รอจนเมื่อเธอวางตะเกียบลงก็ได้เสียงธามนิธิลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก
ปาณีทำหน้างงๆก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเดินตามเขาออกไป
หลังจากที่ธามนิธิจ่ายเงินเรียบร้อยเขาก็เห็นเธอยืนก้มหน้าอย่างโดดเดี่ยวอยู่ริมถนนกำลังเอาเท้าเขี่ยๆพื้นดินเป็นรูปวงกลมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาก็นึกอยากจะเดินเข้าไปกอดเธอ
เเต่เมื่อคิดไปถึงสงครามเย็นที่เพิ่งเกิดไปเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เดินเข้าไปหาเธอเเต่กลับไปยืนอยู่ริมถนนเเทนรอให้คนขับรถมารับ
เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปบนรถก็ต่างฝ่ายต่างอยู่มุมใครมุมมันไม่มีใครเอ่ยปากพูดจา
เมื่อกลับถึงบ้านปาณีตั้งใจหยุดมองเขาอยู่ครู่หนึ่งเเต่สุดท้ายคุณอาก็ไม่หันมามองเธอเลยแม้เเต่น้อยกลับเดินดุ่มๆลงจากรถไป
ปาณีค่อยๆเดินเยื้องย่างเเบบเซ็งๆกลับเข้าไปในบ้านเเล้วก็พบว่าคุณอาหายไปเเล้วถึงตอนนั้นเธอเลยรีบเดินขึ้นไปบนบ้านเเละก็ได้เห็นไฟห้องอาบน้ำเปิดสว่างอยู่ทำให้เธอใจชื้นขึ้นมาหน่อย
ได้ยินเสียงอาบน้ำดังลอดออกมาปาณีก็เริ่มครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เห็นคุณอาเดินหัวเปียกโชกออกมาจากห้องอาบน้ำทันใดนั้นเธอก็ลืมอาการเย็นชาเมื่อสักครู่เป็นปลิดทิ้งก่อนจะรีบไปหยิบผ้าเช็ดตัวเเล้วเดินไปเช็ดหัวให้ชายหนุ่มปากก็บ่มพึมพำไปด้วย:”ชอบว่าเเต่ฉันเรื่อยเลยแต่ดูตัวเองสิไม่ชอบเช็ดหัวให้แห้งไม่กลัวเป็นหวัดเลยนะคะ!”
ธามนิธิเอามือไปจิ้มๆที่มุมปากของเธอเบาๆให้มุมปากยิ้มแยกกว้างออกจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:”ไม่ใช่ว่ากำลังทำสงครามเย็นใส่ฉันอยู่หรอกหรือ?ทำไมจู่ๆถึงได้นึกเป็นห่วงฉันขึ้นมาล่ะ?”
มือของปาณีหยุดกึกในทันทีจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ:”ขอโทษค่ะขอโทษที่ทำให้คุณอาโกรธ!”
ธามนิธิได้ยินดังนั้นจึงเหวี่ยงแขวนไปโอบรอบตัวเธอเอาไว้พร้อมทั้งกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูของเธอ:”เธอก็รู้นี่นา?ฉันเข้าใจดีว่าเธอน่ะเจ็บใจแทนโมรี!เเต่เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าคนเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเเต่เราก็ไม่สามารถที่จะไปเป็นเดือดเป็นเเค้นเพราะการตัดสินใจของคนอื่นได้ถูกต้องมั๊ย?”
ใบหน้าน้อยๆของปาณียังคงซุกอยู่ในอุ้งมือของเขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าฝ่ามือเขาออกจะเปียกชื้นอยู่หน่อยๆธามนิธิจึงรีบเชยคางของเธอขึ้นมาเเล้วก็ได้เห็นน้ำตาวาวใสเอ่อรินอยู่บนใบหน้าของเธอนั่นทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเป็นอย่างมาก
เขาก้มลงมองเธอพร้อมกับบรรจงจูบเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนจากนั้นหยดน้ำตาก็ไหลร่วงหล่นลงอาบแก้มเล็กๆอีกจนทำให้เขาอดไม่ไหวที่จะพูดเสียงแกมขู่ใส่เธอ:”ถ้าเธออยากได้วิธีแก้ปัญหาแบบอื่นล่ะก็ฉันเเนะนำให้เธอร้องไห้ต่อไป!เเต่แบบนั้นเธอจะต้องเหนื่อยแน่ๆ!”
ปาณีเงยหน้าเล็กๆที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองหน้าคุณอาที่ดูท่าทางจริงจังขึงขังมากในตอนนี้เธออดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมาอย่างดัง
เมื่อได้เห็นหญิงสาวกลับมายิ้มได้อีกครั้งธามนิธิก็รู้สึกโล่งใจก่อนจะก้มลงจูบไปที่มุมปากของเธอ:”รีบไปอาบน้ำเถอะ”
เมื่อปาณีเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำก็ได้เห็นชุดคลุมอาบน้ำวางเอาไว้หญิงสาวรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาในทันทีอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองออกไปข้างนอกเเวบหนึ่ง
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเดินออกมาก็เห็นธามนิธิยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมหน้าต่างเมื่อได้เห็นร่างสมาร์ทสูงใหญ่นั้นทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจเเละอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด
เธอไม่เดินเข้าไปหาเขาเเต่กลับถือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไปนั่งที่เตียงทุกครั้งที่ได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่คุณอามันทำให้เธอรู้สึกจิตใจอบอุ่นทุกครั้งไป
ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากที่คุณอาวางสายเเล้วเขาก็เดินเข้ามาเธอเขากอดเธอเเละจับตัวเธอมานั่งลงบนตักของเขา
ปาณีพยายามขยับตัวหนีไปมาจนสุดท้ายก็รู้สึกสะดุดเข้าให้กับอะไรบางอย่างเเข็งๆทำเอาหญิงสาวหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลยทีเดียว
ธามนิธิก้มลงจูบเธอเบาๆลมหายใจกระเส่าพ่นรดประชิดตัวหญิงสาวเสียงทุ้มนุ่มลึกกระซิบที่ข้างหูของเธอ:”เป็นอย่างไรบ้างที่รักตอนนี้หายโกรธแล้วหรือยัง?”
ปาณีพยักหน้าเบาๆด้วยความเหนียมอายเธอโน้มเเขนโอบเกี่ยวรอบคอเขาก่อนจะกระซิบเบาๆ:”ขอโทษค่ะคุณอา!”
แต่ธามนิธิกลับส่ายหัวพร้อมทั้งออกเเรงกอดเธอเเน่นขึ้นไปอีก:”กับฉันน่ะไม่จำเป็นต้องพูดขอโทษหรอก!ฉันจะคอยเป็นกระสอบทรายให้เธอเวลาที่เธอโกรธเธออยากจะเตะจะต่อยฉันยังไงก็ได้!”
ปาณีมองหน้าเขาด้วยเเววตาเป็นประกาย:”คุณอาคุณอารู้มั๊ยคะว่ายิ่งคุณอาพูดแบบนี้อ่ะคุณอาเป็นคนที่ได้ครอบครองหัวใจทั้งหมดของฉันไปเรียบร้อยแล้ว!เพราะฉะนั้นจากนี้และตลอดไปคุณอาอย่าทิ้งฉันนะคะ”
ธามนิธิหมุนตัวกลับมากลายเป็นผู้ควบคุมเกมเขาก้มลงประทับจูบที่หน้าผากของเธอจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง:”ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอตราบชั่วนิจนิรันดร์!แต่เธอก็ต้องสาบานว่าจากนี้เเละตลอดไปเธอก็จะไม่มีวันทิ้งฉันได้ไหม?”
ปาณีส่งตาหวานพยักหน้าให้เขา
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ปาณีจะได้เอ่ยปากสาบานทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอก็เหมือนลอยเคว้งอยู่กลางอากาศเธอมองไปที่คุณอาที่จู่ๆก็จับตัวเธออุ้มขึ้นมาก่อนจะพูดเสียงหวานเจื้อยเเจ้ว:”จะทำอะไรคะคุณอา?”
ธามนิธิจับเธอโยนลงบนเตียงก่อนที่ร่างกำยำจะอดรนทนไม่ไหวโดดขึ้นคร่อมอยู่บนตัวเธอ……
เป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อมากว่าทั้งคู่จะหยุดนัวเนียกันได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่กจนเกือบจะหมดสภาพ
ปาณีนอนตัวอ่อนปวกเปียกอยู่บนเตียงเเม้กระทั่งแขนก็ไม่อยากจะขยับไปไหน
คุณอาต้องเป็นคนอุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำสองคนพากันเปลี่ยนเป็นชุดนอนหอมสะอาดจึงเอนกายลงบนที่นอนอีกครั้ง
ปาณีรู้สึกคาใจที่ยังเห็นธามนิธิเต็มเปี่ยมไปด้วยเรี่ยวเเรงทั้งที่ตัวเธอกลับเหนื่อยจนอ่อนปวกเปียกไปหมด:”คุณอาทำไมคุณอาเเข็งเเรงจังเลย?”
เขารีบหันขวับมาขึ้นคร่อมไปบนตัวเธอก่อนจะหัวเราะอย่างภาคภูมิใจในตนเอง:”ทำไมล่ะ?เอาอีกสักตั้งมั๊ยล่ะ?”
ปาณีรีบโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่ก็ร่างกายของเธอยังไม่หายบอบช้ำเลยเธอล่ะกลัวจริงๆว่าคุณอาจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมจัดหนักเธออีก!
โชคยังดีหลังจากที่คุณอาถามเธอแบบนั้นเเล้วเขาก็หัวเราะก่อนจะปล่อยเธอ
ปาณีไม่กล้าที่จะเย้าแหย่เขาอีกได้เเต่นอนตามองเพดานคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็พูดขึ้นมาว่า:”ฐานะที่ควรคู่กันมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอคะ?ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆถ้าผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบคุณอาเเต่งงานกับนลินมีสุวรรณ์ก็คงจะมีแต่คนสรรเสริญยินดีใช่มั๊ยคะ?”
ธามนิธิกอดเธอเอาไว้เเน่นโดยไม่พูดไม่จา
ปาณียังคงพูดต่อไปอีก:”พอได้เห็นเรื่องของโมรีกับชยรพมันทำให้ฉันคิดว่าฉันน่ะโชคดีจริงๆเลยค่ะ!เพราะว่าคุณอาไม่เคยรังเกียจสถานะของฉันรวมถึงแม่เเละพี่สาวของคุณอาพวกเขาก็ปฏิบัติกับฉันเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งสงสัยว่าชาติที่เเล้วฉันคงทำบุญเอาไว้เยอะเเน่ๆเลยไม่อย่างนั้นฉันคงไม่โชคดีได้ขนาดนี้”