My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 650 เจียงเหวินซูจู่โจม
ถ้าหากผู้ฝึกยุทธสามารถเปลี่ยนของเหลวให้กลายเป็นพลังโจมตีได้ การควบคุมพลังไปให้ถึงเป้าหมายได้อย่างแม่นยําก็มากพอที่จะใช้เป็นอาวุธสังหารได้ ผู้อาวุโสตรงหน้าคือสุดยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย โดยทั่วไปแล้วผู้ฝึกยุทธ ทั่วไปมักจะใช้อาวุธเป็นแกนหลัก การเพิ่มความเร็วและเพิ่มพลังไปที่อาวุธจะทําให้การโจมตีนั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้น
แต่สําหรับสิ่งที่ไม่มีรูปร่างอย่างเหล้ามันยากที่จะใช้พลังเพื่อโจมตี นอกจากนี้มันยังเป็นพลังที่ไม่ได้รุนแรงอะไรอีกด้วย ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวก็คือความสามารถในควบแน่นพลังอย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้วทักษะแบบนี้มักจะใช้เพื่ออวดอ้างเท่านั้น
ถ้าหากเหล้าที่ถูกควบแน่นพุ่งไปไกลมากกว่านี้ หลานไร่ที่ถูกโจมตีอาจจะถึง
ตายได้
แม้ว่าหลานไร่จะมีสถานะสูงส่งและเป็นคนที่มีอานาจที่สุดในตระกูลโบน่าร์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดทบทวนใหม่
“จะพูดออกมาเองหรือจะให้ข้าใช้กาลังกันล่ะ?” ลู่โจวเอามือไขว้หลังก่อนที่จะเดินเข้าหา
ผู้คนจากลั่วหลานที่อยู่ใกล้ต่างก็หลีกทางให้
หลานไร่ตัวสั่นในขณะที่พูดออกมา “ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้คิดปฏิเสธที่จะมอบคริสตัลให้กับท่าน แต่ราชครูบอกเอาไว้ว่าตระกูลโบน่าร์จะต้องชดใช้สถานหนักถ้าหากข้ามอบคริสตัลให้กับท่าน”
“ราชครู?”
เมื่อพูดถึงราชครูกษัตริย์คิงสุ่ยก็พูดต่อ “ท่านราชครูเป็นผู้มีพระคุณของชาวลั่วหลาน เขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก แม้แต่ข้าก็ยังต้องสุภาพกับเขา”
ลู่โจวเข้าใจแล้ว มีเพียงคนเดียวที่จะเป็นราชครูได้ เจียงเหวินซูคงจะเป็นผู้ชี้แนะในทุกที่ที่เขาไป เขาต้องการที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไม่ผิดแน่
ลู่โจวมองไปที่หลานไร่ที่กาลังคุกเข่า “เจ้ากลัวเขา แต่ไม่กลัวข้าอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้า…ข้าจะไปทําอะไรได้?” หลานไร่ตอบหลังจากกลืนน้ําลายเฮือกใหญ่
“ตอนนี้ราชครูนั่นอยู่ที่ไหน?” ลู่โจวถามออกมา เหตุผลที่เขามาถึงที่นี่ก็เพราะเพียงเหวินซู เจียงเหวินซูต้องการจะฆ่าเขา ฆ่าผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เจียงเหวินซูจะยอมอยู่เฉยได้ยังไงกัน?
หลานไร่ตอบกลับ “ข้าไม่รู้”
ตุ้ม!
พลังที่ควบแน่นเหล้าได้แปรเปลี่ยนไปเป็นฝ่ามือก่อนที่จะกระทบหน้าอกของหลานไห้
หลานไร่กระเด็นจากการโจมตี เขากระเด็นออกห้องโถงไปก่อนที่จะกระแทกเข้ากับพื้น
ลู่โจวก้าวไปข้างหน้าก่อนจะพูดต่อ “ตระกูลโบน่าร์ท้าทายศาลาปีศาจลอยฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้ายังไม่คิดที่จะถือสาพวกเจ้าเลยแท้ๆ แต่พวกเจ้ายังจะกล้าท้าทายข้าอีก? ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็จะเติมเต็มความปรารถนาของเจ้าเอง”
คนทรงทั้งสี่รีบช่วยหลานไร่ขึ้นมา
ในตอนนั้นเองผู้ใช้เวทมนตร์คาถาทางด้านซ้ายของห้องโถงได้ลุกขึ้นพูด “ท่านผู้อาวุโส ฝ่าบาททรงประหารแม่ทัพต้าหลัวเพื่อท่านไปแล้ว นั้นถือเป็นการแสดงความจริงใจยังหาที่สุดไม่ได้แล้ว ท่าน…ท่านคงจะเชื่อในความจริงใจของพวกเราหลังจากที่สังหารคนจากลั่วหลานทั้งหมดไปแล้วสินะ?”
ลู่โจวเหลือบมองชายคนนั้นด้วยหางตา “แม้ว่าข้าจะสังหารทุกคนในลั่วหลานจริง แล้วเจ้าจะทําไม?” ความมั่นใจของลู่โจวไม่สั่นคลอน
ผู้ฝึกยุทธจากลั่วหลานล้วนสั่นกลัวไปด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นพูดอีก
บรรยากาศภายในห้องโถงอึดอัดอย่างไม่น่าเชื่อ
อังกุยพูดต่อ “หลานไร่ โปรดมอบคริสตัลเพื่อประโยชน์ของชาวลั่วหลานด้วย!”
หลานไห่ดูเหมือนจะอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฝ่าบาท ตระกูลโบน่าร์ได้สาบานเอาไว้ว่าจะจงรักภักดีต่อนครหลวงมาหลายรุ่น ฝ่าบาท…ท่านคิดที่จะสละครอบครัวของข้าก็เพื่อผู้อาวุโสคนนี้อย่างงั้นสินะ?”
อังก่ยรู้ดีว่าตัวเองโหดเหี้ยมแค่ไหน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น อังกุยไม่สามารถตัดสินใจอย่างโลเลได้ “ข้าสั่งให้เจ้ามอบคริสตลัซะ! ส่งมันคืนให้กับท่านผู้อาวุโส!”
ดินแดนหยานมีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ ตอนนี้ล้วหลานไม่เหมาะที่จะเป็นศัตรูของดินแดนหยาน อังก่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องยอมเสียสละอะไรบางอย่าง มีเพียงการเสียสละเท่านั้นที่จะทําให้ลั่วหลานอยู่รอดไปได้
หัวใจของหลานไห่เต้นไม่เป็นจังหวะ “ฝ่าบาท ลานนี้ เซียน บาซ่ล้วนแต่ตายเพื่อลั่วหลาน ตระกูลโบน่ารของข้าเคยทําอะไรที่ผิดต่อลั่วหลานด้วยอย่างงั้นเหรอ?”
คนทรงอีกสี่ข้ารับใช้ของหลานไร่คนมองไปที่อังก่ยเช่นกัน หลานไร่พูดถูก ตระกูลโบน่าร์ของพวกเขาไม่เคยทําอะไรให้ลั่วหลานต้องผิดหวัง “บาซี่ได้ปกป้องเขตชายแดนของลั่วหลานมานานนับร้อยปี ทุกคนต่างก็เคารพบาซูกันดี…ชาวลัวหลานต่างก็รู้กันดีว่าตระกูลโบน่าร์ยิ่งใหญ่แค่ไหน! ท่านจะละเลยชาวเมืองที่ทําเพื่อลั่วหลานได้อย่างงั้นเหรอ? แล้วท่านจะอธิบายเรื่องนี้กับทุกคนได้ยังไง?” หลานไร่พูดออกมาด้วยอารมณ์
หมิงซูหยินพูดไม่ออก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็อุทานออกมา “ไร้สาระซะจริง”
ทุกๆ คนหันไปมองหมิงหยินอีกครั้ง จากเหตุการณ์ในก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าชายคนนี้เชี่ยวชาญในการปลุกปั่นและสร้างปัญหามากแค่ไหน เขาไม่ใช่ผู้ที่จะรับมือได้ง่ายๆ เมื่อหมิงซูหยินเริ่มเคลื่อนไหว ทุกคนก็รู้กันดีว่ามันจะต้องมีปัญหาเพิ่มขึ้นแน่
“ลานนีแห่งโบน่ารได้พาเทียนกองครักษ์และโลงศพสีแดงไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเจ้านั่นท้าทายอาจารย์ข้าและสั่งให้เที่ยวกวโจมตีศิษย์น้องของข้า ศิษย์น้องของข้ายังเป็นแค่เด็กอยู่เลยด้วยซ้ํา พวกเจ้าคิดว่าเจ้านั่นสมควรตายแล้วรึยังล่ะ?”
หลานไร่ไม่สามารถหักล้างค่าพูดของหมิงซีหยินได้เลย
“เซียนและบาซี่แห่งโบน่าร์ต่างก็ต้องการสังหารศิษย์พี่รองของข้า แต่พวกเขาได้ความสามารถ มันผิดรึเปล่าล่ะที่ศิษย์พี่รองของข้าปกป้องตัวเอง? สองคนนั้นน่ะสมควรตายแล้ว”
หลานไห่ “…”
“ลั่วหลานมีความสัมพันธ์อันดีกับดินแดนหยานมาโดยตลอด ครอบครัวของกษัตริย์ก็เกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงาน แต่ทว่าตระกูลโบน่ารของเจ้าได้รุกรานดินแดนหยานมาแล้วหลายครั้ง และนอกจากนี้เจ้ายังสมรู้ร่วมคิดกับชาวรั่วหรี่ พวกเจ้าเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้น พวกเจ้าก็เป็นแค่ตราบาปของลั่วหลานก็เท่านั้น มันสมควรแล้วที่พวกเจ้าจะถูกสาปแช่ง!”
ตาของหลานไห่เบิกกว้าง เขาที่ได้ฟังคําพูดทั้งหมดได้แต่เดินถอยหลัง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มาร่วมงานอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
หมิงซีหยินพูดต่ออย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าที่ก่อเรื่องมากมายยังไม่ฟังคําสั่งของกษัตริย์ซะด้วยซ้ํา หรือว่าพวกเจ้าพยายามที่จะก่อกบฏกัน?”
หลานไร่สั่นไปทั้งตัว ไม่นานนักเขาก็หันไปมองด้วยรอยยิ้มที่เศร้าโศก “ถ้าหากฝ่าบาทปรารถนาให้ข้าทําแบบนั้น…ตระกูลโบน่าร์ของพวกเราก็จะไม่ยอมจํานน เปิดใช้งานเขตแดน!”
ซูวว!
นอกห้องโถงของพระราชวัง วงเวทสีม่วงได้ลอยขึ้นไปบนฟ้า มันได้ก่อตัวกันกลายเป็นม่านพลัง
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ตื่นตกใจ
“หลานไร่ เจ้าเสียสติไปแล้วอย่างงั้นเหรอ? หยุดเดี๋ยวนี้!”
อังกุยขมวดคิ้ว “เจ้ากําลังคิดก่อกบฏอย่างงั้นสินะ?”
หลานไร่ตอบกลับ “ราชครูได้สั่งให้ตระกูลโบน่าร์ปกป้องมันด้วยชีวิต!”
ราชครู?
ทุกๆ คนต่างก็สบตากัน พวกเขาได้แต่ตื่นตกใจ ราชครูได้หายตัวไปหลายปีแล้ว แล้วคนจากตระกูลโบน่าร์ยังจะสนับสนุนราชครูอีกอย่างงั้นเหรอ?
ซ่วว!
วงแหวนสีม่วงอีกวงพุ่งสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
คนอื่นๆ ต่างก็เดินออกจากห้องโถงก่อนที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขตแดนมหาเวทมนตร์คาถาที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนถูกใช้งานในวันนี้
“วันนี้…แม้แต่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบก็ต้องตายที่นี่!” เมื่อเวลาผ่านไปหลานไร่ก็เริ่มกระวนกระวายมากขึ้น
ท้องฟ้าเปี่ยมไปด้วยแสงสีม่วง
ในตอนนี้มีเวทมนตร์คาถาแทรกซึมอยู่ทั่วราชวัง
ลู่โจวก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมือที่ไขว้หลัง
ฝูงชนต่างก็หลีกทางให้กับลู่โจว
หมิงซูหยินถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เมื่อลู่โจวออกจากห้องโถงมาได้เขาก็ยกแขนขวาขึ้นมาก่อนที่จะปล่อยพลังฝ่ามือ
ไป!
พลังฝ่ามือไร้ความกลัวของชาวพุทธถูกปล่อยออกมา!
ฝ่ามือเปล่งประกายแสงสีทอง
เมื่อคนทรงทั้งสี่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็รีบสร้างม่านพลังป้องกันพลังฝ่ามือ
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
หนึ่งในนั้นถอยหลังกลับไป คนทรงอีกสามคนที่เหลือเริ่มทรุดตัวลง พวกเขาเริ่มกระอักเลือดออกมา
เมื่อคนทรงคนสุดท้ายไม่อาจต้านทานการโจมตีได้ หลังของเขาก็ชนเข้ากับหน้าอกของหลานไห่ ทั้งห้าคนกระเด็นไปพร้อมกัน!
พรึบ!
พวกเขาล้มลงไปกับพื้น
ลู่โจวไม่พอใจกับพลังฝ่ามือเท่าไหร่ บางที่อาจจะเป็นเพราะว่าเขาคุ้นชินกับการกำจัดศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากพลังวิเศษไปแล้ว ตอนนี้ลู่โจวเลือกที่จะใช้พลังวรยุทธของตัวเอง พลังฝ่ามือของเขาแข็งแกร่งไม่พอ
อันที่จริงการจะทําให้คนห้าคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังฝ่ามือเพียงครั้งเดียว เป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการอยู่แล้ว
ทุกๆ คนหันไปมองคนจากตระกูลโบน่าร์ทั้งห้า พวกเขาทั้งห้าได้พ่ายแพ้ให้กับพลังฝ่ามือของคนคนเดียว พลังของผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก๋กลีบมันช่างน่ากลัวจริงๆ !
ผู้คนก็มักจะตัดสินใจอะไรอย่างง่ายดาย มันเป็นธรรมดาที่คนเราจะตัดสินกันด้วยรูปลักษณ์ แม้ว่าลู่โจวจะใช้พลังฝ่ามือของผู้มีอวตารดอกบัวสองกลับไป แต่เพราะตัวตนในฐานะผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก๋กลีบของเขาทุกคนก็จะยังคงคิดว่าพลังฝ่ามือของเขาน่ากลัวมากอยู่ดี
คนทรงทั้งห้าตื่นตกใจ พวกเขาเหลือบมองลู่โจวราวกับเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ลู่โจวเอามือไขว้หลังก่อนที่จะถามออกมาอย่างเฉยเมย “ถ้าหากตระกูลโบน่าร์ได้เลือกแล้ว ข้าก็จะทําตามความปรารถนาของพวกเจ้าเอง”
ลู่โจวยกมือขวาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองคนทรงกว่าหลายคนได้ปรากฏตัวบนท้องฟ้า พวกเขากําลังรักษาม่านพลังสีม่วงเอาไว้
คนทรงเริ่มปรากฏตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
อังกุ้ยเองก็เงยหน้าขึ้น “ใครระดมทหารองครักษ์มากัน?”
ณ ใจกลางม่านพลังบนท้องฟ้า ใครคนหนึ่งเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่เขตแดนมหาเวท ร่างของชายคนนั้นเปล่งประกายแสงสีม่วง ใบหน้าของเขาถูกปกปิดเอาไว้ ด้วยเสื้อคลุมสีม่วง ดวงตาของชายคนนั้นมีสีแดงจางๆ สีหน้าของเขาถูกบดบังเอาไว้เพราะหมอกลึกลับ
คนทรงลึกลับลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่จะพูดออกมา “ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจากดินแดนหยาน…ช่างน่าประทับใจจริงๆ”
เมื่อคนทรงพูดจบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของลั่วหลาน หลานไร่ และลูกน้องทั้งสี่ของเขาต่างก็คุกเข่าลง ทุกคนต่างก็พูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่จริงใจ “ท่านราชครู!”
ลู่โจวเองก็เงยหน้าขึ้นไปมองเช่นกัน “เจียงเหวินซู ในที่สุดเจ้าก็มา”