My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 647 มุ่งสู่ลั่วหลาน
“เย่เงินเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในบ้านนภา ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะได้รับ บาดเจ็บจากลูอัน สัตว์ร้ายนั่นน่ากลัวเกินไปจริงๆ”
“มันดีแค่ไหนแล้วที่เขาสามารถทําให้ลูอันบาดเจ็บได้ อย่างน้อยพวกเราก็จะอยู่อย่างปลอดภัยไปได้”
“เจ้าถูกแล้ว”
ยู่ฉางตงยังคงดูสงบ แต่ถึงแบบนั้นเขากลับรู้สึกตกใจกับความน่ากลัวของลูอัน คนจากบ้านนภาจะต้องแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนี้ที่ดินแดนหยานผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเป็นผู้ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ แต่ในที่แห่งนี้มันไม่ใช่ ผู้ฝึกยุทธที่นี่ไม่แม้แต่จะสู้กับลูอันได้
“พี่ชาย ท่านดูบาดเจ็บอยู่นะ”
ยู่ฉางตงกลับมามีสติ เด็กสาวสวมหน้ากากตรงหน้าเป็นคนพูดกับยู่ฉางตง ดูเหมือนว่าเขาจะพบกับนางเป็นครั้งที่สองแล้ว
ใบหน้าของเธอมีรอยบ่ม มันเป็นรอยที่ใหญ่เท่าๆ กับขนาดฝ่ามือ ดวงตาของนางเป็นประกายเหมือนกับคริสตัล เมื่อเห็นนางยู่ฉางตงก็นึกไปถึงศิษย์น้องของตัวเอง
ยู่ฉางตงไม่ได้ตอบกลับด้วยคําพูด เขาส่งรอยยิ้มให้เท่านั้น
เด็กสาวพูดต่อ “ข้ามีนามว่าว? ข้าเป็นผู้ฝึกยุทธผู้เชี่ยวชาญในการรักษา ข้ามาจากอารามพันหลิว…ให้ข้ารักษาท่านไหม? ข้าจะรักษาท่านให้ฟรีเลยนะ!” เด็กสาวพูดก่อนที่จะแสดงพลังฝ่ามือสีแดงออกมา
ยู่ฉางตงตอบกลับ “ข้าต้องขอโทษด้วย”
“หะ?”
“ข้าไม่ต้องการการรักษา” ยู่ฉางตงปฏิเสธ
“อืม…เอางั้นก็ได้…” สาวน้อยววดูผิดหวัง
วิวกระโจนจากที่นั่งเมื่อเห็นผู้ฝึกยุทธอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บ นางวิ่งไปหาพวกเขาอย่างมีความสุข “พวกท่านทั้งคู่กําลังบาดเจ็บ ให้ข้ารักษาเถอะ…”
ยฉางตงที่เห็นแบบนั้นยิ้มออกมา เด็กสาวคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากศิษย์น้องเก้าของเขาเลย
น่าเสียดายที่เวลาผ่านไป หลายสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนที่เขารู้จักไม่ได้อยู่กับเขาอีกต่อไป ยู่ฉางตงได้แต่คิดสงสัย ท่านอาจารย์จะเป็นยังไง? เขาจะต้องเจอปัญหามากกว่านี้แน่…”
ซูววว!
เสียงสะท้อนของพลังดังขึ้น ยู่ฉางตงกลับมามองรอบตัวอีกครั้ง
ววได้ปล่อยพลังฝ่ามือสีแดงออกมา เธอได้ใช้พลังนั้นส่งไปยังผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสอง
พลังชีวิตที่ไม่เหมือนที่ไหนกําลังเยียวยาบาดแผลของทั้งสองคนนั้น
ยู่ฉางตงไม่คิดเลยว่าสาวน้อยคนนี้จะเชี่ยวชาญในการรักษา
ผู้คนทั้งหลายต่างก็ยกนิ้วให้กับนาง
“นางก็คือววแห่งอารามพันหลิวนี่เอง! ไม่แปลกเลย ไม่แปลกเลยจริงๆ …”
“การที่เด็กอย่างนางจะมีฝีมือเช่นนี้ได้วิเศษจริงๆ”
ยู่ฉางตงมองไปที่ด้านซ้ายก่อนยจะถามออกมา “ข้าขอถามอะไรหน่อยจะได้ไหม? ที่ที่พวกเราอยู่คือที่ไหนกัน?”
ชายคนนั้นหันกลับมามองยู่ฉางตงอย่างถี่ถ้วน “สหาย เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตัวเองกําลังอยู่ที่ไหนอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าอยู่ที่สนามรบมานานไปน่ะ นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้กลับมา” ยู่ฉางตงตอบ
“ข้าเข้าใจแล้ว…ที่นี่ก็คือดินแดนถัง ดูจากสําเนียงของเจ้าแล้วเจ้าไม่ใช่คนที่นี่สินะ?”
“ดินแดนถัง?”
“อย่างงี้นี่เอง” ชายคนนั้นตบหน้าผาก “ข้าเห็นแล้ว…ดาบของเจ้าดูวิเศษจริงๆ ข้าขอดูหน่อยจะได้รึเปล่า?”
“ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าเกรงว่าจะทําให้เจ้าต้องผิดหวังแล้วล่ะ” ยู่ฉางตงปฏิเสธ สําหรับผู้ใช้ดาบ ดาบสําคัญพอๆกับชีวิตของเขา ดาบคู่ใจก็เป็นเหมือนกับคู่หูที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่มีทางเลยที่เขาจะมอบมันให้กับคนแปลกหน้าได้ดู
ในตอนนั้นเองก็มีใครอุทานขึ้น “ดูนั่นสิ!”
ยู่ฉางตงเหลือบมองไปด้านนอกตามสัญชาตญาณ
ผู้ฝึกยุทธหลายคนที่มาพร้อมกับพลังอวตารดอกบัวแดงกําลังบินมาพร้อมกับลูอัน
หลายคนประหลาดใจเมื่อเห็นอวตารที่สูงตระหง่าน
“บ้านนภาชนะแล้ว!” ทุกคนต่างก็ตกตะลึงในขณะที่เหลือบมองลูอันตัวใหญ่ยักษ์ มันเป็นนกที่มีขนหลากสีที่ถูกพากลับมาด้วย
ในตอนที่ยู่ฉางตงได้มองออกไป ในตอนนั้นเองเขาก็ควบคุมดาบด้วยนิ้วทั้งสอง “ข้าต้องขอโทษด้วย”
ดาบยืนยาวถูกชักออกมาจากผ้าคลุม มันฉายสีแดงชั่วครู่ก่อนที่จะเฉือนคอของชายคนแปลกหน้า
ดาบยืนยาวที่จัดการเป้าหมายเสร็จกลับคืนสู่มือของยู่ฉางตง มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในแววตาของชายคนนั้น
ฉางตงหยิบดาบยืนยาวก่อนที่จะออกไปจากที่นั่น เมื่อเดินออกมาเขาก็เหลือบมองไปยังศพของลอันที่ถูกพาไปทางทิศตะวันออก
ยู่ฉางตงถอนหายใจออกมาเบาๆ ในตอนนั้นเองเขาก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก
พระอาทิตย์ก่าลังลาลับขอบฟ้า
ววก็เดินตามยู่ฉางตงไปด้วย
ภายในตรอกซอยรกร้าง
ยู่ฉางตงเดินราวกับเป็นคนธรรมดา
ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดินทั่วทั้งเมืองก็เงียบสงัด ในเมืองไม่มีใครเดินไปไหน
ยู่ฉางตงหยุดเดินก่อนจะเหลือบมองไปด้านหลัง “เจ้าตามข้ามาทําไม?”
ววูตอบมาจากทางด้านหลัง “ท่านฆ่าคน!”
“ในเมื่อพยายามจะจับดาบของผู้ใช้ดาบก็สมควรแล้วที่จะต้องตาย…” ยู่ฉางตงตอบกลับ
“ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นยอดผู้ใช้ดาบที่มีฝีมือที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาเลย…”
“ขอบคุณสําหรับค่าชม
“ท่านไม่กลับบ้านอย่างงั้นเหรอ?”
บ้าน? ถ้าหากยู่ฉางตงถูกถามในดินแดนหยาน คําถามนี้ก็คงจะง่ายแสนง่าย แต่สําหรับยู่ฉางตงในตอนนี้ ที่นี่ไม่มีบ้านสําหรับเขา
ยู่ฉางตงตอบกลับไปตามจริง “ข้าไม่มีบ้าน”
“โอ้…ข้าขอโทษด้วย” ววกล่าวขอโทษ “ข้าก็แค่อยากจะเตือนท่าน การไปไหนมาไหนตอนกลางคืนมันไม่ปลอดภัย สัตว์ร้ายในยามค่ําคืนจะจู่โจมท่าน ระวังตัวให้ดี”
ยู่ฉางตงมองไปบนท้องฟ้า สัตว์ร้ายทั้งหลายก่าลังบินไปบินมาอย่างชาญฉลาด พวกมันกําาลังรอให้อาทิตย์ตกดินก่อนจะล่าเหยื่อ
“ขอบคุณที่เตือน” หลังจากที่ยู่ฉางตงพูดจบเขาก็หายวับไป
ววมองไปรอบๆ นางถอนหายใจก่อนจะพึมพํากับตัวเอง “ข้ายังไม่ได้รักษาท่าน เลย!”
ดินแดนหยาน สามวันต่อมา
รถม้าล่องเมฆาได้ข้ามผ่านหุบเขาและดินแดนทั้งหลาย มันได้ข้ามคูสวรรค์ทะเล ทรายร้าง และแดนเถ้ากระดูก รถม้าล่องเมฆาปรากฏตัวอีกครั้งใกล้ๆกับนครหลวงลัวหลาน
บนรถม้า
หมิงซูหยินมองดนครโบราณที่สูงตระหง่านก่อนจะพูดขึ้น “พวกเราจะถึงที่หมายกันแล้ว”
ทุกๆ คนต่างก็ก้าวออกมาดูนครหลวง
ฝานลี่เทียนมองไปที่นครหลวงลั่วหลานก่อนที่จะอุทานออกมา “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ข้ามาที่นี่ ข้าไม่คิดเลยว่านครหลวงลั่วหลานจะเจริญขึ้นขนาดนี้”
เล้งลั่วพด “คงจะมีเมืองไม่กี่เมืองเท่านั้นที่เป็นแบบนี้”
หมิงซูหยินเป็นผู้ที่มองเห็นทุกอย่างได้ดีที่สุด เพราะแบบนั้นเขาจึงเห็นสัญลักษณ์ แปลกๆบนกาแพง “สัญลักษณ์พวกนั้นคืออะไรกัน?”
“ลั่วหลานปกป้องเมืองของตัวเองด้วยเวทมนตร์คาถา มันเป็นธรรมดาที่เมืองจะมีเวทมนตร์คาถาคอยปกป้อง” ฝานลี่เทียนพูดต่อ “เขตแดนเวทมนตร์คาถาที่เห็นคงจะเทียบเท่าได้กับเขตแดนพลังทั้งสิบ ในตอนนี้คนทรงผู้ยิ่งใหญ่ของลั่วหลานไม่แก่เกินไปก็ตายจากไปแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดใช้เขตแดนพลังนั่นได้”
ในตอนนั้นเองพรมสีม่วงก็พุ่งออกมาจากเมือง มันเป็นพรมที่ถูกผู้ใช้เวทมนตร์คาถาหลายคนคอยดูแล ในที่สุดพรมก็มาถึงรถม้าล่องเมฆา
“พวกเรามาที่นี่ก็เพราะคําสั่งขององค์ราชา พวกเรามาเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากดินแดนหยาน!”
รถม้าหยุดเคลื่อนไหว
ผู้ฝึกใช้เวทมนตร์คาถาคนหนึ่งบินขึ้นไปบนรถม้า เขาทําท่าทางเชื้อชวนก่อนที่จะพูดอย่างสุภาพ “กรุณานั่งพรมลอยฟ้าของพวกเราด้วยเถอะ…นี่คือการต้อนรับสูงสุดสําหรับพวกเราชาวลั่วหลาน”
ฝานลี่เทียนพูดออกมาเบาๆ “นั่นเป็นเรื่องจริง มันเป็นพรมที่ปักลายเทพเจ้าที่พวกเขาบูชาเอาไว้ที่ใจกลาง มันเป็นของที่มีสถานะสูงสุดในลั่วหลานแล้ว ในแต่ละมุมจะมีคนทรงอยู่เจ็ดคน จะต้องใช้คนทรงกว่า 49 คนเพื่อทําให้พรมบินได้ การต้อนรับแบบนี้จะมีไว้ต้อนรับกับราชวงศ์เท่านั้น”