My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 646 เยเงินผู้มีพลังอวตารเก้ากลีบ
หลังจากที่ได้ทดสอบพลังการ์ดระเบิดจุดสุดยอดมา ลู่โจวก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ใช่การ์ดใบนี้เว้นแต่จะถึงวันสิ้นโลก มันเป็นของหายากที่ไม่ควรจะใช้โดยไม่ยั้งคิด
นับตั้งแต่ที่เจ็ดสํานักใหญ่จู่โจมศาลาปีศาจลอยฟ้า ลู่โจวก็ไม่เคยใช้การ์ดใบนี้อีกในที่สุดเขาก็ได้มันมา
หลังจากที่เก็บมันไปลู่โจวก็รู้สึกสิ้นหวัง มีแต้มบุญเหลืออยู่แค่ 503 แต้มเท่านั้น ด้วยราคาการ์ดวิเศษในตอนนี้แต้มบุญเพียงแค่นั้นคงไม่พอที่จะซื้ออะไร มีเพียงการจับฉลากน่าโชคเท่านั้นที่ยังสามารถทําได้
ลู่โจวรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรถ้าหากนั่งมองแต้มบุญต่อไป
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500 ได้รับรางวัลต่างแดนเพิ่มเติม: 1,000
“เอ่อ…”
จู่ๆ ลู่โจวก็มีแต้มบุญ 3,003 แต้ม แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่สามารถใช้แต้มบุญซื่ออะไรได้อยู่ดี
ลู่โจวตัดสินใจที่จะเก็บแต้มบุญให้ครบ 50,000 แต้มเพื่อซื้อกลีบดอกบัวอีกครั้ง
ในเมื่อโชคเข้าข้างแบบนี้ถ้าเสี่ยงดวงต่อไปมันจะต้องได้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดอีกใบแน่
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000 รางวัลต่างแดนเพิ่มเติม: 1,000”
รางวัลเพิ่มเติมจากต่างแดนเป็นรางวัลที่เพิ่มแต้มบุญให้กับลู่โจวได้เป็นอย่างมาก
ช่างมันดีกว่า
เขารู้ดีว่ายู่ฉางตงต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ยากล่าบาก เขาเพิ่งมาถึงดินแดนของดอกบัวสีแดง ถ้าหากจะอยู่อย่างปลอดภัยก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสังหารผู้อื่น การสังหารยอดฝีมือผู้มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ถึงสองครั้งติดบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากล่าบาก
ในเมื่อศิษย์ตกอยู่ในอันตรายฉันจะมามัวเสี่ยงดวงได้ยังไงกัน?”
ลู่โจวล้มเลิกความคิด เขาหันไปมองของที่มีแทน
“บัตรพลังชีวิตโฉมใหม่” ลู่โจวไม่เคยใช้ของสิ่งนี้มาก่อน เขาสงสัยว่าพลังชีวิตที่จะได้จากการ์ดจะได้กี่วัน ดูเหมือนว่าการเก็บหัวใจไปเหยาเอาไว้กับตัวจะไม่ได้มีประโยชน์สักเท่าไหร่
การ์ดพลังชีวิตธรรมดาสามารถให้อายุขัยกับลู่โจวได้ 500 วัน แล้วการ์ดโฉมใหม่ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าจะให้พลังชีวิตกี่วันกัน?
ลู่โจวเรียกการ์ดพลังชีวิตโฉมใหม่ขึ้นมาบนฝ่ามือ
เมื่อก่าหมัด การ์ดที่เคยมีก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ในตอนแรกลู่โจวไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หลังจากรอไปครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกราวกับอยู่ในเตาอบ ความรู้สึกร้อนรุ่มหมุนอยู่รอบตัวของลู่โจวไม่ไปไหน เมื่อเวลาผ่านไปตัวเขาก็รู้สึกถึงความร้อนที่มากกว่าเดิม
“มันไม่เหมือนกับการ์ดทั่วไปเลย” การ์ดพลังชีวิตธรรมดาจะดูดซับพลังงานรอบตัว และรวบรวมมันให้กลายเป็นพลังชีวิต แต่ดูเหมือนว่าการ์ดโฉมใหม่ใบนี้จะเป็นการ์ดที่สร้างพลังชีวิตให้กับตัวเอง ลู่โจวรู้สึกว่าตัวเองกําลังได้รับพลังชีวิตเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีข้อดีอีกอย่าง มันเป็นการรับพลังชีวิตโดยที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ
ลู่โจวปรับการหายใจก่อนที่จะทําสมาธิ เขากําลังทําสมาธิไปกับการดูดซับพลัง ไม่นานนักความรู้สึกร้อนรุ่มก็หายไป
ลู่โจวมองไปที่ระบบ
อายุขัย: 36,531 วัน
“เพิ่มขึ้น 1,000 วัน?”
มันเทียบเท่าได้กับการ์ดพลังชีวิตธรรมดาสองใบ ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินค่าการ์ดใบใหม่เอาไว้สูงจนเกินไป
ลู่โจวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาคิดว่าการ์ดใบเดียวจะเพิ่มอายุขัยของเขาได้หลายสิบปี
หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ใช้การ์ดพลังชีวิตโฉมใหม่ที่เหลืออีกสี่ใบ
อายุขัย: 40,531 วัน
ตอนนี้เขามีอายุขัยมากกว่า 40,000 วัน มันเป็นอายุราวๆ 111 ปี
ลู่โจวมีการ์ดพลังชีวิตเหลืออีก 33 ใบ แต่เขาไม่คิดที่จะใช้มัน ใครจะไปรู้กันว่าในอนาคตราคาของการ์ดพลังชีวิตจะไม่เพิ่มขึ้น
การจะไปถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้จะต้องใช้อายุขัยมากกว่า 1,200 ปี ลู่โจวจะต้องใช้การ์ดพลังชีวิตอย่างน้อย 876 ใบเพื่อที่จะไปถึงขั้นนั้น
ตัวเขาที่คิดได้แบบนั้นถอนหายใจ ดูเหมือนว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
10 วันผ่านไป
พลังวิเศษของลู่โจวกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง เขาใช้เวลาห้าวันไปกับการทดสอบพลังแห่งการได้ยิน เมื่อรู้สึกได้ว่าพลังกลับมาพร้อมอีกครั้งลู่โจวก็ออกไปจากห้องก่อนที่จะไปห้องประชุมในคฤหาสน์
ภายในห้องประชุม
สี่วู่หยา หวางซื่อเจีย และผู้อาวุโสจากศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งสองคนกําลังพูดคุยกันอย่างจริงจัง
เมื่อลู่โจวเข้ามาเขาก็มองเห็นแผนที่บนโต๊ะ
“ท่านอาจารย์
“ท่านปรมาจารย์”
“พี่จี”
หลังจากที่ทักทายลู่โจวเสร็จ ทุกคนก็เฝ้ามองลู่โจว ดูเหมือนว่าลู่โจวจะมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของลู่โจวที่เพิ่มขึ้นพวกเขาก็คาดเดาได้ว่าผู้เป็นปรมาจารย์คนนี้จะต้องเชี่ยวชาญวิชาบางอย่าง วิชาที่ยอดเยี่ยมไปกว่าวิชาเยียวยารักษา
ลู่โจวที่เข้ามาถึงรีบถาม “นี่อะไรกัน?”
“นี่คือแผนที่ของดินแดนดอกบัวสีแดงตามการคาดเดาของข้า” สี่วู่หยาเป็นคนตอบ
ลู่โจวมองดูแผนที่ก่อนที่จะพยักหน้า สิ่งที่เขาเห็นทําให้ลู่โจวนึกถึงภาพวาดเก่าแก่ที่ตัวเขาได้มา
“ทุกคนรู้เรื่องแล้วสินะ?” ลู่โจวหันไปมองทุกคน
ทุกคนต่างก็พยักหน้าตอบรับ
ลู่โจวพูดต่อ “อย่าได้ประกาศเรื่องของดินแดนดอกบัวแดงให้กับคนอื่นซะ พวกเราไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย”
“พวกเราเข้าใจดี”
“สี่วู่หยา” ลู่โจวเหลือบมองสี่วู่หยา
“ครับ ท่านอาจารย์?”
“แจ้งไปที่ลั่วหลาน บอกว่าข้าจะไปที่นั่นภายในสามวัน”
ทุกคนต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าวันที่จะไปยังลั่วหลานจะเร็วเช่นนี้
ในทางกลับกันลู่โจวรู้สึกพร้อมแล้ว ไม่จําเป็นที่จะต้องรออะไรอีก
ยุคแห่งการตัดดอกบัวทองค่าเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว ดินแดนทั้ง 12 แห่งต่างก็จับมือกันเพื่อเฝ้ามองดินแดนหยาน เมื่อพวกเขาพร้อมดินแดนทั้ง 12 แห่งก็จะบุกโจมตีดินแดนหยาน เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว
การที่จะมีทูตเดินทางระหว่างดินแดนเป็นเรื่องปกติ ลู่โจวที่ไปลั่วหลานในฐานะทูตจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ท้ายที่สุดแล้วลั่วหลานก็ยังไม่กล้าเป็นศัตรูกับดินแดนหยานแบบเปิดเผย
เนื่องจากคนอื่นๆ ก็อยู่ด้วยลู่โจวจึงพูดเสริมต่อ “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะพาใครไปด้วย?”
สี่วู่หยารีบตอบรับ “ข้ายินดีที่จะไปกับท่าน”
ลู่โจวเหลือบมองสี่วู่หยาก่อนจะสั่งการ “เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลมณฑลเหลียงซะ”
ถ้าหากสี่วู่หยาออกจากมณฑลเหลียงไป เมื่อเกิดสงครามขึ้นเป็นไปได้สูงที่จะพ่าย
แพ้
สี่วู่หยาพยักหน้า “ครับท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้กังวลอะไรกับการเดินทางครั้งนี้เท่าไหร่ ในตอนนี้ลั่วหลานเสียหายอย่างหนัก พวกเขากลายเป็นดินแดนที่อ่อนแอที่สุด จากทั้ง12 ดินแดน ถ้าหากท่านอาจารย์ไปที่ลั่วหลานได้ พวกเขาก็จะกลัวไปเอง ตอนนี้พวกเราควรจะให้ความสนใจกับผู้ชี้แนะคนนั้น เจียงเหวินซูเขามักจะเก็บตัวอยู่ เงียบๆ แม้ว่าเขาจะบอกว่าอยู่ลั่วหลานแต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ พวกเราควรจะระวังเขา ให้มาก”
ทุกๆ คนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
สี่วู่หยาพูดถูก ถ้าหากไม่มีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบลั่วหลานจะไปทําอะไรกับ ลู่โจวได้
สิ่งเดียวที่น่ากังวลที่สุดก็คือเจียงเหวินซู สำหรับสี่วู่หยาแล้วเขาก็คือตัวแปรสําคัญ
ลู่โจวเองก็คิดแบบเดียวกัน
สีรู่หยาพูดต่อ “ทําไมท่านไม่ไปลั่วหลานในฐานะทูตล่ะ ท่านอาจารย์? พวกเราไม่ควรที่จะส่งคนไปมากเกินไป การที่พาคนไปมากจนเกินไปมันคงไม่ง่ายต่อการล่าถอย”
“เอาตามนั้น”
ถ้าหากมีคนจํานวนมากไปด้วย ลู่โจวก็จะต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อปกป้องพวกเขามากขึ้น ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่การเดินทางก็จะยิ่งมีแต่ข้อจํากัด
ยังไงซะคุณภาพก็สําคัญกว่าปริมาณ
สองวันต่อมา
ลั่วหลานได้ตอบรับในนามของราชวงศ์
สี่วู่หยาได้น่าเอกสารที่ตอบรับให้กับผู้เป็นอาจารย์ที่ห้อง
“ท่านอาจารย์ ลั่วหลานได้ตอบรับการมาเยือนของท่านด้วยความยินดี พวกเขายินดีที่จะหารือและให้ความร่วมมือกับท่าน” สี่วู่หยารายงาน
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”
มันเป็นธรรมดาที่ลั่วหลานจะตอบรับลู่โจวเหมือนกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิ ในสายตาของลั่วหลานผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบของดินแดนหยานเพียงคนเดียวย่อมเป็นคนที่สําคัญที่สุด
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งเขาก็ได้แต่พึมพํากับตัวเอง “เจียงเหวินซู…หวังว่าเจ้านั่นจะแสดงตัวก็แล้วกัน…”
เช้าวันรุ่งขึ้น
รถม้าล่องเมฆาได้ออกจากมณฑลเหลียงก่อนที่จะเดินทางผ่านไปยังทิศตะวันตกของคูสวรรค์
ในขณะเดียวกันที่ดินแดนดอกบัวแดง
ยู่ฉางตงไม่ได้รู้สึกอะไรกับการสังหารยอดฝีมือทั้งสองคน
จนถึงตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าที่ที่อยู่ไม่ใช่ดินแดนหยานที่เขาคุ้นเคย
ที่ตรงนี้ทุกคนต่างก็มีดอกบัวสีแดง ยู่ฉางตงกลายเป็นคนที่ผิดปกติไป ดาบยืนยาวที่มีสีแดงได้กลายมาเป็นของที่ดีที่สุดสําหรับปกปิดตัวเองและสังหารศัตรู
ในเวลานี้ยฉางตงได้พบกับที่อยู่ของมนุษย์แล้ว แต่ละอย่างที่เห็นล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
สุดท้ายแล้วสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันก็ยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะรวบรวมข้อมูล
ฉางตงนั่งอยู่ที่มุมห้องในขณะที่เขาสังเกตผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ แม้ว่าทุกคนจะเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ยู่ฉางตงกับรู้สึกเหินห่าง
เมื่อผู้คนปลดปล่อยพลังออกมา พลังที่ปลดปล่อยก็มักจะเป็นสีแดง
“เจ้าได้ยินมารึเปล่า? เมื่อสามวันก่อนพวกบ้านนภาทําให้ลูอันบาดเจ็บสาหัสได้”
“ลูอันไม่ใช่สัตว์ร้ายที่จะรับมือกันได้ง่ายๆ คนจากบ้านนภากว่าครึ่งเสียชีวิต แม้แต่ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างเย่เจินเองก็ได้รับบาดเจ็บ”