My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 641 หัวใจของไชเหยา
ตุ้ม!
พลังฝ่ามือสีฟ้าทําให้พลังฝ่ามือทําลายพลังฝ่ามือที่ดูโปร่งแสงของเฉียงเหวินซูไป
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นตกใจ พลังฝ่ามือของเจียงเหวินซูดูเบาบางราวกับทํามาจากอากาศ
“ไม่น่าแปลกใจเลย ไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆ …” เจียงเหวินซูพึมพํากับตัวเอง
“ไม่แปลกใจอะไรกัน?”
“พวกเราได้พบกันอีกครั้ง…ถ้าหากท่านต้องการฟื้นฟูความทรงจําของตัวเอง ท่านจะต้องมาที่ลั่วหลาน…เป็นเพราะท่านมีพลังอวตารดอกบัวเก่ากลีบ ข้าก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องฆ่าท่านอีกครั้ง หลังจากที่พูดจบร่างกายของเจียงเหวินซูก็สั่นไหวก่อนที่จะหายไป
การรับรู้ของลู่โจวสัมผัสถึงตัวตนเจียงเหวินซูไม่ได้ ไม่น่าแปลกเลยที่เจียงเหวินซูจะใช้พลัง ฝ่ามือแบบนั้นได้
ลู่โจวเดินเข้ามาในถ้ํา เขายกมือขึ้นก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือส่องไปทั่วตัว
ที่ตรงใจกลางถ้ํามีอะไรบางอย่างสลักเอาไว้ มันเต็มไปด้วยอักษรที่แปลกประหลาด
เฉียงเหวินซูคงจะสลักทั้งหมดด้วยตัวเอง มันเป็นเวทมนตร์คาถาอะไรบางอย่าง
มีอักษรสีแดงอยู่รอบต่ํา แต่เมื่อเวลาผ่านไปอักษรสีแดงก็จางหายไป
ดูเหมือนว่าเจียงเหวินซูจะปกป้องสถานที่ตรงนี้มานานแล้ว เขาพยายามป้องกันไม่ให้ผู้คนตามหาไชเหยาจากหุบเหวลึกอย่างงั้นเหรอ?
เมื่อคิดเรื่องนี้ให้มากขึ้นลู่โจวก็พบว่ามันไม่สมเหตุสมผล
ไม่มีใครสามารถสํารวจเหวลึกแสนฟุตได้ แม้แต่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเองก็ยังไม่อาจลงไปได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าจะลงไปได้แต่การเผชิญหน้ากับไชเหยาก็ยังยากเกินไป ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็คงจะเป็นอาหารให้กับไชเหยาได้เท่านั้น แล้วถ้าแบบนั้นจริงเจียงเหวินซูมาที่นี่ทําไม?
ลู่โจวจสภาพแวดล้อมในหุบเหวลึกได้ มันมืดมิด ที่นั่นไม่มีแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์หรือว่าดวงจันทร์ มันมีเพียงน้ําสีดําที่ทอดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นั่นไม่ใช่ที่ที่ดอกบัวสีแดงอยู่อย่างแน่นอน
เป้าหมายของเจียงเหวินซูก็คือการป้องกันไม่ให้ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบปรากฏตัวขึ้น ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงบางทีหุบเหวที่ได้ผ่านมาอาจจะเป็นทางเชื่อมไปยังโลกแห่งดอกบัวแดง!
ลู่โจวยกมือที่สั่นเทาขึ้นก่อนที่จะตบหน้าผาก การรับรู้ของเขาช้าไป! ลู่โจวมาอยู่ที่ทางใต้ของคูสวรรค์แล้ว ถ้าหากที่นี่ไม่มีอะไรแสดงว่าโลกของดอกบัวแดงจะต้องตั้งอยู่ทางเหนือคูสวรรค์แน่
“ยู่ฉางตง…” ถ้าหากยู่ฉางตงหลงทางไปยังโลกดอกบัวสีแดง ทุกอย่างก็คงจะไม่ใช่เรื่องดี สําหรับเลี้ยงเหวินซูแน่
ลู่โจวหันกลับมาก่อนจะออกจากถ้ําไป เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่
ลู่โจวก้าวออกมาจากคูสวรรค์
“วิซซาร์ด
สองวันต่อมา ถัดจากเหวลึกแสนฟุตไม่ไกลมากนัก
สีวู่หยามองไปที่หุบเหวในภาพวาดพร้อมกับความสับสน “ศิษย์พี่สี่ ท่านไม่คิดหรอว่าที่นี่มันแปลกๆ”
“แปลก?” หมิงซูหยินส่ายหัว
“เป็นเรื่องปกติที่เทือกเขาจะมีโพรงอยู่ทั่ว ทางทิศใต้ติดกับยอดคูสวรรค์ ทางเหนือข้าได้ส่งคนไปสํารวจแล้ว…แต่ดูสวรรค์มันไม่ได้เชื่อมต่อกับแม่น้ําเมฆาพิโรธ ดูเหมือนว่าจะมีอะไรหายไปกลางทาง” สีวู่หยาแสดงความเห็น
“มันเป็นปกติที่จะเป็นแบบนั้น ที่นี่มันเป็นหน้าผา” หมิงหยินตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร
“ไม่..ศิษย์พี่ ดูนี่ให้ดี” สีวู่หยายืนกราน
หมิงหยินศึกษาแผนที่ของสีวู่หยา
สีวู่หยาอธิบาย “ในตอนที่ข้าเป็นราชครูในพระราชวัง ข้าเคยเห็นแผนภาพบางอย่างมา ในตอนนั้นขาคิดว่ามันก็เป็นแค่ภาพร่างคร่าวๆ แต่พอมาคิดดูแล้วมันเป็นรูปของรอยแยกไม่ผิดแน่?”
“รอยแยก?”
“ใช่แล้ว มันเหมือนกับรอยแยกมากกว่า แม่น้ําเมฆาพิโรธอยู่ที่ปลายน้ํา ส่วนจุดสูงสุดของคูสวรรค์อยู่ต้นน้ํา…น้ําจากต้นน้ําจะไหลสู่ปลายน้ําเสมอ ถ้าหากเป็นแบบนั้นมันจะต้องมีที่ราบ…ทําไมจู่ๆ ถึงมีหน้าผากัน?” สีวู่หยาสงสัย
สีวู่หยามีความรู้ถึงเรื่องดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ไม่น่าแปลกที่เขาจะสามารถคาดเดาอะไรได้
หมิงซูหยินเข้าใจแล้ว “เจ้ากําลังจะบอกว่ามีอะไรในรอยแยกสินะ?”
“ถูกต้อง” สีวู่หยาพยักหน้า “ด้วยความสามารถที่ศิษย์พี่รองมี เขาไม่มีทางที่จะมาตายง่ายๆแน่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะบินกลับมาไม่ได้…จากการคาดเดาของข้าคงจะมีอะไรบางอย่างที่ขัดขวางไม่ให้ศิษย์พี่กลับมา มันอาจจะเป็นแรงอะไรที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้”
“เจ้าพูดมีเหตุผล” หมิงหยินพยักหน้า “คนที่วาดรูปเหวลึกน่าจะเป็นผู้ชี้แนะองค์จักรพรรดิ…” สีวู่หยาพูด
ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นเองหมิงหยินก็ยิ้มก่อนจะพูดออกมา “เมื่อได้ยินเจ้าพูดแบบนั้น ข้าก็นึกขึ้นได้ ศิษย์น้องเก้าบอกว่าท่านอาจารย์ได้จดหมายอะไรบางอย่างจากผู้ชี้แนะคนนั้น นอกจากนี้เขาก็ยังได้รับบันทึกอะไรบางอย่างจากแม่นางแซ่หลัวด้วย”
สีวู่หยายิ้ม “แล้วของพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
“เจ้าจะต้องถามอาจารย์ซะแล้วล่ะ”
สีวู่หยาดูผิดหวังนิดหน่อย
ในตอนนั้นเองยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น “ศะ…ศิษย์น้องหมิงซูหยิน…เจ้าอยู่ที่นั่นเปล่า?”
“ข้ามาแล้วศิษย์พี่” หมิงหยินวิ่งออกมา “พวกเราจะประลองกันอีกอย่างงั้นเหรอศิษย์พี่?”
ยู่เฉิงไห่สับสนก่อนจะตอบกลับมา “ข้าสับสน ในตอนที่ข้าฝึกซ้อมกับเจ้า กระบี่ของข้าดูเหมือนจะเอาชนะเจ้าได้ทุกครั้ง แต่เมื่อข้าฝึกซ้อมกับศิษย์น้องตัวนมู่เฉิง ข้าไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนั้นเลย”
“ข้าได้คุยกับศิษย์น้องหยวนเอ๋อแล้ว นางบอกว่าเจ้าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามีข้าคงไม่มีทางเอาชนะเจ้าได้..เจ้าตั้งใจอ่อนข้อให้ข้าอย่างงั้นสินะ?”
หมิงหยินรีบแก้ตัว “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ในระหว่างการฝึกซ้อมของพวกเรา พวกเราไม่ได้ใช้พลังลมปราณต่างหาก!”
หมิงหยินคิดในใจอย่างโกรธเคือง ศิษย์พี่สามคงไม่คิดอ่อนข้อเลยสินะ?”
ในตอนนั้นเองต้วนมู่เฉิงก็ได้เดินมาพร้อมกับหอกราชันย์ในมือ เมื่อเห็นหมิงหยินและศิษย์พี่ใหญ่ เขาก็รีบเดินมาทักทาย “ศิษย์น้องสี่ พวกเราไปกันเถอะ…ไปฝึกฝนด้วยกัน?”
“หะ?”
“มาซะ อย่าให้ข้าต้องลากเจ้าไป เจ้ายังเอาชนะศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง ถ้าหากไม่ฝึกฝนให้ดี”
แกรั้ง!
ต่วนมู่เฉิงกระแทกหอกราชันย์เข้ากับพื้น
หมิงหยินตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก “ก็…ได้…”
“ข้าจะไปด้วย” ยู่เฉิงไห่พูดแทรก
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เดินจากไป ฝานซงและโจวจี้เฟิงที่ยังอยู่เข้าร่วมการสนทนาแทน “ท่านเจ็ด”
“ว่ามา”
ฝานซงรีบเดินเข้าไปใกล้ “ท่านเจ็ด สายข่าวของท่านส่งจดหมายมาแล้ว ขณะนี้พันธมิตรของดินแดนทั้ง 12 แห่งได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
“ข้าคิดแล้วไม่มีผิด” สีวู่หยาส่ายหัว
โจวจี้เพิ่งพูดต่อ “เจ้าพวกคนป่าเถื่อนพวกนั้นไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?”
“เป็นเวลานานแล้วที่ยุคของการตัดดอกบัวเริ่มต้นขึ้น แม้แต่หลิวคู่ก็ยังมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบครึ่งได้ เผ่าพันธุ์อื่นอาจจะได้ประโยชน์หลังจากที่ตัดดอกบัวทองคําไป ไม่แปลกเลยที่เขาจะมั่นใจ…ยิ่งไปกว่านั้นขากําลังสงสัยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้รึเปล่า” สีวู่หยาตอบกลับ
ทั้งสองคนต่างก็พยักหน้า
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทํายังไง?
“พวกเราจะต้องรอการกลับมาของท่านอาจารย์” สีวู่หยาตอบ “ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่พวกเราทําได้”
ถ้าหากไม่มีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ก็คงจะไม่มีทางเลยที่จะต้านทานการโจมตีของพันธมิตรทั้ง 12 ดินแดนได้
ในขณะเดียวกัน
ยู่เฉิงไห่กําลังเฝ้าดูตัวนมู่เฉิงและหมิงซูหยินต่อสู้กัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “เอิ่ม…”
ตัวนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินหยุดการเคลื่อนไหว พวกเขาโค้งค่านับให้อย่างพร้อมเพรียงกัน “ศิษย์พี่ใหญ่ ได้โปรดชี้แนะพวกเราด้วย”
“ข้าไม่กล้าชี้แนะพวกเจ้าหรอก” ยู่เฉิงไห่ไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์เป็นศิษย์พี่ใหญ่เท่าไหร่ “ข้าขอประลองกับศิษย์น้องตัวนมู่เฉิงจะได้ไหม?”
ตัวนม่เฉิงไม่ได้คิดมากอะไร “รบกวนชี้แนะข้าด้วยศิษย์พี่”
หมิงหยินที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกยินดี นี่จะเป็นอีกครั้งที่เขาจะหนีรอดไปได้
ยู่เฉิงไห่และตัวนมู่เฉิงเตรียมพร้อมการประลอง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านยังไม่ได้ฟื้นฟูพลังลมปราณของท่าน ดังนั้นพวกเรามาประลองวิชากระบี่และหอกกันเถอะ”
“อม”
“วิชาที่ข้าใช้มีชื่อว่าร้อยวิถีสมรภูมิแผดเผา มันเป็นวิชาที่จะใช้หอกจู่โจมคู่ต่อสู้ได้ถึงร้อยครั้งอย่างรวดเร็ว” ตัวนมู่เฉิงที่พูดเสร็จรีบสาธิตการใช้หอก
ยู่เฉิงไห่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามจับกระบีนิลโลหิตเอาไว้แน่น “เข้ามาได้เลย”
ตัวนมู่เฉิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หอกที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสร้างภาพเงาขึ้นมา เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเงาของหอกก็มีมากถึงร้อยเงา
แคลัง! แคลัง! แคลัง!
เงาของหอกนับร้อยปะทะเข้ากับกระบี่
ยู่เฉิงไห่ถูกผลักไปเพราะแรงกระแทก
ตัวนมู่เฉิงจู่โจมด้วยเงาของหอกนับร้อยอีกครั้ง
ยู่เฉิงไห้ไม่มีพลังที่จะตอบโต้กลับมาได้เลย เขาทําได้แค่เพียงปกป้องตัวเองเท่านั้น
หมิงซูหยินที่เห็นแบบนั้นปิดตาของตัวเอง ไม่แปลกเลยที่ศิษย์พี่ใหญ่จะมาถามข้าแบบนั้น ศิษย์พี่สามไม่ออมมือเลยจริงๆด้วย!”
แคลึง! แคลึง! แคลัง!
เงาของหอกได้ผลักยู่เฉิงไห่จนเขาล้มลง
ยู่เฉิงไห่กระอักเลือดออกมา
ตัวนม่เฉิงที่เห็นแบบนั้นตกใจ “ศิษย์พี่ใหญ่!” เขารีบโยกหอกราชันย์ไปที่ด้านข้างก่อนจะพุ่งไปด้านหน้า
“ศิษย์พี่ใหญ่!” ครั้งนี้หมิงหยินไม่ได้สนใจสถานะของศิษย์พี่อีกต่อไป “ศิษย์พี่สาม ท่าน…ท่านก็รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่หายดี ท่านยังไม่ยอมออมมืออีกงั้นเหรอ?”
“ข้า…” ตัวนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นสํานึกผิด “ศิษย์พี่ใหญ่!”
“ด้วยพละกําลังที่ศิษย์พี่สามมีการจะสังหารผู้มีพลังวรยุทธขั้นมหาราชครูได้คงไม่ใช่เรื่องยาก ท่านเป็นถึงผู้มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้มีพลังอวตารไร้ดอกบัวสี่กลีบ! ท่านต้องการจะภูมิใจมากแค่ไหนกันที่เอาชนะศิษย์พี่ใหญ่ได้!” ในขณะที่หมิงซูหยินต่อว่า ในตอนนั้นเขาก็ได้ส่งพลังลมปราณให้กับยู่เฉิงไห่
ตัวนมู่เฉิงถอยออกมาก่อนจะตบหน้าตัวเอง “ข้าเสียสติไปแล้ว ในใจของข้าต้องการเพียงการต่อสู้ที่ดุเดือด! ข้าแค่คิดอยากจะเอาชนะศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้น!”
ทุกๆคนที่เห็นความวุ่นวายต่างก็เดินเข้ามาหา
ผู้อาวุโสทั้งสองคน สีวู่หยา หยวนเอ๋อ และหอยสังข์ต่างก็วิ่งเข้ามา ทุกคนต่างก็เป็นกังวล
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
หลังจากที่ส่งพลังลมปราณให้ หมิงซูหยินก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่เห ลือพลังชีวิตไม่มากแล้ว”