My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 619 เมื่อไหร่สายลมจะพัดกลับมา?
ต้นไม้รอบตัวถูกโค่น!
ชาวรั่วหลี่กว่าหลายสิบคนที่อยู่ล้อมรอบถูกฆ่าตายในทันที
ยู่เฉิงไห่ตกตะลึง
ยู่ฉางตงที่เคลื่อนไหวได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อพวกเจ้าต้องการจะตาย ข้าก็จะเติมเต็มความปรารถนานั้นเอง”
“เร็วเข้า! อย่าเปิดโอกาสให้เจ้านั่น!”
ทุกคนรุมล้อมไปที่ยู่ฉางตงอีกครั้ง
ยู่ฉางตงยกมือขวาขึ้น เมื่อแขนของเขาขนานกับพื้น ในตอนนั้นดาบยืนยาวก็ได้หายไปจากสายตาทุกคน
ซูวว!
พลังอวตารของยู่ฉางตงปรากฏตัวขึ้น!
ผู้นําของฝ่ายศัตรูเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะขมวดคิ้ว “เป็นแบบนี้แย่แน่ๆ ! นั่นมันพลังอวตารสูง 100 ฟุต! เจ้านั่นไม่ได้เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ! ถอยเร็วเข้า! พวกเราถูกหลอก! ถอยซะ!”
“เป็นไปไม่ได้”
ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบในโลกรู้ดีว่าผู้ที่ฝึกยุทธจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบนั้นยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แม้แต่ชาวรั่วหลี่และชาวลั่วหลานเองก็รู้เรื่องนี้ เมื่อพลังอวตารที่สูงกว่าร้อยฟุตปรากฏตัวขึ้น ยู่ฉางตงก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เป็นไปไม่ได้
แม้ว่าจะมีผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอยู่ที่นี่ แต่เมื่อได้ยินชื่อของยู่ฉางตง ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก็ยังต้องหลีกทางให้ แม้ว่ายู่ฉางตงจะฝึกฝนตัวเองใหม่หลังตัดดอกบัวทองคํา แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังสามารถเอาชนะผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้อยู่ดี
ไม่ว่าดาบพลังงานจะเคลื่อนไปทางไหน มันก็ไม่มีท่าทางที่จะทําร้ายยู่เฉิงไห่เลย มันกําลังคุ้มกันยู่เฉิงไห่ไม่ห่าง…
ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มที่เห็นแบบนั้นตกตะลึง…ไม่ไม่มีใครรู้ว่าตัวเขากระหายอํานาจหรือต้องการเป็นยอดฝีมือมากเพียงใด สิ่งที่ยู่เฉิงไห่เลือกที่จะทําก็คือการทําตามที่ยู่ฉางตงสั่งอย่างเคร่งครัด ดาบพลังงานที่อยู่รอบตัวเริ่มร่ายรํา ไม่นานนักชาวรั่วหลี่รอบตัวก็ล้มลง
ครูต่อมายู่ฉางตงก็กลับไปยังตําแหน่งเดิม ตัวเขาเหลือบมองยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยู่ฉางตงได้ยกมือซ้าย เพียงแค่ชั่วครู่เดียวดาบยืนยาวก็กลับสู่อ้อมแขนของตัวเขา
การต่อสู้จบลงเพียงแค่นั้น ต้นไม้และละต้นในระยะทางกว่าร้อยเมตรต่างถูกยู่ฉางตงโค่น
สายลมที่พัดพามานํากลิ่นคาวเลือดกลับมาด้วย
“เจ้ากลัวรึเปล่า?” ยู่ฉางตงคุ้นเคยกับภาพตรงหน้าดี เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่รู้สึกอะไร
ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มส่ายหัว มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวเขาไม่ได้รู้สึกกลัว
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของยู่ฉางตง บางที่ยู่เฉิงไห่อาจจะต้องพบกับความยากลําบากมาจนไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งใด…
“วิชาดาบของท่าน่าทึ่งมากจริงๆ” ยู่เฉิงไห่พูดชมเชย
“ข้าเองก็คิดแบบนั้น”
“ในเมื่อท่านเป็นศิษย์พี่ข้า…ท่านช่วยสอนวิชาดาบของท่านให้ข้าหน่อยจะได้ไหม?”
“…” ยู่ฉางตงส่ายหัวเบาๆ ตัวเขาตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าไม่เหมาะกับวิชาดาบหรอก”
“แล้วอะไรที่เหมาะกับข้า”
“เพลงกระบี่” ยู่ฉางตงตอบกลับ
เมื่อได้ยินแบบนั้นยู่เฉิงไห้ก็ได้ยิ้มก่อนจะถามกลับ “ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าชอบกระ!? กระบี่น่ะสุดยอดที่สุดแล้ว มีเพียงกระบี่เท่านั้นที่จะทําให้มนุษย์แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้”
“…” ยู่ฉางตงที่คิดจะเอาคืนกลับถูกเอาคืนซะเอง
ยู่เฉิงไห่วัยหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ด้านหลังยังคงเล่นกับกิ่งไม้ ยู่เฉิงไห่ได้ใช้ทั้งสองมือเคลื่อนไหวไปพร้อมกับกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว
ตุ้ม!
ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มสามารถทําลายตอไม่ได้ด้วยกิ่งไม้ มันเป็นความแข็งแกร่งที่คนธรรมดา ทั่วไปไม่ควรมี “ข้าจะต้องแข็งแกร่งเหมือนกับท่านได้แน่”
“ข้าเองก็หวังแบบนั้น”
ไม่มีใครรู้ว่าชาวภู่เฉียนที่ฟื้นคืนชีพจะได้รับพลังวรยุทธกลับคืนมา ยังไม่มีใครรู้ว่าผลข้างเคียงจากการฟื้นคืนชีพจะเป็นเช่นไร ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการฝึกยุทธในตอนนี้
หลังจากที่ทั้งคู่ได้พักผ่อน ยู่ฉางตงก็ได้พายู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มเดินทางต่อไปทางทิศตะวันออก
ห้าวันต่อมา ณ ป่าไผ่ทางตะวันออกของดินแดนชาวรั่วหลี่
การเดินทางอันยาวนานได้ทําให้ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มหมดแรง ตัวเขาในตอนนี้แทบที่จะเดินต่อไปไม่ไหว มันถึงขีดจํากัดของเขาแล้วนั่นเอง
ทั้งสองได้เดินทางข้ามทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เส้นทางที่เต็มไปด้วยหุบเขาจนไปถึงทะเลหมอก
เมื่อทั้งคู่มาถึงป่าไผ่ ยู่เฉิงไห่ก็ล้มตัวลงนอน “ข้าไปต่อไม่ไหวแล้วล่ะ”
“เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องไปต่อ”
ทั้งคู่ได้ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงสั้นๆ ในตอนนั้นเองยู่ฉางตงก็ได้ยินอะไรบางอย่างบินผ่านป่าไผ่ไป ตัวเขายืนขึ้นก่อนที่จะขยับ ยู่ฉางตงใช้เถาวัลย์จํานวนหนึ่งแบกยู่เฉิงไห่ขึ้นมากับตัว เถาวัลย์ที่ถูกฟันอย่างประณีตได้มัดยู่เฉิงไห่เข้ากับเอวของยู่ฉางตงอย่างแม่นย่า เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างยู่ฉางตงก็เตรียมที่จะเดินออกจากป่าไผ่ ตัวเขาชักดาบยืนยาวขึ้นก่อนที่จะปลดปล่อยดาบพลังงานออกมา
ยู่ฉางตงได้ตัดต้นไผ่ไปพร้อมกับเหล่าผู้ฝึกยุทธด้านบน
ทุกครั้งที่ยู่ฉางตงเหวี่ยงดาบก็มักจะมีผู้ฝึกยุทธล้มลง
ในตอนนั้นเองมีใครบางคนพุ่งเข้าหายู่ฉางตงด้วยความเร็วสูง มันเป็นร่างที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังอวตารราชันย์หมาป่าดอกบัวหกกลีบนั้นเอง
ในระหว่างที่ใครบางคนพร้อมกับพลังอวตารราชันย์หมาป่ากระโจนมาหา ในตอนนั้นเจ้าของร่างอวตารก็ได้ใช้ดาบอันแหลมคมเล็งไปที่ใบหน้าของยู่ฉางตง การเคลื่อนไหวของคนคนนั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้า!
ยู่ฉางตงประสานฝ่ามือเข้าหากัน ระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างมีดาบยืนยาวที่ถือเอาไว้ด้วย ดาบพลังงานได้ขยายออกจากดาบยืนยาว มันขยายตัวด้วยความเร็วสูงราวกับสายฟ้าเช่นกัน
เพียงแค่เสี้ยววินาทีพลังอวตารราชันย์หมาป่าก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน ผู้ฝึกยุทธผู้เป็นเจ้าของร่างอวตารเองก็มีชะตากรรมเดียวกัน
การต่อสู้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นอีกครั้งที่มีกลิ่นคาวเลือดลอยฟังอยู่บนอากาศ
“เจ้านั่นไม่ใช่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ! ถอยเร็วเข้า!”
“เปลี่ยนแผน! หนีเร็ว!”
ผู้ฝึกยุทธที่เหลือต่างก็บินหนีไปทางทิศตะวันตก
ยู่ฉางตงที่อุ้มยู่เฉิงไห่มาด้วยไม่ได้รู้สึกอะไร ตัวเขายังเดินทางต่อไปก่อนที่จะเหลือบมองมายังยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่ม ยู่เฉิงไห่ในตอนนี้ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ
เมื่อไหร่สายลมจะพัดกลับมา?
บนกําแพงเมืองของมณฑลเหลียง
สีรู่หยากําลังเผชิญหน้ากับชาวรัวหลื่อยู่ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ในตอนนั้นเองเจียงอาเฉียนได้กระโดดขึ้นมา “ท่านแน่ใจเหรอว่าคนของท่านยังสบายดี?”
“พวกเขาข้ามคูสวรรค์และกําลังเตรียมตัวอยู่ที่ทางตอนเหนือของดินแดนหยาน…ถ้าหากชาวลั่วหลานวางเขตแดนพลังไว้ที่นั่น ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงก็คงยากที่จะฝ่าไปได้ แต่ข้าน่ะเชื่อใจในคนที่จ้าง และจะไม่จ้างคนที่ข้าไม่เชื่อ ข้าเชื่อมั่นในตัวของทุกคน” สีวู่หยาตอบกลับ
“ฝ่า?” เจียงอาเฉียนส่ายหัว “ท่านอยากจะจู่โจมอะไรข้าก็ไม่ว่าท่านหรอก ข้าก็แค่อยากให้ท่านปกป้องดินแดนหยาน”
“การโจมตีก็คือการป้องกันที่ดีที่สุด”
“…” เจียงอาเฉียนกางมือ ตัวเขาส่ายหัวก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “ข้าขอคัดค้านแผนการนี้จะได้รึเปล่า?”
“ย่อมได้…แต่มันจะเปล่าประโยชน์
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว” เจียงอาเฉียนพูดไม่ออก ตัวเขาถอนหายใจก่อนจะพูดอย่างหมดหวัง “ยังไงซะข้าก็เป็นองค์ชายสองแห่งดินแดนหยาน จะให้ข้านั่งเฉยๆ โดยที่ไม่ทําอะไรเลยในขณะที่ชนเผ่าอื่นกําลังบุกเข้ามาอย่างงั้นเหรอ? เพียงแค่บอกข้าเท่านั้น ข้ายินดีที่จะทําทุกอย่างเพื่อช่วยที่
“คืนนี้”
“…ให้ข้ากลับไปเตรียมใจก่อนได้ไหม?”
“ไม่ได้
ภายในตําหนักต้าเฉิงแห่งพระราชวังหลวง
หลังจากที่ผ่านไปหลายวันในที่สุดพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ของลู่โจวก็ได้รับการเติมเต็ม ในระหว่างหลายวันมานี้ลู่โจวพยายามขยายขอบเขตของพลังแห่งการได้ยินตัวเขาได้ ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญที่จะใช้พลังแล้ว
ลู่โจวได้เปิดระบบขึ้นมาอีกครั้ง
แต้มบุญ: 66,203
แต้มบุญที่เพิ่มขึ้นเป็นแต้มบุญที่ได้จากยู่ฉางตง
ลู่โจวเหลือบมองดูแต้มบุญก่อนจะคิดถึงยู่ฉางตง ตัวเขาได้แต่สงสัยในชะตากรรมของยู่เฉิงไห่…
“เมื่อไหร่ศิษย์ไม่รักดีนั่นจะเขียนจดหมายตอบกลับ?
หลังจากที่ครุ่นคิดได้สักพัก ลู่โจวก็เปิดเมนูขึ้นมา “ซื้อกลีบดอกบัวทองคํา”
“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50,000 ได้รับกลีบดอกบัวทองคํา x1”
ในตอนแรกลู่โจวก็ยังไม่อยากที่จะซื้อดอกบัวทองคํา ตัวเขาจําได้ดีว่าทุกครั้งที่พลังวรยุทธเพิ่มมากขึ้น ราคาของการ์ดวิเศษก็จะแพงขึ้นเช่นกัน ตัวเขาได้ตัดสินใจซื้อการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตไปอีก 10,000 แต้มบุญการ์ดใบนี้จะเป็นไพ่ตายสุดท้ายสําหรับตัวเขา หลังจากที่ซื้อทุกอย่างเสร็จลู่โจวก็ได้สั่งการระบบ “ใช้กลีบดอกบัวทองคํา”
หลังจากนั้นไม่นานการ์ดวิเศษก็ได้สลายหายไป มันสลายกลายเป็นแสงก่อนที่จะหมุนรอบตัวของลู่โจว แสงที่มารวมตัวกันได้ขยายจุดพลังลมปราณในตัวของลู่โจว สุดท้ายแล้วก็มีคลื่นพลังลมปราณเอ่อล้นออกมา ลู่โจวในตอนนี้รู้สึกได้ถึงความสงบ แม้แต่เสียงของสายลมในตําหนักต้าเฉิงเองตัวเขาก็ยังสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจน
เหนือตาหนักต้าเฉิง ที่บนนั้นเต็มไปด้วยพลังลมปราณที่มารวมตัวกัน พลังทั้งหมดกําลังไหลเข้าสู่ร่างกายของลู่โจวอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นซู่เทียนหยวนยังคงรอช่วยเหลือซ่ฮ่องกงอยู่ไม่ห่างกับตําหนักต้าเฉิง ซู่เทียนหยวนที่ยังว่างอยู่ได้เห็นพลังลมปราณที่เพิ่มสูงขึ้น
“ลูกข้า ตําหนักต้าเฉิงกําลังเต็มไปด้วยพลัง! ที่นั้นกําลังเกิดเรื่องแน่!” ซู่เทียนหยวนตกตะลึง
“ช้าก่อน!” ซ่ฮ่องกงได้ห้ามผู้เป็นพ่อเอาไว้ “ท่านอาจจะยังไม่คุ้นชิน…แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอเรื่องแบบนี้พวกเราจะต้องเงียบเข้าไว้”
“ลูกข้า เจ้าน่ะประสบการณ์ยังน้อย ในตอนนี้กําลังมีคนผลิกลีบดอกบัวทองคํา…บางทีมันอาจจะเป็นศิษย์พี่ของเจ้าก็ได้! เจ้าควรจะอาศัยโอกาสนี้เรียนรู้จากพวกเขา!” ซู่เทียนหยวนตอบกลับ
“ประสบการณ์ยังน้อย? เชื่อข้าสิ…อย่าเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวเลย!”
“นี่เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับพ่ออย่างงั้นเหรอ? ข้าน่ะอยู่มานานกว่าเจ้ามาก…” ซู่เทียนหยวนพูดถึง ในฐานะผู้อาวุโส “มันก็แค่มีคนกําลังผลิกลีบดอกบัวทองคํา ในเมื่อเทียนเด่อาจารย์ของเจ้ายังอยู่ มันจะไปมีปัญหาอะไรได้? ..”
ตุ้ม!
เสียงที่ดูคล้ายกับฟ้าร้องได้ดังขึ้นจากทางตําหนักต้าเฉิง