My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 612 บันทึกดอกบัวทองคํา
ความอยากรู้ทําให้ลูโจวยังคงพลิกหน้าต่อไป
“หลายคนไม่เชื่อข้า…”
“ถ้าหากไม่มีความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ก็ไม่มีทางเลยที่จะเจอกับหนทางข้างหน้า”
“ข้าพยายามบอกความจริงเกี่ยวกับการฝึกยุทธแล้ว…”
ลู่โจวสัมผัสกับปกของตํารา ตํารามันดูเก่าอย่างเห็นได้ชัด ที่ตําราเองก็ไม่มีการป้องกันใดๆ แม้แต่ปกของตําราเองก็ยังถูกสร้างมาอย่างเรียบง่าย หลายส่วนของตําราถูกกัดกร่อนไปตามกาลเวลา ข้อความส่วนใหญ่จางหาย หลายหน้าที่อยู่ตรงใจกลางถูกฉีกออกไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ลู่โจวต้องการที่จะอ่านต่อ แต่ในตอนนั้นเองซู่เทียนหยวนก็ได้พูดขัดซะก่อน “นี่เป็นเหตุผลที่ทําให้ข้าอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์… ในตอนนี้ท่านเป็นคนเดียวที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้าตั้งใจที่จะนําตํารานี้มาเสนอกับท่าน แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอท่านที่นี่ ถ้าหากท่านสนใจของชิ้นนี้ ท่านก็ลองเอาลูกชายของข้ามาแลกเปลี่ยนดูเป็นไง?”
ลูโจวหยุดพลิกตํารา ตัวเขาไม่ได้ตอบคําถามของซู่เทียนหยวนในทันที จู่โจวปิดหนังสือก่อนจะถามกลับไปแทน “แล้วทําไมเจ้าถึงไม่ยอมแสดงให้ข้าเห็นในก่อนหน้านี้ล่ะ?”
ซู่เทียนหยวนส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีบันทึกแบบนี้…มันถูกพบโดยสาวกของข้าที่อยากรู้อยากเห็น มันเป็นของที่อยู่ในหอจดหมายเหตุ ตําราเล่มนี้ได้รับความเสียหายจนเกินไป ข้าคิดว่ามีใครบางคนคิดทําลายมัน ถ้าหากท่านไม่ได้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้าก็คงจะทิ้งตําราเล่มนี้ไปแล้ว”
ลู่โจวได้พลิกตําราไปยังส่วนสุดท้าย ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้เห็นข้อความ: หลายคนคิดว่าพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบถือเป็นขีดจํากัดสูงสุดของมนุษย์ แต่ข้ารู้อะไรมากกว่านั้น ข้าสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนกับพันธนาการของโลกใบนี้…ข้าพบแล้วว่าดอกบัวทองคําเป็นสิ่งที่จํากัดการฝึกยุทธของมนุษย์เอาไว้ ข้าจะเอาชนะสิ่งนี้ได้ยังไง?
หลายหน้าถัดจากนั้นล้วนแต่ถูกฉีกขาด
หน้าที่ยังไม่ถูกฉีกยังมีข้อความต่อ: ในที่สุดก็มีคนเชื่อข้า คนคนนั้นเป็นชายชราแซ่หยุน ข้าสงสารเขาจึงช่วยให้เขาฝึกฝนตัวเองจนสําเร็จ แต่ยังไงซะก็ยังไม่แน่ว่าดอกบัวทองคําจะเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด…ใครกันที่จะยอมรับฟังและทดลองในสิ่งที่ข้าคิด?
หลังจากที่อ่านข้อความไป สู่โจวก็ได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจ ชายชราแซ่หยุน? หยุนเทียนลั่วอย่างงั้นเหรอ?”
สู่โจวมองไปที่ซ่เทียนหยวน “เจ้ารู้จักเจ้าของบันทึกเล่มนี้ไหม?” สู่โจวคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับสิ่งนี้ เบาะแสของแม่นางแซ่ลั่วเป็นสิ่งที่จู่โจวค้นหามานานแล้ว
ซู่เทียนหยุนส่ายหัวก่อนจะตอบกลับไป “นางได้ทิ้งลายเซ็นเอาไว้ที่หน้าสุดท้าย เจ้าของบันทึกเล่มนี้ก็คือหญิงสาว หญิงสาวในต่านานไงล่ะ”
“ตํานาน?” จากสิ่งที่ลูโจวเข้าใจเกี่ยวกับแม่นางแซ่หลัวและจากประสบการณ์ที่มีมากกว่าพันปี แม่นางแซ่หลัวอย่างมากที่สุดก็เป็นแค่เรื่องลึกลับ เรื่องของนางยังไม่อาจที่จะกลายเป็นตํานานได้
“พี่จี…”
“อย่าได้เรียกข้าแบบนั้น” จู่โจวพูดขัด
“ทําไมท่านจะต้องยึดติดกับความแค้นที่มีในอดีตล่ะ? ข้าน่ะมอบสมบัติล้ําค่าที่สุดให้กับท่านไป ท่านน่ะถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดอย่าถือสากับเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย” ซู่เทียนหยวนพยายามหว่านล้อม
ล่โจวเหลือบมองซ่ฮ่องกงที่ยังคงหมอบอยู่บนพื้น นี่เป็นนิสัยที่ส่งต่อมาทางพันธุกรรมอย่างงั้นสินะ?
ในตอนที่จีเทียนเดําและซ่เทียนหยวนพบกันเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นนิสัยของเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม นิสัยของชายคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
“เจ้าได้อ่านบันทึกนี่แล้วรึยัง?”
“ข้าได้อ่านมันในตอนที่ข้าได้ค้นพบมัน…”
สู่โจวพลิกหน้าสุดท้าย ที่ตรงนั้นมีลายเซ็นอยู่: หลัว (ค่าที่เรือนหาย) หยิน
“หลัว…หยินตามที่คาดไว้ แม่นางคนนี้ก็คือคนเดียวกันกับที่ลูโจวค้นหามาโดยตลอด
ตามจดหมายที่ผู้ชี้แนะองค์จักรพรรดิได้ทิ้งเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าผู้ชี้แนะคนนั้นกําลังตามหาแม่นางแซ่หลัวคนนี้ แม้จะตามหาแต่เห็นได้ชัดว่ามุมมองการฝึกยุทธของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ผู้ชี้แนะคนนั้นพยายามอย่างยิ่ง เพื่อยับยั้งไม่ให้ใครกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก่ากลับได้
ส่วนหลัว…หยินดูเหมือนจะสนับสนุนให้ผู้ฝึกยุทธแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนมีที่มาเดียวกันอย่างงั้นเหรอ? แล้วทําไมความคิดเห็นของพวกเขาถึงได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?
“เจ้ารู้ไหมว่าแม่นางแซ่หลัวคนนี้ไปไหน?”
ซ่เทียนหยวนส่ายหัว “ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์คนก่อนเคยได้พบกับนาง แต่ข้าไม่รู้จักนาง ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ไหน บางทีนางอาจจะ…ตายไปแล้ว”
“ตายอย่างงั้นเหรอ?”
“บันทึกบอกเอาไว้ว่านางเชี่ยวชาญในการฝึกยุทธเป็นอย่างมาก แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่มีทักษะที่จะควบคุมมัน” ซู่เทียนหยวนพูดต่อ เนื่องจากนางไม่สามารถควบคุมมันได้ ข้าเกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่ยางจะอยู่รอดมาได้”
ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขากําลังสับสน
ลู่โจวยังไม่ได้อ่านบันทึกต่อ ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่รีบร้อนที่จะหาหลักฐาน นอกจากนี้ซู่เทียนหยวนยังไม่จําเป็นเลยที่จะต้องหลอกลวงเขา ถ้าหากนางไม่มีทักษะในการควบคุมที่ดี แล้วนางจะสั่งสอนหยุนเทียนลั่วได้ยังไงกัน? สุดท้ายแล้วเรื่องเกี่ยวกับนางก็ยังคงเป็นเรื่องลึกลับ
นางลึกลับเช่นเดียวกับผู้ชี้แนะขององค์จักรพรรดิ ไม่ว่าจะยังไงล่โจวก็ยังคงมั่นใจว่าพลังวรยุทธของผู้ชี้แนะจะต้องอยู่เหนือกว่าผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
ซู่เทียนหยวนพยักหน้า ตัวเขารู้สึกพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นลู่โจวกําลังใช้ความคิดอยู่ “ดูเหมือนว่าบันทึกเล่มนี้จะสําคัญกับท่านมากนะ พี่จี ถ้าหากเป็นแบบนั้น…ข้าก็คงจะพาลูกชายกลับไปได้สินะ?”
ก่อนที่จู่โจวจะตอบกลับ ในตอนนั้นซ่ฮ่องกงก็ได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ดวงตะวันและพระจันทร์เป็นพยานถึงความจริงใจข้าได้! ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน! ได้โปรดเมตตาข้าด้วย!”
“…” ซ่เทียนหยวนมองไปที่ซ่ฮ่องกง ตัวเขาตกตะลึงที่ได้ฟังแบบนั้น
ลูโจวที่ได้ฟังแบบนั้นตอบกลับ “ลุกขึ้นและพูดซะ”
“ครับ ท่านอาจารย์” ซูฮ่องกงลุกขึ้นยืนด้วยความยากล่าบาก
“เจ้าน่ะคือลูกชายของซู่เทียนหยวนจริงๆ ในตอนที่เจ้ายังเด็กข้าเป็นผู้พาเจ้ามาเอง ยังไงซะ เขาก็คือผู้ให้กําเนิดเจ้า เจ้าจะตัดสินใจว่ายังไงกัน?” สู่โจวพูดในขณะที่หวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
“เอ่อ…” เมื่อซ่เทียนหยวนได้ยินแบบนั้น อารมณ์ที่ตัวเขามีก็สั่นไหวเช่นกัน ชายคนนี้ยังเป็นจอมวายร้ายจีเทียนเด้ที่ข้ารู้จักอยู่รึเปล่า?
เจียงผู้เอามือกดไปที่อกก่อนจะโค้งคํานับและพูดขึ้น “นายน้อย หลังจากที่ท่านออกจากลัทธินักบุญโบราณไป ท่านปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคยกินอยู่นอนหลับอย่างสบายได้เลย ท่านน่ะล้มป่วย โศกเศร้าและคิดถึงท่านอยู่เสมอ…”
“หยุดซะ” ซู่เทียนหยวนห้าม
เจียงผู้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
ซ่เทียนหยวนยิ้มก่อนจะพูดต่อ “เรื่องทั้งหมดผ่านมาแล้ว เจ้าอย่าได้ฟังเลย…ข้ามีความสุขยิ่งกว่าใครๆ เมื่อได้รู้ว่าเจ้าฝึกฝนตัวเองจนมีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์”
จู่โจวพูดต่อ “แต่เจ้าแพ้เดิมพันข้า…”
“ข้ารู้ดี” ซู่เทียนหยวนตอบกลับ
ลู่โจวพยายามนึกไปในความทรงจํา มันเป็นความจริงที่ซ่ฮ่องกงไม่มีความสามารถในการฝึกยุทธแต่อย่างใด แต่ทําไมจู่ๆเขาถึงได้พัฒนาอย่างรวดเร็วหลังจากที่เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า? ค่าตอบทุกอย่างก็คงจะอยู่กับจีเทียนเด่คนเดิม จีเทียนเด๋าคงจะมีวิธีเฉพาะที่ใช้ปรับเปลี่ยนความสามารถนั้น เพราะวิธีการนั้นจึงทําให้ศิษย์ทั้งเก้าเก่งกาจเหนือผู้อื่น
“คุกเข่าลง” สู่โจวพูด
ซ่ฮ่องกงที่ฟังแบบนั้นตกตะลึง แต่เมื่อเห็นความจริงจังของผู้เป็นอาจารย์ ตัวเขาก็รีบคุกเข่าแต่โดยดี
ลู่โจวเอามือไขว้หลัง “ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ไม่มีพระคุณไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้กําเนิด และการเลี้ยงดู เจ้านะควรที่จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเอง
”
ซู่เทียนหยวนตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ตัวเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคําพูดที่ได้ฟังจะหลุดออกมาจากจอมวายร้ายจีเทียนเด่ที่ตัวเขารู้จัก ตัวเขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก