My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 610 เดิมพัน
ลู่โจว “…”
ในบรรดาสาวกทั้งสิบของลู่โจว ซูฮ่องกงนับว่าเป็นผู้ที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดแล้ว เขาทั้งกินอยู่หลับสบายเป็นไหนๆ ทําไมซ่เทียนหยวนถึงต้องพูดแบบนั้นกัน?
ความคิดเห็นของซู่เทียนหยวนทําให้ซูฮ่องกงกระโดดถอยหลังกลับไป “อย่ามาแตะต้องตัวข้า! เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าเป็นพ่อของเจ้า” ซ่เทียนหยวนขึ้นเสียง ในน้ําเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง
ซ่ฮ่องกงถอยห่าง ตัวเขาเหลือบมองคนอื่นๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าคิดที่จะหลอกล่อข้าอย่างงั้นเหรอ?”
“เจ้ามีอะไรที่จะต้องทําให้ข้าต้องหลอกล่อล่ะ?” ซูเทียนหยวนตอบกลับอย่างไม่ไยดี
ซ่ฮ่องกงสังเกตสถานการณ์ตรงหน้า ในตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ชายชราตรงหน้าจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ ชายชราคนนี้สามารถล้มตัวเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ หนําซ้ําที่แห่งนี้ยังมีชายชราอีกคนที่รอฉวยโอกาสอยู่ ซูฮ่องกงได้แต่เก็บความแค้นที่มีเอาไว้ในใจ ท้ายที่สุดตัวเขาก็ได้โต้ตอบกลับไป “เอ่อ…ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ข้า…อันที่จริงก็เป็นแค่ชาวเมืองคนธรรมดา
ปัด!
ทันทีที่ซ่ฮ่องกงพูดจบ เสียงผายลมก็ได้ดังขึ้น
แล้วใครกันล่ะที่จะทนกลิ่นเหม็นได้?
เจียงผู้และซู่เทียนหยวนถอยกลับหลังไปในทันที
“นี่มันโอกาสของข้าแล้ว!” ซูฮ่องกงกระทืบเท้าก่อนที่จะตะโกนขึ้น “ลาก่อน เจ้าพวกห่วย!”
ตุ้ม!
“โอ๊ย!” ซูฮ่องกงกระแทกเข้ากับประตู ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ํา ซ่ฮ่องกงเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถบินหรือเรียกพลังอวตารออกมาได้
เจียงผู้คุกเข่าลงก่อนจะพูดขึ้น “ข้าขอโทษด้วยนายน้อย! ในตอนที่ท่านเข้ามา ข้าได้ผนึกเส้นพลังลมปราณของท่านไว้แล้ว”
ซ่เทียนหยวนรีบวิ่งไปหาลู่โจวก่อนที่จะช่วยดึงเขาขึ้นมา “ลูกข้าไม่เป็นไรสินะ? วิชาผนึกเส้นพลังลมปราณของเจียงผู้นับว่าเป็นหนึ่งในวิชาสร้างชื่อของลัทธินักบุญโบราณ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้ตัว”
ซูฮ่องกงมองไปรอบตัว ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยคําถาม เมื่อไรหนทางสู่ฮ่องกงจึงตัดสินใจใช้ไม้แข็งเป็นทางเลือกสุดท้าย “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ เห็นทีข้าจะต้องบอกความจริงกับทุกคนแล้ว อาจารย์ของข้าก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า เป็นที่รู้กันดีว่าท่านอาจารย์ข้ารักสาวกเป็นไหนๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องตามมาแก้แค้นแน่ ถ้าหากอาจารย์ของข้ารู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่แห่งนี้จะต้องเต็มไปด้วยเลือดอย่างไม่ต้องสงสัย อย่าคิดที่จะฆ่าข้าปิดปากซะล่ะ อาจารย์ของข้านะทิ้งเครื่องหมายตามตัวไว้บนตัวข้าแล้ว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับข้าพวกเจ้าทั้งหมดจะได้เจอดีแน่!”
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจที่ซ่ฮ่องกงรู้ถึงเรื่องเครื่องหมายติดตามที่ถูกตัวเขาทิ้งไว้ ดูเหมือนว่าตัว เขาจะประเมินศิษย์คนนี้ต่จนเกินไป
ซูเทียนหยวนถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ารู้ดี…มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะรู้จักเขา ลูกข้า เจ้าคงทุกข์ทรมานมามากสินะ เจ้าจะต้องทนถูกลงโทษอย่างไม่ยุติธรรมมาโดยตลอดสินะ?” แววตาของซู่เทียนหยวนเต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อจับจ้องไปยังซ่ฮ่องกง
น่าเสียดายที่พ่อลูกคู่นี้มีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ซูฮ่องกงพยายามดึงมือของซู่เทียนหยวนออก “ดูเหมือนเจ้าจะชอบพรากอิสระของคนอื่นนะ…”
ซู่เทียนหยวนขมวดคิ้วก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าน่ะเป็นพ่อของเจ้าจริงๆ !”
“นายน้อย!” เจียงผ่และทุกคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็ร้องเรียกซู่ฮ่องกงออกมาอย่างพร้อมเพรียง
กัน
ซู่เทียนหยวนพูดต่อ “ลูกข้า ข้ารู้ดีว่าเจ้าจะต้องสับสน…มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่กันของเจ้ามีปานรูปผีเสื้ออยู่ มันเป็นปานที่เจ้ามีตั้งแต่เกิด ถ้าหากไม่เชื่อข้าล่ะก็ลองถอดกางเกงดูได้เลย…เจ้าในตอนยังเด็กเหมือนกับข้าไม่มีผิด ข้าไม่มีทางจําผิดคนแน่!”
หรือว่าควรจะถอดกางเกงจริงๆ แต่ให้ถอดกางเกงแล้วมันจะยังไงล่ะ? ข้าจะไปดูกันของตัวเองได้ยังไงกัน? ถ้าหากข้าทําแบบนั้นแล้วจะมีหน้าไปไว้ที่ไหน?
เมื่อเห็นซูฮ่องกงยังคงสับสนและยังดูไม่พอใจ ซูเทียนหยวนก็ได้โบกมือของเขา
เจียงผู้ที่เห็นแบบนั้นพยักหน้า ตัวเขารีบเดินกลับเข้าห้องก่อนที่จะเดินกลับมาพร้อมกับกระจก “นายน้อย ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
สาวกของซู่เทียนหยวนรีบคว้าแขนของซูฮ่องกงเอาไว้
ซ่ฮ่องกงพยายามดิ้นรน “พวกเจ้าน่ะก็แค่พยายามกักขังข้า ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่! ปล่อยข้า…”
ในระหว่างที่ดิ้นรนอยู่ ซ่ฮ่องกงก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นๆ เมื่อหันไปมองกระจก ตัวเขาก็ได้เห็นปานรูปผีเสื้ออยู่บนกัน นี่มันเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ?”
ล่โจวเหลือบมองไปทางอื่น ยังไงซะเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขา ในฐานะที่จู่โจวเป็นอาจารย์ ตัวเขาย่อมรู้เรื่องนี้ดี ตัวเขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับซูฮ่องกงมาก่อน
ซู่เทียนหยวนพูดต่อ “ในตอนเจ้าอายุได้ 4 ขวบ เจ้าถูกจเทียนเด้พาตัวไป จีเทียนเดช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย เจ้านั่นน่ะหลอกข้า!”
สีหน้าท่าทางของซูฮ่องกงดูเปลี่ยนแปลงไป สีหน้าเขาดูจริงจังขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานแต่ตัวเขาก็ยังไม่อยากที่จะเชื่ออยู่ดี
เจียงผู้โบกมืออย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดสาวกทั้งสองก็ยกกางเกงกลับไปที่เดิมก่อนที่จะล่าถอยกลับไป
ซ่ฮ่องกงยังคงไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
“ลืมไปซะเถอะ…ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องนั้น ลูกข้า ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าที่จีเทียนเด๋าดูแลเป็นยังไงบ้าง?” ซูเทียนหยวนถามออกมา
“เอ่อ…” ซูฮ่องกงยังคงตกตะลึง
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับซู่เทียนหยวนก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าก็แค่ต้องการบอกว่าตัวเองเป็นพ่ออย่างงั้นเหรอ?”
ซู่เทียนหยวนพยายามระงับอารมณ์ที่มีก่อนจะหันกลับไปหาลู่โจว ตัวเขารู้สึกประทับใจมากที่ได้พบกับผู้เป็นลูกชายจนลืมไปเลยว่าจู่โจวก็ยืนอยู่ด้วย “ผู้อาวุโสลู่ ข้าคิดว่าท่านน่ะทําเกินขอบเขตไปแล้วนะ เจียงผู้ช่วยส่งผู้อาวุโสออกไปซะ”
เจียงผู้เดินไปหาลู่โจวก่อนที่จะทําท่าเชิญชวน “ผู้อาวุโสลู่ ได้โปรด…”
ลู่โจวยังคงแสดงท่าที่อันสงบก่อนที่จะยกมือขึ้น ในตอนนั้นเองแสงสีฟ้าได้ส่องมาจากฝ่ามือ
ของเขา
เจียงผ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย เจียงผู้ที่สัมผัสได้แบบนั้นรีบยกมือปกป้องตัวเอง
ดูเหมือนว่าจู่โจวจะไม่ได้สังเกตถึงการป้องกัน ตัวเขาได้เอาฝ่ามือแตะไปที่แขนของเจียงผู้
ตู้ม!
เจียงผู้รู้สึกราวกับตัวเองถูกโจมตีด้วยพลังอันแรงกล้า พลังการป้องกันรอบแขนของเขาถูกทําลายไปในทันที ด้วยพลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งทําให้ตัวเขาต้องกระเด็นถอยกลับไป
ตุ้ม!
เสาต้นหนึ่งถูกโค่น
ตุ้ม!
เจียงผู้พุ่งชนทะลุหน้าต่างไม้ออกไป
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
เจียงผ่ล้มลงกับพื้น ตัวเขากระแทกสิ่งของต่างๆ ที่ขวางทาง
ทุกๆคนที่เห็นแบบนั้นต่างก็ตกใจ
เจียงผู้เป็นผู้ช่วยของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงแบบนั้นก็ถูกโจมตีจนกระเด็นกลับไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
ทั่วทั้งลานเงียบสงบ
เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้สงบสุขในอย่างที่ไม่เคยเป็น แม้ว่าเงียบสงบสักแค่ไหนแต่มันก็ยังเต็มไปด้วยจิตสังหารอันหนักอึ้ง
ลมอุ่นๆ ได้พัดผ่านใบหน้าทุกคน มันเป็นสายลมที่ตักเตือนไม่ให้ทุกคนกล้าทําอะไรชายชราที่อยู่ตรงหน้า
ชายชราที่ดูเหมือนอ่อนแอคนนี้ สามารถปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมาโดยที่ไม่ต้องใช้เวลารวบรวมพลัง!
ซ่เทียนหยวนไม่คิดที่จะประเมินชายชราตรงหน้าต่าอีกต่อไป
ซูฮ่องกงตกใจเล็กน้อย
ซู่เทียนหยวนยิ้มจางๆ ก่อนจะเริ่มพูด “ผู้อาวุโสลู่ นั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าประทับใจ น่าประทับใจจริงๆ …พวกเรามาพูดคุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า” ซูเทียนหยวนเปลี่ยนความคิด ตัวเขาไม่คิดมาก่อนว่าภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จะยังมียอดฝีมือที่ไม่เกรงกลัวเทียนเดําหรือแม้แต่สํานักอเวจีอยู่ ผู้อาวุโสคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?
ล่โจวถามกลับไป “เจ้ามาเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เพียงเพื่อที่จะพาซ่ฮ่องกงกลับไปสินะ?”
“ถูกต้อง” ซูเทียนหยวนเอามือไขว้หลังก่อนที่จะตอบตามตรง “เขาเป็นลูกของข้า…เป็นธรรมดาที่ข้าต้องการจะอยู่กับเขา” จากนั้นตัวเขาก็หันไปมองซูฮ่องกงก่อนจะพูดต่อ “ท่านอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ ผู้อาวุโสลู่ ในตอนที่ลูกข้ายังเด็ก เขาน่ะไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร เป็นผู้ฝึกยุทธก็ยังไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นจเทียนเดําก็ยังสนใจเขา ดังนั้นข้าจึงคิดเดิมพันกับเขาขึ้นมา ข้าเดิมพันไว้ว่าถ้าหาก ลูกชายของข้าฝึกฝนตัวเองจนมีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าก็จะไม่ขอพบหน้าลูกชายอีก”
“เจ้ากังวลว่าตัวเองจะไม่ได้พบกับซ่ฮ่องกงอย่างงั้นสินะ นี่คือเหตุผลที่ทําให้เจ้าต้องใช้วิธีแบบนี้น่ะเหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว…” ซู่เทียนหยวนพูดต่อ “ข้าน่ะพ่ายแพ้ให้กับการเดิมพัน แต่ถึงแบบนั้นข้าจะไปแยกจากกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองได้ยังไงกัน? ยังไงซะข้ากับจีเทียนเด่ก็ยังมีเป็นมิตรต่อกัน เขาเป็นอาจารย์ของลูกชายข้า นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ผู้อาวุโสลู่ ท่านคงจะพอใจกับคําตอบนี้แล้วสินะ?”
ซู่เทียนหยวนตั้งใจที่จะอ้างชื่อของจีเทียนเดํา ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้านั่นเอง แม้ว่าผู้อาวุโสตรงหน้าจะแข็งแกร่ง แต่ถึงแบบนั้นก็คงจะไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก่ากลีบ