My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 606 แดนเถ้ากระดูก
จี้เหลียงหันมาก่อนที่จะพยายามเป่าใส่ยู่เฉิงไห่ ดูเหมือนว่ามันกําาลังพยายามปลุกเขาอยู่ นั่นเอง
แต่น่าเสียดาย ดวงตาของยู่เฉิงไห่ยังคงปิดสนิท ไม่มีวี่แววที่ยู่เฉิงไห่จะตื่นขึ้นเลย
“เจ้าเห็นด้วยกับข้าสินะ?” ยู่ฉางตงยิ้มให้
“ข้าน่ะทําทุกอย่างเท่าที่ทําได้แล้ว” ยู่ฉางตงหันไปมองป่าทึบ “ยังไงซะการช่วยเหลือใครสักค นมันก็ยากกว่าการฆ่าใครสักคนอยู่ดี”
หลังจากที่พักผ่อนไปชั่วครู่ ยู่ฉางตงก็ลุกขึ้นก่อนจะกระโดดขึ้นหลังของจี้เหลียง ทั้งสามเดินทางไปยังทิศตะวันตกเพื่อที่จะออกจากป่าทึบ
จี้เหลียงได้รักษาความสูงเอาไว้ก่อนที่จะบินไปทางตะวันตก ทั้งสามได้บินผ่านหุบเขาร้างก่อนที่จะมุ่งสู่ที่ราบอันกว้างใหญ่
ในระหว่างที่บินฉางตงก็มองไปรอบๆ เมื่อถึงที่ราบวิสัยทัศน์ของยู่ฉางตงก็เริ่มดีมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ง่ายมากเช่นกันที่ผู้ฝึกยุทธคนอื่นจะสังเกตเห็นตัวเขาเช่นกัน เมื่อก่อนยู่ฉางตงคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะตอนนี้ตัวเขาได้รับฝากชีวิตยู่เฉิงไห่มา เพราะแบบนั้นยู่ฉางตงจึงอยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้
จี้เหลียงยังคงบินต่อไปด้วยระดับความสูงต่ําภายใต้แสงจันทร์
ในตอนนั้นเองยู่ฉางตงก็เริ่มเห็นจุดอับชื้น “พวกเรามาถึงบึงโคลนแล้ว จี้เหลียง บินให้สูงกว่า
ยู่ฉางตงเคยมาที่นี่ในเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นตัวเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะท้าทายยอดฝีมือ เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีตยู่ฉางตงก็นึกถึงอารมณ์ที่มีในตอนนั้น
จี้เหลียงข้ามหนองน้ําตามที่ยู่ฉางตงได้สั่งการ
เมื่อมองข้ามหนองน้ําที่เห็น ยู่ฉางตงก็ได้เห็นนครหลวงลั่วหลาน
เมืองลั่วหลานที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ เมื่อมองเห็นจากในระยะไกลมันดูทั้งลึกลับและแปลกตา
“นี่สินะแดนเถ้ากระดูก” ยู่ฉางตงพึมพําขึ้นเมื่อเห็นโครงกระดูกมากมายหลายชิ้นโผล่พ้นจากนดิน
ความเร็วของจี้เหลียงมันรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่ผ่านไป 15 นาที จี้เหลียงก็ได้พายู่ฉางถึงมาใกล้แดนเถ้ากระดูกได้ บนพื้นที่ส่วนใหญ่มีเพียงโคลนและโครงกระดูก
“หยุดก่อน” ยู่ฉางตงกระโดดลงจากจี้เหลียง ที่ทางด้านหน้าของยู่ฉางตงหลายสิบไมล์เป็นถิ่นฐานของชาวลั่วหลาน
ตัวเขาเหลือบมองดูโคลนที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง “เราจะอยู่ที่นี่ ที่นี่คือที่ที่ทําให้ศิษย์พี่ใหญ่ผ่านพ้นความตายครั้งแรกมาได้…”
เป็นเพราะความเร็วของจี้เหลียงจึงทําให้ตัวเขาเดินทางมาถึงที่นี่โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ย้อนกลับไปในตอนที่ยู่เฉิงไห่ยังไม่ได้รับการฝึกฝน ในตอนนั้นตัวเขาจะต้องใช้เวลาเดินสํารวจจนข้ามแดนเถ้าแห่งกระดูกนานแค่ไหน? แม้แต่ประสบการณ์อันโหดร้ายที่เหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามีก็ยังไม่อาจเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดที่ยู่เฉิงไห่ได้รับได้
ยู่ฉางตงไม่ได้รับร้อนที่จะเริ่มการช่วยชีวิต ตัวเขาบินสํารวจบังโคลนอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่น่าสงสัยอยู่ตัวเขาจึงเลือกที่จะนํายู่เฉิงไห่ลงมา
แสงจันทร์ได้ส่องมายังยู่ฉางตงและบึงโคลน ถ้าหากไม่มีแดนแห่งเถ้ากระดูกที่อยู่ด้านหลัง ด้วยบังโคลนเพียงอย่างเดียวอาจจะทําให้ทัศนียภาพที่นี่ดสวยงามมากยิ่งขึ้น
ยู่ฉางตงสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณและพลังชีวิตจากป่าโดยรอบได้ มันเป็นพลังที่หนาแน่นกว่าที่ไหนๆ
ป่าที่อยู่ทางขวาและแดนเถ้ากระดูกที่อยู่ด้านหลังถูกแม่น้ําสายหนึ่งตัดผ่าน ต้นต่อของแม่น้ําที่เห็นอยู่ภายในนครหลวงลั่วหลาน เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่มีจึงทําให้ที่นี่เหมือนมีเขตแดนจากพลังจากธรรมชาติ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังที่อัดแน่น
ยฉางตงมองไปที่บึงโคลน ตัวเขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจ “ยังไงซะท่านก็ต้องข้ามผ่านความเป็นความตายอยู่ดี ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วล่ะ”
ยู่ฉางตงกางมือออกก่อนที่จะใช้พลังยกร่างของยู่เฉิงไห่ขึ้น
ยู่ฉางตงโบกมือของตัวเอง
พรึบ!
ตับ!
ยู่เฉิงไห่บินไปยังใจกลางบึงโคลนก่อนที่จะปล่อยร่างของยู่เฉิงไห่
จ๋อม!
ร่างของยู่เฉิงไห่ที่ถูกผลักโดยพลังงานทําให้ยู่ฉางตงมั่นใจแล้วว่าร่างของผู้เป็นศิษย์พี่จะถูกฝังอยู่ในบังโคลน ในตอนนี้ตัวเขาไม่คิดที่จะสนใจบึงโคลนอีกต่อไป ตัวเขาเหลือบมองจี้เหลียง ก่อนที่จะพูดออกมา “เหลียง…ข้าจะต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลา 49 วัน”
จี้เหลียงวิ่งเหยาะๆ ดูเหมือนว่ามันไม่คิดที่จะจากยู่ฉางตงไปไหน
ยู่ฉางตงยิ้มก่อนจะพูดออกมา “เจ้าต้องการจะอยู่ต่ออย่างงั้นสินะ?”
จี้เหลียงวิ่งเหยาะๆ ล้อมรอบยู่ฉางตง
“ย่อมได้” ยู่ฉางตงลูบหลังจี้เหลียงเบาๆ “เจ้ากับข้าต่างก็เข้ากันได้ดี ถ้าหากข้าได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ บางทีเมื่อกลับไปพวกเราอาจจะกลายเป็นคู่หูของกันและกันก็ได้”
ในขณะเดียวกันที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อสายลับทั้งหมดถูกจัดการไปทั่วทั้งเมืองก็เงียบสงบอีกครั้ง
ฮั่วจงหยางได้ส่งสาวกสํานักอเวจีปกป้องประตูเมืองทั้งสี่มุมเมืองไว้ และเพราะแบบนั้นทําให้ทุกคนที่คิดจะเข้าออกจะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ชาวเมืองก็กลับมาใช้ชีวิตภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต้องการได้
ความสําเร็จอันน่าประทับใจของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้แพร่ไปทั่ว บางครั้งผู้คนก็ชื่นชมศาลาปีศาจลอยฟ้าจนเรียกพวกเขาว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์ลอยฟ้าแทน
ภายในตําหนักต้าเฉิง
ฮัวจงหยางเพิ่งจะรายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ลู่โจวที่ฟังทุกอย่างลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้า “แล้วเจ้าจะตัดสินใจทํายังไงกับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่อ?”
ลูโจวไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการปกครองอาณาจักร และก็เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้กับคนอื่นได้สานต่อ
ฮั่วจงหยางเกาหัว “ผู้อาวุโสจี ข้าเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารเช่นกัน!”
ในตอนนั้นเองโจวยี่ไค ประมุขแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เริ่มต้นพูดขึ้น “ผู้อาวุโสจี ข้ามีอะไรที่อยากจะเสนอ”
“ว่ามา”
“พวกเราต้องการเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อดูแลอาณาจักร…สิ่งที่พวกเราจะต้องทํานั่นก็คือการให้โอกาสและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เดิม จากที่ข้ารู้มาศิษย์คนที่ห้าแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจ้าวยู่เป็นลูกแท้ๆ ของเจ้าหญิงหยุนจ้าว เท่ากับว่านางเป็นเชื้อสายราชวงศ์ ถ้าหากนางยอมแสดงตัว เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องยอมกลับมาดูแลอาณาจักรตามปกติแน่ เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายที่พวกเราจะเลือกจักรพรรดิคนใหม่”
ทุกๆคนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วเจ้าสามารถเกลี้ยกล่อมเจ้าหน้าที่ทั้งหลายได้อย่างงั้นเหรอ?” ลูโจวถาม
“อย่ากังวลไปเลยผู้อาวุโสจี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ ให้ข้าจัดการเอง”
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การที่จะเกลี้ยกล่อมทุกคนได้คงจะเป็นเรื่องยาก แต่ในตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างก็เริ่มเข้าข้างศาลาปีศาจลอยฟ้ามากขึ้น ดังนั้นการจะเกลี้ยกล่อมคนส่วนน้อยให้คล้อยตามคนส่วนมากได้จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ฮัวจงหยางพูดต่อ “ทุกอย่างจะต้องเป็นไปได้อย่างราบรื่นแน่ถ้าหากเจ้าหน้าที่ทั้งหลายยอมช่วยเหลือ ในไม่ช้ามณฑลทั้งเก้าจะต้องกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง”
จู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า “งั้นข้าจะฝากเรื่องของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไว้กับเจ้า อย่าได้กวนข้าถ้าหากไม่มีเหตุจําเป็น
ทุกคนรู้ดีว่าชายชราคนนี้สนใจการฝึกฝนมากกว่าสิ่งใด
หลังจากที่ลูโจวพูดจบ ตัวเขาก็ลุกขึ้นก่อนที่เตรียมพร้อมจะเดินจากไป…
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกตําหนัก “ท่านอาจารย์”
ซูฮ่องกงเดินตรงมา ตัวเขาที่เดินตรงมาพร้อมกับเสียงปรบมือของตัวเอง เมื่อเดินมาถึงตัวเขาก็ได้คารวะให้กับลูโจว
ทุกๆ คนต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นแบบนั้น
แคลัง!
ต้วนม่เฉิงที่เห็นแบบนั้นกระแทกหอกราชันย์ลงไปบนพื้น
ซ่ฮ่องกงที่ได้ยินเสียงหอกตื่นตกใจ
“ศิษย์น้องแปด เจ้าตั้งใจที่จะทําอะไรกัน?” ตัวนมู่เฉิงถามออกมา
“หืม? ปะ…เปล่า…ข้าที่เดินมาได้เห็นพื้นอันสวยงามของพระราชวังหลวง ถ้าหากข้าไม่ได้ทักทายท่านอาจารย์ให้สมศักดิ์ศรีมากพอ ข้าก็คงจะต้องกินนอนไม่หลับแน่…”
ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย
ลูโจวมองดูซ่ฮ่องกงก่อนจะถามออกมา “มีอะไรกัน?”
“ท่านอาจารย์ มีจดหมายมาจากศิษย์พี่ส์”
“ส่งมา
ซูฮ่องกงส่งจดหมายให้ด้วยความเคารพ
ลู่โจวเปิดจดหมายก่อนที่จะอันมัน หลังจากที่อ่านเสร็จตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ยู่ฉางตงไปที่ลัวหลานอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อยเทียนซินได้ฟังแบบนั้น นางตื่นตกใจเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่รองได้ตัดดอกบัวทองคําออกก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนใหม่ ในตอนนี้พลังวรยุทธของเขาคงจะอยู่ไกลจุดสูงสุดที่เคยมี ข้าเกรงว่าถ้าหากศิษย์พี่เข้าไปยังส่วนลึกของลัวหลาน ศิษย์พี่คงจะต้องตกอยู่ในอันตราย ท่านอาจารย์ได้โปรดให้ข้าติดตามไป”
ซ่ฮ่องกงแสดงความเห็นต่อ “ศิษย์พี่รองประมาทจนเกินไป นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ข้ารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้จริงๆ ท่านอาจารย์…ข้าคิดว่าศิษย์พี่หกพูดถูกแล้ว อย่างน้อยที่สุด ศิษย์พี่หกก็ยังมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ…”
ต้วนมู่เฉิงรีบปฏิเสธ “แต่อาการของศิษย์น้องหกยังไม่สู้ดี”
ซูฮ่องกงพูดต่อ “ท่านอาจารย์ ในเมื่อเรื่องของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็จบลงแล้ว ทําไมท่านไม่ไปที่นั่น?”
ทุกๆคนต่างก็เหลือบมองลู่โจว
จู่โจวไม่ได้ตอบกลับไปในทันที “ตั้งแต่ที่ยู่ฉางตงเริ่มเดินทาง เจ้านั่นก็ได้รับความช่วยเหลือจากจี้เหลียงแล้ว”
“ท่านอาจารย์ แต่ศิษย์พี่รอง..
“ข้าเชื่อในตัวเขา”
ทุกๆ คนได้แต่โค้งคํานับ ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นอีกต่อไป
ในบ่ายวันนั้น ณ ห้องโถงด้านข้างตําหนักต้าเฉิง
สู่โจวที่อยู่เพียงลําพังได้เปิดระบบขึ้นมา
แต้มบุญ: 62,053
อายุขัย: 35,584 วัน
ลูโจวมองดูแต้มบุญที่เหลือเกินกว่า 60,000 ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจกําจัดสายลับ ตัวเขาได้รับแต้มบุญมากถึง 50,000 แต้ม
“ได้เวลาเสี่ยงโชคแล้วสินะ”
“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 ได้รับค่าความโชคดี”
ล่โจวได้จับฉลากนําโชคติดต่อกันถึงสิบครั้ง และทุกครั้งตัวเขาก็ได้เพียงรางวัลปลอบใจ
ลู่โจวรู้สึกสับสนเล็กน้อย “นี่ล้อกันเล่นสินะ?”
“จับฉลากนําโชค”
“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 และค่าความโชคดี 11 ได้รับการ์ดเสริมก่าลัง x5 และหินส่องแสง x1″
“การ์ดเสริมพลังจะทําให้ผู้ใช้ได้รับอายุขัยย้อนกลับไป 1,000 วัน”
“หินส่องแสง มีโอกาสที่จะเพิ่มคุณภาพของอาวุธในระหว่างการขัดเกลาได้”