My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 601 เอามันไปตัดหัว!
ช่วงเที่ยง ณ ตําหนักต้าเฉิง
ฮั่วจงหยางได้อธิบายสถานการณ์ของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดให้กับสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ได้ฟัง
ต่าหนักต้าเฉิงดูสงบเงียบกว่าที่เคยเป็น
ลู่โจวเป็นผู้ทําลายความเงียบนั้น “โจวยู่ไค เจ้ามีความคิดอะไรดีๆ บ้างไหม?”
โจวยไคโค้งคํานับก่อนที่จะตอบกลับ “สายลับจากชนเผ่าอื่นสร้างปัญหาไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็นปัญหาที่ยากจะจัดการ ก่อนหน้านี้ใครก็ตามที่เข้าสู่เมืองจะต้องถูกตรวจสอบ เป็นเพราะการโจมตีครั้งล่าสุดจึงทําให้พวกมันมีโอกาสหลุดรอดเข้าเมืองมาได้ ถ้าหากพวกเราจะแก้ปัญหานี้ พวกเราจะต้องค้นหาทุกครัวเรือน ทําทุกอย่างเพื่อลากชนเผ่าอื่นออกมาจากที่ซ่อนตัว”
ฮัวจงหยางพูดต่อ “แม้ว่าจะเป็นไปได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็สายไปแล้ว…สายลับชนเผ่าอื่นได้ ประกาศเอาไว้ว่าจะสังหารชาวเมือง 5 คนในทุกวัน ข้าเกรงว่าการใช้วิธีนั้นจะทําให้ชาวเมืองหลายคนต้องตายไปจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์”
โจวยไคพยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าเป็นแบบนั้น…พวกเราจะต้องขับไล่เจ้าพวกนั้นออกไปจากเมือง และตรวจสอบผู้คนทั้งหมดที่พยายามจะเข้าเมืองจากสี่มุมเมือง”
“การจะทําแบบนั้นได้ก็คงจะเป็นเรื่องยากเช่นกัน การยืนยันตัวตนเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก สิ่งที่ต้องใช้ก็คือความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่…ตอนนี้สํานักอเวจได้ยึดครองเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เคยทํางานได้ทําทุกอย่างเท่าที่ทําได้เพื่อรักษาระยะห่างกับพวกเรา” ฮั่วจงหยางพยายามอธิบาย
เมื่อได้ยินแบบนั้นตัวนมู่เฉิงก็ได้ใช้หอกราชันย์กระแทกกับพื้น “เจ้าพวกไร้ค่าจากราชสํานัก พวกเราจะเก็บพวกมันไว้ทําไมในเมื่อพวกมันไม่มีประโยชน์แบบนี้? ข้าจะจบชีวิตพวกมันทั้งหมดด้วยหอกของข้าเอง!”
“การฆ่าคนน่ะเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะทําให้พวกเขายอมจํานนได้เป็นเรื่องยาก” ฮั่วจงหยางส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
ลู่โจวเหลือบมองไปที่โจวยไค “โจวยไค”
“ผู้อาวุโสจี?”
“เจ้ามีใครในสถานศึกษาที่ใช้งานเขตแดนพลังทั้งสิบได้ไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโจวยไคก็ตอบกลับอย่างมั่นใจ “การที่จะเปิดใช้เขตแดนพลังทั้งสิบได้ จำเป็นจะต้องใช้ผู้มีพลังวรยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แน่นอนว่าสถานศึกษาข้าต้องทําได้แน่”
“เปิดใช้งานเขตแดนพลังให้ทั่วทั้งเมืองได้ไหม?”
“ได้แน่นอน” โจวยี่ไคตอบกลับ
“ดี” ลู่โจวยืนขึ้นก่อนจะสั่งการต่อ “ฮั่วจงหยาง ในตอนนี้เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มีสาวกจากสํานักอเวจีอยู่กี่คน?”
“พวกเรามีสาวก 8,000 คน สาวกของพวกเราถูกแบ่งเท่าๆ กันเพื่อเฝ้าระวังในสี่มุมเมือง”
“แล้วทหารราชสํานักล่ะ?”
“พวกเราสามารถระดมทหารได้ 6,000 นาย”
เมื่อเทียบกับการป้องกันเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในก่อนหน้านี้ ตอนนี้กองกําลังที่มีถือว่าอ่อนแอลงมากจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชนเผ่าอื่นจะหยิ่งผยองได้เช่นนี้
สู่โจวเริ่มเปลี่ยนใจ เขตแดนพลังทั้งสิบสามารถใช้งานได้เพียง 2 ชั่วโมง ถ้าหากใช่สาวกที่มีการที่จะกําจัดพวกสายลับพวกนี้ได้คงจะไม่ใช่เรื่องยาก
ลูโจวได้สั่งการออกมาอย่างเย็นชา “พวกเราจะกําจัดสายลับทั้งหมดในบ่ายนี้ เตรียมตัวให้พร้อมซะ”
“ครับ!”
ทุกๆคนต่างก็ตอบรับ
“ฮั่วจงหยาง”
“ผู้อาวุโสจีมีอะไรให้ข้ารับใช้?”
ทันใดนั้นลู่โจวก็ได้ยกฝ่ามือขึ้น บนฝ่ามือของเขามีการ์ดรักษาฉุกเฉินอยู่ ลู่โจวตัดสินใจการ์ดวิเศษก่อนที่จะปล่อยพลังฝ่ามือไปที่ฮั่วจงหยาง พลังเมตตาธรรมของชาวพุทธปะทะเข้ากับร่างกายของฮั่วจงหยาง
ทันทีที่สัมผัสกับแสง ฮั่วจงหยางก็รู้สึกถึงความอบอุ่น อาการบาดเจ็บภายในที่ตัวเขาได้รับถูกเยียวยาอย่างรวดเร็ว ฮัวจงหยางไม่ลังเลเลยที่จะคุกเข่าลง “ขอบคุณผู้อาวุโสจี!”
“ไปทํางานได้แล้ว”
ช่วงบ่าย
ผู้คนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็วิตกกังวล
“พวกเราจะต้องอพยพให้เร็วที่สุด สํานักอเวจีก็เป็นแค่พวกฝ่ายอธรรม พวกเขาไม่สนใจชีวิตคนธรรมดาอย่างพวกเราหรอก”
ใครบางคนถอนหายใจก่อนจะออกความเห็นต่อ “ในตอนที่สํานักอเวจีบุกโจมตีมณฑลหยาน ในตอนนั้นพวกเขาทําทุกอย่างก็เพื่อที่จะปกป้องชาวเมือง พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงทันทีหลังจากที่พิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปหรอก ข้าพนันได้เลยว่าเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จะต้องว่างเปล่าในอีกไม่กี่วัน พวกเราจะยอมอยู่ที่นี่เพื่อกลายเป็นเหยื่อของพวกชนเผ่าอื่นอย่างงั้นเหรอ?”
การสนทนาเหล่านี้ถูกพูดให้ทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ทุกต่างก็สงสัยว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะลงมือทําอะไรสักอย่างหรือจะเลือกปล่อยชาวเผ่าเนตรลึกลับอย่างลู่หลี่
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“แม้ว่าสํานักอเวจจะแข็งแกร่ง แต่ถึงแบบนั้นชนเผ่าอื่นก็ยังอาละวาดกันอยู่ดี ถ้าหากไม่จัดการกับความวุ่นวายนี้ เมื่อเรื่องทุกอย่างมันบานปลาย…พวกเราก็คงจะถูกใช้กําลังบังสยบแน่”
“นั่นเป็นเป้าหมายของพวกชนเผ่าอื่นอย่างงั้นสินะ?”
ผู้คนยังคงถกเถียงกันอย่างดุเดือดในขณะที่ชี้มายังพระราชวังหลวง
“เขาออกมาแล้ว! ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าออกมาแล้ว!”
“เขาแสดงตัวแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“ไปดูเร็วเข้า!”
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธรวมไปถึงชาวเมืองจํานวนมากก็ได้มารวมตัวกันที่หน้าพระราชวัง ผู้ฝึกยุทธเริ่มมารวมตัวมากขึ้น พวกเขาต่างก็บินตามกันมา ถ้าหากไม่มีทหารราชสํานักการจํากัดการบินในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะไม่มีผลอีกต่อไป
ลู่โจวยืนอยู่บนกําแพงพระราชวังในขณะที่มองลงมาที่ทุกคน
ต้วนมู่เฉิง ยี่เทียนซิน จ้าวยู่ ซ่ฮ่องกง หยวนเอ่อ และหอยสังข์ยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา
ลู่โจวเห็นสายลับหลายคนปะปนอยู่ในหมู่ผู้คน แม้จะเห็นแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เมื่อพอใจกับจํานวนของฝูงชนที่มารวมตัวกันแล้วตัวเขาก็ได้โบกมือ
ด้วยสัญญาณที่เห็นทําให้ฮั่วจงหยางก้าวไปที่ด้านหน้า ตัวเขาได้ปลดปล่อยคลื่นเสียงออกมา “สายลับกําลังสร้างความหายนะให้กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพวกนั้นพยายามข่มเหงชีวิตของผู้บริสุทธิ์และสร้างความเสียหายอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้อาวุโสจีเมตตาให้โอกาสพวกเจ้าได้มอบตัวแล้ว ใครก็ตามที่มอบตัวจะไม่ต้องตายอย่างทรมาน”
ชาวเมืองบางคนคุกเข่าลงก่อนจะพูดขึ้น “ได้โปรดทําอะไรสักอย่างด้วย ท่านผู้อาวุโส!”
“ได้โปรดทําอะไรสักอย่างด้วย ท่านผู้อาวุโส!”
ฮั่วจงหยางตรวจสอบใบหน้าของผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ลอยอยู่บนอากาศ “ในเวลาแบบนี้…ข้าหวังว่าทุกคนจะทิ้งขัดแย้งที่มีเพื่อกวาดล้างสายลับซะ”
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ไกลได้โต้ตอบกลับมา “พูดน่ะมันง่าย…ในหมู่ของพวกเรามีสายลับอยู่แล้ว พวกเราจะแยกแยะสายลับได้ยังไงกัน? ข้าน่ะอยากฆ่าพวกสายลับนั่นซะยิ่งกว่าใคร!”
“ผู้อาวุโสจี…พวกเราเกรงกลัวและให้ความเคารพต่อศาลาปีศาจลอยฟ้ามาโดยตลอด พวกเราต่างก็ชื่นชมพวกท่าน พวกเราจะสนับสนุนพวกท่านอย่างเต็มที่เพื่อกําจัดสายลับ”
ผู้คนยังคงพูดต่อ “ผู้อาวุโสจี ได้โปรดมองภาพรวมด้วย สายลับทั้งห้าแลกกับความปลอดภัยของพวกเรา ยังไงซะสายลับทั้งหมดก็ต้องถูกขับไล่อยู่ดี!”
จู่โจวนองไปที่ชายคนนั้น ชายคนนั้นเป็นชนเผ่าเนตรลึกลับ จู่โจวที่เห็นแบบนั้นไม่ได้รีบร้อนที่จะจัดการ ถ้าหากรีบร้อนไปก็มีแต่จะแหวกหญ้าให้งตื่น
ในเวลานั้นเองศิษย์สาวกจากสถานศึกษาก็ได้บินกลับมา เขาคนนั้นโค้งคํานับก่อนจะพูดขึ้น “ผู้อาวุโสจีพวกเราเตรียมพร้อมแล้ว”
ลูโจวมองไปที่ผู้ฝึกยุทธคนนั้นก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว..เปิดใช้งานเขตแดนพลังซะ”
ศิษย์สาวกจากสถานศึกษารีบตะโกนสั่งการ “เปิดใช้งานเขตแดนพลัง!” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
สีหน้าของสายลับชาวรั่วหรี่ ชาวเนตรลึกลับ และชาวลั่วหลานเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนสังเกตเห็นได้
ซูวว! ซูวว! ซูวว!
เสียงของม่านพลังดังก้องไปทั่วเมือง
ในไม่ช้าม่านพลังก็ปรากฏขึ้น! ทั่วทั้งประตูเมืองทั้งสี่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ถูกสกัดกั้นด้วยม่านพลัง
ชาวเมืองและผู้ฝึกยุทธที่ไม่รู้เรื่องมองขึ้นฟ้าด้วยความสับสน
ที่จุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ โจวยู่ไคได้พาสาวกกว่าสิบคนของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เปิดใช้งานเขตแดนพลังทั้งสิบ
จู่โจวสั่งการต่อ “พาลู่หลี่และคนอื่นๆมา”
“ครับ!”
ไม่นานหลังจากนั้นลู่หลี่และสหายทั้งสี่ก็ถูกพาตัวมา
ลู่โจวพูดอย่างเฉยเมย “ข้าเกลียดการข่มขู่เป็นไหนๆ เอาพวกมันไปตัดหัว!”
เพชฌฆาตไม่ลังเลเลยที่จะสะบั้นดาบ
ศีรษะของชาวเนตรลึกลับทั้งห้าถูกตัดออก หัวของพวกเขากลิ้งไปหาชาวเมือง
ชาวเมืองต่างก็เบิกตากว้าง
“ผู้อาวุโส…ท่าน…ท่านไม่กลัวสิ่งที่สายลับข่อย่างงั้นเหรอ? อะไรกัน…แล้วพวกเราจะทํายังไง?”
“นี่มัน…สายไปแล้วอย่างงั้นสินะ?” ใครบางคนพึมพํา
ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่แน่วแน่ “สายลับจากชนเผ่าอื่นได้สร้างปัญหาและยังเหยียบย่าชีวิตของชาวเมืองอย่างไร้ค่า ถ้าหากพวกเราไม่ยอมตอบโต้อะไรเลย แล้วใครกันที่จะลุกขึ้นสู้?” เมื่อเห็นผู้คนยังคงเงียบ ลู่โจวยังคงพูดต่อ “ถ้าหากข้าจะปล่อยให้เจ้าพวกสายลับมีชีวิตอยู่ ข้าจะไปมีหน้าที่ไหนไปสู้กับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว?”
ผู้อาวุโสพูดถูกแล้ว! สายลับพวกนั้นสมควรตาย!
แม้ว่าการลงมือประหารสายลับต่อหน้าชาวเมืองจะไม่ทําให้ตัวเขาได้แต้มบุญก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นลูโจวก็ต้องทํา ถ้าหากเขาไม่ทําแบบนี้ แล้วจู่โจวจะไปข่มขวัญสายลับทั้งหลายได้ยังไงกัน?