My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 600 สายลับ
หลังจากที่ยิงธนูใส่ชาวเผ่าเนตรลึกลับได้ เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่อยู่ในพระราชวังต่างก็มองลู่โจวด้วยความกลัว ทุกคนที่เห็นการโจมตีหันกลับมามองผู้บุกรุกที่ล้มลงใครกันที่โง่พอจนมาหาที่ตายแบบนี้ได้?
เมื่อตัวนมู่เฉิงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตัวเขาก็รีบเคลื่อนไหว “ข้าจะรีบไปจับเจ้านั่นเอง
ลูโจวรีบเก็บอาวุธนิรนามก่อนที่จะมองไปยังยอดฝีมือทั้งหลายที่อยู่รอบตัวก่อนจะพูดออกมาอย่างไร้เยื่อใย“พวกเจ้ากําลังรออะไรกัน? พวกเจ้าจะรอให้ข้าจับผู้บุกรุกทั้งหมดอย่างงั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว ถูกต้องแล้ว…พวกเราจะรีบไปทันที!” เหล่ายอดฝีมือรวมไปถึงทหารทั้งหลายต่างก็แยกย้ายไปอย่างเร่งรีบ
“ปิดพระราชวังไว้ อย่าให้ใครเข้าออกได้ จับหัวขโมยให้หมด!”
จากเสียงที่ลโจวได้ยิน ตัวเขาคาดไว้ว่าจะมีชนเผ่าอื่นอีกอย่างน้อย 5 คนแทรกซึมเข้ามาการจะจับทุกคนหลังจากที่ปิดพื้นที่ได้คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หลังจากนั้นไม่นานต้วนมู่เฉิงก็ได้พาชาวเผ่าเนตรลึกลับกลับมา ตัวนมู่เฉิงร่อนลงสู่พื้นก่อนที่จะโยนชายผู้ถูกธนูยิงไปข้างหน้า
ตับ!
ชาวเผ่าเนตรลึกลับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทุกๆ คนต่างถึงนงง ชายคนนี้จะไปมีชีวิตอยู่ได้ไงเมื่อถูกผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบโจมตี?ทุกคนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหาคําตอบได้ ลูกธนูที่ปลดปล่อยออกมาถูกยิงไปที่ท้องของผู้บุกรุกเท่านั้นนั่นก็หมายความว่าจุดพลังลมปราณที่มีได้รับความเสียหายชายคนนี้ได้สูญเสียพลังวรยุทธไปแล้วนั่นเอง
ลู่โจวค่อยๆ ร่อนลงมา
ทุกๆ คนเองก็ตามมาด้วย
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ชนเผ่าเนตรลึกลับ
ชื่อ: ลู่หลี่
เผ่า: เนตรลึกลับ
วรยุทธ: มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
“เจ้ามีชื่อว่าอะไรกัน?”
ลู่หลี่หวาดกลัว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบคําถาม “ท่าน…ท่านไม่ใช่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบอย่างงั้นเหรอ?”
ตัวนม่เฉิงขมวดคิ้วก่อนที่จะเตะกั่วหลี่ “อาจารย์ของข้าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเจ้าก่าลังดูถูกอาจารย์ข้าอย่างงั้นเหรอ?”
“เก้ากลับ?” ลู่หลี่ตัวสั่น
ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจอะไร “ตอบข้าเร็วเข้า”
“ท่าน…ท่านคือจเทียนเด้อย่างงั้นสินะ!?”
ทันทีที่ลู่หลี่พูดจบ ในตอนนั้นซ่ฮ่องกงก็ได้พุ่งตรงมาก่อนที่จะต่อยลู่หลี่ด้วยหมัดที่มี
ตุ๊บ!
ลู่หลี่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ซ่ฮ่องกงยกหมัดขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้พูดใหม่อีกครั้ง”
ลู่หลพยายามเก็บเอาความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนที่จะยอมตอบคําถาม “ข้ามีชื่อว่าลู่หลีแห่งเผ่าเนตรลึกลับจากหรงเปย..ข้ามาที่นี้ก็เพื่อที่จะตามหากล่อง ว่ากันว่ากล่องใบนั้นบรรจุความลับของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเอาไว้ข้ามาที่นี่พร้อมกับสหายทั้งสี่ แต่ละคนต่างก็เชี่ยวชาญวิชาที่แตกต่างกันทั้งวิชาทําลายเขตแดนพลังวิชาหลบหนีปีนป่ายหรือแม้แต่วิชาที่ใช้มองเห็นในความมืดได้ส่วนข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มของทุกคน ข้ามีความสามารถในการดมกลิ่นได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลยข้าจะบอกทุกอย่างกับพวกท่านเอง…”
ซูฮ่องกงพยักหน้า “ท่านอาจารย์ เจ้านี่ได้บอกทุกอย่างกับพวกเราแล้ว เท่านี้มันก็หมดประโยชน์ให้ข้าเป็นผู้ลงมือจัดการต่อเถอะ”
“ถอยไป”
“ครับ ท่านอาจารย์” ซูฮ่องกงถอยหลังกลับไปอย่างเชื่อฟัง
ลูโจวมองไปที่อู่หลีก่อนจะถามออกมา “ชาวเนตรลึกลับรู้เรื่องของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลบด้วยเหรอ?”
ล่หลี่รีบตอบ “เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ในตอนนั้นมียอดฝีมือคนหนึ่งเดินทางมายังเผ่า เรา…ชายคนนั้นได้บอกไว้ว่าตัวเองเคยอยู่ในพระราชวังของดินแดนหยานมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง”
เมื่อลูโจวได้ฟังแบบนั้นตัวเขาก็รีบถามกลับไป “คนคนนั้นก็คือผู้ชี้แนะจักรพรรดิดินแดนหยานอย่างงั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว เขาเป็นผู้ชี้แนะของดินแดนหยาน! เขาบอกไว้ว่าตัวเองกําลังตามหาใครสักคนอยู่นั่นเป็นเหตุผลที่ทําให้เขาต้องเดินทางไปหาชนเผ่านับหมื่น ท้ายที่สุดแล้วชายคนนั้นก็ได้อยู่กับพวกเราเป็นเวลากว่าสิบปี”
ตามที่คาดไว้ ยอดฝีมือลึกลับคนนี้ยังมีชีวิตอยู่
ลู่โจวรีบถามอย่างกดดัน “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
ล่หลี่ส่ายหัว “แม้ว่าชายคนนี้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์ราชา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็มีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำแน่นอนว่าไม่มีใครหยุดชายคนนี้ได้ถ้าหากเขาต้องการจะไป”
“แล้วเขาบอกให้เจ้าตามหากล่องอย่างงั้นเหรอ?”
“เอ่อ…”
ดับ!
ซูฮ่องกงได้ใช้ถุงมือนักสู่กระแทกเข้าหากัน
ล่หลีที่ได้เห็นแบบนั้นก็รีบตอบอีกครั้ง “ช้าก่อน องค์ราชาส่งข้ามาที่นี่ ในตอนนี้ใครๆก็รู้จักพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบกันหมดแล้ว 12 ดินแดนของหรงซีและหรงเป๋ยเองก็พยายามฝึกฝนเพื่อที่จะไปถึงขั้นนั้นเช่นกัน ใครก็ตามที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้คนคนนั้นก็จะเก่งกาจเหนือผู้ใด”
สิ่งที่ล่โจวได้ยินทําให้ตัวเขานึกถึงแนวทางในการก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ ในโลกเก่าการส่งสายลับไปยังบริษัทคู่แข่งเพื่อขโมยข้อมูลถือเป็นวิธีการอันสกปรกรูปแบบหนึ่งตอนนั้นมักจะมีคนที่จะยอมทําทุกอย่างก็เพื่อที่จะทําตามเป้าหมายให้สําเร็จสู่โจวไม่แปลกใจเลยที่ชนเผ่าอื่นจะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้
“พวกเจ้ามีกันห้าคนอย่างงั้นสินะ?”
“ถูกต้อง พวกเรามีกันห้าคน…” ลู่หลี่ตอบ
ในตอนนั้นเองชาวเผ่าเนตรลึกลับที่เหลืออีกสี่ก็ถูกทหาราชสํานักทั้งหมดจับกลับมา ทหารคนหนึ่งได้สั่งการขึ้น“คุกเข่าซะ!”
ลู่หลิ่มองไปที่คนอื่นๆ ด้วยท่าทีที่ตกตะลึง ทําไมพรรคพวกของลู่หลี่ทุกคนถึงถูกจับได้อย่างง่ายดายแบบนี้?
ทั้งสี่คนคุกเข่าอยู่ข้างๆ ลู่หลี ใบหน้าของทุกคนบวมช้ําจนสังเกตเห็นได้
ในตอนนั้นเองจ้าวยู่ก็ได้ถามออกมา “ท่านอาจารย์ ข้าได้ยินมาว่าเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์กําลังตกอยู่ในความวุ่นวายตอนนี้มีสายลับจากชนเผ่าอื่นนับไม่ถ้วนกําลังสร้างปัญหาอยู่”
ล่หลี่รีบโบกมือก่อนจะพูด “เจ้าพวกนั้นไม่ได้มาจากเผ่าเนตรลึกลับ! เจ้าพวกนั้นก็แค่ชาวลั่วหลานไม่ก็รั่วหรี่!”
ลู่โจวมองไปที่จ้าวยู่ก่อนที่จะถามนาง “แล้วปัญหาที่ว่ามันร้ายแรงไหม?”
“ไม่ได้แค่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ชนเผ่าอื่นยังคงสร้างปัญหาทั่วทั้งมณฑลทั้งเก้าอีกด้วย…แต่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์นั้นแย่กว่า”
ลู่โจวมองไปที่ตัวนมู่เฉิง “พรุ่งนี้เช้าไปเรียกฮั่วจงหยางมาพบข้า”
“ครับ ท่านอาจารย์
หลังจากที่พูดจบ จู่โจวก็ได้หันหลังกลับก่อนที่จะจากไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
ภายในตําหนักต้าเฉิง
พลังวิเศษของลูโจวได้ถูกฟื้นฟูตลอดคืน
ฮั่วจงหยางที่ได้ฟังตัวนมู่เฉิงพูดรีบมาเข้าพบลูโจวในทันที “ผู้อาวุโสจี”
สู่โจวมองไปยังฮั่วจงหยางก่อนที่จะถามออกมา “เจ้ารู้ไหมว่าทําไมเจ้าถึงต้องมาที่นี่?”
ฮั่วจงหยางรีบโค้งคํานับ “ข้าคิดว่าท่านคงจะได้ยินเรื่องของชนเผ่าอื่นที่ได้แทรกซึมไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะก่อปัญหา ตอนนี้พวกเขากําลังปล้นสะดมชาวเมืองรวมไปถึงทารุณพวกเขาทุกรูปแบบอยู่”
“เจ้ามีสาวกนับหมื่น แต่ทําไมเจ้าถึงยังไม่จัดการเรื่องในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อีกล่ะ?”
“เจ้าพวกนั้นจะหลบซ่อนตัวในทันทีหลังก่อเรื่อง พวกมันจะรอจนกว่าจะได้โอกาสก่อนที่จะออกโจมตีอีกครั้ง เจ้าพวกนั้นมันเจ้าเล่ห์จนเกินไป! เจ้าพวกชนเผ่าอื่นสร้างสถานการณ์ทุกอย่างโดยตั้งใจข้าตามจับพวกมันมาได้สามคนในเวลาสองวันที่ผ่านมานี้!” สีหน้าของฮั่วจงหยางแสดงออกให้เห็นถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนั้นเองตวนมู่เฉิงก็ได้เดินเข้ามา “ท่านอาจารย์…มีจดหมายมาถึงเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ท่านอาจารย์ได้โปรดรับไว้ด้วย”
ลู่โจวรีบเปิดจดหมายออกมา “จีเทียนเด้ จงปล่อยลู่หลีและคนอื่นๆ ออกมา ไม่อย่างงั้นพวกเราจะสังหารคนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ พวกเราจะสังหารห้าคนในทุกๆ วันจนกว่าพวกเขาจะเป็นอิสระ
หลังจากที่อ่านข้อความเสร็จสู่โจวกําหมัดแน่น!
พรึบ!
จดหมายที่ถูกกําถูกพลังงานอันร้อนแรงเผาไหม้จนกลายเป็นจุณ
“พยายามจะข่มขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?”
ตัวนมู่เฉิงได้ลดเสียงพูดลง “ท่านอาจารย์ มีศพของชาวเมืองห้าคนถูกส่งมาพร้อมกับจดหมาย
ฉบับนี้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฮั่วจงหยางก็รีบคุกเข่าในทันที “ข้ามันไร้ประโยชน์! สํานักอเวจีเพิ่งจะเอาชนะเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้แท้ๆ แต่ถึงแบบนั้นขากลับไม่สามารถรักษาเมืองแห่งนี้ไว้ได้ชนเผ่าอื่นอาศัยจังหวะที่สํานักอเวจีได้รับความสูญเสียเข้าโจมตี ข้าจะต้องจับพวกมันนั่นเป็นชิ้นๆ แน่!”
ฮั่วจงหยางรู้ดีว่าถ้าหากผู้เป็นเจ้าสํานักของเขาปกครองเมือง พวกเขาจะต้องรักษาความปลอดภัยให้กับชาวเมืองได้แน่ ชาวเมืองเป็นดั่งรากฐานของอาณาจักร การที่รากฐานกําลังสั่นเครือย่อมไม่ใช่เรื่องดีแล้วดินแดนหยานจะเติบโตก้าวหน้าต่อไปได้ไงกัน?
“เจ้าหน้าที่ของเมืองไม่ทําอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ?” ลูโจวถามออกมาด้วยความสงสัย
“พวกเขาไม่ได้สนใจสถานการณ์ในตอนนี้…มีเพียงสํานักอเวจีเท่านั้นที่ยังรักษาความปลอดภัยให้กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นมณฑลทั้งเก้าก็ต้องพบกับความวุ่นวายเช่นกันข้าได้ส่งผู้นําทัพย่อยทั้ง 12 คนไปดูแลแต่ละมณฑลแล้ว กองกําลังทหารเองก็ต้องแยกจากกันไปมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะปราบปรามชนเผ่าอื่นได้” ฮั่วจงหยางตอบ
ตัวนมู่เฉิงโค้งคํานับก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ท่านจะตําหนิเขาก็ไม่ได้ ในตอนที่ข้าออกไปเดินเล่นในช่วงเช้าเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ในช่วงพักฟื้น อาคารหลายแห่งเพิ่งจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ท้ายที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะทํางานร่วมกับสํานักฝ่ายอธรรมชนเผ่าอื่นที่เป็นสายลับเองก็แต่งตัวเลียนแบบชาวดินแดนหยานเพราะแบบนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะพวกเขา”
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดลูโจวก็พบว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจริงๆ
ในขณะนั้นเองจ้าวยู่ก็ได้ปรากฏตัวที่หน้าตาหนักต้าเฉิง “ท่านอาจารย์ มีชาวเมืองจํานวนมากก่าลังคุกเข่าอยู่หน้าพระราชวังหลวง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นลูโจวก็ได้ตอบกลับไปในทันที “ข้าจะไปดูเอง”
ทุกๆ คนต่างก็ออกไปจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ไม่นานนักลูโจวก็ได้ปรากฏตัวเหนือพระราชวัง ตัวเขากําลังเฝ้ามองดูชาวเมืองทั้งหลายที่กําลังคุกเข่าชาวเมืองที่เห็นมีราวๆ หลายร้อยคน ทุกคนต่างก็ส่งเสียงตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันใกล้ๆ กับชาวเมืองเต็มไปด้วยเศษกระดาษ
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยศาลาปีศาจลอยฟ้า!”
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยศาลาปีศาจลอยฟ้า!”
ลู่โจวชี้ไปที่กระดาษบนพื้นก่อนจะถามออกมา “กระดาษพวกนั้นเขียนไว้ว่าอะไร?”
“มันเป็นกระดาษที่ชนเผ่าอื่นทิ้งไว้ เนื้อหาข้างในไม่ต่างจากที่ท่านผู้อาวุโสได้อ่าน เพราะแบบนั้นจึงทําให้ชาวเมืองตื่นตระหนก”ฮั่วจงหยางตอบกลับด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
ชาวเมืองยังคงคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อไป
ลู่โจวเหลือบมองไปที่พวกเขาอีกครั้ง
“สายลับพวกนี้เจ้าเล่ห์ซะจริง!”
ถ้าหากพยายามที่จะแยกตัวสายลับออกมา สายลับเหล่านั้นก็คงจะอยู่เฉยก่อนที่จะรอโอกาสสร้างความสับสน ถ้าหากพวกเขายิ่งฆ่าคนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะยิ่งแย่ลง
จู่โจวลูบเคราก่อนที่จะคิดหาวิธีรับมือ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้แต่พึมพํากับตัวเอง “จะต้องทําอะไรสักอย่างแล้ว”
เมื่อพูดเช่นนั้นตัวเขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ ลู่โจวรีบตรวจสอบไปที่หน้าภารกิจเป็นไปตามที่คาดไว้ มีภารกิจใหม่: แก้ไขปัญหาของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
“เมื่อผู้อาวุโสจีเคลื่อนไหว เมื่อนั้นพวกเราจะต้องชนะแน่!” ฮั่วจงหยางรีบโค้งคํานับ ตัวเขาได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจว่าลูโจวจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงกําลังเพียงอย่างเดียวไม่อาจแก้ปัญหานี้ได้
“ไปบอกโจวยไคแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ว่าข้าต้องการพบเขา”