My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 570
ตอนที่ 570 ใจเย็นไว้ก่อน
โจวยไคนึกไปถึงตอนที่มาถึงที่นี่ในตอนแรก ในตอนนั้นโจวเหวินเหลียงเป็นผู้มาทักทายตัวเขาหลังจากนั้น เขาก็ได้พบกับหมิงหยินก่อนที่จะมาถึงยอดเขาแห่งนี้ ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียวตัวเขาก็คงจะต้องจบชีวิตลงเหมือนกับเจ้าสํานักเฮ้งชูอย่างลู่ฮงเมื่อโจวยไคนึกได้แบบนั้นตัวเขาก็สั่นไปทั้งตัวโจวยไคร์สึกกลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงมันได้อีก
ลูโจวยังคงไม่สนใจไยดีกับการตายของลู่ฮง ตัวเขาได้ตักเตือนสํานักเฮ้งในก่อนหน้านี้มาแล้วมันเป็นการตักเตือนตั้งแต่ที่ลูโจวยังไม่เก็บตัวฝึกฝนตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าพลังฝ่ามือของตัวเองจะมีพลังมากพอที่จะสังหารได้จู่โจวจึงไม่ลังเลเลยที่จะใช้พลังวิเศษจู่โจวได้ใช้พลังวิเศษไปกว่า 1 ใน 3 ไปกับการโจมตีจากการวิเคราะห์ของลู่โจว พลังวิเศษ 1 ใน 6 หรือพลังวิเศษ 1 ใน 5 คงจะเพียงพอแล้วที่จะสังหารผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบได้แต่เพื่อความมั่นใจลู่โจวจึงตัดสินใจใช้พลังเพิ่มตัวเขาได้ใช้พลังวิเศษ 1 ใน 3 แทนผลลัพธ์ที่ได้ทําให้ลูโจวรู้สึกพึงพอใจพลังฝ่ามือเพียงแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ล่องแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
แม้แต่หวางซื่อเจียเองก็ยังตกตะลึงเมื่อได้เห็นการโจมตีตรงหน้า
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งลูโจวก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นพูด “ใจเย็นๆ ก่อน”
“ข้า…ข้า… โจวยไคพยายามโบกมือ ตัวเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเก็บซ่อนอาการประหม่าเอาไว้
ทุกๆ คนต่างก็มองไปยังพลังกระบี่ที่อยู่เหนือป่า
หวางซื่อเจียที่เห็นแบบนั้นยิ้ม “เจ้าสํานักยู่ยังคงยิ่งใหญ่เช่นเคย
พลังแสงดาวสรวงสวรรค์อันมืดมิดของยู่เฉิงไห่ทําการโจมตีเป็นวงกว้าง การโจมตีของเขามีเพื่อกวาดล้างป่า ยู่เฉิงไห่ต้องการที่จะค้นหาตัวของลู่ฮงนั่นเอง ภาพที่ได้เห็นไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากภาพที่ลูโจวพยายามจะ จับยู่เฉิงไห้ในตอนที่อยู่บนสํานักแห่งความบริสุทธิ์
สิ่งที่แตกต่างมีเพียงอย่างเดียว การโจมตีของยู่เฉิงไห่ดูเหมือนจะรีบร้อน
เมื่อทั้งป่าได้ถูกทําลายไป ยู่เฉิงไห่ก็ยังคงมองหาเป้าหมายต่อ จากประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมที่มีในที่สุคยู่เฉิงไห่ก็เหลือบมองไปยังยอดเขา
ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธชุดขาวกว่า 1,000 คนก็ได้มารวมตัวกันเพื่อเฝ้ามองยู่เฉิงไห่
ในเวลาเดียวกันยู่เฉิงไห้ก็มองเห็นพลังฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ได้บดขยี้ลู่ฮงไป แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังตกใจเมื่อได้เห็นพลังฝ่ามือสีฟ้าขนาดใหญ่อยู่ดีเจ้าของพลังฝ่ามือเป็นมิตรหรือว่าศัตรูกันแน่? ใครกันที่เป็นฝ่ายใช้พลังการโจมตีบนยอดเขา?แล้วทําไมพลังฝ่ามือถึงมีสีฟ้าได้? มีคําถามมากมายจนทําให้ยู่เฉิงไห่ลังเลที่จะเคลื่อนไหวตัวเขากําลังสงสัยว่าผู้เป็นเจ้าของฝ่ามือจะต้องเป็นโจวไคที่เป็นแบบนี้ก็เพราะได้เห็นสมาชิกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่แต่เมื่อใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดียู่เฉิงไร่ก็ไม่คิดแบบนั้นด้วยพลังวรยุทธที่โจวยคไคมีเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายคนนั้นจะใช้พลังฝ่ามือได้ทรงพลังมากขนาดนี้
ยู่เฉิงไห่กําลังจะขยับเข้าไปใกล้เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้กับตาตัวเอง ในตอนนั้นก็มีเสียงใครดังขึ้นมาซะก่อน “ศิษย์พี่ใหญ่”
“มีอะไรกัน?” ยู่เฉิงไห่หันกลับมาก่อนที่จะเห็นสีปูหยากําลังบินเข้ามาใกล้
“พวกเราควรจะสะสางงานใหญ่ให้เสร็จกันจะดีกว่า ยังไงซะเรื่องเมืองมณฑลหยานก็ยังสําคัญกว่า”
“แต่มีใครบางคนอยู่ที่ยอดเขานั่น…ข้ากังวลว่ากองทัพของศัตรูอาจจะดักรอพวกเราอยู่ตรงนั้น ข้าก็แค่อยาก จะไปดูด้วยตัวเอง” ยู่เฉิงไห่ตอบกลับ
ยอดเขาตรงหน้าถูกหินก้อนใหญ่บดบังเอาไว้ และเพราะแบบนั้นมันจึงยากที่จะมองเห็นใครอยู่บนยอดเขาได้
เมื่อสบู่หยาได้ฟังแบบนั้นตัวเขาก็นึกไปถึงพลังอวตารที่สูงกว่า 150 ฟุตในก่อนหน้านี้ มีวี่หยาที่คิดแบบนั้นยิ้มก่อนจะตอบกลับมา “ไม่ต้องกังวลไปศิษย์พี่…ถ้าหากพวกเขาต้องการจะโจมตีจริงพวกเขาก็คงจะทําไปนานแล้วไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะยืนเฉยในขณะที่องค์รัชทายาทถูกสังหารได้หรอก”
ยู่เฉิงไห่ยังคงสงสัย “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เจ้าอาจจะไม่ทันได้เห็นมัน แต่ข้าเห็นพลังฝ่ามือขนาดมหึมามาจากยอดเขานั่น…มันเป็นพลังฝ่ามือสีฟ้า…” ยู่เฉิงไห่หยุดพูดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ“พลังฝ่ามือน นสังหารลู่ฮงภายในพริบตาเดียว”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วศิษย์พี่ เมื่อลู่ฮงตายไป สํานักเฮ้งชูก็จะขาดผู้นํา สํานักที่ขาดผู้นําก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรอีกมันก็เท่ากับว่าแผนการที่ท่านจะครองโลกก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น” สีรู่หยาพูด
ยู่เฉิงไห่ยังคงไม่ยอมแพ้ “แล้วผู้ที่อยู่บนยอดเขานั้นจะไม่ใช่ศัตรูของพวกเราอย่างงั้นเหรอ? แต่เดี๋ยวก่อนนะยังมีคนที่ดูเหมือนกับสาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่อยู่ตรงนั้นด้วย”
สบู่หยาเข้าใจความรู้สึกของยู่เฉิงไห่ดี ถ้าหากยู่เฉิงไห่รู้ว่าผู้เป็นอาจารย์คอยช่วยเหลือพวกเขายู่เฉิงไห่ก็ คงจะไม่มีความสุขแน่ดังนั้นสีคู่หยาจึงพยายามปฏิเสธการค้นหาให้ได้มากที่สุด“นั่นไม่ได้สําคัญอะไรศิษย์พี่ยังไงซะการต่อสู้ที่มณฑลหยานก็ยังสําคัญที่สุดพวกเราควรจะรีบกลับไปที่นั่นศิษย์พี่ใหญ่!”
ยู่เฉิงไห่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เอางั้นก็ได้”
ยังไงซะภาพรวมก็ยังสําคัญกว่าอยู่ดี สบู่หยารู้ดีว่ายู่เฉิงไห่จะต้องเห็นด้วยแน่นอนว่าสีรู่หยาไม่ใช่คนเพียงคนเดียวที่ได้เห็นพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้สําคัญอะไรในตอนนี้ไม่ควรจะใช้เวลาอย่างสูญเปล่า
ด้วยเหตุนี้เองสีคู่หยาและยู่เฉิงไห่จึงกลับไปยังมณฑลหยาน
บนยอดเขา
ลู่โจวและคนอื่นๆ กําลังเฝ้ามองการต่อสู้ที่มณฑลหยานกันต่อ
กองกําลังของสํานักอเวจีกําลังรุกหน้าเข้าเมือง ในตอนนี้ฝ่ายได้เปรียบตกเป็นของฝ่ายสํานักอเวจีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลูโจวไม่ได้รีบร้อนอะไรที่จะจากไป ตัวเขานึกไปถึงคําพูดของหมิงซูหยินที่เคยพูดไว้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากสุดยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นยังอยู่ในราชวัง?
“พี่จี ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะออกมาแล้ว ในตอนแรกข้าคิดว่าตัวเองก็คงจะต้องเข้าไปยังเมืองมณฑลหยานแต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จําเป็นซะแล้วล่ะ”หวางซื่อเจียพูดขึ้น
“หม?” ลูโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ๋อ ใช่แล้ว…พวกเราก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น” หวางซื่อเจียรีบแก้ตัว ตัวเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เช่นนี้มาก่อนในเมื่อมีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแล้วหวางซื่อเจียจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไร? ในตอนนี้สิ่งที่หวางชื่อเจียทําได้มากที่สุดก็คือการเป็นกองเชียร์คอยให้กําลังใจเท่านั้น
จู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ “มันก็ยังมีอะไรที่เจ้าพอจะทําได้อยู่”
“ขอเพียงพี่จีสั่ง เกาะเผิงไหลและข้ายินดีที่จะรับใช้พี่จอย่างเต็มที่!”
“บอกให้ศิษย์คนแรกของเจ้าตั้งใจทํางานให้หนัก…ข้าได้ขอให้เขาตรวจสอบข้อมูลของแม่นางแซ่หลัวไปจนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากเขา”ลู่โจวพูดขึ้น
“เอ่อ…” หวางซื่อเจียยิ้มอย่างเขินอาย หลังจากที่ถอนหายใจเสร็จ หวางซื่อเจียก็ได้ตอบกลับไป “ศิษย์ไม่รักดีของข้าเกิดมาเป็นคนมีไหวพริบก็จริงแต่ก็มีนิสัยเกียจคร้าน ในฐานะที่ข้าเป็นอาจารย์ข้าจะคอยจับตาดูเจ้านั่นอย่างใกล้ชิดเอง”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นการต่อสู้ในมณฑลหยานกําลังจะสิ้นสุดลง ตัวเขาก็เริ่มหมดความสนใจที่จะเฝ้ามองลูโจวได้เลือกที่จะถามออกมาแทน“แล้วเกาะลอยฟ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ตั้งแต่ที่พี่จีช่วยเหลือพวกเรา เขตแดนพลังก็ได้รับการซ่อมแซม เกาะทั้งห้าของเกาะเพิ่งไหลสามารถลอยได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง พลังฝ่ามือของท่านเพียงแค่ข้างเดียวมันได้ให้กําเนิดชีวิตของเกาะเผิงไหลขึ้นมาใหม่ข้ารู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่ท่านได้ช่วยเหลือข้าจริงๆพี่” หวางซื่อเจียตอบกลับมา
โจวยไคที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตื่นตกใจ “เป็นความจริงเหรอที่ผู้อาวุโสจีสามารถใช้พลังฝ่ามือเพียงแค่ข้างเดียวยกเกาะเผิงไหลได้?”
หมิงซูหยินกลอกตา ตัวเขารู้สึกสมเพชได้ถึงความโง่เง่าของชายที่ชื่อว่าโจวยไค “เจ้านี่กลายเป็นประมุขโดยที่มีสมองแค่นี้ได้ยังไงกัน?ถ้าหากรู้แบบนั้นในตอนนั้นข้าก็คงจะขโมยยาเม็ดแห่งการผลิบานทั้งหมดไปแล้
หวางซื่อเจียตอบกลับ “ประมุขโจว ถ้าหากพี่จไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าก็คงจะต้องโจมตีเพื่อเป็นการลงโทษท่านไปแล้ว”
“เกาะเผิงไหลติดหนี้บุญคุณพี่จีจนไม่อาจจะชดใช้ได้ มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะมีคนเคลือบแคลงสงสัยในตัวพี่จีแต่ในฐานะประมุขท่านไม่คิดที่จะแยกแยะความเป็นจริงเลยอย่างงั้นเหรอ?” หวางซื่อเจียถามออกมา
อันที่จริงการที่จะจินตนาการว่ามีใครสักคนสามารถยกเกาะทั้งเกาะด้วยพลังฝ่ามือได้มันเหลือเชื่อมากแต่การที่หวางซื่อเจียเจ้าเกาะเพิ่งไหลเป็นผู้กล่าวขอบคุณด้วยตัวเอง ทําไมโจวยไคถึงยังสงสัยเรื่องนี้ได้? เห็นได้ชัดว่าโจวยไคพยายามที่จะเสี้ยมให้เกาะเพิ่งไหลบาดหมางกับศาลาปีศาจลอยฟ้าและเพราะแบบนั้นหวางซื่อเจียจะไม่โกรธเคืองได้ยังไงกัน?
โจวยู่ไครีบตอบกลับมา “ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆเป็นเพราะข้าจดจ่ออยู่กับการปรุงยาเม็ดแห่งการผลิบานเพราะแบบนั้นข้าเลยไม่คิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะเป็นเรื่องจริง” หลังจากที่พูดขอโทษเสร็จตัวเขาก็หันไปคารวะให้กับลูโว“ข้าไม่รู้เลยว่าพลังวรยุทธของท่านแข็งแกร่งไปถึงขั้นนั้นแล้วข้ารู้สึกประทับใจจริงๆ …”
ลู่โจวเคยชินกับการยกยอแล้ว และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่ได้รู้สึกดีอะไร“แล้วผลการศึกษายาเม็ดแห่งการผลิบานของเจ้ากับดอกบัวทองคําบนร่างอวตารไปถึงไหนแล้วล่ะ?”