My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 547
ตอนที่ 547 กระสอบทรายชั้นดี
“ข้าอยากจะกลับศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง…ข้าไม่มีที่ให้ไปอีกแล้ว…ได้โปรดท่านอาจารย์ช่วยตอบรับคำขอที่เห็นแก่ตัวของข้าด้วย!” ยี่เทียนซินพยายามที่จะลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก นางพยายามคุกเข่าด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าอาการบาดเจ็บสาหัสที่นางมีจะทำให้ยี่เทียนซินจะต้องทรมาน แต่มันก็ไม่อาจขัดขวางความมุ่งมั่นที่นางมีได้
ผู้คนทั้งหลายมักจะคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนให้กับสวรรค์ โลก และผู้มีพระคุณ เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากันเป็นอาจารย์ตลอดไป การคุกเข่าให้กับอาจารย์ของยี่เทียนซินไม่ได้ต่างอะไรจากการคุกเข่าให้กับผู้เป็นพ่อ ผู้ที่คอยโอบอุ้มนางมานั่งแต่เด็ก
สู่โจวมีสิทธิ์ถูกต้องทุกอย่างที่จะยอมรับคำขอร้องนี้
ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างใจจดใจจ่อ พวกเขากำลังเฝ้ามองลู่โจวอย่างคาดหวัง ใครกันที่จะนิ่งเฉยเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ได้? มีแต่ผู้ที่ไร้หัวใจเท่านั้นที่จะเมินเฉยกับคำขอของยี่เทียนซินได้
ผู้เป็นศิษย์อาจารย์ หญิงสาวและชายชรา คนหนึ่งคุกเข่าอีกคนหนึ่งกำลังจ้องมอง
หลังจากที่ผ่านไปกว่าหลายชั่วครู่ในที่สุดจู่โจวก็ได้ตอบกลับมา “ย่อมได้” แม้ว่าจะเป็นคำตอบที่แสนสั้นแต่มันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว
ยี่เทียนซินยิ้มก่อนที่จะหลับตาลง
ลูโจวได้สะบัดแขนของตัวเอง พลังฝ่ามือได้พานางเข้าไปในม่านพลัง
ผู้อาวุโสทั้งสี่ได้โคจรพลังลมปราณในขณะที่พยุงตัวของยี่เทียนซินขึ้นมา
ในที่สุดยี่เทียนซินก็ได้กลับมา
ลูโจวละสายตาจากยี่เทียนซินก่อนที่จะหันไปมองหลิวเก้อและขู่เฉิงจากในระยะไกล
ชูเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังสามารถต่อสู้ได้ในดวงตาของซู่เฉิงมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในทางกลับกันหลิวเก้อดูจะไม่ได้เป็นอะไร นอกจากผมที่ดูกระเซิงเล็กน้อย ตัวเขาดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่
สู่โจวค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้า สีหน้าของเขาเย็นชากว่าเดิมมาก ตัวเขาจับจ้องไปที่ทั้งคู่โดยที่ไม่เคลื่อนไหวอะไร ทั้งหลิวเก้อและขู่เฉิงเองก็ยังไม่หนีไปไหน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะตั้งใจที่จะต่อสู้กับตัวเขาต่อ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามสู่โจวก็ไม่ได้สนใจเหตุผลอะไรของพวกเขาอีก ตัวเขามองไปที่ดาบในมือของหลิวเก้อ มองไปที่ดาบแห่งความเงียบก่อนที่จะจ้องไปที่หลิวเก้อแทน
หลิวเก้อสบตากับลูโจว ตัวเขารู้ได้ทันทีว่าเรื่องในครั้งนี้ไม่มีวันจะจบลงอย่างสันติได้อีก
ในตอนที่หลิวเก้อกำลังจะพูด ในตอนนั้นเองสู่โจวก็ได้ชิงพูดออกมาซะก่อน “ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้วแท้ๆ ” แม้ว่าเสียงของลูโจวจะฟังดูเยือกเย็น แต่ถึงแบบนั้นมันก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ทุกๆ คนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ทุกคนต่างก็รอคอยปรมาจารย์คนนี้แสดงปาฏิหาริย์ออกมา
“ข้าไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับยืนกรานที่จะทิ้งชีวิตของตัวเอง…ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!” สู่โจวยกกำปั้นของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งหาหลิวเก้อและขู่เฉิง
ใบหน้าของอู่เฉิงแดงระเรื่อ จิตวิญญาณของการเป็นนักรบปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ซูเฉิงได้ใช้เวลาหลายปีต่อสู้อยู่ในสนามรบ แม่ทัพอย่างเขาไม่เคยกลัวตาย ชูเฉิงตัดสินใจทุกหน้าอกของตัวเองก่อนที่จะปลดปล่อยพลังลมปราณอันมหาศาลออกจากตัว “ฝ่าบาท ข้าจะเป็นผู้ที่สู้กับเขาเอง!” ชูเฉิงที่พูดเสร็จได้พุ่งไปหาลูโจวด้วยความเร็วสูงสุด
หมัดต่อหมัด!
หมัดขวาของลูโจวถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังงาน มันเป็นพลังงานที่มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ
เมื่อพลังหมัดแสงสีทองและพลังหมัดแสงสีฟ้าเข้าชนกัน ในตอนนั้นเองก็เกิดระเบิดพลังขึ้น
ผลลัพธ์เป็นไปตามคาดของทุกคน…
นิ้วะ!
เสียงของอะไรบางอย่างที่หลุดขาดดังขึ้น แขนขวาของซูเฉิงถูกตัดขาดในขณะที่กระเด็นกลับไป ชูเฉิงไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ได้เลย
ตู้ม!
ชูเฉิงลอยผ่านหลิวเก้อไปก่อนที่จะกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง
หลิวเก้อไม่ได้คิดที่จะช่วยชูเฉิงเลยแม้แต่น้อย ตัวเขากำลังตกใจกับพลังหมัดของลู่โจว คนที่จะใช้เพลงหมัดได้จะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธที่ฝึกฝนร่างกายตัวเองอย่างหนัก และฝึกฝนร่างกายของตัวเองจนแข็งแกร่งถึงขีดสุด จีเทียนเดำที่หลิวเก้อรู้จักไม่ใช่ผู้ใช้เพลงหมัดซะด้วยซ้ำ แล้วหมัดที่โจมตีขู่เฉิงจะมีพลังอันมหาศาลแบบนั้นได้ยังไงกัน?
เมื่อฝุ่นควันจางลง ทุกคนก็เริ่มสังเกตเห็นชูเฉิงอีกครั้ง แม่ทัพใหญ่คนนี้นอนอยู่ในหลุม ตัวเขาได้กระอักเลือดอย่างรุนแรงจนเปลี่ยนให้หลุมกลายเป็นสีแดง ชูเฉิงพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะคลานออกมาจากหลุม
“ พวกเจ้าสนุกกับการรังแกศิษย์ของข้ามากสินะ?”
“…” ขู่เฉิงรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว พลังชีวิตกำลังไหลออกมาจากตัวของซู่เฉิงอย่างไม่หยุดพัก
“ช่างอ่อนแอ”
ชูเฉิงเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้า ตัวเขาในตอนนี้ได้แต่พยายามหายใจเท่านั้น ชูเฉิงไม่สามารถเคลี่อนไหวได้อีก
“ยังมีชีวิตอยู่อีกสินะ? ช่างเป็นกระสอบทรายชั้นดีจริงๆ” หลิวเก้อขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า ตัวเขาจับดาบแห่งความเงียบไว้แน่นก่อนที่จะยกมันขึ้น “พี่จี…”
“เจ้าไม่คู่ควรจะเรียกข้าว่าพี่!” สู่โจวรีบลอยไปหาหลิวเก้ออย่างรวดเร็วก่อนที่จะขยับฝ่ามือ ที่ฝ่ามือของเขามีอาวุธนิรนามปรากฏขึ้น
เมื่ออาวุธนิรนามปรากฏขึ้น พลังงานอันมหาศาลก็ไหลเวียนไปทางมัน
สีหน้าของหลิวเก้อเปลี่ยนไป ตัวเขารีบยกดาบแห่งความเงียบขึ้นเพื่อที่จะปัดป้องการโจมตีจากลูโจว
แคล้ง!
อาวุธนิรนามและดาบแห่งความเงียบปะทะกัน!
หลังจากที่อาวุธของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน ทั้งสองคนก็เผชิญหน้ากัน
“ดาบเล่มนี้ก็คือดาบแห่งความเงียบ อาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด…บนดาบมีเขตแดนพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ มันเป็นอาวุธที่มีไว้เพื่อต่อกรกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบยังไงล่ะ…ท่านน่ะแพ้แล้ว” ทันทีที่หลิวเก้อพูดจบ…
แคล้ง!
ดาบแห่งความเงียบก็เกิดรอยร้าวขึ้น มันได้แตกเป็นสองเสี่ยงอย่างรวดเร็ว
“หืม?”
เสียงของดาบที่แตกสลายทำให้หลิวเก้อใจสั่น ตัวเขาหันไปมองอาวุธของตัวเองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หัวใจของหลิวเก้อจมสู่ความสิ้นหวังในทันที ตัวเขารีบชักแขนกลับ
มาก่อนที่จะจ้องมองอาวุธของตัวเอง ใบดาบส่วนบนได้ตกลงไปแล้ว ในตอนนี้ดาบแห่งความเงียบเหลือเพียงครึ่งแรกเท่านั้น
หลิวเก้อมองกลับไปที่ลูโจว.
ลูโจวยังคงถืออาวุธนิรนามเอาไว้เช่นเคย ตัวเขายังคงเคลื่อนที่เข้าหาหลิวเก้ออย่างไม่หยุดพักอาวุธนิรนามที่ดูบอบบางกำลังเปล่งประกายอักษรสีดำออกมา
“นั่นมันอาวุธอะไรกัน?” หลิวเก้ออุทานออกมาด้วยความตกใจ
สู่โจวไม่ได้ตอบกลับอะไร ตัวเขาเลือกที่จะใช้ฝ่ามืออีกข้างส่งพลังไปที่พื้นแทน
อาวุธนิรนามถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้า มันส่องประกายราวกับเปลวไฟที่อยู่ในค่ำคืนอันมืดมิด ความเร็วของมันเพิ่มมากขึ้น!
สู่โจวยกฝามือขึ้นมาก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามืออีกครั้ง
ต็ม!
หลิวเก้อกระเด็นลอยไป
อาวุธนิรนามได้ส่องแสงสีฟ้าไปทั่วฟ้า พลังของมันได้แผ่ขยายออกมาก่อนที่จะเสียบแทงไปที่ชูเฉิง!
นิ้วะ!
เดิมที่ชูเฉิงบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีทางเลยที่เขาจะหลบหนีการโจมตีนี้ได้
อาวุธนิรนามที่เสียบแทงได้ตรึงขู่เฉิงไว้บนพื้นราวกับตะปูที่ถูกตอก
“ตายซะ!”
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”
หลิวเก้อรู้ได้ทันทีว่าตัวเองประเมินความแข็งแกร่งของลูโจวน้อยจนเกินไป ดวงตาของเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ในขณะที่กระเด็นกลับไปหลิวเก้อยังคงกำดาบแห่งความเงียบเอาไว้แน่นตัวเขาได้แต่จ้องซู่เฉิงที่ถูกอาวุธนิรนามตรึงไว้ที่พื้น “ทำไมกัน? ข้าได้ทำทุกอย่างก็เพื่อประชาชนเพื่อดินแดน…ทำไมท่านต้องฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบด้วย?” หลิวเก้อได้ถามคำถามออกมา เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของเขามันดูสับสนและวุ่นวาย
ลูโจวมองไปที่หลิวเก้ออย่างไม่แยแส “หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระได้แล้ว ข้าจะจบชีวิตเจ้าเช่นกัน!”
สู่โจวเคลื่อนไหวฝ่ามืออีกครั้ง
พรึบ!
อาวุธนิรนามที่ฝังอยู่บนหน้าอกของขู่เฉิงลอยกลับไปหามือของลูโจว ไม่นานนักพลังงานก็ยึดออกจากดาบก่อนที่จะพุ่งเข้าหาหลิวเก้อ
ดาบของหลิวเก้อสั่นไหว
หลิวเก้อได้เอามือแตะไปที่จุดพลังลมปราณที่ตัวเองมี ในตอนนั้นเองพลังลมปราณก็หลั่งไหลจากที่นั่น บนดาบแห่งความเงียบเองก็เช่นกัน ลวดลายสีแดงบนนั้นได้ส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม “ข้าเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะพี่จี แต่ข้าจะต้องต่อสู้กับท่านจนกว่าจะตายกันไปข้าง” หลิวเก้อที่พูดจบก็ได้เหวี่ยงดาบแห่งความเงียบ
ช่วงเวลาที่อาวุธทั้งสองชิ้นจะเข้าปะทะกันเกิดขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองพลังสีฟ้าก็เริ่มก่อตัวกันจนกลายเป็นรูปร่างฝ่ามือมุทรา มันเป็นฝ่ามือที่ปรากฏตัวบนตัวของลูโจว
จิตใดที่ใสสะอาด จิตใจนั้นย่อมที่จะเป็นอิสระ จิตใจใดอิสระย่อมจิตใจนั้นก็ย่อมที่จะแข็งแกร่งดั่งหินผา ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดเหมือนกับภูเขา
ตุ้ม!
ดาบแห่งความเงียบได้เข้ามาใกล้ตัวของลูโจว
แต่สุดท้ายอาวุธนิรนามได้ป้องกันการโจมตีของหลิวเก้อได้อีกครั้ง
อีกรอบที่แรงจากการปะทะของทั้งสองคนกระเพื่อมออกมา
หลิวเก้อก้มศีรษะลง ดาบที่ทุ่มพลังทั้งหมดไปกับการโจมตีเจาะทะลุพลังการป้องกันของลูโจวได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็สร้างได้แต่รอยขีดข่วนได้เท่านั้น พลังมุทราที่อยู่รอบตัวของลูโจวได้รักษาตัวเองอย่างรวดเร็ว หลิวเก้อตกตะลึง ตัวเขาพ่ายแพ้อีกครั้ง นิ้วของเขากำลังสั่น หลิวเก้อประมาทจนเกินไป
เสียงของลูโจวได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้ากล้าที่จะสู้กับข้าด้วยพลังเพียงแค่นี้เองสินะ”
“เปิดกล่องเร็วเข้า” หลิวเก้อรีบออกคำสั่ง เสียงของเขาดังก้องไปทั่วภูเขาทอง
“ครับฝาบาท!”
ผู้คุ้มกันที่มากับหลิวเก้อได้เปิดกล่องใบที่สอง
“หืม?”
เมื่อเปิดกล่องอีกใบ เครื่องรางจำนวนหนึ่งก็ได้พุ่งเข้าหาหลิวเก้อ พวกมันเคลื่อนที่เร็วกว่าสุดยอดเคล็ดวิชาแห่งการเคลื่อนไหวซะอีก
หลิวเก้อถูกปกคลุมไปด้วยเครื่องรางในชั่วพริบตา เครื่องรางเหล่านั้นพันรอบตัวของหลิวเก้อ แน่นเครื่องทั้งหลายดูราวกับจะสูบเลือดสูบเนื้อของหลิวเก้อไป ลวดลายสีแดงบนดาบแห่งความเงียบที่แตกหักเริ่มเปล่งแสง ดาบที่ถูกทำลายไปแล้วได้บินกลับมาหาหลิวเก้อ ในตอนนี้หลิวเก้อดูคล้ายกับมัมมี่ไม่มีผิด
แสงสีแดงได้ส่องมาจากตัวของอดีตจักรพรรดิ
ลูโตวเหลือบมองไปที่เครื่องรางสีแดงทั้งหลายก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเฉยเมย “ในที่สุดเจ้าก็ยอมใช้มันสินะ”