My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 543
ตอนที่ 543 สรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด
ซูยู่ชูได้ตัดดอกบัวทองคำออกก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนใหม่ เป็นธรรมดาที่นางจะไม่อาจรับมือกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ ซูยู่ในตอนนี้เป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบเพียงเท่านั้น สำหรับนางที่รับการโจมตีจนมาถึงตอนนี้ได้มันก็มากพอแล้ว ถ้าหากซู่เฉิงโจมตีด้วยพลังเต็มที่จริง ตัวเขาก็คงจะจัดการกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
พลังอวตารของซู่เฉิงสูงกว่า 100 ฟุต มันสูงตระหง่านอยู่เหนือทุกคน ดอกบัวแปดกลีบกำลังหมุนวนอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของพลังอวตารอันใหญ่ยักษ์ ชูเฉิงเชื่อมั่นว่าพลังวรยุทธที่ซูยู่ชูมีไม่เหมือนกับในอดีต
ซูยู่ชูได้ถอยหลังกลับไปหลายก้าวก่อนที่จะโยนไม้เท้ามังกรม้วนขึ้นไปบนฟ้า สิ้นสุดการโยนที่ใต้เท้าของนางก็มีวงแหวนแห่งแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พลังอักษรเริ่มจัดเรียงตัวกันก่อนที่จะส่องแสงประกายสีทองอันเจิดจรัสออกมา
ชูเฉิงที่เห็นแบบนั้นสับสน “นี่มันเขตแดนเสริมพลัง…แต่ผู้ใช้จะไม่ได้ผลจากเขตแดนนี้แล้วทำไมกัน…”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของซูยู่ชู “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าน่ะอวดดีเกินไป!”
ซูวว!
น้ำเต้าขนาดใหญ่ได้ถูกเขตแดนพลังของซูยู่ชูเสริมพลังให้ มันมีขนาดที่ใหญ่โตมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ฝานลี่เทียนเป็นผู้เปิดฉากการโจมตีก่อน ตัวเขาได้ปล่อยพลังออกจากขวดน้ำเต้าสีทองใส่ฝ่ายตรงข้าม
ตุ้ม!
พลังผนึกจากน้ำเต้าสีทองได้ชนกับพลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุต และเพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดลมแรงไปทั่ว
ซูเฉิงที่ถูกโจมตีมีสีหน้าที่ตื่นตกใจ ตัวเขากระเด็นถอยกลับมาเพราะได้รับแรงกระแทกอันรุนแรงจากการโจมตีในครั้งนี้
เมื่อซู่เฉิงกระเด็นชนเข้ากับม่านพลังจากด้านใน ในตอนนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
ฝานลี่เทียนเป็นผู้ที่ปรากฏตัวออกมา ตัวเขากำลังลอยอยู่บนอากาศพร้อมกับขวดน้ำเต้าสีทองที่กำลังหมุนรอบตัว ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชูเฉิง “ ข้ารู้อยู่แล้วว่าม่านพลังไม่อาจจะสกัดกั้นยอดฝีมือผู้ใช้พลังเขตแดนจากลัทธิขงจื้อแบบเจ้าได้ เพราะแบบนั้นพวกเราจึงจงใจปล่อยให้เจ้าเข้ามา….นี่มันก็คือการปิดประตูตีสุนัขยังไงล่ะ!”
ชูเฉิงต้องพบปัญหามากมายกว่าที่จะเข้ามาในม่านพลังได้ แต่เมื่อตัวเขาได้เข้ามาแล้ว มันก็ไม่แน่เสมอไปว่าชูเฉิงจะกลับไปได้ ใครจะไปรู้กันว่าชูเฉิงต้องสูญเสียพลังลมปราณมากน้อยแค่ไหนในการผ่านม่านพลังเข้ามา
ชูเฉิงได้โคจรพลังลมปราณไปที่ร่างอวตารของตัวเองเพื่อให้มันกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมอีกครั้งตัวเขาจ้องมองไปที่ฝานเทียน ในตอนนี้ตัวเขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดซยู่ชูถึงต้องใช้เขตแดนพลัง ชูเฉิงในฐานะแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองถูกทำให้อับอายเช่นนี้ ตัวเขารีบประสานฝ่ามือเข้าหากันก่อนที่จะกู่ร้องออกมา “ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็อย่าได้ถือสาข้าก็แล้วกัน”
พลังอวตาร 100 ฟุตของซู่เฉิงพุ่งตัวมา
เมื่อเห็นแบบนั้นฝานลี่เทียนก็ถอยกลับ
ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของซูยู่ชูก็มีพลังอะไรบางอย่างกำลังก่อตัว มันเป็นพลังผนึกตราประทับทั้งหกนั่นเอง พลังผนึกตราประทับทั้งหกมีตัวอักษรกว่าห้าตัวกำลังล้อมรอบมันเอาไว้
ฮั่ววูเด่บินไปทางผู้อาวุโสทั้งสองก่อนที่จะบินลงมายังเขตแดนพลังของซูยู่ชู เมื่อบินมาถึงตัวอักษรที่ล้อมรอบพลังผนึกตราประทับทั้งหกก็เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเก้าตัว
ตุ้ม!
พลังอวตารสีทองของขู่เฉิงได้ชนเข้ากับพลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮัวคู่เด้
เมื่อฮั่ววูเด้เปิดช่องว่างได้ ฝานสี่เทียนก็เตรียมตัวที่จะปลดปล่อยพลังจากน้ำเต้าทองอีกครั้ง
“ข้ามองแผนนั่นออกหมดแล้ว…” ชูเฉิงตะโกนขึ้น “พลังแผ่สวรรค์!”
สิ้นสุดเสียงของเขาพลังอันมหาศาลจากตัวของซู่เฉิงก็แผ่ออกมารอบตัว
ตุ้ม!
ฝานลี่เทียนได้เปิดฝาขวดน้ำเต้าออกมา ตัวเขาจงใจที่จะปล่อยพลังจากน้ำเต้าไปที่ด้านบน
ในตอนนั้นเองก็มีเงาของใครบางคนผ่านมา ในไม่ช้าบนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเงาดำ
ตุ้ม! ตู้ม! ตุ้ม!
เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นรอยรอยเท้านับไม่ถ้วนก็ได้ตกลงมากระทบกับพลังของน้ำเต้าด้วยวิธีการผลักแบบพิเศษนี้จึงทำให้พลังสีทองจากขวดน้ำเต้าสามารถเจาะผ่านอวตารของซู่เฉิงได้
ตุ้ม!
ชูเฉิงกระเด็นตกลงไปพร้อมกับร่างอวตารของตัวเอง
เจ้าของร่างผู้ที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือผู้อาวุโสแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเล้งลั่วนั่นเอง
ในขณะนี้ผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังลอยอยู่บนอากาศอย่างพร้อมเพรียงกันแล้ว
เมื่อขู่เฉิงตั้งหลักได้ ตัวเขาก็เหลือบมองผู้อาวุโสทั้งสี่ด้วยความตกใจ ขู่เฉิงได้เรียกอวตารกลับไปก่อนที่จะถอยกลับออกนอกม่านพลังอย่างรวดเร็ว
ฝานสี่เทียนกำมือของตัวเอง ตัวเขากำลังเรียกขวดน้ำเต้าสีทองให้กลับมาหาตัว
ชูเฉิงจ้องมองผู้อาวุโสทั้งหมดด้วยสายตาสับสน ตัวเขารู้สึกคับแค้นใจที่ต้องล่าถอยกลับมา “นี่มันผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าสินะ?”
“เจ้าหนุ่ม ศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาทำอะไรตามใจชอบได้หรอกนะ”
ขู่เฉิงตอบกลับ “นี่เป็นเพียงการลองเชิงเท่านั้น ในตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าพวกท่านไม่ได้มีพลังวรยุทธอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนเก่า ในก่อนหน้านี้ข้าก็แค่ประมาทไป ข้าจะไม่มีวันทำผิดซ้ำสองแน่ มาเริ่มสู้กันต่อเถอะ” เมื่อพูดจบขู่เฉิงก็เหลือบมองไปยังกล่องที่อยู่ด้านหลังหลิวเก้อ จักรพรรดิหย่งโชว
หลิวเก้อเป็นที่มาของความมั่นใจที่ซู่เฉิงมี ชูเฉิงหลับตาลง ในที่สุดลมรอบตัวที่กำลังปั่นปวนตัวเขาก็สงบลง หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆ ชูเฉิงก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ซูวว!
พลังอวตาร 100 ฟุตปรากฏขึ้น ที่รอบพลังอวตารมีเครื่องรางอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายโซ่ปรากฏออกมาด้วย มันกำลังวนเวียนอยู่รอบพลังอวตาร
ฝานลี่เทียนที่เห็นแบบนั้นพูดขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งหลาย พวกเจ้าจะเอายังไงดีล่ะ?”
ซูยู่ชู เล้งลั่ว และฮั่ววูเด็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
“แน่นอน พวกเราต้องสู้อยู่แล้ว!”
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นรู้สึกตื่นเต้น “เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ผู้อาวุโสของศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องพึ่งพาได้แบบนี้อยู่แล้ว! ข้าอยากที่จะรู้จริงๆ ว่าเหล่าผู้อาวุโสจะเอาชนะผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ยังไง!”
“ตอนนี้แหละ!”
สิ้นสุดเสียงของฝานลี่เทียน นอกจากฮ้วรู่เด้ที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามก็หันหลังกลับก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
ฮั่ววูเด้ “…”
หมิงซี่หยิน “”
ท้ายที่สุดแล้วคนที่ซื่อตรงมากที่สุดก็เป็นผู้ถูกรังแก
“นี่คือวิธีของพวกตาแก่ใจคดพวกนั้นใช้จัดการกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบจริงดิ?”
ฮั่ววูเดำที่ถูกทิ้งรีบหนีไปเช่นกัน
ชูเฉิงที่เห็นฝั่งตรงข้ามกำลังหนีไปรู้สึกสับสน “ทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะหนี??
การรักษาพลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตได้จะต้องจ่ายพลังเป็นค่าตอบแทนอย่างมหาศาล ดังนั้นทุกคนจึงตัดสินใจที่จะถอยกลับแทน ชูเฉิงที่เห็นแบบนั้นได้หันกลับมาพูดกับหลิวเก้อแทน “ฝ่าบาท ข้าต้องทำลายเขตแดนพลัง ได้โปรดประทานคำสั่งด้วย”
หลิวเก้อส่ายหัวก่อนจะพูดออกมา “พวกเราไม่ควรจะทำตัวหยาบคายแบบนั้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ม่านพลังก็เป็นเหมือนกับประตู สำหรับผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของเขตแดนพลัง ม่านพลังทั้งหลายไม่สามารถที่จะขัดขวางอะไรเหล่ายอดฝีมือแบบนั้นได้ ย้อนกลับไปในอดีต ในตอนที่ผ่านลี่เทียนสูญเสียพลังวรยุทธไปแล้ว ตัวเขาได้เดินผ่านม่านพลังของภูเขาทองมาก็เพราะขวดน้ำเต้าทองของตัวเอง ถ้าหากผู้ที่เดินผ่านไม่เข้าใจเรื่องของเขตแดนพลัง คนคนนั้นก็จะทำได้เพียงใช้กำลังทำลายม่านพลังเหมือนกับที่สำนักใหญ่ทั้งสิบเคยทำ อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าการใช้สมองในการรับมือกับม่านพลังย่อมดีกว่าการใช้กล้ามเนื้อ
พรึบ!
ลูกศรพลังงานได้พุ่งเข้าหาพวกของซู่เฉิง
ชูเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขายกฝ่ามือก่อนที่จะบัดป้องลูกศรพลังงานทั้งหมดไป ชูเฉิงมองเห็นผู้ปลดปล่อยลูกศรพลังงานพวกนี้ ผู้ที่ปลดปล่อยมันออกมาก็คือฮัวยู่จิง ผู้ที่กำลังยืนอยู่บนศาลาทางใต้ ฮัวยู่จึงตัดสินใจที่จะใช้ลูกศรพลังงานที่ทรงพลังมากกว่าเดิม “ลอบโจมตีอย่างงั้นเหรอ? ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าล้วนแต่เป็นแบบนี้หมดแล้วสินะ?”
ชูเฉิงลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะปลดปล่อยพลังฝ่ามือกว่าหลายครั้ง พลังเครื่องรางกว่าหลายอันถูกปลดปล่อยออกมา
สีหน้าของฮัวยู่จึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แม่นางยู่จิง ถอยกลับไปก่อน!” หมิงหยินพุ่งตัวไปในอากาศก่อนที่จะบินกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วยความเร็วสูง
ฮัวยู่จึงไม่ใช่ผู้ที่สามารถรับมือกับยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสี่เองก็ยังเลือกที่จะหลบหนีไป
“เจ้าหนีไม่รอดหรอก!” พลังเครื่องรางของขู่เฉิงอยู่ห่างจากม่านพลังเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
ในตอนนั้นเองก็มีร่มสีดำพุ่งมาจากด้านข้าง
ตุ้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เมื่อร่มสีดำถูกกางออกมา มันก็ได้สกัดกั้นพลังจากเครื่องรางทั้งหมดเอาไว้
“หม?” ชูเฉิงมองไปรอบตัว
มีผู้ฝึกยุทธชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาว คนคนนั้นได้บินมาหาทุกคนด้วยความเร็วสูง ชายชราคนนั้นได้ใช้สุดยอดวิชากว่าหลายครั้งก่อนที่จะมาถึงร่มในที่สุด
“หวางชื่อเจียอย่างงั้นเหรอ?” ขู่เฉิงจดจำชายชราคนนี้ได้ เขาไม่ใช่ใครอื่น หวางชื่อเจียเจ้าเกาะเผิงไหลนั่นเอง
หวางซื่อเจียที่มาถึงได้ตอบกลับมา “ในเมื่อที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแบบนี้ มันจะไปขาดข้าได้อย่างไงกัน?”
คู่ยี่หรานมองขึ้นไป ตัวเขาได้พุ่งไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วก่อนที่เคลื่อนไหวฝามือเพื่อพุ่งโจมตีไปที่หวางซื่อเจีย “หวางซื่อเจีย คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า!”
หวางซื่อเจียมองไปที่กู้ยี่หราน “ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกคน?? ตัวเขารีบยกมือขึ้นพลังฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตุ้ม!
“ฝ่ามือสละปัญญา!”
พลังฝ่ามือของหวางชื่อเจียได้เข้าปะทะกับพลังฝามือสละปัญญา พลังจากการปะทะได้ทำให้เกิดลมกระโชกแรง
ทั้งสองคนลอยถอยห่างไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
หวางซื่อเจียชักฝามือกลับมาก่อนที่จะยกฝ่ามือข้างซ้ายขึ้น
ทั้งสองคนต่างก็เหลือบมองกันจากในระยะไกล
คู่ยี่หรานที่ตั้งหลักได้พูดออกมา “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เกาะเพิ่งไหลเป็นมิตรกับศาลาปีศาจลอยฟ้า?”
“ข้าเป็นสหายเก่ากับพี่จี ปัญหาของเขาก็คือปัญหาของข้าเช่นกัน”
“หวางชื่อเจีย เจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ?” คู่ยี่หรานถามออกมา
“ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่จะไม่มีใครแตะต้องศาลาปีศาจลอยฟ้าได้!” หวางชื่อเจียมองไปที่ขู่เฉิงที่อยู่ไม่ไกลมากนักก่อนที่จะมองไปยังด้านในของม่านพลัง ตัวเขาตัดสินใจที่พลิกฝ่ามือก่อนจะเรียกร่มสีดำให้บินกลับมา ด้วยการใช้พลังลมปราณเพิ่มความเร็วของร่ม ทำให้เกิดภาพร่มติดตาจำนวนมากเกิดขึ้นอยู่บนอากาศ ภาพของร่มที่เห็นได้ยิงพลังงานจำนวนมากออกมา
คู่ยี่หรานที่ถูกโจมตีรีบเอาจริง “พลังอวตารร้อยวิถี!”
ซูเฉิงเองก็เรียกพลังอวตารออกมาอีกครั้งเช่นกัน
พลังอวตารของทั้งคู่ได้พุ่งผ่านพลังงานบนท้องฟ้าไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
หลิวเก้อที่เตรียมจะเข้าไปในด้านในม่านพลังจ้องมองการต่อสู้อย่างสนใจ
บัดนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาของยอดฝีมือทั้งสาม
การต่อสู้ในครั้งนี้มันเป็นการต่อสู้ที่มีระดับสูงกว่าการต่อสู้ในก่อนหน้านี้ซะอีก
“หวางซื่อเจียกำลังช่วยศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นเหรอ?” หลิวเก้อเอามือไขว้หลังขณะที่จ้องมองการต่อสู้
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหา “ฝ่าบาท พวกเราจะเข้าไปเลยไหมครับ?”
“ไม่ต้องรีบร้อน” หลิวเก้อยังดูการต่อสู้ต่อไป
หวางซื่อเจีย ชูเฉิง และคู่ยี่หรานต่างก็ต่อสู้กันกว่าหลายสิบกระบวนท่า แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ
หลิวเก้อมองไปที่แสงอาทิตย์ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “เปิดกล่องได้แล้ว”
“พะย่ะค่ะ”
ผู้คุ้มกันจักรพรรดิสองคนได้เปิดกล่องใบแรกขึ้น
แกรัก!
ดาบที่มีลวดลายสีแดงถูกเปิดเผยให้เห็น
เหล่าผู้คุ้มกันที่มองเห็นดาบต่างก็ดวงตาเบิกกว้าง
หลิวเก้อสะบัดมือก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะบินไปหามือเขา “ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าดาบแห่งความว่างเปล่า มันคืออาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด…”
หลิวเก้อไม่ได้อธิบายสรรพคุณของดาบเล่มนั้นอีกต่อไป คำว่า “อาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด” มันก็มากเกินพอแล้วที่จะแสดงความพิเศษที่ดาบเล่มนี้มี
เหล่าผู้คุ้มกันต่างก็สั่นไปทั้งตัว พวกเขาต่างก็โค้งคำนับให้กับผู้เป็นอดีตจักรพรรดิ “ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถ!”
หลิวเก้อมองไปที่การต่อสู้ของทั้งสามคน ตัวเขาได้ถือดาบแห่งความว่างเปล่าเอาไว้ในมือก่อนที่จะเริ่มลอยขึ้นไปบนฟ้า