My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 542
ตอนที่ 542 การต่อสู้ด้วยพลังแผ่สวรรค์
ติดตามข่าวสารได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ยู่เฉิงไห่ยังคงนิ่งเงียบ
สีรู่หยาที่ได้ให้คําแนะนําอย่างรีบร้อนก็ทําตัวไม่ถูกเช่นกัน ตัวเขารู้ดีว่ายู่เฉิงไห่ปรารถนาที่จะพิชิตโลกมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วคําแนะนําของส่วุ่หยาก็เป็นเหมือนกับการขอให้ยู่เฉิงไห้เพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่จะทําให้สานักอเวจีได้เปรียบเพื่อช่วยศาลาปีศาจลอยฟ้า คงจะดีกว่าถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่น ถ้าหากสํานักอเวจีเกิดติดขัดเจอปัญหาจริง ความพยายามทุกอย่างของสํานักอเวจีที่ทํามาถึงตอนนี้จะต้องสูญเปล่าไป ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงในฐานะที่เป็นเจ้าสํานักยู่เฉิงไห่ก็คงจะไม่มีหน้าที่จะไปพบกับเหล่าสาวกของสํานักอเวจีได้เลย เมื่อเห็นยู่เฉิงไห่ยังคงใช้ความคิด ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นเลือกที่จะถอยห่างจากห้องโถงใหญ่ “ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน”
ทุกๆคนต่างก็เข้าใจเจตนาของสี่วู่หยา ทุกคนที่รู้แบบนั้นได้ออกจากห้องโถงไปเช่นกันที่ห้องโถงใหญ่เงียบลง
ยู่เฉิงไห่หันหลังให้กับกําแพง ไม่มีใครรู้ว่าตัวเขาคิดอะไรอยู่ ยู่เฉิงไห่ลูบกระบี่นิลโลหิตเบาๆ ขณะที่จะจ้องมองไปที่มัน ตัวเขาก็ยังคงใช้ความคิดอยู่เช่นเดิม
วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ก็ยังคงโผล่พ้นทางทิศตะวันออกเช่นเคย
หมิงหยินกลับไปที่ห้องลับเมื่อตอนเช้าก่อนที่จะทักทายผู้เป็นอาจารย์เป็นอย่างแรก ตามที่คาดไว้ ตัวเขาไม่ได้รับคําตอบอะไรจากผู้เป็นอาจารย์ หมิงซูหยินได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะเดินลงจากภูเขาเช่นเดิม
ไม่นานนักหมิงซูหยินก็เห็นรถม้ากําลังตรงมา ท้ายที่สุดแล้วรถม้าคันนั้นก็จอดลงที่เชิงเขา
ช่เฉิงมีสายตาที่เฉียบคม ทันทีที่รถม้าร่อนลง ตัวเขาก็เห็นหมิงหยินลอยอยู่ในอากาศ หมิงซี่หยินรอคอยพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
ชูเฉิงลุกขึ้นก่อนที่จะโบกมือให้กับหมิงหยินที่อยู่ด้านหลังม่านพลัง “ท่านสี่ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ”
“ว่าไง” หมิงหยินทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแน่ใจว่าผู้อาวุโสจีจะต้องออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว ได้โปรดช่วยทําทางพวกเราด้วยพี่สี่” ชูเฉิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หมิงซี่หยินพูดตอบกลับไป “ข้าต้องขอโทษจริงๆ แต่ช่วยกลับมาพรุ่งนี้ได้ไหม”
“ข้าก็เป็นแค่ชายที่ไม่น่าไว้วางใจและเป็นชายใจแคบ พวกเจ้าคงจะชินชาได้แล้ว” หมิงหยินพูดออกมาด้วยตัวเอง แม้ว่ามันจะเป็นคําพูดจากปากของเขา แต่หมิงซี่หยินก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจที่จะต้องพูดแบบนี้ ทําไมตัวเขาจะต้องยอมจํานนให้กับแขกผู้ตามซื้อแบบนี้? การพบกันครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหมิงซูหยินเลย
ชูเฉิงยิ้มให้ก่อนที่จะตอบกลับ “พวกเราไม่คิดว่าจะต้องจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ที่นี่กว้างขวาง พวกเราจะรออยู่บนหุบเขาก่อนที่ผู้อาวุโสจีจะออกมาเอง”
หมิงซี่หยินหัวเราะก่อนที่จะตอบกลับ “เจ้าฉลาดจริงๆ แม่ทัพชู แต่เจ้าก็ควรจะฟังคําแนะนําของข้าบ้าง ถ้าไม่อย่างงั้นพวกเจ้าได้เสียใจภายหลังแน่”
“ข้าเกรงว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ท่านตัดสินใจมากกว่า” ในขณะที่พูดชูเฉิงก็ได้หยิบเครื่องรางออกมา เครื่องรางทั้งหลายลอยอยู่ในอากาศ มันได้ส่องแสงสีทองก่อนที่จะลอยตรงไปยังม่านพลัง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามที่จะทําลายม่านพลังนั่นเอง
ชาวลัทธิขงจื้อเป็นที่รู้จักกันดี พวกเขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของเขตแดนพลังและพลังแผ่สวรรค์
ณ ใจกลางของหุบเขา เครื่องรางจํานวนมากกําลังมารวมตัวกัน เครื่องรางแต่ละอันมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องรางในก่อนหน้านี้
ชูเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่คือวิธีที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าดูแลแขกอย่างงั้นเหรอ?”
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
ตัวอักษรน้อยใหญ่จากใจกลางหุบเขาได้สกัดกั้นพลังจากเครื่องรางของชูเฉิงเอาไว้
ไม่นานหลังจากนั้นเสียงอันแหบแห้งก็ได้ดังมาจากเครื่องรางที่กลางหุบเขา “ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่าใครกล้าหาญมากพอที่จะบุกศาลาปีศาจลอยฟ้าได้”
เมื่อชูเฉิงได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาก็รีบโค้งคํานับเล็กน้อย “ผู้อาวุโสซู ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะบุกเข้าไปในภูเขาทอง เป็นเพราะฝ่าบาทของข้ามีนัดพบกับท่านผู้อาวุโสจี พวกเรามาที่นี่ก็เพราะสัญญา”
“ข้ากําลังตัดสินใจแทนท่านปรมาจารย์ ข้อตกลงนี้ถูกยกเลิก พวกเจ้าจงไสหัวไปจากภูเขาทองซะ” ซูยู่ชูพูดอย่างรุนแรง
หมิงซูหยินตกใจเล็กน้อย ตัวเขาไม่คิดมาก่อนว่าซูยู่ชูจะกล้าแสดงออกถึงเพียงนี้ ต้องแบบนี้สิ!”
ในตอนนั้นเองหลิวเก้อก็ได้ตอบโต้กลับไป “ซูยู่ชู เจ้าเองก็จะห้ามข้าไม่ให้ขึ้นไปบนภูเขาอย่างงั้นเหรอ?”
“หลิวเก้อ…ที่นี่คือศาลาปีศาจลอยฟ้า ไม่ใช่ราชวัง ท่านอย่าคิดว่าจะขู่ข้าได้” ซูยู่ชูลอยขึ้นมาก อนที่จะเหวี่ยงไม้เท้าของนาง ในตอนนั้นเองเครื่องรางจํานวนมากก็ได้หมุนรอบตัวนาง เครื่องราง ทั้งหมดล้วนแต่มีอักษรคําว่า “มนุษย์ ถูกเขียนไว้
ชูเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มันพลังสวรรค์ พลังอักษรเดียวดาย
อักษรคําว่า “มนุษย์” บางครั้งจะถูกแทนที่ด้วยคําว่า “เมตตา” มันเป็นเครื่องรางหลักที่ชาวลัทธิขงจื้อใช้ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพัฒนาพลังอักษรให้สูงส่งได้ แน่นอนว่าซูยู่ชูเป็นหนึ่งในนั้น นี่คือพลังอักษรที่ทรงพลังที่สุดของพลังแผ่สวรรค์
“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ได้ตาบอดไปแล้วหรอกนะ” ซูยู่ชูมองลงมาที่ชูเฉิงจากบนท้องฟ้า
ชูเฉิงตอบกลับมา “เมื่อลัทธิขงจื้อเป็นที่แพร่หลายในเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นท่านควรจะที่จะเป็นนักบุญของพวกเราแท้ๆ ผู้อาวุโสซู น่าเสียดายที่ตําแหน่งนั้นมีไว้เพื่อชายหนุ่มเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นสาวกลัทธิขงจื้อก็ยังคงให้เกียรติท่านไหนท่านถึงได้เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าได้?”
“มันเป็นเรื่องที่ข้าจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอย่างงั้นเหรอ?” ซูยู่ชูโต้กลับ
ซูเฉิงพูดไม่ออก
กู่ยี่หรานพูดต่อ “แล้วทําไมท่านถึงต้องเอาแต่ใจเช่นนั้นล่ะผู้อาวุโสซู? ท่านไม่สามารถที่จะแทนที่ผู้อาวุโสจีได้” หลังจากที่พูดจบตัวเขาก็ได้ยื่นฝ่ามือขึ้นมา ก่ยี่หรานเลือกที่จะใช้พลังฝ่ามือออกมา
ใบหน้าของซูยู่ชูขมวดคิ้วเล็กน้อย นางที่เห็นพลังฝ่ามือรีบสะบัดไม้เท้าของตน แสงสีทองได้พุ่งออกจากไม้เท้าในทันที ตัวอักษร “มนุษย์” ได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะปะทะกับพลังฝ่ามือ
ตุ้ม! ตุ้ม! ตู้ม!
หลังจากนั้นได้ไม่นาน พลังที่เข้าปะทะกันก็เริ่มที่จะสลายหายไป
“ผู้อาวุโสซู…ได้โปรดชี้แนะข้าด้วย” กู่ยี่หรานกระทืบเท้าของตัวเองก่อนที่จะพุ่งตัวไปบนฟ้า ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับซูยู่ชูแล้ว
หมิงซี่หยินตกตะลึง ตัวเขาไม่ได้คาดหวังว่ากู่ยี่หรานผู้ที่เงียบมาโดยตลอดจะเป็นผู้อาสาเริ่มต่อสู้ก่อน แบบนี้แย่แน่
แม้ว่าซูยู่ชูจะตัดดอกบัวทองคําและกําลังฝึกฝนตัวเองใหม่ แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่อาจทนต่อการกระทําที่หยาบคายของกู่ยี่หรานได้ ไม้เท้าของนางได้หมุนไปบนอากาศก่อนที่จะปล่อยพลังเครื่องรางและพลังอักษรจํานวนมากออกมา เครื่องรางทั้งหมดได้หมุนรอบตัวนาง ก่อนที่จะก่อตัวกันให้กลายเป็นโซ่เส้นยาว
กู่ยี่หรานที่เห็นแบบนั้นได้เรียกพลังอวตารออกมาโดยที่ไม่พูดอะไรอีก
ซูวว!
พลังอวตารดอกบัวที่สูงกว่า 100 ฟุตได้ส่องประกายแสงสีทอง
พลังตัวอักษรและพลังเครื่องรางทั้งหลายได้จางหายไป
ซูยู่ชูไม่คาดคิดมาก่อนว่ากู่ยี่หรานจะโจมตีนางด้วยพลังอันมหาศาลในทันที
ยี่หรานที่ลบล้างพลังทั้งหมดได้พูดออกมา “ผู้อาวุโสซู เหมือนกับที่ข้าคิดไว้จริงๆ ท่านไม่ได้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบสินะ…”
ในตอนนั้นเองซูยู่ชูก็ได้หมุนตัวกลับมา นางได้เหวี่ยงไม้เท้าของตัวเองอีกครั้ง ไม้เท้าของนางที่ถูกเหวี่ยงได้สร้างลวดลายแสงสีทองออกมา มันเป็นพลังที่ออกมาจากปลายไม้เท้าที่นางถือไม่นานนักเครื่องรางที่ลึกลับก็ปรากฏขึ้น
ตุ้ม!
กู่ยี่หรานถอยกลับมาพร้อมกับพลังอวตาร สีหน้าที่กู้ยี่หรานมีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “นี่มันไม้เท้ามังกรขด! ไม่น่าแปลกใจเลย ไม่น่าแปลกใจเลย ไม้เท้ามังกรขดอยู่ในมือท่านมาโดยตลอดสินะ ผู้อาวุโสซู!”
ในตอนนี้ไม้เท้ามังกรขดได้หมุนกลับไปที่มือของซูยู่ชู นางได้ถือไว้ข้างตัวก่อนที่ จะลอยขึ้นไปบนอากาศ ซูยู่ได้พูดโต้กลับมา “ถ้าหากเจ้าจะขึ้นภูเขามาได้ เจ้าจะต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน”
ทันใดนั้นเองซูยู่ชูก็เคาะไม้เท้าลงบนพื้น นางได้บินขึ้นไปบนอากาศด้วยความเร็วสูง ซูยู่ชูได้กลับไปยืนในระดับเดียวกันกับกู่ยี่หราน
แม่ทัพใหญ่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกําลังจ้องมองดูซยู่ชูจากในระยะไกล
“ผู้อาวุโสซู…ทําไมท่านถึงต้องทําเช่นนี้?” ยู่เฉิงเอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้ก้าวต่อไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวของเขาได้ทําให้เกิดวงแหวนประกายแสงขึ้นมา เครื่องรางบนร่างกายของยู่เฉิงได้สร้างเขตแดนพลังอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา
เมื่อเขตแดนพลังที่ก่อตัวสัมผัสกับม่านพลัง ม่านพลังก็ถูกเปิด ซูเฉิงสามารถก้าวเข้ามาในม่านพลังได้อย่างง่ายดาย!
หมิงซูหยินรู้สึกตกใจ “เจ้านั่นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เขตแดนพลัง?!” ในบรรดาผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้เขตพลัง มันไม่ได้มีมากมายเหมือนกับผู้ฝึกยุทธทั่วๆไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้เขตแดนพลังได้ สิ่งนี้ได้ทําให้ตัวเขานึกถึงฝานลี่เทียนและผู้เป็นศิษย์พรองของตัวเอง ทั้งสองคนสามารถข้ามผ่านม่านพลังได้โดยที่ไม่ได้ลําบากยากเย็นอะไร
ซูยู่ชูคาดคิดเอาไว้แล้ว นางได้โบกสะบัดไม้เท้ามังกรขดของนางอีกครั้ง พลังแผ่สวรรค์รูปร่างมังกรของนางได้พุ่งออกมา
ชูเฉิงโบกมืออันใหญ่ยักษ์ ฝ่ามือของเขาได้ส่องประกายสีทองออกมาเช่นกัน!
ตุ้ม!
ฝ่ามือของซู่เฉิงจับพลังแผ่สวรรค์รูปร่างมังกรได้!
“พลังระดับนี้คงจะเป็นพลังของผู้มีอวตารดอกบัวสี่กลีบ ผู้อาวุโสซู…ท่านควรจะรู้ดีนะว่าพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมันหมายถึงอะไร” ชู่เฉิงกําฝ่ามือของตน ในตอนนั้นเองพลังแผ่สวรรค์รูปมังกรก็ถูกสลายไป
เมื่อเห็นแบบนั้นซูยู่ชูก็ขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น