My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 541
ตอนที่ 541 ถึงเวลา
เวลาอีกหนึ่งเดือนได้ผ่านไปชั่วพริบตา
ภายในห้องลับของศาลาปีศาจลอยฟ้า
สู่โจวกลับมาอยู่ในสภาพที่ไม่รับรู้อะไรอีกครั้ง ในตัวเขาที่กำลังทำสมาธิอยู่ในห้วงลึกอยู่นั่นเอง
ในตอนนั้นการแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
“ติ้ง! อัปเกรดระบบสำเร็จ”
“คัมภีร์อักษรสวรรค์ คัมภีร์ส่วนมนุษย์เพิ่มระดับขึ้น”
“ปรับปรุงระบบเรียบร้อย เพิ่มพลังวิเศษในการใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เพิ่มขึ้น”
“เพิ่มความหลากหลายและราคาการ์ดวิเศษ”
การแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในหูของลูโจว แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาดูเหมือนจะไม่ได้ยิน จู่โจวยังคงหมกมุ่นอยู่กับการทำสมาธิต่อไป
ตัวอักษรจากคัมภีร์โลกายังคงหมุนอยู่รอบตัว พลังวิเศษจากคัมภีร์มนุษย์และคัมภีร์โลกากำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน
หลิวเก้อ ซู่เฉิง และคู่ยี่หรานก็มาเยี่ยมเยียนศาลาปีศาจลอยฟ้าที่เชิงเขาอีกครั้ง
“ฝ่าบาท นี่ก็ได้เวลาที่พวกเราจะพบกับผู้อาวุโสจีอีกครั้งแล้ว พวกเราจะทำยังไงถ้าหากเขาปฏิเสธที่จะพบพวกเรา?” ชูเฉิงเป็นผู้ที่เริ่มถามขึ้น
หลิวเก้อเหลือบมองซูเฉิงก่อนจะพูดออกมา “แม่ทัพขู่ ระวังคำพูดของเจ้าให้ดี”
เมื่อช่เฉิงได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาก็รีบร้อนพูดขึ้น “ข้าทำผิดไปแล้วฝ่าบาท”
ภู่ยี่หรานพูดต่อ “ท่านกังวลมากเกินไปแล้วพี่ซู่ แม้ว่าผู้อาวุโสจีจะเดินทางสายอธรรมแต่ถึงแบบนั้นเขาก็เป็นคนที่รักษาคำพูด”
“ข้าก็หวังว่าแบบนั้น”
ถ้าหากเป็นเรื่องในอดีต หลิวเก้อก็คงจะออกความเห็นไปแล้ว เนื่องจากตัวเขารู้จักจีเทียนเด้ดี แต่ในตอนที่พบกันครั้งล่าสุด หลิวเก้อก็รู้สึกว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าได้เปลี่ยนไปเขาไม่ได้รับมือง่ายเหมือนกับในอดีต
หลิวเก้อเดินไปที่ม่านพลัง
ชูเฉิงเข้าใจความหมายดี ตัวเขารีบเอามือป้องไว้ที่ปากก่อนจะเริ่มส่งเสียง “แม่ทัพผู้รักษาการณ์ประตูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ชูเฉิงมาขอพบท่านผู้อาวุโสจี” เสียงของซู่เฉิงเต็มไปด้วยพลังลมปราณ มันเป็นพลังลมปราณที่มีไว้เพื่อแผ่ขยายเสียง
คลื่นเสียงของเขาเดินทางข้ามภูเขาทองก่อนที่จะค่อยๆ หายจางไป
ไม่นานหนักก็มีใครคนหนึ่งบินลงมา เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น หมิงซูหยินเป็นผู้ที่บินลงมานั่นเอง
หมิงซี่หยินที่ลอยอยู่ในอากาศได้พูดขึ้น “ข้าต้องขอโทษด้วย…ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะต้องมาวันอื่นแล้วล่ะ”
หลิวเก้อ ซู่เฉิง และภู่ยี่หรานต่างก็ตกตะลึง นี่เป็นเวลาที่พวกเขาได้สัญญากันเอาไว้ การนัดหมายของพวกเขาจะถูกยกเลิกโดยที่ไม่แจ้งล่วงหน้าได้ยังไง?
“ท่านส์ ผู้อาวุโสจีเป็นผู้ตกลงสัญญาด้วยตัวเอง แล้วมันจะไปเปลี่ยนแปลงกันได้ยังไง?” ชูเฉิงเริ่มโต้ตอบ
เนื่องจากซู่เฉิงและกู้ยี่หรานรู้ถึงจุดประสงค์ของกล่องที่พกพามาด้วย เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงมีความแน่วแน่และกล้าหาญมากกว่าการมาเยือนครั้งที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นชูเฉิงยังไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกพลังฝามือของลูโจวโจมตีในครั้งนั้น
หมิงซูหยินเอามือกอดอกก่อนจะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าเป็นผู้ที่เปลี่ยนวันนัดพบเอง”
“ท่าน?”
“อาจารย์ของข้าอายุมากแล้ว เขาไม่สามารถประมาณระยะเวลาที่จะต้องใช้เก็บตัวฝึกฝนได้อย่างแม่นยำ ข้าหวังว่าผู้ที่เคยเป็นจักรพรรดิที่ใจกว้างดั่งท้องนภาจะเข้าใจอาจารย์ข้านะฝ่าบาท”
ใบหน้าของซู่เฉิงเริ่มขมวดคิ้ว “แล้วจะยกเลิกข้อตกลงกันทั้งอย่างงี้น่ะเหรอ?”
“เฮ้..ถ้าหากอาจารย์ข้าไม่อยู่ แล้วทำไมข้าจะต้องให้พวกเจ้าเข้าไป?” หมิงซูหยินชี้ไปที่ม่านพลัง “หรือว่าเจ้าจะใช้กำลังผ่านเข้ามาล่ะ?” การแสดงออกที่หมิงซูหยินแสดงออกไปบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเขาไม่คิดที่จะเปิดทางให้
ชูเฉิงเริ่มรู้สึกรำคาญ
ชูเฉิงที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าและกำลังโต้เถียง แต่ตัวเขาก็ถูกหลิวเก้อยกมือขึ้นมาห้ามซะก่อน “ก็ได้ ข้าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้”
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลิวเก้อ ซู่เฉิง ภู่ยี่หราน และเหล่าผู้คุ้มกันของจักรพรรดิได้นั่งรถม้าลอยฟ้าไปที่เชิงเขาภูเขาทองอีกครั้ง
มันเป็นเหมือนกับเมื่อวันก่อน ซูเฉิงเป็นผู้ที่ส่งคลื่นเสียงไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
และแล้วก็เช่นเดิม หมิงหยินได้บินมาจากอีกมุมหนึ่งของศาลาปีศาจลอยฟ้า “ข้าขอโทษด้วย…ทำไมพวกเจ้าไม่มาวันหลังล่ะ?”
วันนี้หมิงซี่หยินได้พูดออกมาตามตรง
“ท่านสี่ พวกเราบอกว่าจะนัดพบกันในวันนี้ ข้าไม่คิดว่าคนที่มีอาจารย์ดีอย่างท่านจะกลับคำได้นะ”
หมิงซี่หยินกางแขนออกมา “ข้าก็ไม่เคยบอกนิว่าข้าไว้ใจได้”
“เจ้า!” ขู่เฉิงไม่เคยพบใครไร้ยางอายเหมือนกับหมิงซี่หยินมาก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดที่ต่อสู้ในสนามรบมากว่าหลายปี แต่ถึงแบบนั้นขู่เฉิงก็ยังรู้สึกว่าไร้ซึ่งพลัง พลังที่จะต่อปากต่อคำกับหมิงซี่หยิน
ในตอนนั้นเองหลิวเก้อก็ได้พูดออกมาจากทางด้านหลัง “แล้วเจ้าจะแนะนำให้พวกเรากลับมาตอนไหนล่ะ?”
หมิงซูหยินลูบคางก่อนจะครุ่นคิด “อืม.1 ปีล่ะเป็นยังไง?”
“…” เมื่อหมิงซี่หยินตอบกลับ หลิวเก้อก็เริ่มขมวดคิ้ว เมื่อเห็นแบบนั้นหมิงหยินก็ได้พูดเสริม “ข้าล้อเล่นน่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน”
หลิวเก้อจะไม่ยอมให้หมิงซี่หยินผลัดวันได้อีก “แล้วถ้าเกิดพรุ่งนี้เป็นเหมือนเดิมล่ะ?”
“ตอนนี้ท่านเริ่มจะไร้เหตุผลแล้วนะฝ่าบาท เรื่องของพรุ่งนี้ก็คือเรื่องของพรุ่งนี้สิ ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้หรอก”
ช่างเป็นจอมวายร้ายที่ฉลาดแกมโกงซะจริง!
หลิวเก้อได้ตอบกลับ “ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็ช่วยบอกพี่จีให้ข้าที ข้าจะมาเยี่ยมเยียนเขาใหม่ในวันรุ่งขึ้น”
ในครั้งสองครั้งแรกหลิวเก้อยอมที่จะปล่อยหมิงซี่หยินไปแต่โดยดี แต่ในตอนนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลิวเก้อมุ่งมั่นที่จะขึ้นไปบนภูเขามากแค่ไหน
หมิงซี่หยินรีบอำลา “ขอให้เดินทางปลอดภัยฝ่าบาท ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งต่อคำพูดของท่านไปให้อาจารย์ข้าได้ไหม”
หลิวเก้อและคนอื่นๆ หันหลังก่อนที่จะเดินจากไป
หมิงซี่หยินถอนหายใจก่อนที่จะกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่กลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า หมิงหยินก็เดินไปยังห้องลับ แล้วข้าควรจะทำยังไงดี? ข้าจะทำอะไรได้?”
หมิงหยินยังคงรอคอยผู้เป็นอาจารย์ออกจากห้องลับมาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจากด้านในห้องลับได้เลย
หมิงซี่หยินได้เอ่ยปากเรียกลูโจวเบาๆ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้รับการตอบรับอะไรกลับมา “ดูเหมือนว่าข้าจะได้แต่พึ่งพาตัวเองแล้วสินะ”
หมิงซูหยินหันหลังก่อนจะจากไป
ปัจจุบันผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเพียงสี่กลีบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ฝึกฝนตัวเองใหม่อย่างต้วนมู่เฉิง ซูฮ่องกง และจ้าวยู่ที่ตัดดอกบัวทองคำเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งที่มีในตอนนี้การจะข่มขู่ให้หลิวเก้อและคนอื่นๆ กลัวได้คงจะเป็นไปได้ยาก
หมิงซูหยินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะส่งจดหมายขอความช่วยเหลือในที่สุด
ณ ช่วงบ่ายของสำนักอเวจีสานักย่อย
ในตอนนั้นเองฮั่วจงหยางก็รีบเดินเข้าห้องโถงใหญ่
“ท่านเจ้าสำนัก สำนักอเวจีที่มณฑลยู่ของพวกเราได้รับจดหมายจากศาลาปีศาจลอยฟ้า บัดนี้อดีตจักรพรรดิหลิวเก้อ ซู่เฉิง และคู่ยี่หรานอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังขอให้สาวกคนแรกอย่างท่านให้ความช่วยเหลือ
ยู่เฉิงไห่และสีวี่หยาที่ได้ฟังแบบนั้นตกตะลึง
“ข้าจะต้องช่วยเหลือศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นเหรอ?” ยู่เฉิงไห่งุนงง
“ท่านสี่ไม่ได้อธิบายอะไรมากมายในจดหมายมากนัก แต่จากที่ได้อ่าน ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ซับซ้อนขึ้นมา” ฮัวจงหยางที่พูดจบได้ส่งจดหมายให้กับยู่เฉิงไห่
สีรู่หยารีบรับจดหมายฉบับนั้นก่อนที่จะอ่านมัน “ด้วยพลังวรยุทธที่ท่านอาจารย์มี มันไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไรถ้าหากเขาจะต้องรับมือกับหลิวเก้อ แต่ถ้าหากไม่มีท่านอาจารย์ พวกเขาก็ยังมีผู้อาวุโสทั้งสี่อยู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ยู่เฉิงไห่พูดแสดงความเห็น “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า มันจะเป็นกับดักไหม? เจ้าคิดว่าท่านอาจารย์ตั้งใจที่จะกลับคำและล่อข้าไปที่นั่นรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีรู่หยาก็ส่ายหัว “ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ถ้าหากเขาต้องการจะจับท่านจริงๆ ท่านอาจารย์ก็คงจะจับศิษย์พี่ไปตั้งแต่ตอนที่เจอหน้ากันครั้งนั้นแล้ว ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะรอจนมาถึงตอนนี้
“หลิวเก้อ เจ้าโจรเฒ่านั่น! ใครจะไปคิดกันว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ หรือว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอีกคนกัน?” หัวใจของยู่เฉิงไห่กำลังเต้นแรง ตัวเขากำลังอยากรู้เรื่องนี้สุดๆ
ตลอดเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา สำนักอเวจีได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะพิชิตมณฑลทั้งเก้าในตอนนี้พวกเขายึดครองมณฑลยได้แล้ว เหลือแค่เพียงมณฑลหยานและเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น จนถึงตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่ถึงเดือนแล้วที่ยู่เฉิงไห้ได้ให้สัญญากับผู้เป็นอาจารย์เอาไว้ โลกยุทธภพก็ถึงยุคแห่งการตัดดอกบัว ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารไร้ดอกบัวห้ากลีบที่ได้เห็นทำให้ยู่เฉิงไห่ตกใจมาก ถ้าหากมีผู้ที่สามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้จริง มันจะต้องเป็นอุปสรรคสำหรับสำนักอเวจีอย่างมหาศาลแน่
“หลิวเก้อเป็นเพียงสหายเก่าของท่านอาจารย์ พวกเขารู้จักกันในตอนที่ท่านอาจารย์อยู่ในยุคทอง หลิวเก้อเคยเชิญท่านอาจารย์ให้มาเป็นราชครูของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ถ้าหากท่านอาจารย์ยอมกลายเป็นราชครู ตัวเขาก็คงจะมีอำนาจ ชื่อเสียง และคนรับใช้จำนวนมหาศาลไปแล้ว แต่ท่านอาจารย์ไม่เคยชอบที่จะถูกผูกมัด และเพราะแบบนั้นเขาจึงก่อตั้งศาลาปีศาจลอยฟ้าบนภูเขาทองก่อนที่จะคัดเลือกสาวกให้กลายเป็นศิษย์แทน” สีรู่หยาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ตัวเขาจะพูดต่อ “จากการคำนวณของข้า ขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ของหลิวเก้อคงจะใกล้มาถึงเต็มที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบในตอนนี้”
สีรู่หยาพูดต่อ “จากที่ข้ารู้ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสี่ เล้งถั่วและฝานลี่เทียนได้รับบาดเจ็บสาหัสมา และฮั่ววูเด๋าก็เป็นเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ…ผู้อาวุโสคนใหม่อย่างซูยู่ชูเองก็น่าจับตามองนางเป็นยอดฝีมือที่มาจากลัทธิขงจื้อ เช่นเดียวกับขู่เฉิงและกู้ยี่หราน”
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้ว
สบู่หยายังคงพูดต่อ “ศิษย์พี่ใหญ่ข้าแนะนำให้พวกเราช่วยเหลือศาลาปีศาจลอยฟ้าแน่นอนว่ามันเป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”