My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 538
ตอนที่ 538 ขอขมาสาวน้อยคนนั้นซะ
คลื่นเสียงที่ดังขึ้นมาดูแตกต่างจากวิชาคลื่นเสียงทั้งหมดที่ขู่เฉิงเคยพบในอดีต มันดังก้องและทรงพลังบริสุทธิ์และว่องไว มันเป็นคลื่นเสียงที่ซู่เฉิงไม่อาจจะป้องกันตัวเองได้ทัน
ใบหน้าของซู่เฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อคลื่นเสียงกำลังจะกระทบกับตัวเขา
ตุ้ม!
ชูเฉิงที่ถูกคลื่นเสียงถอยกลับไป ตัวเขาเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ทันทีที่ถูกคลื่นเสียงจู่โจมชูเฉิงก็เพิ่งสมาธิเพื่อทำให้ตัวเองไม่เสียหลัก มีหลายครั้งที่การปล่อยให้ตัวเองกระเด็นลอยไปเป็นการลดความเสียหายที่จากการโจมตีที่ดีกว่า ชูเฉิงสามารถพลิกตัวเพื่อที่จะลดผลกระทบจากคลื่นเสียงได้ ถ้าหากทำแบบนั้นตัวเขาก็จะบาดเจ็บได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ชูเฉิงเลือกจะยืนหยัดอดทน
ชูเฉิงยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะจ้องมองไปยังด้านหลังกำแพงของห้องโถงใหญ่ด้วยความหวาดกลัว
หลิวเก้อ จักรพรรดิหยังโชวและคู่ยี่หรานต่างก็ตกตะลึง
ในทางกลับกันหมิงซูหยินดูดีใจขึ้นมา ตัวเขาได้ถอนพลังอวตารของตัวเองไปก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับทางไปยังห้องลับ “ท่านอาจารย์”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ความเร็วของฝีเท้าไม่ได้ฟังดูเร่งรีบหรือเชื่องช้า มันเป็นเสียงฝีเท้าที่ฟังดูมั่นคงมันเป็นเสียงที่ฟังดูเหมือนจะมาจากที่อันแสนไกล
เหล่าผู้มาเยือนรู้ได้ทันทีว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังจะปรากฏตัว สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังทิศทางของต้นเสียง
ในที่สุดจู่โจวก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ตัวเขาเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่โดยที่เอามือไขว้หลังเอาไว้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ลูโจวไม่ขยับไปไหนก็เพราะสภาวะแห่งการทำสมาธิ ลูโจวไม่สามารถมีความรู้สึกและเข้าถึงจิตสำนึกของตัวเองได้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังได้รับรู้เสี้ยวหนึ่งของการสนทนา บางครั้งก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน บางครั้งมันก็ไม่ปะติดปะต่อกัน เมื่อครู่ที่แล้วจู่โจวกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำสมาธิอย่างมีความสุข ตัวเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะตื่นขึ้นกับสภาวะแบบนั้นเลยท้ายที่สุดแล้วจู่โจวก็ตื่นขึ้นมาเพราะความผิดหวัง ความโกลาหลครั้งใหญ่ในห้องโถงได้ปลุกลูโจวให้ตื่นขึ้น แม้ว่าเสียงเพลงจากขลุ่ยของหอยสังข์จะช่วยทำให้สมาธิของตัวเขาเพิ่มสูงขึ้น แต่เสียงจากตัวอักษรที่ชนกันมันทำให้ลูโจวต้องตื่นขึ้นมา
ทันทีที่ลูโจวก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ตัวเขาก็กวาดตามองผู้มาเยือนทั้งสาม
ชูเฉิงและกู้ยี่หรานตัวแข็งที่อ
เมื่อดวงตาของลูโจวจับจ้องไปที่จักรพรรดิหย่งโชว ตัวเขาก็ได้เอ่ยปากออกมา “หลิวเก้ออย่างงั้นเหรอ?”
หลิวเก้อรู้สึกตกใจ ตัวเขาค่อนข้างมั่นใจว่าจีเทียนเด่จะต้องผมขาวโพลน แก่เฒ่าจนสูญเสียความคล่องแคล่วไป สภาพของจีเทียนเด่ไม่ควรจะดีไปกว่าซูยู่ชู ตัวเขาจะไม่แปลกใจได้ยังไงเมื่อได้เห็นลูโจวทั้งสุขภาพดีและยังดูอ่อนกว่าวัย แผ่นหลังของจีเทียนเด้ยังตั้งตรง สีหน้าท่าทางของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลัง แม้ว่าจีเทียนเด่จะตำหนิรู่เฉิงด้วยคลื่นเสียงอันทรงพลัง แต่เขาก็ไม่ได้เหนื่อยอ่อนเลยแม้แต่น้อย จีเทียนเด็ดูไม่ใกล้กับขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่เลยด้วยซ้ำ! แม้ว่าหลิวเก้อจะเป็นราชา แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของลูโจวในตอนนี้ ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวและเริ่มเกิดความคิดฟุ้งซ่านขึ้น แต่เมื่อนึกถึงจีเทียนเดำที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ในที่สุดหลิวเก้อก็ได้ทักทายขึ้น “ในที่สุด…พวกเราก็ได้พบกันแล้วนะพี่จี”
“เจ้ายังไม่ตาย?”
ชูเฉิงก้าวไปที่ด้านหน้า ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากล้าใช้คำว่า “ตาย” พูดกับอดีตจักรพรรดิได้ยังไงกัน? แต่น่าเสียดายที่ซู่เฉิงไม่ได้พูดอะไร ตัวเขาที่ก้าวออกมาต้องกระอักเลือดอย่างช่วยไม่ได้ “ช่างเป็นวิชาคลื่นเสียงที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้” ชูเฉิงไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเขาจะได้รับบาดเจ็บจากพลังคลื่นเสียงได้ แม้ว่าจะไม่ได้ประลองกันโดยตรง แต่อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับบาดเจ็บไปหลายส่วนจากพลังคลื่นเสียงของลูโจวแล้ว พลังของปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่? ดูเหมือนว่าความลึกล้ำของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะแตกต่างจากพลังทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
สู่โจวเปลี่ยนไปมองขู่เฉิงแทน “เจ้าเป็นพวกที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าสินะ?”
ชูเฉิงดูสับสน ตัวเขาพยายามสกัดกั้นความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนที่จะโค้งคำนับและตอบกลับไป “ผู้อาวุโสจี พวกเราก็แค่ประลองแลกเปลี่ยนความรู้กัน ถ้าหากข้าทำให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจ ข้าก็ยินดีที่จะยอมรับการลงโทษแต่โดยดี”
“แค่ประลองอย่างงั้นเหรอ?”
ในตอนนั้นเองเด็กสาวตัวเล็กก็ได้วิ่งเข้ามา นางได้ถือขลุ่ยหยกหลานเทียนเข้ามาด้วย ในขณะที่เข้ามานางกำลังมองหาใครบางคนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เมื่อได้เห็นอาจารย์ของตัวเอง นางก็รีบคารวะให้ “ท่านอาจารย์”
สู่โจวเหลือบมองหอยสังข์ก่อนที่จะจ้องมองขู่เฉิงอีกครั้ง
ชูเฉิงมองเห็นสาวน้อยที่มาพร้อมกับขลุ่ยหยกหลานเทียนอย่างชัดเจน มือของเขาถึงกับต้องสั่นสะท้านก่อนที่จะอุทานออกมา “ผู้ใช้ขลุ่ยคนนั้นก็คือ…นางอย่างงั้นเหรอ?”
หมิงซูหยินตอบกลับอย่างไม่ไยดี “แล้วจะมีใครได้อีกล่ะ? ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกำลังกลั่นแกล้งเด็กสาวที่เพิ่งจะฝึกฝนพลังวรยุทธถึงขึ้นสู่สัมผัสแห่งการควบคุมเท่านั้น ช่างเป็นผู้อาวุโสที่น่าชื่นชมซะจริง!”
ชูเฉิงรู้สึกอึดอัด ดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนจะส่ายหัว “ขั้นสัมผัสแห่งการควบคุม?” ตัวเขามองดูเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่น่ารักและไร้เดียงสาอีกครั้ง นางอาจจะเป็นยอดฝีมือที่จงใจปกปิดพลังเอาไว้และแอบอ้างเป็นผู้มีพลังขั้นสัมผัสแห่งการควบคุมก็ได้? แต่เมื่อคิดดูให้ดีแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย นางยังเด็กจนเกินไป เด็กสาวคนนี้จะไปมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำได้ยังไงกัน?
ชูเฉิงรู้สึกได้ทันทีว่าแก้มของตนกำลังร้อนระอุ ตัวเขารู้สึกละอาย แค่คิดว่ากำลังต่อสู้กับเด็กสาวตัวเล็กที่เพิ่งจะฝึกฝนตัวเองถึงขั้นสัมผัสแห่งการควบคุมได้ขู่เฉิงก็รู้สึกผิดจนไม่อาจจะแก้ตัวได้อีก! การกระทำของเขาก่อนหน้านี้มันช่างน่าละอายและไร้คุณธรรม ชูเฉิงมองดูลูโจวอย่างงุ่มง่าม เมื่อสายตาของทั้งคู่จ้องมองกัน ขู่เฉิงก็สั่นไปทั้งตัว “ผู้ผู้อาวุโสจี!”
คำพูดของลูโจวอย่าง “เจ้าเป็นพวกที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าสินะ?” ยังคงดังก้องอยู่ภายในใจขู่เฉิง
สู่โจวพูดออกมาอย่างใจเย็น “ในเมื่อเจ้าชอบประลอง ข้าจะเติมเต็มความปรารถนาให้กับเจ้าเอง”
“หะ?”
“รับไปซะ!” สู่โจวยกมือขึ้น แสงสีฟ้าจางๆ ได้ส่องสว่างจากระหว่างนิ้วของเขา
“พลังฝ่ามือสละปัญญาของชาวลัทธิจงจื้อ!”
ชูเฉิงและกู่ยี่หรานต่างก็เป็นยอดฝีมือชาวขงจื้อ แน่นอนว่าพวกเขารู้จักพลังฝ่ามือที่ได้เห็นดี
“พี่จี ได้โปรดเมตตาด้วย!” หลิวเก้อขมวดคิ้วอย่างที่ไม่เคยเป็น
สู่โจวตั้งใจโจมตีอย่างแน่วแน่ แน่นอนว่ามันไม่อาจถูกยกเลิกได้อย่างง่ายดาย ตัวอักษรคำว่าสละปัญญาได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะถูกส่งออกมาพร้อมพลังฝ่ามือ..
ซูเฉิงที่เห็นแบบนั้นล่าถอยก่อนที่จะกางฝ่ามือขึ้นมา ฝ่ามือทั้งสองข้างผสานกัน แม้ว่าเขาจะใช้ฝ่ามือสละปัญญาเช่นกัน ดูเหมือนว่าชูเฉิงจะใช้ฝ่ามือสละปัญญาด้วยเช่นกัน ขู่เฉิงก็ถือเป็นยอดฝีมือเช่นกัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ตัวเขาจึงเลือกที่จะโจมตีสวนกลับแทนที่จะตั้งรับ ตัวอักษรสละปัญญาก็ได้ปรากฏขึ้นบนรอบนิ้วของช่เฉิง น่าเศร้าที่พลังของซู่เฉิงดูเล็กเมื่อต้องเทียบกับพลังฝ่ามือสละปัญญาของลูโจว ไม่ว่าจะยังไงตัวเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องโจมตีกลับ ซูเฉิงโน้มตัวไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะปลดปล่อยพลังฝ่ามือที่ทรงพลังที่สุดที่จะทำได้ออกมา
พลังฝ่ามือสละปัญญาของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน
ตุ้ม!
เป็นไปตามที่คาดไว้ ฝ่ามือของซู่เฉิงถูกทำลายไป ตัวเขารีบชักฝ่ามือกลับก่อนที่จะป้องกันตัวเองอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าจะพยายามแล้วแต่มันก็ไม่สำเร็จ แขนของซู่เฉิงถูกพลังฝ่ามืออันทรงพลังหัก
ฝ่ามือสละปัญญาของลูโจวไม่ได้สลายหายไป มันยังคงมุ่งไปที่ด้านหน้า พลังฝ่ามือได้ชนเข้ากับหน้าอกของซู่เฉิง มันได้ผลักให้ชูเฉิงกระเด็นออกจากห้องโถงใหญ่ ชูเฉิงกระเด็นไปไกลจนชนเข้ากับลานทางด้านตะวันออก
ตุ้ม!
ขู่เฉิงตกลงสู่พื้น
พลังฝ่ามือของลูโจวได้ลอยต่อไป มันลอยสูงขึ้นก่อนที่จะหายจางไปในอากาศ
อัจฉริยะแห่งลัทธิขงจื้ออย่างซูยู่ชูสังเกตเห็นพลังฝ่ามือที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างชัดเจน “ใครปลดปล่อยพลังฝามือสละปัญญาออกมากัน? ชูเฉิง? หรือว่าคู่ยี่หรานกัน?”
ผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็ขมวดคิ้ว
ซูยู่ชูส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ “ข้ารู้ถึงความสามารถพวกเขาดี เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะปลดปล่อยพลังฝ่ามือสละปัญญาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้”
“แล้วหลิวเก้อล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้เช่นกัน หลิวเก้ออายุมากแล้ว เขาน่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่เต็มที่”
ทั้งสี่ต่างก็มองหน้ากันและกันก่อนที่จะตระหนักถึงความเป็นไปได้มากที่สุด
ณ ห้องโถงใหญ่
หลังจากที่ลูโจวใช้พลังฝ่ามือ หลิวเก้อและคู่ยี่หรานต่างก็เหลือบมองไปที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ด้วยความตกใจ สู่โจวและขู่เฉิงต่างก็ใช้พลังฝ่ามือเดียวกัน แต่ถึงแบบนั้นการโจมตีของลู่โจวก็สามารถบดขยี้พลังฝ่ามือสละปัญญาของซู่เฉิงได้อย่างง่ายดาย!
หลังจากที่เงียบไปนาน หลิวเก้อที่รวบรวมสติคนแรกได้พูดขึ้นมาก่อน “พี่จี ได้โปรดใจเย็นก่อน พวกเขาต่างก็มาที่นี่พร้อมกับข้า ข้าจะรับผิดชอบความผิดของพวกเขาเอง”
“นี่ก็แค่การลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ถ้าหากไม่ได้เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าก็คงจะทำให้เจ้านั่นต้องกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”
“ทำไมท่านถึงต้องโกรธด้วย?” หลิวเก้อถามออกมาด้วยความสงสัย
จู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ “สาวกของข้าเพิ่งจะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังขั้นสัมผัสแห่งการควบคุมได้แท้ๆ เจ้าคิดว่าข้าควรจะยืนเฉยเมื่อเห็นสาวกของตัวเองถูกรังแกอย่างงั้นเหรอ?”
“…” หัวใจของหลิวเก้อเต้นรั่ว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ตัวเขาไม่คาดคิดว่าจีเทียนเด่จะยังคงปกป้องคนของตัวเองอย่างเคร่งครัดได้ถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะยังอารมณ์ร้อนเหมือนเคย” แม้ว่าจะคิดแบบนั้นแต่สีหน้าของหลิวเก้อก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม “ชูเฉิง ก้มหน้าขอขมาสาวน้อยคนนั้นซะ”