My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 535
ตอนที่ 535 อดีตจุดสูงสุด
หมิงหยินงุนงง หลังจากที่ได้รับคําสั่งของท่านอาจารย์มา สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งหมดก็อยู่บนภูเขาทองมาโดยตลอด และหลังจากที่ม่านพลังของสถานศึกษาไท่ซูและสํานักเฮ้งชูถูกทําลายไป สํานักทั้งหลายก็เลือกที่จะเก็บตัวเงียบมาโดยตลอด แล้วเพราะอะไรถึงได้มีคนมาเยี่ยมเยียนที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าในเวลานี้?
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคงจะต้องฝึกฝนด้วยตัวเองไปก่อน ข้ามีเรื่องที่จะต้องทํา” หมิงซูหยินได้หันไปพูดกับหอยสังข์
“ค่ะ” หอยสังข์หันกลับมาก่อนจะจากไปอย่างเชื่อฟัง
หมิงซูหยินหันหาไปผู้ฝึกยุทธหญิงแทน “ข้าจะไปดูเอง” เมื่อพูดจบตัวเขาก็รีบลงจากภูเขาไป
ที่เชิงเขาหมิงหยินมองเห็นขันที่สวมชุดเครื่องแบบของราชสํานักยืนอยู่นอกม่านพลัง ขันทีคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เขาก็คือขันที่ส่วนตัวของซูสีไทเฮา หลี่หยุนเฉา
“ท่านสี่ พวกเราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ข้าดีใจจริงๆที่ได้พบท่าน” หลี่หยุนเฉาพูดทักทาย
“เป็นเจ้านี่เอง?” หมิงซูหยินยังคงไม่เข้าใจ “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาในวันนี้ได้?”
หลี่หยุนเฉาถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเองก็ไม่ได้อยากมารบกวนพวกท่านหรอก แต่ข้ามาที่นี่ก็เพราะคําสั่งของเจ้านายข้า”
“แล้วเจ้ามามีธุระอะไรกัน? ข้าเองก็ไม่มีเวลาคุยกับเจ้านักหรอกนะ”
หลี่หยุนเฉารีบพูดเข้าเรื่อง “ข้าอยากขอพบท่านปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะได้รึเปล่า?”
“ไม่ได้”
“…” หลี่หยุนเฉาตัวแข็งที่อ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยอมแพ้ไม่ได้ “ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องหารือต่อหน้าท่านปรมาจารย์คนเดียวเท่านั้น…”
เมื่อหมิงซูหยินเห็นว่าหลี่หยุนเฉายังคงไม่เปิดเผยจุดมุ่งหมายออกมา ตัวเขาก็หันหลังกลับก่อนที่จะเดินไปในทันที “ถ้าหากเจ้าคิดแบบนั้นก็รอต่อไปซะเถอะ ข้าก็ไม่ได้มีเวลาว่างมารอเจ้าทั้งวัน
“ช้าก่อน!” หลี่หยุนเฉาพูดต่อด้วยความกังวล “องค์จักรพรรดิ์รุ่นก่อนต้องการขอพบท่านปรมาจารย์!”
องค์จักรพรรดิรุ่นก่อน?
“คนตายไปแล้วจะมาพบคนเป็นได้ยังไง?” หมิงซี่หยินหันกลับมาก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตัวเขาได้ปล่อยพลังฝ่ามือจู่โจมหลี่หยุนเฉาอย่างต่อเนื่อง
ตุ้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!
หลี่หยุนเฉาไม่คาดคิดว่าหมิงซี่หยินจะหันกลับมาโจมตี ขันทีเฒ่ารีบยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันตัวเอง พลังฝ่ามือสีทองได้ปัดป้องการโจมตีของหมิงซูหยินเอาไว้ หลี่หยุนเฉาที่ต้องถอยกลับ ได้พูดต่อ “ท่านสี่ ท่านเข้าใจข้าผิด! องค์จักรพรรดิรุ่นก่อนยังมีชีวิตอยู่ราชสํานักไม่มีทางเลือกอื่น นอกซะจากต้องประกาศการสวรรคตของเขาออกมา…”
ตุ้ม!
พลังฝ่ามือของทั้งคู่พุ่งชนกัน ทั้งสองต่างก็ถอยกันคนละก้าว
หลี่หยุนเฉาตกใจเล็กน้อย ตัวเขาถือเป็นยอดฝีมือแห่งราชสํานัก เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ เป็นผู้พิทักษ์คนสําคัญของซูซีไทเฮา แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ถูกหมิงหยินผลักกระเด็นกลับมา
หมิงซี่หยินยืนหยัดอย่างมั่นคง ตัวเขาไม่อยากจะเชื่อว่าขันทีเฒ่าคนนี้จะยังมีฝีมือที่ร้ายกาจอยู่ “จักรพรรดิหย่งโชวยังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นเหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว” หลี่หยุนเฉารีบอธิบายต่อ “อาจารย์ของท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดิองค์ก่อน ตอนนี้เขาก็อายุมากแล้ว เขาปรารถนาที่จะพบท่านปรมาจารย์ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป”
“อาจารย์ของข้าไม่ว่าง” มันเป็นเรื่องจริง
สีหน้าของหลี่หยุนเฉาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย “ถ้าหากท่านปรมาจารย์ยอมรับความต้องการนี้ ท่านจักรพรรดิองค์ก่อนบอกว่าจะมาที่นี่เป็นการส่วนตัว”
หมิงซี่หยินตกตะลึง ขันทีเฒ่าคนนี้ไม่ได้ฟังสิ่งที่ตัวเขาได้พูดเลย “ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าอาจารย์ของข้าไม่ว่าง เจ้าไม่เข้าใจภาษาคนเหรอไงกัน?”
หลี่หยุนเฉารู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ตัวเขาจ้องไปที่ด้านหน้า เมื่อไม่เห็นใครอื่นตัวเขาก็ได้กวักมือเรียกหมิงหยิน หมิงซูหยินเข้าใจท่าทีของขันที่คนนี้ดีก่อนที่จะเดินมาหา
หลี่หยุนเฉากระซิบใกล้ๆ หูของหมิงซูหยิน
สีหน้าของหมิงซูหยินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ขันที่กระซิบมา “จริงๆอย่างงั้นเหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว” หลี่หยุนเฉาโค้งคํานับก่อนจะพูดต่อ “ข้าเป็นคนสนิทของซูสีไทเฮา ที่ข้าบอกกับท่านก็เพราะเห็นแก่เรื่องในอดีต ท่านก็แค่ทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็พอ ท่านสี่”
“เจ้ามีไหวพริบใช้ได้เลยนะ” หมิงซูหยินพูดชมเชย
“ข้าก็แค่พูดในสิ่งที่ต้องพูด ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ท่านสี่ ข้ายังมีคําขออื่นอีก”
“คําขออะไรละ?”
“ได้โปรดซัดพลังฝ่ามือใส่ข้าที ถ้าหากข้าบาดเจ็บแล้วก็คงจะอธิบายตัวเองได้ง่ายกว่า”
หมิงซูหยินเกาหัวก่อนจะตอบกลับ “ข้าจะไม่ทําแบบนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลเหมือนกับอาจารย์ข้า ข้าจะไม่ทําร้ายใครโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ”
“ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ ท่านสี่ องค์จักรพรรดิองค์ก่อนได้สั่งการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทําแบบนี้” หลี่หยุนเฉาขอร้องอ้อนวอน
“ไม่ ไม่ ไม่ได้…” หมิงหยินโบกมือ “ข้าไม่ใช่คนฉวยโอกาส ข้าช่วยเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้หรอก แต่ถ้าหากเป็นสหายแซรี เขาอาจจะช่วยเจ้าได้”
หลี่หยุนเฉาแสดงท่าทีที่อ่อนล้าก่อนที่จะโค้งคํานับให้แต่โดยดี “งั้นข้าไม่ขอรบกวนท่านแล้ว ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรมจริงๆ ท่านสี่ ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้กับสหายแซ่รีของท่านด้วย การโจมตีของสหายท่านคงจะไม่มีความหมายอะไร ท่านเป็นคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้า ท่านสี่ ท่านไม่ควรที่จะคบหากับคนธรรมดาอย่างสหายท่านเลย ถ้าหากหมดเรื่องแล้วข้าก็ขอตัวลา”
“ช้าก่อน”
หลี่หยุนเฉาหยุด ตัวเขาหันกลับมาอย่างสับสน
ตุ้ม!
หมิงซี่หยินได้ต่อยใส่หลี่หยุนเฉาจากในระยะประชิด
หลี่หยุนเฉากระเด็นกลับไปบนพื้น “โอ๊ย ใบหน้าข้า!”
“จู่ๆ ข้าก็อยากช่วยเจ้าน่ะ….เจ็บไหม?” หมิงหยินได้วางกําปั้นลง
หลี่หยุนเฉาไม่คิดว่าหมิงซูหยินจะโจมตีทีเผลอ “ไหนบอกช่วยข้าไม่ได้ไง ไหนต่อยข้าซะแรงเชียว..โอ๊ย…”
หมิงซี่หยินไม่ได้หันไปมองหลี่หยุนเฉาอีกต่อไป ตัวเขาฮัมเพลงอย่างมีความสุขก่อนที่จะบินกลับศาลาปีศาจลอยฟ้า
เมื่อหมิงซูหยินกลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาก็เริ่มหงุดหงิด
หลิวเก้ออดีตจักรพรรดิแห่งดินแดนหยานต้องการที่จะมาเยี่ยมเยียนศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นการส่วนตัว! การเยี่ยมเยียนของเขามาในขณะที่สํานักอเวจีเริ่มต่อต้านราชสํานักอย่างรุนแรง อดีตจักรพรรดิอย่างเขาจะได้อะไรจากการมาเยือนกัน?
หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หมิงซี่หยินก็ตัดสินใจที่จะปรึกษาผู้เป็นอาจารย์ ท้ายที่สุดแล้วอดีตจักรพรรดิคนนี้ก็คุ้นเคยกับอาจารย์ของตัวเขาดี เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้หมิงซูหยินก็เดินไปยังห้องลับ “ท่านอาจารย์ครับ”
ไม่มีเสียงตอบกลับหรือเสียงการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
แม้ว่าจะไม่สบายใจแต่หมิงซูหยินก็พูดต่อ “ท่านอาจารย์ครับ”
หมิงซูหยินยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นในขณะที่รอฟังคําตอบ ตัวเขาไม่กล้าที่แม้แต่จะเข้าใกล้ประตู ห้องลับ
ไม่มีคําตอบมาจากอีกฝั่ง
หมิงซูหยินส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจ “ข้าควรจะคิดหาทางแก้ด้วยตัวเองสินะ…เดี๋ยวก่อน ข้าจะแอบมองเข้าไปในห้องลับไม่ได้!” เมื่อคิดได้แบบนั้นหมิงหยินก็จากไป
ภายในห้องลับ
ลู่โจวยังคงอยู่ในสภาวะหมดสติ หลังจากที่ตําหนิซูฮ่องกงไปตัวเขาก็กลับมาไร้ความรู้สึกอีกครั้ง แน่นอนว่าลู่โจวไม่ได้ยินเสียงของหมิงซูหยิน
สามวันผ่านไป
ในเช้าวันใหม่ ดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นจากทิศตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้าเช่นเดิม
ในตอนนั้นเองมีรถม้าลอยฟ้าสีเทาขนาดเล็กได้บินออกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
บนรถม้าลอยฟ้า มีแม่ทัพใหญ่ทั้งสองอย่างกู้ยี่หรานและขู่เฉิงคอยรักษาความปลอดภัย พวกเขาทั้งคู่มีหน้าที่คุ้มกันหย่งโชวด้วยความเคารพ ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนของจักรพรรดิหย่งโชวมาก่อน เมื่อรู้ความจริงที่ว่าหลิวเก้อยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็รู้สึกอดประหลาดใจไว้ไม่ได้
“พวกเจ้ากําลังกลัวอย่างงั้นเหรอ?” หลิวเก้อเหลือบมองแม่ทัพทั้งสอง
ทั้งสองโค้งคํานับ “พวกเราก็แค่อยากจะยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย”
หลิวเก้อมองไปที่ดวงอาทิตย์
รถม้าลอยฟ้ากําลังบินผ่านท้องฟ้าอย่างราบรื่น
“พวกเจ้าทั้งคู่ต่างก็เคยยืนเคียงข้างข้าในตอนที่ข้าพิชิตดินแดนของชนเผ่าอื่นนับหมื่น จนถึงตอนนี้พวกเจ้าทั้งคู่ก็เริ่มจะแก่ตัวเหมือนข้าแล้วสินะ” หลิวเก้อที่พูดจบถอนหายใจ
ผมของกู้ยี่หรานและซู่เฉิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว
เวลาไม่เคยปรานีใคร
“นี่คือวัฏจักรชีวิต เป็นธรรมดาที่พวกเราจะแก่เฒ่าฝ่าบาท” ซู่เฉิงเป็นคนตอบ
ในขณะที่เฝ้ามองอดีตลูกน้องของตัวเอง หลิวเก้อก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “พวกเจ้าทําหน้าที่ได้ดีแล้วล่ะ”
“มันเป็นสิ่งที่พวกเราควรทําแล้ว ตราบใดที่พวกเราปกป้องดินแดนหยานเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะต้องบุกน้ําลุยไฟที่ไหนพวกเราก็ยินดีที่จะทํา” ซู่เฉิงตอบรับ
หลิวเก้อเฝ้ามองทั้งคู่ไปอีกสักพักก่อนจะพูดต่อ “พวกเจ้าสองคนเคยคิดที่จะผ่าดอกบัวทองคํา เพื่อที่จะทดลองฝึกฝนตัวเองไปให้ถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบบ้างรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งคู่ก็คุกเข่าลงในทันที ที่ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนว่าหลิวเก้อจะรู้เรื่องในตอนนี้ดี
“ข้าจงรักภักดีมาโดยตลอด ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยืนยันให้ข้าได้!”
“สํานักอเวจีได้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วมณฑลทั้งเก้า ข้าไม่สามารถยืนเฉยได้โดยที่ไม่ทําอะไร!”
ทั้งคู่ไม่กล้าที่จะขัดคําสั่งที่อดีตจักรพรรดิเคยสั่งไว้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
หลิวเก้อพยักหน้าด้วยความยินดี “ลุกขึ้นและพูดเถอะ”
ทั้งสองคนยืนขึ้น
“ในตอนแรกข้าก็อยากจะพบลูกของข้า…แต่ในตอนนี้เขาเก็บตัวฝึกฝนอยู่ เพราะแบบนั้นพวกเจ้าทั้งคู่ถึงต้องมากับข้าแทน” ยังไงหลิวเก้อก็สละราชบัลลังก์แล้ว เป็นธรรมดาที่ผู้พิทักษ์ของราชสํานักจะไม่ใช่คนของเขาอีก
ซู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นรีบตอบกลับมา “ฝ่าบาท ขอเพียงท่านแค่สั่งพวกเรา พวกเรายินดีที่จะทําตามทุกอย่าง”
“เปิดเส้นทางไปสู่ศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ”
“…” ซู่เฉิงและกู้ยี่หรานต่างก็ตกตะลึง หลังของพวกเขาทั้งคู่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความรู้สึกอันเลวร้ายได้ก่อเกิดขึ้นในใจของพวกเขาทั้งคู่
ในตอนเที่ยงวัน ในที่สุดรถม้าลอยฟ้าก็เดินทางมาถึงเชิงเขาภูเขาทอง
“ฝ่าบาท พวกเรามาถึงแล้ว” ซู่เฉิงเหลือบมองไปบนภูเขาทองก่อนจะกลืนน้ําลาย
“เจ้ากําลังประหม่าสินะ?” หลิวเก้อสังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนดูไม่สบายใจ
ถ้าหากจะพูดตามตรงกู้ยี่หรานและซู่เฉิงรู้สึกเสียใจที่ได้เดินทางมา พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าปลายทางจะคือภูเขาทอง ที่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งอยู่ในตอนนี้นี่เป็นสถานที่ที่ไม่ควรเดินทางมามากที่สุดแล้ว แต่ยังไงซะพวกเขาทั้งคู่ก็ได้ประกาศถึงความจงรักภักดีที่ตัวเองมีไป ทั้งคู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องเดินหน้าต่อไป
“พวกข้าไม่ได้ประหม่า พวกข้าแค่กังวลอะไรนิดหน่อยก็เท่านั้น”
“ไม่ต้องกังวลไปข้าเป็นสหายเก่าของจีเทียนเดําเอง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะรําลึกถึงอดีตก็เท่านั้น” หลิวเก้อพูด
ผู้คุ้มกันทั้งหลายได้กระโดดลงจากรถม้า ทุกคนต่างก็ถือกล่องจํานวนหนึ่งติดตัวก่อนที่จะวางลงที่ด้านนอกม่านพลัง
ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนบินลงมาจากภูเขา ชายคนนั้นลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกมา “ท่านก็คืออดีตจักรพรรดิหย่งโชวอย่างงั้นสินะ?”
หลิวเก้อมองขึ้นไปบนนั้น “เจ้ารู้จักข้าด้วยอย่างงั้นเหรอ?”
“มันก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ข้ากําลังรอท่านอยู่ ข้าที่อยู่ที่นี่ไม่ชินกับการคุกเข่า หวังว่าท่านคงจะเข้าใจ” หมิงซี่หยินตอบกลับ
“ไม่เป็นไร” หลิวเก้อพูดอย่างใจกว้าง
“อาจารย์ข้าเก็บตัวฝึกฝนมากว่าสามเดือนแล้ว ข้าเกรงว่าท่านคงจะไม่ได้พบเขาในตอนนี้ ฝ่าบาท” หมิงซีหยินพูดอย่างโผงผาง