My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 425
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าเป็นคนเดียวในใต้หล้านี้ที่สามารถช่วยนางได้” เมื่อพูดจบตัวของลู่โจวก็ได้ยกฝ่ามือขึ้นมา ในขณะที่ยกฝ่ามือการ์ดรักษาฉุกเฉินของตัวเขาก็ได้ถูกใช้งาน เมื่อฝ่ามือของลู่โจวยกลงมา คลื่นพลังจากฝ่ามือของเขาก็ได้ซัดเข้าใส่ร่างกายของหย่งหนิง มันเป็นการ์ดรักษาฉุกเฉินที่จะทำให้รักษาอาการบาดเจ็บได้ถึง 30%
“วิชาเมตตาธรรม” สีวู่หยาที่เห็นภาพตรงหน้าได้อุทานออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดย้อนไปในตอนที่เห็นอาจารย์ของตัวเองใช้พลังพระพุทธองค์ทองคำที่มีความสูงกว่า 100 ฟุตในเมืองแห่งมณฑลเหลียง สีวู่หยาก็ไม่ได้คิดว่ามีอะไรแปลกถ้าหากอาจารย์ผู้นี้จะสามารถใช้เคล็ดวิชาแห่งการรักษาของชาวพุทธได้ด้วย ในตอนนี้ตัวเขานึกไปถึงคำพูดของศิษย์พี่ใหญ่เมื่อนานมาแล้ว ในตอนนั้นสีวู่หยาคิดสงสัยและไม่ได้ปักใจที่จะคิดชื่อ แต่ในตอนนี้ตัวเขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ของเขาอาจจะพบวิธีเอาชนะขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ไปแล้วก็ได้ ถ้าหากไม่ได้เป็นแบบนั้นอาจารย์ของเขาจะทำแบบนี้ได้ยังไงกัน? แม้ว่าจะมีขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ลู่โจวก็สามารถใช้วิชาฝ่ามือสละปัญหาได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวเท่านั้นลู่โจวก็สามารถเอาชนะเซียงลี่ได้ นอกจากนี้ลู่โจวยังสามารถจัดการกงหยวนบนแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองรูหนานด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นกัน เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง? ทุกสิ่งทุกอย่างคือสิ่งที่สีวู่หยาคิดในขณะที่จ้องมองหย่งหนิงที่กำลังถูกรักษา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่โจวก็ได้ชักฝ่ามือกลับไป จากการคำนวณที่ลู่โจวได้คิดไว้ การ์ดรักษาฉุกเฉินใบนี้อาจจะเพียงพอแล้วที่จะช่วยชีวิตของหย่งหนิงเอาไว้ได้ สิ่งที่นางต้องทำต่อก็คือการพักผ่อนและพักฟื้น
หย่งหนิงได้ไอออกมา นางในตอนนี้ยังคงหมดสติเช่นเดิม เมื่อผ่านการรักษาก็เริ่มที่จะมีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของนาง
“หืม?” ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นรู้สึกแปลกใจ ตัวเขาก้มลงก่อนที่จะตรวจสอบชีพจรของนางอีกครั้ง ตัวเขาได้ส่งพลังลมปราณของตัวเองไปยังอวัยวะภายในของหย่งหนิง
…
ในขณะที่ทุกคนกำลังรออยู่ที่ด้านนอกศาลาทางใต้
จ้าวยู่ในตอนนี้ได้แต่เดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย
“ศิษย์พี่ ท่านควรจะหยุดเดินและไปพักผ่อนได้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ซู่ฮ่องกงเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“หุบปากซะ” จ้าวยู่ตะคอกกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
ในตอนนั้นเองฮั๊วยู่จิงที่เงียบไปนานก็ได้พูดออกมา “ข้าจำได้ว่าเคยเห็นองค์หญิงหย่งหนิงอยู่ในพระราชวังมาก่อน นางเป็นคนที่มีนิสัยดี เป็นผู้ถ่อมตน และยังเป็นผู้รักความสงบ ทำไมนางถึงถูกใช้ให้เป็นเบี้ยของคนอื่นได้แบบนี้กัน?” ฮั๊วยู่จิงที่พูดเสร็จก็ได้ส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
ฮั๊ววู่เด๋าได้ตอบกลับมา “เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างหย่งหนิงจะมีอิสระได้ในรั่วกำแพงพระราชวัง เจ้าน่ะอยู่ที่นั่นไม่กี่ปีเท่านั้น เจ้าเองก็ไม่ได้เกือบที่จะถูกม่อหลี่ลากตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้หรอกหรอ?”
“ท่านพูดถูกแล้วล่ะ ผู้อาวุโสฮั๊ว”
“ถ้าหากจะโทษก็คงจะต้องโทษสวรรค์ สวรรค์ช่างโหดร้ายอะไรกับนางเช่นนี้…” ฮั๊ววู่เด๋าที่พูดเสร็จก็ได้ถอนหายใจ
“พวกเราไม่มีอะไรที่จะทำได้แล้วจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?”
“ผลลัพธ์ได้ออกมาแล้ว…เมื่อพิษไหลซึมเข้าสู่อวัยวะภายในของนาง เมื่อถึงตอนนั้นพลังวรยุทธที่ลึกลับเพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจที่จะรักษานางได้” ฮั๊ววู่เด๋าได้ตอบกลับมาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองฝานลี่เทียนผู้ที่กำลังดื่มสุราก็ได้พูดขึ้น “บางทีผู้ฝึกยุทธที่มีพลังลึกล้ำ ผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้วิชาแห่งรักษาอาจจะยื้อชีวิตของหย่งหนิงให้นางอยู่ต่อไปได้สักพักก็เป็นได้”
เล้งลั่วมองไปที่ฝานลี่เทียนก่อนที่จะพูดต่อ “ฝานลี่เทียน หาได้ยากจริงๆ ที่ข้าจะเห็นตรงกันกับเจ้า”
เมื่อผู้อาวุโสทั้งสามมั่นใจเช่นนั้น ทุกคนที่เหลือจึงไม่คิดที่จะสงสัยอะไรอีก
ดูเหมือนว่าชะตาของหย่งหนิงจะถูกกำหนดมาแล้วอย่างงั้นเหรอ? ชะตาของนางยากที่จะยอมรับได้จริงๆ
หยวนเอ๋อได้มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสามก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไม่เห็นด้วย “พี่หย่งหนิงน่ะน่ารัก ข้าไม่คิดว่านางจะตายหรอกนะ”
ผู้อาวุโสทั้งสามไม่ได้เถียงอะไรกลับไปกับหยวนเอ๋อ
‘ถ้าหากรูปลักษณ์สามารถกำหนดชะตาชีวิตของใครได้จริง ในตอนที่ข้ายังเป็นหนุ่ม ข้าก็คงจะเป็นคงกระพันไปแล้วแน่’
“ท่านอาจารย์จะทำอะไรไม่ได้เลยอย่างงั้นเหรอ?” จ้าวยู่ยังไม่อยากที่จะยอมรับในสิ่งที่ได้ฟัง
“การรักษาและการฆ่าฟัน ทั้งสองอย่างนี้เป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…มันก็เหมือนกับอิฐก้อนนี้ไงล่ะ!” ฮั๊ววู่เด๋าที่พูดจบก็ได้ยกฝ่ามือขึ้นมา อิฐที่อยู่ใกล้ๆ ได้บินมาหาฝ่ามือเขา มันถูกพลังงานล้อมรอบเอาไว้
ตู๊ม!
อิฐถูกระเบิดเป็นเชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฮั๊ววู่เด๋าได้ทำให้เศษอิฐลอยขึ้นมาด้วยพลังของตนก่อนที่จะดึงมันไปยังฝ่ามือของตน
การแสดงในครั้งนี้ได้ทำให้ทุกสายตาหันมาจับจ้องตัวเขา
นี่เป็นการทดสอบการควบคุมพลังครั้งใหญ่ มันเป็นการทดสอบของตัวเอง
ฮั๊ววู่เด๋าได้ประกอบเศษอิฐทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันจนมันกลายเป็นก้อนอิฐอีกครั้ง การแสดงนี้เองแสดงให้เห็นว่าตัวเขาสามารถควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างแม่นยำมากแค่ไหน
ทุกๆ คนเข้าใจสิ่งที่ฮั๊ววู่เด๋าพยายามที่จะบอกดี วิชาแห่งการเข่นฆ่ามันก็เหมือนกับการทำให้อิฐก้อนนี้แตก มันช่างง่ายดายราวกับการใช้กำลังบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง แต่เมื่ออิฐถูกทำลายไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำขนาดไหนก็แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้อิฐกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้อีกครั้ง
อิฐเป็นเพียงแค่ตัวอย่างง่ายๆ เท่าน้น แม้ว่าจะอาศัยทักษะจนสามารถรวบรวมเศษชิ้นส่วนของอิฐให้กลับมาดูเป็นอิฐได้อย่างแม่นยำก็ตาม แต่สิ่งที่ฮั๊ววู่เด๋าทำได้จริงๆ มีเพียงการรักษารูปร่างของมันเอาไว้เท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วฮั๊ววู่เด๋าก็ได้กำฝ่ามือ
แคล๊ก!
ก้อนอิฐหล่นลงกับพื้น
“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วสินะ?”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับบทเรียนผู้อาวุโส” จ้าวยู่ตอบกลับ
เล้งลั่วและฝานลี่เทียนไม่ได้จ้องมองการแสดงของฮั๊ววู่เด๋า พวกเขาทั้งคู่ต่างก็จับจ้องไปที่ประตูแทน
หลังจากที่ผู้อาวุโสทั้งสามได้ให้คำอธิบายเอาไว้ ทุกๆ คนที่อยู่ที่นั่นก็ได้แต่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตา ทุกคนต่างก็ก้มหน้าลงราวกับว่าได้สูญเสียความหวังไป
…
ลู่โจวได้ปล่อยพลังลมปราณของตัวเขาใส่เข้าไปในร่างกายของหย่งหนิงอีกครั้ง ตัวเขาแน่ใจว่าการ์ดรักษาฉุกเฉินที่ถูกใช้ไปก่อนหน้านเสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของหย่งหนิงได้ถึง 30% ได้จริง แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีเรื่องน่าแปลกเกิดขึ้น ที่ร่างกายของนางมีพลังที่แพร่กระจายไปทั่วอีกครั้ง มันเป็นพลังที่เริ่มกัดกินอวัยวะที่หายเป็นปกติ มันเป็นพลังที่แปลกประหลาดไม่เว้นกับลู่โจว
‘ไม่มีทาง…ฉันได้คุยโม้เอาไว้เกี่ยวกับความสามารถของตัวเองในก่อนหน้านี้ ตอนนี้สิ่งที่ได้พูดไปกำลังหันกลับมากัดกินฉันแล้วสินะ?’
ลู่โจวได้นึกไปถึงการ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ พลังที่กำลังแพร่ไปทั่วร่างกายของหย่งหนิงจะหายไปไหมถ้าหากถูกรักษาภายในครั้งเดียว? ถ้าหากไม่ใช่แบบนั้นการ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ก็จะกลายเป็นของไร้ประโยชน์ขึ้นมาในทันที ลู่โจวในตอนนี้ควรจะไปหาการ์ดรักษาฉุกเฉินที่สามารถรักษาเป้าหมายได้ 100% จากที่ไหนได้กัน? ลู่โจวเริ่มที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
“ท่านอาจารย์?” สีวู่หยาได้เรียกลู่โจวออกมาอย่างสับสนเมื่อเห็นอาจารย์ของตนดูผิดหวัง
เสียงนี้ได้ดึงให้ลู่โจวกลับมามีสติอีกครั้ง ตัวเขาลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ไปรอข้างนอกซะ”
“ครับ ท่านอาจารย์” สีวู่หยาได้หันหลังก่อนที่จะเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
ลู่โจวได้พลิกฝ่ามือของตน ในตอนนั้นเองหย่งหนิงจึงถูกยกตัวเองขึ้นมา
พลังวรยุทธของลู่โจวในตอนนี้อยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น ตัวเขาได้ใช้พลังลมปราณของตัวเองเพื่อที่จะระงับอาการบาดเจ็บของหย่งหนิงไปแล้ว ตัวเขาได้แต่คิดหาวิธีอื่นเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้ส่งพลังลมปราณของตนเข้าไปในร่างกายของนางผ่านฝ่ามือ พลังลมปราณได้ไหลเข้าสู่เส้นพลังลมปราณของนางราวกับกระแสน้ำ
พลังลมปราณที่ลู่โจวเป็นคนส่งไปให้หย่งหนิงทำให้นางดูเหมือนจะรู้สึกดีมากขึ้น
ลู่โจวได้เพิ่มพลังลมปราณให้มากกว่าเดิม ในตอนนั้นเองตัวเขาก็รู้สึกถึงพลังอันแปลกประหลาดจากอวัยวะภายในของหย่งหนิงได้ พลังนั้นได้พุ่งเข้าหาพลังลมปราณของลู่โจว มันเป็นพลังที่ทำราวกับว่าได้ปิดกั้นพลังลมปราณของลู่โจวไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของหย่งหนิงได้มากกว่านี้
“พลังของเครื่องรางแห่งการผนึก? พลังจากสำนักเซียนสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวได้พึมพำออกมา การต่อสู้ที่เมืองแห่งมณฑเหลียงเป็นอะไรที่วุ่นวายจนเกินไป ตัวเขาไม่ทันได้สังเกตว่าหย่งหนิงใช้ดาบพลังงานอะไรกันแน่ ตัวเขาไม่คิดเลยว่าดาบพลังงานของหย่งหนิงแท้จริงแล้วเป็นพลังที่มาจากเครื่องรางผนึกของสำนักเซียนสวรรค์ ลู่โจวรู้สึกลำบากใจ ตัวเขาจะจัดการกับพลังเครื่องรางผนึกด้วยพลังวรยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ตัวเขาก็แทบที่จะไม่มีพลังลมปราณเหลืออยู่เลย
เมื่อลู่โจวได้ยกฝ่ามือออก พลังของเครื่องรางผนึกก็ได้กัดกินพลังลมปราณของลู่โจวในเส้นพลังลมปราณไป
ลู่โจวได้โคจรพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์โดยสัญชาตญาณ ในตอนนั้นเองฝ่ามือของตัวเขาก็ได้เปลี่ยนไปจากสีทองเป็นสีน้ำเงินแทน
คราวนี้มีตัวอักษรที่ดูไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในใจของลู่โจว
“เยือนทุกสถานที่ เยือนทุกสรรพสิ่งโดยที่ไม่ต้องเคลื่อนไหว เก็บเกี่ยวทุกความรู้เก็บเกี่ยวทุกความรู้สึก นี่แหละคือพลังแห่งการไม่มีตัวตน”
“พลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวได้ขยับฝ่ามือไปตามสัญชาตญาณ ลู่โจวเพียงแต่จะต้องต่อสู้กับพลังของเครื่องรางผนึก ดังนั้นตัวเขาจึงไม่ได้ใช้พลังวิเศษอะไรไปมากนัก ลู่โจวใช้แค่พลังหนึ่งในสิบของพลังทั้งหมดที่มีเพียงเท่านั้น
ที่ฝ่ามือของลู่โจวมีดอกบัวสีฟ้าเบ่งบานขึ้น ดอกบัวสีฟ้าได้ส่องประกายเจิดจ้าออกมา ฝ่ามือของตัวเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิต พลังของเครื่องรางผนึกถูกพลังของดอกบัวสีฟ้าบดขยี้ไปในทันที
ไม่นานนักดอกบัวสีฟ้าก็ได้ลอยเข้าสู่ร่างกายของหย่งหนิงก่อนที่จะขยายขนาดออกมา
ดอกบัวสีฟ้าเติบโตขึ้น 1 เมตร, 2 เมตร, 3 เมตร…10 เมตร…พลังของมันได้แผ่ขยายไปเรื่อยๆ ดอกบัวสีฟ้าดูเหมือนจะหยั่งรากในศาลาทางใต้นี้ก่อนที่จะสลายหายไป
พรึ๊บ!
ในเวลานั้นเองพืชที่ถูกปลูกอยู่ในกระถางต่างก็เริ่มแตกหน่อ เหตุการณ์นี้เองทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ดูกระถางต้นไม้นั่นสิ!”