cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next

My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 359

  1. Home
  2. All Mangas
  3. My Disciples Are All Villains
  4. ตอนที่ 359
Prev
Next

ณ สำนักต้วนหลินที่หุบเขาแห่งแหวน ตอนนี้ทั่วทั้งหุบเขาเงียบสงบ

 

ยู่ฉางตงได้ใช้วิชาดาบหนึ่งร่างสามดวงวิญญาณฟาดฟันไปที่อวตารของเจ้าสำนักต้วนหลินอย่างฉางเจียนจนขาดเป็นส่วนๆ ฉางเจียนแทบที่จะสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปเกือบทั้งหมดไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือการจัดการกับตัวของฉางเจียนเท่านั้น

 

ดาบพลังงานมากมายหลายเล่มได้โปรยปรายเข้าใส่ฉางเจียนราวกับว่าเป็นเม็ดฝนที่กำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า

 

ดูเหมือนว่าความรู้สึกที่ยู่ฉางตงพยายามที่จะห้ามปรามมานานในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

ผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีอวตารดอกบัวแปดกลีบสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบได้ แม้ว่าการต่อสู้จะดูไม่เป็นธรรมและไร้เหตุผลก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นมันก็คือเส้นทางที่จะทำให้วิถีแห่งดาบของใครสักคนไปถึงจุดสูงสุดได้

 

การที่ผู้ฝึกยุทธจะสามารถสร้างดาบพลังงานขึ้นมาได้คนคนนั้นจะต้องแปรเปลี่ยนพลังลมปราณของตัวเองให้กลายเป็นอาวุธขึ้นมา หลังจากที่แปรเปลี่ยนพลังลมปราณของตัวเองคนคนนั้นก็จะต้องขัดเกลามันจนกว่าจะแหลมคมเป็นเหมือนกับใบดาบ…ถ้าหากผู้ฝึกยุทธที่ไม่มีอาวุธพยายามที่จะสร้างดาบพลังงานด้วยจินตนาการเพียงอย่างเดียว การจะทำอะไรแบบนั้นยิ่งเป็นอะไรที่ยากลำบาก ผู้ฝึกยุทธจะต้องเค้นพลังลมปราณของตัวเองให้มากขึ้นเพื่อสร้างอาวุธให้สำเร็จ แต่ถ้าหากถืออาวุธด้วยมือเอาไว้คนคนนั้นจะสามารถสร้างดาบพลังงานได้โดยตรง การที่จะสร้างดาบพลังงานเล่มอื่นๆ เองก็มีวิธีการเช่นเดียวกัน

 

อาวุธระดับทั่วไปสามารถสร้างเพิ่มความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของดาบพลังงานได้เป็นจำนวน 30% ด้วยกัน ส่วนอาวุธระดับลึกลับสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและความรวดเร็วได้อีก 30% จากอาวุธระดับทั่วไปอีกที

 

นอกเหนือจากปัจจัยทางด้านระดับแล้วก็ยังมีความสัมพันธ์ของเจ้าของกับอาวุธชิ้นนั้นอีกด้วย

 

ยู่ฉางตงมีความสัมพันธ์กับดาบยืนยาวที่สมบูรณ์แบบแล้ว ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบทำให้ตัวเขาไม่ได้พลังเพิ่มขึ้นมาจากระดับลึกลับแค่ 30% เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ายู่ฉางตงจะสามารถใช้ดาบพลังงานได้แข็งแกร่งกว่าจากขั้นลึกลับได้ถึง 50% ด้วยกัน

 

ดาบพลังงานนับไม่ถ้วนได้ตกลงใส่สิ่งก่อสร้างของสำนักต้วนหลิน สำนักต้วนหลินที่ตั้งอยู่บนหุบเขาแห่งแหวนถูกทำลายจนพังพินาศไปแล้ว

 

เมื่อเหล่าสาวกของสำนักต้วนเหลินได้ยินชื่อ ‘ยู่ฉางตง’ ทุกๆ คนก็ได้แต่จ้องมองอย่างตกตะลึง ทุกคนรู้ดีว่าดาบปีศาจแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นเมื่อได้เห็นสายฝนแห่งดาบด้วยตาของตัวเองทุกๆ คนก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ดวงตาของทุกคนที่กำลังจ้องมองการโจมตีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

หุบเขาที่เคยอุดมสมบูรณ์ในตอนนี้กลับมีรูโหว่อยู่ที่ใจกลางของหุบเขา

 

ความแตกต่างที่ยู่ฉางตงและฉางเจียนมีมันแตกต่างกันมากเกินไป ยู่ฉางตงสามารถสังหารฉางเจียนได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อผู้ที่เป็นเจ้าสำนักได้พ่ายแพ้ไป ก็ไม่มีใครคิดที่จะกล้าออกหน้าเพื่อขัดขวางยู่ฉางตงอีกต่อไป

 

ยู่ฉางตงได้ปล่อยให้ดาบยืนยาวเก็บคืนสู่ฝักด้วยตัวของมันเอง ที่ใบดาบได้ส่องแสงสว่างสีแดงจางๆ ออกมาเช่นเดิม

 

ยู่ฉางตงที่สังหารคนไปทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตัวเขาในตอนนี้กำลังบินอยู่เหนือสำนักต้วนหลินอย่างสบายๆ ตัวเขาได้ตรวจสอบรอบข้างของตัวเองอย่างระมัดระวัง

 

ไม่มีสาวกคนไหนกล้าที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่คนเดียว

 

“ข้าขอโทษจริงๆ ที่ต้องรบกวนเวลาทุกคนแบบนี้ ข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่พูดจบยู่ฉางตงก็ได้หายตัวไป

 

หนึ่งเดือนต่อจากนั้น…

 

ผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักเฮ้งชู เฉาจินได้เสียชีวิตแล้ว

 

เจ้าสำนักเจ็ดดวงดาว เมาเฉินเองก็เสียชีวิตเช่นกัน

 

ผู้อาวุโสแห่งสำนักเซียนสวรรค์ จางเด๋ารันก็เสียชีวิตเช่นกัน

 

จนถึงตอนนี้สิบสุดยอดสำนักฝ่ายธรรมะทั้งสิบต่างก็อยู่อย่างหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความกังวลใจ เหตุการณ์การเสียชีวิตของเหล่าเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสเป็นต้นเหตุของความหวาดกลัวในครั้งนี้

 

การมีอยู่ของรายชื่อที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องการตัวได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในไม่นานหลังจากนั้น

 

สาวกหลายคนที่เคยมีส่วนร่วมในการเข้าโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อนต่างก็ออกจากสำนักของตนไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

 

ที่สำนักลั่ว ณ ทิศใต้ของดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่

 

สำนักหยุนเองก็รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของรายชื่อมาแล้วเช่นกัน

 

ผู้อาวุโสคนที่สามของสำนักลั่วอย่างลู่ปิงรีบเดินตรงไปที่ห้องประชุมด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เขาคนนี้เป็นผู้อาวุโสที่มีอายุน้อยที่สุดของสำนักลั่ว

 

“ผู้อาวุโสลู่”

 

“ผู้อาวุโสลู่”

 

ทหารยามนอกห้องประชุมได้โค้งคำนับให้กับเขา

 

“ผู้อาวุโสชานอยู่ด้านในสินะ?”

 

“ผู้อาวุโสชานกำลังอยู่ในระหว่างการระประชุมครับ”

 

ลู่ปิงได้เดินเข้าไปในห้องอย่างไม่ลังเล ภายในห้องมีคนมากกว่าสิบคนกำลังนั่งประชุมหารือกันอยู่ เมื่อเห็นลู่ปิงเร่งรีบเข้ามาในนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกงุนงง “มีอะไรกันผู้อาวุโสลู่?”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็จับจ้องไปที่ลู่ปิง

 

ลู่ปิงได้พูดเข้าเรื่องในทันที “ผู้อาวุโสชาน ในตอนนี้ทุกอย่างดูแย่กว่าเดิม มีข่าวลือมาว่ายู่ฉางตง ดาบปีศาจได้กลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว” หลังจากนั้นลู่ปิงก็ได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสงบมากกว่าเดิม “ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ทำการจดรายชื่อผู้ที่ทำการโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้าในหลายปีก่อน ในตอนนี้ผู้ที่มีรายชื่อเหล่านั้นถูกยู่ฉางตงสังหารไปส่วนหนึ่งแล้ว”

 

คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นต่างก็ตกใจ ความแข็งแกร่งที่ยู่ฉางตงมีไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้เลย สำนักหยุน, สำนักเทียน, สำนักลั่วได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นสำนักใหม่ สำนักหยุนเป็นเพียงสำนักเดียวเท่านั้นที่มีความขัดแย้งต่อศาลาปีศาจลอยฟ้า ส่วนใหญ่แล้วสำนักเทียนไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องของทางโลกมากนัก สำนักหยุนได้มีปฏิสัมพันธ์กับสิบสุดยอดสำนักใหญ่เป็นครั้งคราวและไม่ได้ที่จะเป็นศัตรูอะไรกับศาลาปีศาจลอยฟ้ามากนัก ความขัดแย้งครั้งสุดท้ายเป็นความขัดแย้งที่เกิดมาจากยี่เทียนซินในครั้งอดีต ในตอนนั้นนางได้ชักชวนสำนักหยุนให้ส่งเหล่าผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งไปจู่โจมมหาวายร้ายที่หุบเขาหุบเขาตะวันฟ้า อย่างไรก็ตามการโจมตีครั้งนั้นก็จบลงด้วยความล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

“สำนักหยุนเกี่ยวข้องกับยี่เทียนซิน ในเมื่อสำนักหยุนมีคนบาปเป็นธรรมดาที่สำนักหยุนจะต้องชดใช้ และเพราะเหตุใดมันถึงเกี่ยวข้องกับสำนักลั่วด้วยล่ะ?” มีใครบางคนถามออกมา

 

“ลู่ปิง เจ้าอย่าเพิ่งดูแคลนจุดแข็งของพวกเราและเชิดชูพลังของอีกฝ่ายจนเกินไป นั่นมันก็แค่รายชื่อเท่านั้น ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

เมื่อลู่ปิงได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็ขมวดคิ้ว ตัวเขาได้พูดลดเสียงลงแต่ถึงแบบนั้นน้ำเสียงของเขาก็ยังฟังชัดเจน “ข้าขอพูดถึงบทสรุปเลยก็แล้วกัน ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเฮ้งชู เฉาจิน, เจ้าสำนักเจ็ดดวงดาว เมาเฉิน, เจ้าสำนักเซียนสวรรค์ จางเด๋ารัน…พวกเขาทุกคนล้วนแต่เสียชีวิตไปแล้ว”

 

คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นล้วนแต่อ้าปากค้าง

 

“ดาบปีศาจจะสังหารผู้ที่มีรายชื่ออยู่เท่านั้น ใครก็ตามที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อจะต้องตาย เดือนที่แล้วเจ้าสำนักต้วนหลินฉางเจียนเพิ่งจะเสียชีวิตไป ชื่อของเขาเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ดาบปีศาจมี ข้าส่งคนไปที่สำนักต้วนหลินแล้ว ท่านเจ้าสำนักฉางเพิ่งจะฝึกฝนจนตัวเองมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับดาบปีศาจแม้ว่าจะใช้พลังอย่างเต็มที่ก็ตาม…”

 

ที่ห้องประชุมในตอนนี้เงียบงัน ทุกๆ คนเริ่มตระหนักได้แล้วว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน

 

ชานหยุนเจิ้งได้เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของนางในตอนนี้ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

 

ในตอนนั้นเองก็มีใครคนหนึ่งพูดออกมา “เจ้าบอกว่ารายชื่อนั้นเป็นรายชื่อผู้ที่เคยบุกโจมตีภูเขาทองอย่างงั้นสินะ?”

 

“ถูกต้องแล้ว” ทุกๆ คนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็โล่งใจ พวกเขารู้สึกขอบคุณสำนักลั่วที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ผู้อาวุโสชาน” ลู่ปิงได้มองไปที่ชานหยุนเจิ้งที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้

 

ชานหยุนเจิ้งเป็นผู้อาวุโสคนที่สองของสำนักลั่ว นางยังเป็นผู้อาวุโสหญิงเพียงคนเดียวของสำนักลั่วอีกด้วย นอกจากนี้นางยังเป็นผู้ใช้ธนูที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาเหล่าสาวกที่สำนักลั่วมี

 

มีข่าวลือมาว่าครั้งหนึ่งชานหยุนเจิ้งมีโอกาสที่จะได้รับพิจารณาให้กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดสามมือธนูขั้นเทพคนใหม่ของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ แต่แล้วศิษย์ของนางอย่างฮั๊วยู่จิงก็ได้ฝึกฝนตัวเองก่อนที่จะพัฒนาไปไกล และด้วยความสามารถที่น่าทึ่งของนางทำให้นางได้รับตำแหน่งแทนผู้ที่เป็นอาจารย์ไปในที่สุด

 

ในแง่ของพลังวรยุทธที่มี ฮั๊วยู่จิงยังไม่อาจเทียบเท่าได้กับผู้เป็นอาจารย์ แต่ถึงแบบนั้นด้วยอายุที่นางมีในตอนนี้นางยังคงเติบโตได้อีกมากแน่

 

คนอื่นๆ มองไปที่ชานหยุนเจิ้ง

 

“มีชื่อของท่านอยู่ในรายชื่อนั้น”

 

“…” ชานหยุนเจิ้งรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองได้แหลกละเอียดไปหลังจากที่ถูกค้อนทุบ แม้ว่านางจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ก็ตาม แต่สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกหวาดกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

 

คนอื่นๆ เองก็ดูเหมือนจะกังวลเช่นกัน ทุกคนรู้สึกเห็นอกเห็นใจนาง แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวกันที่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อด้วย บางคนรู้สึกยินดีให้กับความโชคร้ายของนางซะด้วยซ้ำไป

 

ห้องประชุมยังคงเงียบไปอีกนาน ในที่สุดชานหยุนเจิ้งก็ได้พูดออกมา “ท่านเจ้าสำนักรู้เรื่องนี้ไหม?”

 

“ยังไม่รู้”

 

“ข้าจะทำเหมือนราวกับข้าไม่รู้เรื่องก็แล้วกัน” ชานหยุนเจิ้งได้พูดขึ้น

 

“หืม?”

 

“นางหมายความว่ายังไงกัน?”

 

‘นางไม่คิดที่จะเมินเฉยเรื่องที่ตัวเองมีชื่ออยู่ในรายชื่อนั้นได้ยังไงกัน?’

 

ลู่ปิงได้คารวะให้ก่อนที่จะพูดออกมา “ผู้อาวุโสชาน พวกเราจะต้องหาวิธีรับมือกันก่อน…ถ้าหากดาบปีศาจมาที่นี่จริง เมื่อถึงตอนนั้นมันก็คงสายเกินแก้”

 

“ผู้อาวุโสชาน สิ่งที่ผู้อาวุโสลู่พูดมีเหตุผล พวกเราควรจะหาทางรับมือกับเรื่องนี้จริงๆ จังๆ พวกเราไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้แน่ถ้าหากไม่วางแผนเอาไว้” ผู้อาวุโสคนที่สี่พูดขึ้น

 

เชินหยุนเจิ้งยังคงนิ่งเฉย นางมองไปรอบๆ ตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเจ้าก็แค่กลัวกันไปเองไม่ใช่หรอไงกัน?”

 

คนอื่นๆ ยิ้มให้อย่างไม่เห็นด้วย “ทำไมสำนักลั่วจะต้องกลัวด้วยล่ะ?”

 

“พวกเราไม่ได้กลัวแน่นอน พวกเราก็แค่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่อยู่ในมือกันก็เท่านั้น ผู้อาวุโสชาน ท่านมีแผนที่จะทำอะไรต่อจากนี้กันล่ะ?”

 

คนอื่นๆ มองกลับไปที่ชานหยุนเฉิงอีกครั้ง

 

ชานหยุนเจิ้งได้พูดออกมาอย่างไร้เยื่อใย “สำนักลั่วยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบ ดินแดนที่ว่าครอบคลุมทั้งหุบเขาลั่ว, หุบเขาเมฆาม่วง และอีก 20 หุบเขาด้วยกัน มีสาวกกว่าหมื่นคนประจำอยู่แต่ละพื้นที่ ทุกคนล้วนแต่ได้รับการปกป้องจากพลังเขตแดนด้วยกันทั้งหมด นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญการใช้เขตแดนรวมไปถึงผนึกแห่งเต๋าอีกด้วย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแรกเป็นสถานที่ที่ได้รับสืบทอดพลังเขตแดนมาจากบรรพชนเจ้าสำนักถึงสิบรุ่นด้วยกัน หนำซ้ำพวกเรายังมีผู้อาวุโสอีกด้วย…ถ้าหากพวกเราทุกคนร่วมมือกัน พวกเราจะต้องต่อกรกับดาบปีศาจได้แน่ ยังไงซะในโลกยุทธภพผู้ทำชั่วก็ไม่อาจจะมีชัยเหนือไปกว่าผู้ที่ยึดถือในคุณธรรมได้หรอก พวกเราจะต้องไม่ยอมให้พวกฝ่ายอธรรมได้ใจไป”

 

ห้องประชุมได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

 

“ท่านพูดถูกแล้ว ผู้อาวุโสชาน…ยังไงซะความชั่วร้ายก็คือความชั่วร้าย พวกเราไม่อาจยอมให้ความชั่วร้ายมากลืนกินความดีแบบพวกเราได้ แม้ว่าเขตแดนพลังที่สำนักลั่วมีจะเทียบกับเขตแดนทั้งสิบที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มีไม่ได้ แต่การที่จะทำลายเขตแดนพลังของพวกเราได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี”

 

ในตอนนั้นเองผู้อาวุโสที่นั่งห่างจากประตูมากที่สุดก็ได้พูดออกมา “จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าหากดาบปีศาจตัดสินใจที่จะรอด้านนอกแทน? ยังไงซะเขาเป็นผู้ฝึกยุทธฝ่ายอธรรม…ถ้าหากเขาจะใช้วิธีสกปรกดักเล่นงานท่านก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เจ้าสำนักหยุนอย่างลั่วฉีซานเองก็ยังไม่อาจรับมือกับยู่ฉางตงได้ ในการต่อสู้ครั้งนั้นมีพยานมากมายหลายคนด้วยกัน…” สิ่งที่ผู้อาวุโสคนนี้พูดออกมาถูกต้องแล้ว ยังไงซะผู้ร้ายก็ยังเป็นผู้ร้ายอยู่วันยังค่ำ ใครจะไปคิดว่าคนอย่างดาบปีศาจจะไม่เลือกที่จะแทงพวกเขาจากทางด้านหลัง

 

ในตอนนั้นเองก็มีสาวกคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาที่ห้องประชุม ชายคนนั้นรีบพูดออกมาในทันที “ท่านผู้อาวุโสมีจดหมายครับ”

 

“จดหมายจากใครกัน?”

 

“ดาบปีศาจ”

 

ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สิ่งที่ทุกคนกลัวกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

 

ชานหยุนเจิ้งขมวดคิ้วก่อนที่จะโบกมือ “อ่านมันซะ”

 

นางรู้ตัวดีว่าถ้าหากอยู่ร่วมกันกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ อย่างน้อยๆ ความแข็งแกร่งจะต้องมีมากกว่าการที่จะต้องอยู่ตามลำพังแน่ นางเพียงคนเดียวคงจะแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนีจากการไล่ล่าของดาบปีศาจ

 

สาวกคนนั้นได้เปิดจดหมายก่อนที่จะรีบอ่านเนื้อหาข้างใน “ข้า ยู่ฉางตง ข้าอยากที่จะขอรบกวนแจ้งผู้อาวุโสคนที่สองแห่งสำนักลั่ว เดิมทีชานหยุนเจิ้งผู้ที่มีรายชื่ออยู่จะต้องยอมรับดาบของข้าแต่โดยดี แต่นี่เป็นการแสดงน้ำใจของศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้าจะเปิดโอกาสให้ผู้อาวุโสชานได้ชดใช้บาปที่นางก่อ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปศาลาปีศาจลอยฟ้าจะเพิ่มชื่อในทุกๆ เจ็ดวัน ข้าจะเพิ่มชื่อจนกว่าผู้อาวุโสชานจะแสดงตัว โปรดยกโทษให้ข้าด้วยถ้าหากข้าเลือกใช้คำพูดที่หยาบคาย ยังไงซะงานเขียนประดิษฐ์อักษรก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าถนัด”

 

หลังจากที่สาวกคนนั้นอ่านจบตัวเขาก็รู้สึกงุนงง ‘นี่คือน้ำเสียงที่ดาบปีศาจสมควรที่จะใช้แล้วอย่างงั้นหรอ?’

 

แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่นเองก็ยังงุนงงเช่นกัน

 

ชานหยุนเจิ้งมีสีหน้าที่ผิดแปลกไป นางได้หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “นั่นแหละดาบปีศาจ”

 

“นั่นคือดาบปีศาจอย่างงั้นหรอ?”

 

“หลายปีก่อนข้าพยายามที่จะยิงชายคนนี้บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สาม แต่รอบตัวของเขามีพลังลมปราณไหลเวียนที่อัดแน่นจนเกินไป ข้าไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องเสียใจที่ไม่อาจจัดการดาบปีศาจได้” ชานหยุนเจิ้งยังพูดต่อไป “ทุกคนไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวไป”

 

คนอื่นๆ มองไปที่ชานหยุนเจิ้ง บางทีนางอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา

 

“นี่มันไม่ถูกต้อง” ลู่ปิงยกมือขึ้น “จดหมายนี่บอกว่าท่านสามารถสำนึกผิดได้ นั่นก็หมายความว่าท่านยังมีความหวังอยู่”

 

“ผู้อาวุโสลู่พูดถูกแล้ว”

 

“ข้าเองก็เห็นด้วย”

 

ชานหยุนเจิ้งตกตะลึง นางมองไปรอบข้างของตัวเอง ในตอนนี้ทัศนคติของทุกคนได้เปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง “พวกท่านหมายความว่าอะไรกัน?

 

“ผู้อาวุโสชาน…ได้โปรดมองภาพรวมด้วย ข้าคิดว่าท่านควรจะขอขมากับศาลาปีศาจลอยฟ้า”

 

“ถูกต้องแล้ว…เดิมที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าวางแผนที่จะสังหารท่าน แต่ในเมื่อเขายื่นข้อเสนอมาด้วยตัวเองแบบนี้นั่นก็หมายความว่าท่านยังพอมีโอกาส”

 

“ผู้อาวุโสชาน แม้ว่าสำนักลั่วจะไม่ได้อ่อนแอเลย แต่พวกเราก็ไม่กล้าพอที่จะจัดการกับศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ ได้โปรดพิจารณาภาพรวมที่ใหญ่กว่านี้ด้วยเถอะ”

 

จากนั้นทุกคนก็ได้พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน “ได้โปรดพิจารณาภาพรวมด้วยเถอะผู้อาวุโสชาน!”

 

ชานหยุนเจิ้งไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าทัศนคติของทุกคนจะเปลี่ยนแปลงไป นางเอามือไขว้หลังก่อนที่จะหัวเราะออกมา “แล้วถ้าหาก…ข้าเลือกที่จะปฏิเสธล่ะ?”

 

ลู่ปิงได้พูดออกมาอย่างจริงจัง “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็จะส่งท่านไปที่นั่นเอง” ลู่ปิงได้เน้นคำว่า ‘ส่ง’ เป็นพิเศษ ทัศนคติที่ลู่ปิงมีในตอนแรกแตกต่างจากผู้อาวุโสคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ตัวเขาตั้งใจที่จะให้ผู้ที่ถูกศาลาปีศาจลอยฟ้าตามล่าไปรับความตายตั้งแต่แรก ท้ายที่สุดแล้วดาบปีศาจก็ไม่ใช่ผู้ที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ เหตุใดสำนักลั่วจะต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้ในเมื่อชานหยุนเจิ้งเป็นผู้หาเรื่องใส่ตัวเอง

 

“ย่อมได้! ข้าจะไปเอง!” ชานหยุนเจิ้งได้หรี่ตาออกมาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความโกรธ

 

ลู่ปิงได้พูดต่อ “ข้าพอที่จะมีสหายที่มีสัตว์ขี่อยู่บ้าง ข้าจะให้ท่านยืนสัตว์ขี่ของเขาไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเองผู้อาวุโสชาน”

 

“วิเศษจริงๆ!”

 

“ยอดเยี่ยมมาก”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะพูดชมเชย

 

ชานหยุนเจิ้งรู้สึกว่าหน้าอกของตัวเองกำลังอัดแน่นมากขึ้น แม้ว่าจะหายใจก็ยังหายใจได้ลำบาก

 

ข่าวของเรื่องนี้ได้แพร่ไปทั่วทั้งยุทธภพในเวลาอันสั้น

 

ทุกๆ คนต่างก็พูดกันว่ายู่ฉางตงจะเพิ่มรายชื่อเพื่อเป็นการข่มขู่ให้เป้าหมายแสดงตัว ท้ายที่สุดแล้วยู่ฉางตงก็เอาชีวิตของผู้บริสุทธิ์มากมายเข้าไปเกี่ยวข้อง

 

ในช่วงท้ายของเดือน ยู่ฉางตงก็ได้ขึ้นสู่อันดับที่สองในบัญชีดำไป แต่ไม่ว่าจะยังไงชานหยุนเจิ้งก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับโอกาสเช่นนี้

 

สามวันต่อมาที่ห้องโถงใหญ่ศาลาปีศาจลอยฟ้า

 

ลู่โจวรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ตลอดทั้งเดือนนี้ยู่ฉางตงสามารถจัดการกับผู้ที่มีรายชื่อทั้งหมดไปได้ ตัวเขาเองที่อยู่เฉยๆ กลับได้แต้มบุญเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

แต้มบุญ: 32,250

 

นี่ก็หมายความว่าลู่โจวสามารถซื่ออวตารทศภพได้แล้ว ด้วยการใช้งานอวตารนี้ตัวเขาจะต้องมีพลังวรยุทธขึ้นไปสู่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แน่ แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแต่ตัวเขาก็ยังไม่รีบร้อนที่จะซื้ออวตารมา

 

ตอนที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเองโจวจี้เฟิงก็ได้เดินเข้ามา ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านปรมาจารย์ ชานหยุนเจิ้งมาถึงที่นี่แล้ว”

 

“หืม?” ลู่โจวเดินลงบัลลังก์ไปตามขั้น ตัวเขาได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะเอามืออีกข้างลูบเคราของตัวเอง

 

“มีข่าวลือมาว่าท่านยู่ฉางตงได้ส่งจดหมายที่สำนักลั่ว ในเนื้อหาจดหมายนั้นเขียนเอาไว้ว่า ถ้าหากชานหยุนเจิ้งยังไม่มาปรากฏตัวที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาก็จะเพิ่มรายชื่อที่จะต้องสังหารให้มากขึ้น” โจวจี้เฟิงอธิบายทุกอย่างออกมา

 

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้ว แม้ว่ายู่ฉางตงจะชอบต่อสู้กับยอดฝีมือ แต่ตัวเขาก็ไม่ชอบการฆ่าอย่างไร้เหตุผล ทำไมเขาถึงต้องเลือกใช้วิธีที่รุนแรงแบบนี้ด้วย?

 

“ใครบอกเจ้าเรื่องนี้?” ลู่โจวได้ถามออกมา

 

“สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยินเรื่องนี้เข้าในระหว่างที่แวะซื้อเสบียงมาจากเมืองถังซีครับ” โจวจี้เฟิงตอบกลับ

 

“ความจริงมักจะถูกบิดเบือนไปตามกาลเวลา” ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้น “พาชานหยุนเจิ้งมาที่นี่ซะ”

 

“ครับ”

 

โจวจี้เฟิงได้ออกจากห้องโถงใหญ่ไป

 

ลู่โจวเองเดินกลับขึ้นไปที่บัลลังก์ก่อนที่จะนั่งลงอย่างช้าๆ

 

ฮั๊วยู่จิงและคนอื่นๆ ที่รู้ข่าวเองก็รีบมาที่ห้องโถงใหญ่เช่นกัน

 

ไม่นานหลังจากนั้น ชานหยุนเจิ้งและอีกสี่คนเดินเข้ามาที่ห้องโถงอย่างช้าๆ ภายใต้การนำของโจวจี้เฟิง

 

บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทุกคนมาที่นี่ ดังนั้นลู่โจวจึงสามารถสังเกตเห็นถึงความกังวลได้อย่างชัดเจน ทุกคนได้วางกล่องเอาไว้กับพื้นก่อนที่จะโค้งคำนับให้

 

“ข้าชานหยุนเจิ้งจากสำนักลั่วมาที่นี่เพื่อเป็นการขอขมา” ชานหยุนเจิ้งรีบคารวะให้ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองลู่โจวที่อยู่บนบัลลังก์ นางก็เหลือบไปเห็นฮั๊วยู่จิงจากหางตา นางรู้สึกตกใจและโกรธขึ้นมาในเวลาเดียวกัน “เจ้าศิษย์ทรยศ! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

 

สีหน้าของฮั๊วยู่จิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางได้เดินถอยหลังไปหลายก้าวด้วยกัน

 

ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ยกมือขึ้น

 

พลังฝ่ามือเล็กๆ ได้ลอยออกมาจากมือของลู่โจวก่อนที่จะพุ่งไปที่ด้านหน้า

 

ชานหยุนเจิ้งที่เห็นแบบนั้นรีบยกมือขึ้นก่อนที่จะปกป้องตัวเองด้วยแขนของนาง นางรีบเดินพลังลมปราณเพื่อที่จะป้องกันผนึกมือในทันที

 

พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!

 

ทันใดนั้นหอกราชันย์ของต้วนมู่เฉิงก็พุ่งเข้าใส่ชานหยุนเจิ้งอย่างไม่ทันตั้งตัว เงาที่อัดแน่นของหอกได้แยกออกมาเป็นพันเล่ม

 

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

 

แม้ว่าชานหยุนเจิ้งจะเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ แต่เมื่อพบกับการโจมตีระยะประชิดของต้วนมู่เฉิงแบบนี้นางก็ไม่อาจที่จะต้านทานได้ ยิ่งไปกว่านั้นต้วนมู่เฉิงยังได้ฝึกซ้อมฝีมือกับฮั๊ววู่เด๋า ยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบอยู่เป็นประจำ ดังนั้นพลังที่ต้วนมู่เฉิงมีจึงพัฒนาแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

ยิ่งไปกว่านั้นชานหยุนเจิ้งยังเป็นผู้ใช้ธนูตั้งแต่แรก เมื่อเจอคู่ต่อสู้ระยะประชิดเข้า แม้ว่านางจะมีกลีบดอกบัวอยู่ที่อวตารมากกว่าสามใบก็ตาม ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะป้องกันการโจมตีจากในระยะใกล้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องถอยกลับ! ท้ายที่สุดแล้วพลังที่ใช้ในการป้องกันการโจมตีก็ถูกทำลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

ตู๊ม!

 

ชานหยุนเจิ้งถอยหลังกลับไป นางได้ตีลังกาก่อนที่จะเอาเท้าแตะพื้น ดวงตาของนางเบิกกว้างก่อนที่จะเหลือบมองไปที่ต้วนมู่เฉิงที่กำลังถือหอกราชันย์ พลังแสงสีทองได้ปะทุออกมาจากปลายหอก มันเป็นแสงที่ดูคล้ายกับมังกรอย่างไม่มีผิด ‘ชายคนนี้แข็งแกร่ง! ศาลาปีศาจลอยฟ้าเต็มไปด้วยยอดฝีมือเช่นนี้เลยหรอไงกัน?’ ชานหยุนเจิ้งรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

 

“พอได้แล้ว” ลู่โจวพูด

 

ต้วนมู่เฉิงหันกลับไปก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับลู่โจว “ครับ ท่านอาจารย์”

 

‘อาจารย์อย่างงั้นหรอ?’ ชานหยุนเจิ้งพยายามระงับความกลัวที่เพิ่มขึ้นมาในใจของนาง

 

สำนักลั่วแตกต่างจากสิบสุดยอดสำนักหรือแม้แต่สำนักหยุน สำนักลั่วเป็นเหมือนกับสำนักเทียน สำนักลั่วไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย ชานหยุนเจิ้งไม่คาดคิดมาก่อนว่าความผิดพลาดของนางเพียงครั้งเดียวจะส่งผลให้นางต้องมาเจอกับศัตรูที่ทรงพลังมากขนาดนี้ นางมองไปที่ฮั๊วยู่จิงที่อยู่ไม่ไกลมากนัก นางได้แต่สงสัยขึ้นมา ‘หรือว่าเจ้าศิษย์ทรยศจะใส่ร้ายข้ากัน?’ แม้ว่าจะสังสัยแบบนั้นแต่นางก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา

 

ลู่โจวชี้ไปที่ฮั๊วยู่จิงก่อนที่จะพูดขึ้น “ฮั๊วยู่จิงถือเป็นสมาชิกของศาลาปีศาจลอยฟ้า…ถ้าหากเจ้ากล้าเรียกนางว่าศิษย์ทรยศ ก็เท่ากับว่าเจ้ากำลังดูหมิ่นข้าด้วย”

 

ชานหยุนเจิ้งที่ได้ยินแบบนั้นใจเต้นรัว

 

ลู่โจวพูดต่อ “ข้าจะให้นางตบหน้าเจ้าคืนก็ย่อมได้…แต่ว่า” น้ำเสียงของลู่โจวฟังดูนุ่มนวลมากขึ้น “แต่เจ้าเคยเป็นอาจารย์ของนางมาแล้วครั้งหนึ่ง การที่ผู้เป็นศิษย์จะตบตีผู้เป็นอาจารย์ถือว่าเป็นความผิดอย่างมหันต์ เพราะแบบนั้นข้าเลยโจมตีเจ้าแทนนาง…”

 

ชานหยุนเจิ้งได้ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง พลังฝ่ามือเล็กๆ ได้พุ่งเข้าหานางเช่นเคย

 

ผั๊วะ!

 

พลังฝ่ามือนั้นพุ่งใส่แก้มของนาง มันเป็นการโจมตีอย่างแม่นยำ ครั้งนี้นางไม่กล้าที่จะหลบเลี่ยงมัน นางยอมรับการตบสั่งสอนอย่างเต็มที่ แม้ว่ามันจะเป็นเหมือนกับการตบสั่งสอน แต่พลังที่ถูกปล่อยออกมาก็ไม่ได้เบามือเลย การโจมตีครั้งนี้ได้ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าของนาง

 

เมื่อเห็นพลังฝ่ามือแบบนั้นฝานซงและโจวจี้เฟิงก็ได้แต่ประหลาดใจ

 

“พลังฝ่ามือของท่านปรมาจารย์เหมือนกับของข้าไม่มีผิด แต่ถึงแบบนั้นใครๆ ก็สามารถปัดป้องพลังฝ่ามือของข้าได้…แต่ถึงแบบนั้นพลังฝ่ามือของท่านปรมาจารย์ก็ไม่อาจที่จะปัดป้องได้! น่าสินะความต่างระหว่างยอดฝีมือ!”

 

Prev
Next

YOU MAY ALSO LIKE

Bringing-The-Farm-To-Live-In-Another-World-Cover
Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
24 เมษายน 2023
600
ดาเรียสผู้ยิ่งใหญ่ Darius Supreme
18 เมษายน 2022
เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]
เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]
2 เมษายน 2023
อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 )
อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 )
5 กรกฎาคม 2022
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 359"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF