My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 566
ตอนที่ 566 กบในกะลา
พลังที่เป็นที่มาของทุกสรรพสิ่ง พลังที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงได้ มันเป็นหนึ่งในสุดยอดวิชาดาบก่ยหยวน มันไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาตัดวิญญาณสามส่วนหวนกลับเลย
ดาบยืนยาวยังลอยต่อไป มันได้ลอยหมุนรอบเป็นวงกลม วงกลมที่ถูกบันรอบได้กลายเป็นดาบพลังงานไป
เมื่อเห็นแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็พลิกฝ่ามือกระบี่นิลโลหิตได้บินเข้าหาฝ่ามือเขาในทันที ยู่เฉิงไห้ไม่รอช้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
“สืบสายราชันย์” ตอนนี้ยู่เฉิงไห้ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ตัวเขาตัดสินใจใช้สุดยอดวิชาที่ทรงพลังที่สุดออกมา
หม่าลู่ปิงกําลังลอยอยู่บนอากาศ ตัวเขากําลังตกตะลึงพร้อมกับอดกลั้นกับความเจ็บปวด หม่าลู่ปิงพยายามรวบรวมพลังงานอีกครั้ง ที่ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังงานที่อัดแน่นราวกับเปลวเพลิงในทันที หม่าลู่ปิงกระทืบเท้าด้วยความเดือดดาล
ตุ้ม!
หม่าลู่ปิงได้บินไปที่ยู่ฉางตง ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนที่จะดันฝ่ามือไปที่ด้านหน้า
รากฐานแห่งการฟื้นคืน!
ดาบพลังงานได้ผสานเข้ากับดาบยืนยาว คลื่นดาบนั้นได้พุ่งไปหาหม่าลู่ปิง
หม่าลู่ปิงพูดออกมาด้วยน้ําเสียงอันแข็งกร้าว “ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย เจ้าดาบปีศาจ!” ดวงตาของหม่าลู่ปิงเป็นประกายไปด้วยความมุ่งมั่น
ความมั่นใจของหม่าลู่ปิงทําให้ยู่ฉางตงต้องต่อสู้อย่างสุดพลัง
ตุ้ม! ตู้ม! ตุ้ม!
ดาบพลังงานที่ถูกปล่อยออกมาแทงไปที่ร่างกายของหม่าลู่ปิง
ในเวลาเดียวกันกระบี่พลังงานจากสืบสายราชันย์อันนับไม่ถ้วนก็ได้พุ่งเข้าใส่หม่าลูปิงจากทางด้านหลัง
ยู่เฉิงไห่กางแขนออกมาราวกับอินทรีที่กําลังจะไล่ล่าเหยื่อ ที่ด้านล่างของตัวเขามีคลื่นกระบี่พลังงานที่กําลังพุ่งเข้าหาหม่าลู่ปิง
ตุ้ม! ตู้ม! ตุ้ม!
ยู่เฉิงไห่เพ่งสายตาไปยังเป้าหมาย
ที่กําปั้นของหม่าลู่ปิงเต็มไปด้วยเส้นเลือดปุด อาจจะบอกได้ว่าหม่าลู่ปิงใกล้ที่จะตายเต็มที ตัวเขากําลังถูกศัตรูผู้แข็งแกร่งโอบล้อมจากทุกทาง
อย่างไรก็ตามยู่เฉิงไห้ก็ได้หยุดการโจมตีอย่างกะทันหัน ตัวเขาผสานฝ่ามือก่อนที่พลังสืบสายราชันย์จะหายไปในทันที กระบี่นิลโลหิตได้บินกลับมาระหว่างฝ่ามือของตัวเขาอีกครั้ง ยู่เฉิงไห่ที่เรียกกระบี่กลับมาตัดสินใจใช้กระบี่โจมตี!
ตุ้ม!
กระบี่พลังงานสีทองที่ยาวกว่าหลายเมตรได้พุ่งเข้าหาหม่าล่ปิง พลังนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตการโจมตีของยู่ฉางตง
ยู่ฉางตงกระโดดกลับมา การเคลื่อนไหวของเขาทั้งละเอียดอ่อนและยังดูสง่างาม แม้ว่าจะเคลื่อนไหวเบาๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็เกิดรอยร้าวทุกครั้งที่เท้าของยู่ฉางตงแตะพื้น
หม่าลู่ปิงกระเด็นไปที่ด้านข้างก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา ท้ายที่สุดแล้วหม่าลีปิงก็ตกลงสู่พื้น
ดาบพลังงานและกระบี่พลังงานทั้งหมดได้จางหายไป
ในขณะเดียวกันยู่เฉิงไห่ยังคงเฝ้ามองยู่ฉางตงจากในระยะไกล ตั้งแต่แรกเริ่มการโจมตี ทั้งสองคนก็ไม่ได้เฝ้ามองหม่าลูปังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลย
“เจ้ารู้ไหม…พลังหมัดของเขาอาจจะทําให้เจ้าต้องตายน่ะ?” ยู่เฉิงไห่ถามออกมา
ยู่ฉางตงยิ้มอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านกลัวว่าพลังรากฐานแห่งทุกสรรพสิ่งของข้าจะสังหารหม่าลู่วิ่งได้ก่อนอย่างงั้นสินะ?”
“ถ้าหากข้าไม่ลงมือ เจ้าก็คงจะบาดเจ็บไปแล้ว”
“ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะศิษย์พี่”
“การหยิ่งผยองไม่ใช่เรื่องดี การที่เจ้าได้ตัดดอกบัวทองคําก่อนที่จะฝึกฝนใหม่จะไปสู้กับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ยังไง?” ยู่เฉิงไห่ถาม
“เหวินซู่ รองแม่ทัพของจี้ชิงชิงทั้งสี่ ราชาหนูหลี่จางจือ ทหารทั้งหมดจากประตูทางตอนใต้ ข้าเป็นผู้สังหารพวกเขาทุกคน…” ยู่ฉางตงตอบกลับไป
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินแบบนั้น “นี่คือเหตุผลที่เจ้าหยิ่งผยองอย่างงั้นสินะ? แต่สําหรับหม่าลู่ปิงที่เป็นแม่ทัพแห่งเมืองหยาน หนึ่งในแปดแม่ทัพใหญ่มันคนละเรื่องกัน”
“อม” ยู่ฉางตงตอบกลับมาอย่างเบาๆ
“…” หม่าลู่ปิงที่ฟังอยู่รู้สึกโกรธเคือง ตัวเขาที่ได้ฟังแบบนั้นได้ปัดฝุ่นออกจากตัวก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง หม่าลู่ปิงเหลือบมองไปที่บาดแผลบนเอวและบาดแผลตามลําตัว ทั้งกระบี่และดาบต่างก็ทิ้งบาดแผลลึกไว้บนร่างกายของตัวเขา เลือดได้ไหลรินออกจากบาดแผล ถ้าหากไม่ได้พลังร่างมหายาน หม่าลู่ปิงก็คงจะต้องตายจากการโจมตีเมื่อครู่นี้แล้ว การเปลี่ยนแปลงท่าทีของยู่เฉิงไห่อย่างกะทันหันได้ช่วยให้หม่าลู่ปิงรอดชีวิตมาได้
“ศิษย์พี่ใหญ่ มันไม่มีความหมายอะไรหรอกนะถ้าหากพวกเราจะมาทะเลาะกันเรื่องนี้ ทําไมพวกเราไม่เคารพคู่ต่อสู้โดยการให้เขาเลือกล่ะ?” ยู่ฉางตงมองไปที่หม่าลู่ปิง
ยู่เฉิงไห่เยาะเย้ยก่อนที่จะพูดออกมาอย่างดูแคลน “มีคนในโลกที่เกิดมาไม่ควรจะได้รับความเคารพ สําหรับข้าแล้วหม่าลีปิงก็คือหนึ่งในนั้น” ตัวเขายกกระบี่นิลโลหิตขึ้นก่อนที่จะชี้ไปยังหม่าลู่ปิง
ยู่ฉางตงยกดาบของตัวเองก่อนจะพูดออกมาเช่นกัน “ถ้าหากเป็นแบบนั้นแล้วมันก็คงจะขึ้นอยู่กับความเร็วแล้วล่ะนะ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือผู้เก่งกาจพร้อมกันถึงสองคน ใครกันที่จะเลือกยืนหยัดต่อสู้ ทางเลือกที่ดีที่สุดของหม่าลู่ปิงในตอนนี้นั่นก็คือการหนี!
หม่าลู่ปิงได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเริ่มหนี ในขณะที่หนีพลังงานก็ยังคงพลุ่งพล่านอยู่รอบตัวเขา หม่าลู่ปิงยังคงวิ่งและวิ่งอย่างต่อเนื่อง ตัวเขาไม่เจอแม้แต่ใครสักคน ทุกอย่างมันว่างเปล่า!
ในที่สุดหม่าลู่ปิงก็จําได้ว่าชาวเมืองทั้งหมดถูกเหล่ารองแม่ทัพพาไปยังประตูเมืองทางตะวันออกกันหมดแล้ว ทุกคนล้วนแต่ถูกใช้เพื่อข่มขู่สํานักอเวจี!
หม่าลู่ปิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องวิ่งไปตามตรอกซอกซอยต่อไป
“ทําไมไม่มีใครไล่ล่าข้ากัน?” หม่าลู่ปิงที่ยังไม่พบใครรู้สึกแปลกใจ
เหนือตรอกซอกซอย ยู่เฉิงไห่กําลังโบกมือก่อนจะพูดออกมา “คิดว่าจะหนีไปได้อย่างงั้นเหรอ?”
หม่าลู่ปิงได้ใช้พลังงานปกคลุมตัวก่อนที่จะชนกําแพงที่อยู่ทางด้านซ้ายไป ทั่วทุกที่ที่หม่าลู่ปิงเคลื่อนที่ผ่าน จะเกิดรูที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ขึ้น เขากําลังวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะไปได้ไกลยู่ฉางตงก็ยิ้มให้จากบนฟ้า
“ทําไมเจ้าถึงต้องดิ้นรนกัน?”
หม่าลู่ปิงกําลังจะเสียสติ! ตัวเขาไม่สามารถฝืนทนเล่นเกมไล่จับได้อีกต่อไป เมื่อคิดเช่นนั้นหม่าลีปิงก็รีบบินขึ้นมา
เป็นอย่างที่คาดไว้ ทั้งยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่ปรากฏตัวอยู่ด้านข้าง
“เจ้าพวกนี้มันบ้าไปแล้ว!” หม่าลีปิงรู้ดีว่าทั้งสองคนนั้นเหมือนกับสัตว์ประหลาด ทั้งคู่ยังไม่ได้เอาจริงเอาจังในการต่อสู้ซะด้วยซ้ํา ทั้งคู่มองหม่าลีปิงเป็นเพียงเกมการละเล่นที่มีไว้เพื่อแข่งขันกันก็เท่านั้น
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงทหารสวมเกราะที่กําลังเดินทางมาก็ดังมาถึงหูของทั้งสามคน
เสียงของกีบเท้าม้าที่กําลังวิ่งอยู่บนพื้นดินได้ดังมาจากในระยะไกล
ขณะนี้ทหารม้าและเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายกําลังจะเข้ามาในเมือง
หม่าลูปังรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “กําลังเสริมของข้ามาถึงแล้ว!” ตัวเขารีบใช้พลังยิ่งขึ้นไปบนฟ้า พลังที่ดูเหมือนกับเปลวไฟสีทองกําลังมารวมตัวกัน ท้ายที่สุดพลังอวตารของหม่าลู่ปิงก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
อวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตกําลังสั่นเครือ มันเป็นธรรมดาที่พลังอวตารที่สูงใหญ่เช่นนี้จะดึงดูดความสนใจของกําลังเสริมได้ แม้ว่าจะเรียกกําลังเสริมได้แต่มันก็ยังเปิดเผยตําแหน่งให้กับศัตรูได้เห็นเช่นกัน
เมื่อหม่าล่ปิงกวาดตามองไปที่ด้านข้าง ตัวเขาก็เหลือบเห็นกระบี่และดาบพลังงานทั้งหลายที่กําลังพุ่งเข้าใส่
“แบบนี้แย่แน่!” หัวใจของหม่าลู่ปิงเริ่มสิ้นหวัง ตัวเขาตัดสินใจบินให้สูงขึ้น!
ดาบและกระบี่พลังงานนับไม่ถ้วนกําลังพุ่งตามตัวเขา
ตู้ม! ตู้ม! ตูม! ตู้ม! ตู้ม!
การโจมตีทั้งหมดในที่สุดก็ถึงตัวของหม่าลู่ปิง
ดาบและกระบี่พลังงานยังคงลอยอยู่บนอากาศ พลังการโจมตีทั้งหมดได้เข้าจู่โจมหม่าลู่ปิงซ้ํากว่าหลายร้อยครั้ง
ยู่ฉางตงได้พุ่งไปที่ด้านหน้าพร้อมกับดาบยืนยาวของตน
ยู่เฉิงไห่เองก็พุ่งไปที่หน้าพร้อมกับกระบี่นิลโลหิตเช่นกัน
บนยอดเขาใกล้ๆ
หวางซื่อเจีย หมิงหยิน ลู่โจว และประมุขแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างโจวยไคกําลังเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่การต่อสู้โดยที่ไม่ขยับไปไหน โจวยี่ไคแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
กระบี่ของยู่เฉิงไห่ทั้งทรงพลังและดูเกรี้ยวกราด กระบี่พลังงานของเขาดูทรงพลังราวกับจะทําลายล้างเมืองได้เลย
ทักษะดาบของยู่ฉางตงเองก็โดดเด่นเช่นกัน ดาบที่ขยับเป็นเหมือนกับมังกรที่กําลังแหวกว่ายอยู่เหนือผิวน้ํา ทักษะการใช้ดาบรวมไปถึงพลังการต่อสู้ของยู่ฉางตงเทียบเท่าได้กับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอย่างยู่เฉิงไม่ได้เลย ถ้าหากทุกคนไม่ได้เห็นร่างอวตารของยู่ฉางตง ทุกคนก็คงจะคิดว่าเขาเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบไปแล้ว
หวางซื่อเจียพูดยกย่องขึ้น “ดูนั่นซะสิ นั่นเป็นสิ่งที่ข้าพูดถึงยังไงล่ะ เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าสํานักยู่ ข้านะเทียบเคียงอะไรไม่ได้เลย”
โจวยไครู้สึกประทับใจ
หวางซื่อเจียพูดต่อ “ความแข็งแกร่งของดาบปีศาจเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะมีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็สามารถเคลื่อนไหวไปพร้อมกับร่างอวตารได้อย่างคล่องแคล่ว…แม้ว่าจะตัดดอกบัวและต้องฝึกฝนใหม่ก็ตาม ดาบปีศาจก็ยังสามารถฝึกฝนตัวเองใหม่ได้ อย่างรวดเร็ว ตามความเห็นที่ข้ามี ดาบปีศาจอาจจะแข็งแกร่งที่สุดแล้วในบรรดาผู้ที่ตัดดอกบัวทองคํา” คําชื่นชมของหวางซื่อเจียมาจากใจจริง เป็นธรรมดาที่ตัวเขาจะไม่คํานึงถึงลู่โจวให้กลายเป็นผู้ตัดดอกบัวทองคําด้วย ท้ายที่สุดแล้วหวางซื่อเจียก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าลูโจวใช้วิธีการแบบไหนเพื่อฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้
โจวยไคพยักหน้า “ข้าละอายใจจริงๆ ที่เรียกตัวเองว่าประมุข ข้าเป็นแค่กบในกะลาก็เท่านั้น”
“ทําไมท่านถึงได้พูดเช่นนั้นกันล่ะ?” หวางซื่อเจียถาม
“ข้าไม่แปลกใจเลยที่ยู่เฉิงไห่เจ้าสํานักอเวจจะสามารถเอาชนะหม่าลู่ปิงได้…แต่สําหรับดาบปีศาจยู่ฉางตงแล้ว เขาคนนั้นมีความมั่นใจไม่ต่างกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ทั้งสองคนทําให้ข้าต้องตกใจจริงๆ”
หวางซื่อเจียยิ้มก่อนจะพูดอีกครั้ง “น่าเสียดายที่พวกเราอยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน…ศิษย์สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่สามารถใช้ตรรกะทั่วไปวัดพลังของพวกเขาได้หรอกนะ ในเมื่อท่านได้รู้เรื่องของศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว แล้วท่านรู้เรื่องศิษย์คนที่เก้าด้วยไหมล่ะ?”
“ข้าเคยได้ยินมาบ้าง”