My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 563
ตอนที่ 563 นั่นก็จะเป็นการดูถูกพี่จีเช่นกัน
ถ้าหากสาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลก แล้วทําไมศิษย์ของลูโจวถึงต้องถูกปฏิเสธด้วย?
โจวยู่ไคที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก “สํานักอเวจีเป็นสํานักฝ่ายอธรรม ท้ายที่สุดแล้ว…ทุกสิ่งที่สํานักฝ่ายอธรรมได้ทําก็จะถูกใช้ทั่วหล้า ท่านไม่กังวลเลยหรอว่าผู้คนจะปฏิเสธกับการเปลี่ยนแปลงนี้?”
“เจ้ากําลังจะบอกว่าตัวเองคิดถึงผู้คนด้วยอย่างงั้นเหรอ?”
ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ชนะก็จะมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยความจริงนี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธจะใช้พลังทั้งหมดกําจัดคนธรรมดาได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่อาจกําจัดคนธรรมดาได้ทั้งหมด ไม่ว่ายังไงผู้ฝึกยุทธก็ล้วนแต่เกิดมาจากคนธรรมดา ถ้าหากช่วงเวลาแห่งการกดขี่ยังคงดําเนินต่อไป ท้ายที่สุดแล้วก็จะมีผู้ที่กล้าพอที่จะลุกขึ้นยืน ลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้แต่สัตว์ป่าเองก็ยังเข้าใจถึงกฎพื้นฐานของการอยู่รอด แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย มันเป็นบทเรียนที่มนุษย์ทุกช่วงเวลาได้เรียนรู้มันผ่านการนองเลือดมาหลายชั่วอายุคน
“ท่านจะรับประกันได้ยังไงว่ายู่เฉิงไห่จะไม่ทําร้ายคนธรรมดาน่ะ ผู้อาวุโสจี?”
มันเป็นความจริงที่ว่าไม่มีใครรับประกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ตราบใดที่มีสงคราม มันก็ย่อมที่จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่อาจรับประกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงมันก็ควรค่าแก่การพิสูจน์อยู่ดี
ก่อนที่ลูโจวจะตอบ หมิงซูหยินก็ได้ตอบกลับมาซะก่อน “เจ้าน่ะมันไร้ยางอาย หม่าลู่ปิงได้ทําผิดต่อชาวเมืองและฟ้าดินไปแล้ว เจ้าในตอนนี้กําลังจะเมินเฉยมัน แต่ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าไม่ได้เห็นแก่ตัวแบบเจ้า สิ่งที่เจ้าคิดก็เป็นเพียงแค่สันนิษฐานเท่านั้น เจ้าก็แค่ใช้เหตุผลที่เห็นแก่ตัวของเจ้าเพื่อบิดเบือนความถูกต้องก็เท่านั้น”
“…” โจวยี่ไคตอบโต้ไม่ได้
“นอกจากนี้ราชสํานักก็คอยรุกรานศาลาปีศาจลอยฟ้ามาโดยตลอด ท่านอาจารย์ของข้าได้เมตตาคนจากราชสํานักมากว่าหลายครั้งแล้ว เพราะงั้นการที่อาจารย์ข้าจะเปิดทางให้กับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่มากเกินไปเลย อย่าได้คิดว่าการเป็นประมุขของเจ้าจะทําให้ตัวเองมีสิทธิ์โต้วาที่กับอาจารย์ข้าได้ ถ้าหากอาจารย์ของข้าไม่ใช่คนที่มีศีลธรรมสูงส่ง เจ้าในตอนนี้ก็คงจะถูกฆ่าตายไปนานแล้ว”
โจวเหวินเหลียง หวังเจียงหราง และจางซงที่ยืนอยู่ใกล้ๆสั่นไปทั้งตัว คําพูดของหมิงหยินได้ทําให้พวกเขารู้สึกอึดอัด การที่พวกวายร้ายจะมาพูดถึงเหตุผลและหลักศีลธรรมแบบนี้มันช่างเป็นตลกร้าย! แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยเพียงใดแต่พวกเขาก็ไม่อาจขัดขืนอะไรได้ ยังไงซะสิ่งที่ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าพูดก็สมเหตุสมผลอยู่ดี ถ้าหากจีเทียนเด่ต้องการที่จะจบปัญหา การจะฆ่าโจวยไคที่อยู่ตามลําพังแบบนี้คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ตุ้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นได้ดังมาจากมณฑลหยานอีกครั้ง สุดท้ายแล้วม่านพลังของมณฑลหยานก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีอะไรปกป้องมณฑลหยานอีกต่อไป
เหล่าสาวกจากสํานักอเวจนับหมื่นต่างก็บุกเข้าเมือง ผู้ฝึกยุทธที่คอยปกป้องเมืองต่างก็ถูกสังหารไปในทันที
ภายในเมืองเริ่มถูกฝุ่นควันครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ผู้คนต่างก็ถูกสังหารในทั่วทุกที่
สงครามเป็นสิ่งที่โหดร้ายเสมอมา
โจวยไคที่เห็นแบบนั้นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ในตอนนั้นเองสู่โจวก็หันไปมองโจวเหวินเหลียงก่อนจะถามออกมา “แล้วสถานศึกษาผืนฟ้าจะมาตอนไหน?”
โจวเหวินเหลียงรีบตอบ “ข้าได้ติดต่อกับพวกเขาไปแล้ว…แต่ดูเหมือนว่าประมุขของพวกเขาจะให้ความสําคัญกับตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่มาพบข้า เพราะข้าเป็นเพียงผู้อาวุโสของสถานศึกษาไทเพียงเท่านั้น”
โจวยไคได้พูดต่อ “สถานศึกษาผืนฟ้าเป็นพวกที่มีความภาคภูมิในในตัวเองสูงเป็นไหนๆ จนถึงตอนนี้เม้งหนานเฟยคงจะเข้าร่วมการต่อสู้ไปแล้ว ในตอนที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ข้าไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่แน่…ถ้าหากข้าจําไม่ผิด เจ้านั่นน่ะรีบไปเมืองมณฑลหยานเพื่อช่วยเหลือหม่าลู่ปิงไปนานแล้ว”
ทุกๆคนต่างก็เหลือบมองไปยังการต่อสู้ที่ดุเดือดของมณฑลหยาน ถ้าหากไม่มีม่านพลัง พลังอวตาร ดาบพลังงาน และการโจมตีทั้งหลายก็ปรากฏขึ้นให้เห็นอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ในขณะเดียวกันรถม้าของสํานักอเวจีก็เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ที่รถม้ามีคนกว่าหลายสิบคนกําลังออกเคลื่อนไหว
“สาวกของสถานศึกษาผืนฟ้าไม่เห็นจะออกมา” หมิงซูหยินกวาดตามองไปทั่ว “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าจะชนะแล้วสินะ!”
ในตอนนี้โจวยไคสับสน ตัวเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวไปไหน แน่นอนว่าสาวกว่าพันคนเองก็ไม่กล้าขยับไปไหนเช่นกัน ใครกันจะอยากฆ่าตัวตายต่อหน้าผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแบบจู่โจว?
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินก็ปรากฏตัวจากทางซ้ายมือ
“นั่นมันคนจากสถานศึกษาผืนฟ้าสินะ” หมิงหยินพูด
“ข้าจะไปพบเขาเอง” โจวเหวินเหลียงเป็นผู้ที่อาสา ตัวเขาได้บินไปหาแขกผู้มาเยือนก่อนที่จะรีบทักทายอย่างเป็นมิตร “ข้าโจวเหวินเหลียง ข้าก็คือผู้อาวุโสคนที่สองแห่งสถานศึกษาไท่ ข้าขอทราบได้ไหมว่าท่านเป็นใครกัน?”
ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินตอบกลับ “ถ้างั้นเจ้าก็คือโจวเหวินเหลียงเองสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว เป็นข้าเอง”
“เสียเวลาซะจริง!”
โจวเหวินเหลียงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคําด่านั่น มันเป็นมารยาททั่วไปที่จะไม่ว่าร้ายใครในระหว่างการต่อสู้ แม้ว่าสถานศึกษาไท่ซูจะตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอก็ตาม แต่การที่ถูกว่าร้ายแบบนั้นจะไม่ทําให้โจวเหวินเหลียงโกรธได้ยังไง? แต่น่าเสียดายที่ตัวเขาไม่อาจทําอะไรได้ ยังไงซะผู้ที่อ่อนแอก็มักจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข่มเหง ท้ายที่สุดแล้วโจวเหวินเหลียงก็พยายามจะกัดฟันก่อนที่จะถามกลับไปดีๆ “ประมุขเม้งอยู่ไหนกัน?”
ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินตรงหน้าได้ตอบกลับมาอย่างดูแคลน “นั่นไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้าที่จะต้องรู้ เจ้าคิดว่าสุนัขจรจัดอย่างเจ้าจะมีสิทธิ์พูดกับประมุขของพวกข้าได้อย่างงั้นเหรอ?”
โจวเหวินเหลียงตอบโต้ด้วยความโกรธกลับมา “ถ้าหากเจ้ามาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยข้า เจ้าควรจะไปซะดีกว่า”
พรึบ!
ใครคนหนึ่งได้บินหาทั้งคู่จากทางด้านหลัง “เฮ้ จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินหันกลับมาถาม “แล้วเจ้าเป็นใครกัน?”
โจวเหวินเหลียงได้ชี้ไปทางใครคนนั้น “นี่คือศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า”
ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินขมวดคิ้วก่อนที่จะตะโกนกลับมา “โจวเหวินเหลียง ในตอนนี้เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกฝ่า ยอธรรมอยู่อย่างงั้นสินะ!”
“ระวังคําพูดของเจ้าด้วย! เจ้ารู้รึเปล่าว่าการสมรู้ร่วมคิดมันหมายความว่าอะไร?” หมิงซูหยินไม่พอใจกับคําพูดของผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินเท่าไหร่
“นั่นไม่ได้เรียกว่าการสมรู้ร่วมคิดเหรอไงกัน?”
“อาจารย์ของข้าในตอนนี้อยู่ที่ยอดเขานั่น เขาได้เชิญประมุขแห่งสถานศึกษาทั้งสองก็เพื่อที่จะชื่นชมทัศนียภาพ รวมไปถึงพูดคุยหารือ แบบนั้นมันจะไปเรียกสมรู้ร่วมคิดได้ยังไงกัน? คําพูดของเจ้าทําให้ข้าไม่พอใจจริงๆ” หมิงซูหยินพูดออกมา
“เจ้านี่มันบ้าไปแล้วเหรอ?” ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินหันไปมองหมิงหยินอย่างงุนงง
โจวเหวินเหลียงส่ายหัว
ในตอนนั้นเองเสียงอันสง่างามก็ได้ดังมาจากด้านหลัง “หมิงหยิน”
หมิงซี่หยินรีบโค้งคํานับ “ครับ ท่านอาจารย์”
“ถ้าหากใช้เหตุผลไม่ได้ ก็ฆ่ามันซะ”
“…” ในตอนที่ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินได้ยินเสียงอันสง่างาม ในตอนนั้นตัวเขาก็กําลังจะระบายความโกรธเคืองกับหมิงซูหยิน แต่หมิงซูหยินได้เคลื่อนที่เข้ามาหาตัวเขาด้วยความเร็วสูง ก่อนความเร็วที่หมิงซูหยินมีได้ทําให้ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินหนาวสั่นไปถึงกระดูก
ในมือของหมิงหยินได้ส่องประกายอันเยือกเย็นออกมา
ซูวว!
ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินสัมผัสได้ถึงอันตราย ในตอนนั้นเองตัวเขาก็เรียกพลังอวตารออกมา
“ช้าไป!” หมิงซูหยินกู้ร้องออกมา ตัวเขาได้พุ่งผ่านผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
โจวเหวินเหลียงที่เห็นแบบนั้นถึงกับกลืนน้ําลาย การต่อสู้ได้จบลงในตอนที่ยังไม่เริ่มซะด้วยซ้ํา ผู้ฝึกยุทธชดน้ําเงินตรงนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย แต่ถึงแบบนั้นเขากับถูกฆ่าตายในทันที? ศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า แท้จริงแล้วมีพลังมากขนาดไหนกัน?
ผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก หน้าอกของเขาชุ่มไปด้วยเลือด ดวงตาของเขาเบิกกว้างก่อนที่จะมองไปยังโจวเหวินเหลียง “จะ…เจ้า…”
“อย่าได้โทษข้าเลย เจ้าทําตัวเองทั้งนั้น”
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
บนยอดเขา บรรยากาศเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ต่างก็นิ่งเงียบ
ประมุขโจวยไคยกมือขึ้นก่อนที่จะปาดเหงื่อบนใบหน้า
ลูโจวพูดต่อ “ไม่จําเป็นจะต้องรู้สึกกังวลไปประมุขโจว…ข้าเป็นคนที่มีเหตุผลเสมอ แต่การพยายามใช้เหตุผลกับคนที่ไร้เหตุผลมันจะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ เจ้าเองก็เห็นด้วยสินะ?”
“ชะ…ใช่ ข้าเห็นด้วย” ประมุขโจวรู้สึกประหม่ามากขึ้น
หวางซื่อเจียปรบมือก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านสี่จะเก่งกาจถึงเพียงนี้”
ลูโจวส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ “ไม่ใช่ว่าเขามีฝีมือหรอก เพียงแต่ว่าสาวกของสถานศึกษาผืนฟ้าอ่อนแอเกินไปต่างหาก” น้ําเสียงของลู่โจวฟังดูสบายๆ
หัวใจของทุกคนเต้นแรงเมื่อได้ยินคําพูดของลูโจว ลูโจวกําลังจะบอกว่าผู้ฝึกยุทธชุดน้ําเงินไม่สามารถโทษใครได้ สิ่งที่คนคนนั้นจะโทษได้มีเพียงความอ่อนแอของตัวเอง
“ในแง่ของพลังวรยุทธหมิงซูหยินยังต้องฝึกฝนอีกมาก ดูนั่นซะสิ” ลูโจวชี้ไปทางมณฑลหยาน
ในตอนนั้นเองกระบี่ก็ได้บินออกจากรถม้าสํานักอเวจี ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยกระบี่พลังงาน ไม่นานนักทั่วทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยหยาดเลือด ใครก็ตามที่เข้าใกล้รถม้าลอยฟ้าต่างก็ถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี
หวางซื่อเจียพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ “นั่นมันพลังอนุสรณ์สวรรค์แห่งความมืดของเจ้าสํานักยู่ มันยังดูทรง พลังเช่นเคย แม้แต่ข้าก็ต้องยอมแพ้ให้กับความทรงพลังนั้น”
โจวยไคมองไปที่หวางซื่อเจีย ในตอนนี้ตัวเขาดูมั่นใจน้อยลง “เจ้าเกาะหวาง ท่านเป็นถึงผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ และยังเป็นยอดฝีมือสูงสุดแห่งเกาะเพิ่งไหล ท่านยังมีร่มดํา สุดยอดอาวุธระดับโลก แต่ท่านคิดว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับเจ้าสํานักยู่อย่างงั้นเหรอ?” ต่อหน้าลูโจว โจวยี่ไคไม่กล้าที่จะใช้คําว่า วายร้าย” เรียกยู่เฉิงไห่
หวางซื่อเจียตอบกลับ “ประมุขโจว ท่านประเมินข้าสูงไปแล้ว ถ้าหากจะเทียบข้ากับเจ้าสํานักยู่ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการเทียบท่านกับสาวกของสถานศึกษาของตัวท่านเอง มันจะเป็นการดูถูกเจ้าสํานักยู่ได้นะ”
“และนั่นก็จะเป็นการดูถูกพี่จีเช่นกัน”