My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 648
ตอนที่ 648 พ่อค้าขายทีวีผู้กล้าหาญ !
ฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยถูกหญิงสาวคนหนึ่งขวางไว้เมื่อพวกเขาเดินขึ้นมาที่ชั้นสองซึ่งเป็นโซนขายทีวี
“หนุ่มหล่อ สาวสวย เชิญทางนี้ค่ะ ! ชมสินค้ายี่ห้อ LeTV ของบริษัทเราก่อนนะคะ ตอนนี้กําลังเป็นที่นิยมมากเลยนะ”หญิงสาวคนนี้แต่งตัวค่อนข้างทันสมัย เธอใส่ชุดสูทกระโปรงสั้นแต่งหน้าเล็กน้อยและทาลิปสติก Lety?
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วขึ้น เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับยี่ห้อนี้มาก่อน มันเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงนี้เนื่องจากมีการโฆษณาอย่างครอบคลุมและยังมีบทบาทสําคัญในวงการสมาร์ททีวี
ตัวแทนจําหน่ายทีวียี่ห้อ Skyworth ที่อยู่ด้านข้างเป็นชายวัยกลางคนเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าฉิงเฟิงกําลังจะถูกเซลของยี่ห้อ Lety ชักจูงไปเขาก็รีบพูดออกมาทันทีว่า”สุดหล่อลองดูทีวียี่ห้อ Skyworth ของผมก่อนสิมันเป็นแบรนด์ใหญ่คุณภาพยอดเยี่ยมมากเลยนะครับ”
“พี่ชายมาดูยี่ห้อ Hisense ของผมสิคุณภาพสุดยอด !”พนักงานขายอีกแบรนด์หนึ่งกล่าวแทรกขึ้นมาเขาเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบซึ่งเคยเป็นทหารมาก่อนและปัจจุบันปลดเกษียณมาเป็นเซลขายทีวี
คนเหล่านี้ต่างก็เป็นตัวแทนจําหน่ายทีวีของแต่ละยี่ห้อ พวกเขาต้องการให้ฉิงเฟิงซื้อทีวีแบรนด์ของตนเองเนื่องจากมันจะทําให้พวกเขาได้ค่าคอมมิชชั่น
เมื่อหลินเสวี่ยเห็นเซลเหล่านี้ต่างพากันแย่งตัวพวกเขาด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากเธอก็ไม่สามารถทนกับสถานการณ์นี้ได้อีกเธอจึงถามฉิงเฟิงว่า“ที่รักคุณว่าเราควรจะซื้อยี่ห้ออะไรดี ?”
ฉิงเฟิงกําลังมีนงงกับยี่ห้อทีวีที่มีให้เลือกมากมายในขณะที่เขากําลังจะเลือกก็มีอันธพาลหลายสิบคนวิ่งกรู ขึ้นมาจากชั้นแรก
อันธพาลทุกคนต่างก็ย้อมผม เต็มไปด้วยรอยสักและใส่เสื้อเชิ้ตลายดอก พร้อมกับถือไม่ไว้ในมือท่าทางพวกเขาดูดุร้ายและเป็นอันตราย
ด้านหน้าของเหล่าอันธพาลมีชายสองคนยืนอยู่คนหนึ่งมีผมสีเขียวและอีกคนหนึ่งคือชายวัยกลางคนผมสั้นเขาก็คือคนที่เพิ่งพยายามจะต้มตุ๋นหลินเสวี่ยเมื่อสักครู่นั่นเอง
“พี่หัวเขียว ไอ้หมอนี่แหละที่มันหักขาผมเมื่อกี้นี้ !” ชายวัยกลางคนผมสั้นชี้ไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวอย่างดุร้ายความจริงแล้วชายวัยกลางคนผมสั้นนั้นอายุพอจะเป็นพ่อของหัวเขียวได้เลยซึ่งการที่เขาเรียกหัวเขียวว่า “พี่นั้นฟังดูแล้วระคายหูมาก
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ความแข็งแกร่งและความโหดร้ายนั้นเป็นสิ่งสําคัญที่สุดในการเป็นลูกพี่มันไม่เกี่ยวกับอายุหรือความอาวุโสเพราะฉะนั้นลูกพี่ใหญ่ควรจะเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดและดุร้ายที่สุด
หัวเขียวเอียงคอหรี่ตาและเอามือจับต่างหูของเขาและตะโกนใส่เซลรอบๆตัวฉิงเฟิงที่กําลังจะลากเขาเข้าร้านว่า”ข้าจะกระทืบคนแถวนี้ ไม่อยากตายก็ไสหัวไป”
ฝูงชนรอบๆต่างก็หวาดกลัวและแตกฮือในทันทีเมื่อได้ยินคําพูดที่หยิ่งยโสของหัวเขียวประชาชนตาดําๆส่วนมากมักจะหวาดกลัวอันธพาล
แม้แต่เจ้าของร้าน LeTV และ Skyworth ต่างก็หวาดกลัวมากจนต้องเผ่นกลับร้านของตัวเองพวกเขาทําธุรกิจที่นี่มานานและรู้เรื่องเกี่ยวกับหัวเขียวซึ่งเป็นอันธพาลในแถบนี้เป็นอย่างดี
ทุกคนต่างก็กลัวจนหัวหดยกเว้นคนขายทีวียี่ห้อ Hisense TV เขาเป็นทหารเก่าและมีความกล้าหาญจึงก้าวออกมาและตะโกนว่า”ที่นี่ห้างสรรพสินค้านะพวกคุณมาทําอะไรที่นี่ ?”
“พวกเรามาทําอะไรน่ะหรือ ? ก็เห็นๆอยู่ตําตาว่ามากระทืบคนไงแกไสหัวไปซะอย่ามายุ่ง !” หัวเขียวคํารามออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปาก
ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร ? ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นถิ่นของเขาและเจ้าของร้านทั้งหมดในย่านนี้ต่างก็ต้อแสดงความสุภาพอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับเขาแล้วไอ้หมอนี่โผล่มาจากไหนถึงกล้ามายุ่งเรื่องของฉัน ?
เจ้าของร้าน Hisense TV มอบรอยยิ้มที่หนาวเย็นและกล่าวว่า “หัวเขียวสุภาพบุรุษท่านนี้ต้องการมาซื้อทีวีที่นี่ดังนั้นเขาจึงเป็นลูกค้าของฉันถ้าแกกล้าที่จะทําร้ายเขาก็ต้องผ่านฉันไปก่อน”
“ไอ้เด็กน้อย ! แกมันห้าวนัก ข้าจะสั่งสอนแกให้รู้จักมารยาทซะบ้าง” หัวเขียวยิ้มอย่างโหดเหี้ยมเขายกไม้ในมือและเหวี่ยงไปที่เจ้าของร้าน Hisense TV
เป็นทหารเก่า เจ้าของร้านย่อมมีฝีมือติดตัวอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงคว้าจับไม้ของหัวเขียวในทันทีและยกขาขึ้นถีบกระเด็นจนหัวเขียวถอยไปหลายก้าว
เมื่อหัวเขียวถูกถีบกระเด็นออกมาต่อหน้าผู้คน เขาก็ไม่อาจเก็บอาการไว้ได้อีกและมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“เด็กๆ ไปกระทืบมัน ! พอมันน่วมแล้วก็ไปจัดการไอ้หน้าหล่อนั่น” หัวเขียวตะโกนออกมาและชี้ไปที่เจ้าของร้าน Hisense TVกับฉิงเฟิง
เมื่อได้ยินคําสั่งของลูกพี่ใหญ่ นักเลงหลายสิบคนพร้อมไม้ครบมือก็พุ่งเข้าหาเจ้าของร้านและฉิงเฟิง
ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านจะเป็นทหารเก่าและค่อนข้างมีฝีมือในการต่อสู้ แต่เขาก็ทําได้เพียงรับมือนักเลง 3-4 คนเท่านั้นเขาไม่อาจรับมือคนเป็นสิบได้ ดังนั้นเขาจึงโดนทําร้ายในเวลาต่อมา
ฉิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ไม่ได้ขยับไปไหนจนกระทั่งมีนักเลงคนหนึ่งเหวี่ยงไม้มาที่เขา เขาจึงเหยียดมือออกไปแย่งไม้ในมือนักเลงออกมาทันที
“ห่ะ !? ไม้ของข้าหายไปไหน ?” เห็นได้ชัดว่านักเลงไม่รู้ว่าอยู่ดีๆไม้ของเขาหายไปไหน จึงถามด้วยความสับสน
“อาวุธของแกอยู่นี่ไง” ฉิงเฟิงถือไม่ไว้ในมือและกล่าวอย่างไม่แยแส
“บัดซบ เอาคืนมา !”
นักเลงเดินไปข้างหน้าหวังจะเอาอาวุธของเขากลับคืนมาจากฉิงเฟิง แต่ฉิงเฟิงก็ฟาดไม่ใส่หัวนักเลงคนนั้นด้วยความเร็วราวกับฟ้าผ่าจนนักเลงหมดสติไป
“เฮ้ย ! ไอ้หมอนี่ของแข็งว่ะ ทุกคนลุยพร้อมกัน !” สิ้นเสียงก็มีนักเลงหลายคนเหวี่ยงไม่เข้าหาฉิงเฟิงในเวลาเดียวกัน
ฉิงเฟิงยื่นแขนออกไปผลักหลินเสวี่ยเบาๆให้ไปหลบอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเขาก็ฟาดใส่นักเลงทุกคนที่พุ่งเข้ามาจนสลบ
“พวกปัญญาอ่อนเอ๊ย เสียเวลาจริงๆ !” ฉิงเฟิงจ้องไปที่เหล่าอันธพาลที่สลบไปด้วยความรําคาญ
สําหรับฉิงเฟิงในปัจจุบันนี้แม้ราชันก็ไม่ใช่คู่มือเขา นับประสาอะไรกับนักเลงหัวไม้ใต้สะพานลอยเหล่านี้
หลังจากฉิงเฟิงสังเกตเห็นว่าเจ้าของร้านขายทีวี Hisense TV กําลังถูกนักเลงหลายคนรุมสกัมอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วและตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วย เพราะชายคนนี้เป็นคนเดียวในห้างที่ออกหน้าปกป้องพวกเขาในขณะที่คนอื่นถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
“เฮ สหาย คุณโอเคอยู่ไหม ?” ฉิงเฟิงถามเจ้าของร้านขายทีวี
ร่องรอยแห่งความแปลกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเจ้าของร้าน เขาตอบว่า “ยังไหวอยู่ แล้วพวกนักเลงที่ไปหาคุณละ ?”
“นอนเป็นปลาตายอยู่นี่ไง” ฉิงเฟิงชี้ไปที่นักเลงหลายคนที่สลบข้างหลังเขา
“เชี่ย คุณเก็บมันหมดเลยหรือ ?” เมื่อเจ้าของร้านมองไปที่กลุ่มนักเลงที่สลบไป สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนทันทีความช็อคปรากฏให้เห็นในดวงตาของเขา
ในฐานะทหารเก่า ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้เขาจะได้พบยอดฝีมือที่ล้มนักเลงหลายคนได้ในพริบตา
“คุณเยี่ยมมาก” เจ้าของร้านชูนิ้วโป้งให้ฉิงเฟิงและกล่าวด้วยความชื่นชม
“ไม่หรอก พวกมันอ่อนแอเกินไป ฉันออกแรงไม่ถึง 10% ด้วยซ้ํา”
ฉิงเฟิงส่ายหัว