My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 646
ตอนที่ 646 หลินเสี่ยเจอแบล็กเมล์
วันรุ่งขึ้นฟูเสี่ยวหยุนตื่นแต่เช้า บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหลินจือสามีเธอเมาอาละวาดทําลายข้าวของเมื่อคืนจึงทําให้เธอต้องตื่นแต่เช้เพื่อมาเก็บกวาด
“แม่ยาย ทําไมถึงตื่นแต่เช้า ?” ฉิงเฟิงร้องทักมู่เสี่ยวหยุนเมื่อเห็นเธอกําลังยุ่งอยู่กับการทําความสะอาดห้องนั่งเล่น
“อ้าวฉิงเฟิง ตื่นแล้วหรือ ? ฉันก็แค่อยากจะทําความสะอาดห้องนั่งเล่นและเก็บกวาดให้เป็นระเบียบ” มู่เสี่ยวหยุนยังคงรู้สึกกระดากต่อการกระทําของสามี เมื่อคืนเธอได้ทําความสะอาดไปบางส่วนแล้ว แต่ยังคงมีเศษแก้วชิ้นเล็กๆตกหล่นอยู่ เช้านี้เธอจึงตื่นมาเก็บกวาดอีกครั้งเพื่อไม่ให้บาดเท้า
เมื่อเธอทําความสะอาดเสร็จก็ล้างมือและเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า
ตอนแรกฉิงเฟิงคิดที่จะทําอาหารเช้เองและให้เธอไปพักผ่อน แต่แม่ยายของเขาไม่เห็นด้วยและยืนยันจะทําเอง เธอยังบอกให้เขาไปนอนต่อ
มู่เสี่ยวหยุนถือเป็นแม่ยายที่ดีเลิศ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่เธอจะเป็นคนทํากับข้าวเตรียมไว้ให้พวกเขาแต่เช้าเสมอ ไม่เหมือนแม่ยายบางคนที่ทําตัวราวกับราชินีรอก่อนปรนนิบัติจากลูกเขย
เป็นที่แน่นอนว่าฉิงเฟิงย่อมไม่ปล่อยให้เธอเตรียมอาหารคนเดียว เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องครัวเพื่อเป็นลูกมือ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนทําอาหารได้เร็วขึ้น จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ทําอาหารเช้าเสร็จ เป็นจานหลัก 4 จานและซุป 2 เนื่องจากวันนี้มีสมาชิกหลายคน พวกเขาจึงทําอาหารมากขึ้น
เมื่ออาหารเช้าพร้อมแล้วหลินเสวี่ยก็ลงมาพอดีรวมถึงหลินไหที่นอนบนโซฟาก็ตื่นขึ้นเช่นกัน ทุกคนมากันพร้อมหน้าหมดยกเว้นหลินจือ
ในความเป็นจริง หลินจือตื่นขึ้นมานานแล้ว แต่เขาอับอายเกินกว่าที่จะเสนอหน้าออกมา หลังจากที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเมาอาละวาดในบ้านลูกสาวลูกเขย ในฐานะอาวุโส มันเป็นเรื่องหน้าขายหน้าอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นและได้สติเต็มที่เขาก็รู้ว่าตัวเองทําพฤติกรรมที่แย่มาก
มู่เสี่ยวหยุนรู้ว่าสามีกําลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเธอจึงเข้าไปในห้องหลินจือและบอกให้เขาออกมาทานอาหารเช้า แต่หลินจือปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมออกไปเด็ดขาด
เมื่อเป็นเช่นนี้ฉิงเฟิงและคนอื่นๆจึงต้องทานอาหารเช้ากันไปก่อนและปล่อยหลินจือไว้ตามลําพังในห้อง
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จ หลินไห่ก็ออกไปมหาวิทยาลัย ส่วนฉิงเฟิงกับหลินเสวี่ยออกไปหาซื้อของ เข้าบ้านด้วยกัน
หลินจือยอมออกมาเมื่อได้ยินว่าฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยกําลังจะออกจากบ้าน เขาถามมู่เสี่ยวหยุนว่า “ที่รัก เสวี่ยน้อยกับฉิงเฟิงออกไปแล้ว ?”
มู่เสี่ยวหยุนบ่นว่า “พวกเขาออกไปแล้ว ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหนเวลาคุณดื่มเหล้า ชั้นบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้คุณดื่มมาก แต่คุณก็ไม่ฟังชั้นเลย ดูสิคุณทําอะไรลงไปกับบ้านของลูกเขยและลูกสาวคุณ ?”
หลินจ่อยิ้มเจื่อนๆด้วยความอายและกล่าวว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”
ความจริงแล้วม่เสี่ยวหยุนยังไม่อยากกลับ แต่หลินจือกรบเร้าเพราะเขากลัวการที่จะต้องเผชิญหน้ากับลูกเขยและลูกสาวของเขา
เมื่อคืนเป็นวันที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของหลินจือ…
โชคดีที่ฉิงเฟิงไม่ใช่คนใจแคบและไม่ด่าว่าหลินจือ เพราะยังไงเขาก็เป็นพ่อตา แต่ถ้าเป็นคนอื่นฉิงเฟิงคงลงมือสั่งสอนไปแล้ว
หลินเสวี่ยไปที่โรงรถและขับ BMW ของเธอออกมารับฉิงเฟิงที่บ้าน เขานั่งที่นั่งผู้โดยสาร จากนั้นก็ขับไปที่ห้างสรรพสินค้า
ซึ่งห้างนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟและสถานีรถประจําทาง ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เก่าแก่และมีอายุกว่าหกสิบปี มันเป็นห้างค้าส่งเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุด มีเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดภายในห้าง ที่นี่คุณสามารถหาทุกอย่างที่คุณต้องการได้
ทันใดนั้น มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งออกมาจากอีกฟากหนึ่งของถนนและทรุดตัวลงตรงหน้ารถของหลินเสวี่ยทันที
“ไอ้หยา ! ชั้นเกือบตายแล้ว ! คุณขับรถห่วยมาก คุณจะฆ่าชั้นเหรอ !!” หญิงวัยกลางคนร่ําร้องออกมาขณะเอามือตีเข่าตัวเอง
เสียงของหญิงวัยกลางคนดังมากจนผู้คนรอบๆมามุงดูกัน บางคนก็ล้อมรอบรถของหลินเสวี่ยไว้และไม่ปล่อยให้เธอไป
“ที่รัก ชั้นขับชนคนหรือเปล่า ทําไงดี ?” หลินเสวี่ยกล่าว ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและซีดเผือด
มองไปที่ฝูงชนข้างนอก ฉิงเฟิงก็กล่าวว่า “พวกเราลงไปดูหน่อย”
เมื่อพวกเขาออกจากรถ ผู้หญิงวัยกลางคนก็ร้องไห้หนักขึ้น เพราะเธอรู้ว่าหลินเสวี่ยจะต้องเป็นคนรวยเมื่อมองจากสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูและขับรถ BMW บีเอ็มดับเบิลยู เธอคิดในใจว่าวันนี้ตกปลาตัวใหญ่ได้แล้ว เธอรู้สึกมีความสุขมาก
“คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่า ?” หลินเสวี่ยถึงจะเย็นชาแต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี ดังนั้นเธอจึงติดกับหญิงกลางคนนี้อย่างง่ายดาย เธอถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าหญิงวัยกลางคนกําลังร้องไห้อย่างน่าสังเวชอยู่บนพื้น
“อ่ะห้า ! ผู้หญิงคนนี้สวยน่าดู ดูเหมือนจะโง่มากอีกด้วย” หญิงวัยกลางคนรู้สึกยินดีมากจนเธอเกือบจะหัวเราะเสียงดังออกมา แต่เนื่องจากเธอตั้งใจที่จะแบล็กเมล์หลินเสวี่ย ดังนั้นเธอจึงต้องเก็บอาการเอาไว้และแกล้งส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกมาแทน
“สาวน้อย เธอขับรถชนชั้นจนขาชั้นหักเห็นมั้ยเนี่ย ! ชั้นช่างดวงซวยนักกําลังซื้อของกับสามีอยู่ดีๆแต่ก็ถูกเธอขับรถชน” หญิงวัยกลางคนกล่าวและร้องอย่างน่าสังเวช
หลินเสวี่ยหน้าซีดและรู้สึกอับอายเล็กน้อย เธอคิดว่าเธอขับรถดีแล้ว แต่เธอก็ไม่รู้ว่าขับชนผู้หญิงคนนี้ตอน ไหน
ผู้คนรอบข้างที่ได้เห็นหญิงวัยกลางคนร่ําร้องอย่างน่าสังเวชก็เริ่มแสดงความคิดเห็นออกมา
“ผู้หญิงคนนี้ คุณสวยมากเลย แต่คุณก็ขับรถชนคนอื่น รีบๆชดใช้ค่าเสียหายให้เธอไปเลย”
“ใช่ๆ คุณเห็นไหมว่าผู้หญิงคนนี้เจ็บปวดแค่ไหน ?”
“ถูกต้อง ถูกต้อง รีบจ่ายเงินให้เธอไปหาหมอได้แล้ว ถ้าเกิดช้กระดูกหักหรือเลือดออกภายในจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่นะ”
ฝูงชนรอบๆทั้งหมดต่างก็กล่าวโทษหลินเสวี่ยและขอให้เธอชดใช้
หลินเสวี่ยขมวดคิ้วและกล่าวว่า “คุณนาย คุณต้องการเท่าไหร่คะ ชั้นจะชดใช้ให้คุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้ว่าปลาติดเบ็ดแล้ว หญิงวัยกลางคนรู้สึกมีความสุขมาก เธอกล่าวว่า “เธอขับรถชนชั้นขาหัก เลือดคั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ ชั้นไม่ขอมากหรอก ล้านหยวนก็แล้วกัน”
หนึ่งล้านหยวน ???
หลินเสวี่ยขมวดคิ้ว เธอคิดว่าแค่ไม่กี่ร้อยหยวนจนถึงพันก็น่าจะจบเรื่องนี้ได้แล้ว แต่หญิงวัยกลางคนที่อยู่ ข้างหน้าเธอเรียกค่าเสียหายเกินความคาดหมายของเธอไปมาก
“สาวน้อยคนสวย เธอจะไม่จ่ายเหรอ ? เธอทําขาของชั้นหักนะ ทําไมเธอใจร้ายขนาดนี้ เธอไม่จ่ายเงินให้ชั้น ” หญิงวัยกลางคนร้องไห้มากขึ้นและร่ําร้องต่อหลินเสวี่ย
เมื่อฝูงชนเห็นหญิงวัยกลางคนร้องไห้พวกเขาก็โกรธแทนและเรียกร้องให้หลินเสวี่ยจ่ายเงินชดใช้
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลินเสวี่ยได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งมันแตกต่างจากการทําธุรกิจอยู่อย่างสิ้นเชิง คนเหล่านี้ไม่เพียงแค่หยาบคายแต่ก็ปัญหามากอีกด้วย
ยัยป้าบัดซบ ! เธอกล้าดียังไงมาแบล็กเมล์ภรรยาของฉัน !?
ฉิงเฟิงรู้สึกโมโหมาก ประกายเย็นเฉียบกระพริบผ่านดวงตาของเขา หลินเสวี่ยมีจิตใจบริสุทธิ์ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ถึงด้านมืดของจิตใจคน แต่ฉิงเฟิงคลุกคลีกับคนเหล่านี้มามากมายที่ทวีปหมาป่า เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงกลางคนคนนี้เป็นนักต้มตุ๋นมืออาชีพที่หลอกลวงและแบล็กเมล์คนไร้เดียงสา
“เฮ้ย ! ยัยป้า คุณบอกว่าคุณขาหักและเลือดคั่งใช่ไหม ? ไหนเลือด ฉันไม่เห็นเลือดสักหยด ?” ฉิงเฟิงพูดอย่างแดกดันด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น