My Cold and Elegant CEO Wife - ตอนที่ 614
ตอนที่ 614 ความดื้อรั้นของหลินเสวี่ย
ที่วิลล่า 13, Noble Palace
หลินเสวี่ยที่อยู่ในชุดนอนไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ ดวงตาที่สดใสของเธอปกคลุมไปด้วยความกังวลต่อที่มีฉิงเฟิง
หลินเสวี่ยมีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบราวเทพสร้างสรรค์ ชุดนอนเทอะทะในฤดูหนาวของเธอไม่สามารถปกปิดส่วนโค้งเว้าของหน้าอกของเธอได้ ผิวขาวอมชมพูของเธอและส่วนโค้งเว้าที่ได้รูปทําให้เธอโดดเด่นสะดุดตาไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ตาม
เธอเดินไปเดินมาในห้องโถงพร้อมกับรองเท้าแตะ นี่เป็นเวลาตี 1 แล้ว แต่เธอก็ยังนอนไม่หลับเนื่องจากความกระวนกระวาย
เธอรู้สึกเป็นทุกข์จากความไม่สบายใจนับตั้งแต่ที่คุยโทรศัพท์กับลู่ซวนจี๋
“ซิยี้ เธอคิดว่าฉิงเฟิงจะเป็นอะไรมากไหม ?” หลินเสวี่ยถามเหมียวซิยี้อย่างกระวนกระวาย
ตอนนี้หลินเสวี่ยและเหมียวซิยี้ค่อนข้างสนิทสนมกันมากทีเดียว หลังจากได้ทําความรู้จักกันมาระยะหนึ่ง หลินเสวี่ยเริ่มเรียกชื่อเหมียวซิยี้สั้นๆ และในวันนี้ก็มีอันธพาลมารังควานหลินเสวี่ย เหมียวซิยี้ก็ไล่ตะเพิดพวกมันไป
หลินเสวี่ยรู้สึกพึงพอใจในตัวเหมียวซิยี้มาก และในฐานะที่เป็นผู้หญิงสมัยใหม่เธอไม่ได้ถือชนชั้น และมองเหมียวซิยี้เหมือนเพื่อนแทนสาวใช้หรือบอดี้การ์ด
“วางใจเถอะค่ะนายหญิง นายท่านต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน” เหมียวซิยี้ตอบ
เธอมีความมั่นใจในตัวฉิงเฟิงอย่างลึกซึ้ง เพราะเขาคือวูฟคิงผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก
“ซิยี้ ชั้นบอกเธอตั้งหลายครั้งแล้วนะว่าไม่ต้องเรียกชั้นว่านายหญิง ชั้นแก่กว่าเธอแค่ปีเดียวเอง โปรดเรียกชั้นว่าพี่สาวเสวี่ยก็พอนะ”
“แต่ว่า หลี่ฉิงเฟิงเป็นเจ้านายของชั้นและคุณเป็นภรรยาของเขา ชั้นควรจะเรียกคุณว่านายหญิงถึงจะเหมาะสมนะคะ
“เอาเถอะน่า ถ้าเรียกชั้นว่านายหญิงอีกทีชั้นจะโกรธละนะ”
“ก็ได้ค่ะ นาย… เอ่อ พี่สาวเสวี่ย” ด้วยการขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมียวซิยี่ส่งเสียงเรียกอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
หลินเสวี่ยยิ้มให้กับเธอ แต่รอยยิ้มก็เริ่มลดลงจากใบหน้าที่งดงามของเธอเมื่อเธอคิดถึงฉิงเฟิง เธอมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสถานการณ์ของเขา
“ซิยี้ ชั้นเป็นกังวลมากเกี่ยวกับสามี พวกเราไปที่ภูเขาบู๊ตึงกันเดี๋ยวนี้เลยเถอะ” ยิ่งเวลาผ่านไป หลินเสวี่ยก็เริ่มไม่สบายใจมากขึ้น หากไม่เห็นฉิงเฟิงเธอก็อยู่ไม่สุข
ได้ยินที่หลินเสวี่ยกล่าว เหมียวซิยี้ก็ขมวดคิ้วมั่นและตอบว่า “ตอนนี้ตอนตี 1 แล้วนะคะ แถมภูเขาบู๊ตึงก็ค่อนข้างไกลจากที่นี่ที่เดียว พวกเราค่อยไปพรุ่งนี้ดีกว่าไหม ?”
หลินเสวี่ยส่ายหัวและกล่าวอย่างร้อนรนว่า “ซิยี้ ชั้นรู้สึกไม่ดีเลย เธอไปภูเขาบู๊ตึงกับชั้นเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”
เมื่อเห็นหลินเสวี่ยที่เต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวเจ้านายของเธอ เหมียวซิยี้ก็รู้สึกอิจฉาฉิงเฟิงเล็กน้อยที่มีภรรยาที่เป็นห่วงเป็นใยเขาขนาดนี้
“ก็ได้ค่ะ ชั้นจะไปกับคุณ”
ตีหนึ่งกว่า ชุมนุมในระแวกนี้ต่างก็เงียบสงบ ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว
มันเริ่มมีหิมะตกและเป็นค่ำคืนที่หนาวเหน็บ เงียบเชียบโดยไร้ผู้คนหรือสัตว์แม้แต่น้อย
เหมียวซิยี้เปิดประตูและขมวดคิ้วเมื่อเห็นเกล็ดหิมะลอยบนอากาศ
” หิมะตกแล้ว พี่สาวเสวี่ย แถมยังตีหนึ่งกว่าอีกด้วย พวกเราค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ยคะ ?” เหมียวซิยี้พยายามเกลี้ยกล่อมหลินเสวี่ยอีกครั้ง
“ไม่ได้ ชั้นจะไปหาสามีของชั้นเดี๋ยวนี้” หลินเสวี่ยตัดสินใจแน่วแน่ ยังไงเธอก็ต้องไปให้
เมื่อตอนที่เธอคุยโทรศัพท์กับลู่ซวนจี๋ เธอก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ ถ้าฉิงเฟิงบาดเจ็บเล็กน้อยเขาน่าจะรับสายเอง ดังนั้นจึงมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่เขาไม่สามารถรับสายเองได้ก็คือ เขาต้องไม่รู้สึกตัว
หลินเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอสรุปเหตุการณ์ได้อย่างถูกต้องทันทีด้วยความจริงที่ว่าฉิงเฟิงไม่รับโทรศัพท์เอง เธอมั่นใจว่าฉิงเฟิงต้องได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงหรือไม่ก็อยู่ในอาการโคม่า
ซึ่งการคาดเดาของเธอก็ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงอย่างมาก
เมื่อเหมียวซิยี้ได้ยินเช่นนั้น เธอทําได้เพียงต้องยอมทําตาม เธอจึงบอกให้หลินเสวี่ยแต่งกายใหม่เพราะข้างนอกหิมะตกแล้ว
” หนาวจัง!”
สายลมที่เย็นยะเยือกพัดผ่านไปพร้อมกับเกล็ดหิมะทันทีที่หลินเสวี่ยเปิดประตูออกมา
หลินเสวี่ยรีบเดินกลับไปที่ห้องนอนของเธอที่ชั้นสอง และกลับลงมาอีกครั้งในชุดกันหนาวขนห่านที่หนาเตอะ
“เอาละ ไปกันเถอะ!” หลินเสวี่ยขับรถออกจากโรงรถและมุ่งหน้าไปยังภูเขาปู่ตั้งในทันที
หิมะตกหนักขึ้น ถนนถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลนและมีบางจุดลื่นเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำในยามเช้า
ด้วยความกังวลและห่วงใยในตัวฉิงเฟิง หลินเสวี่ยขับรถเร็วมาก มีหลายครั้งที่รถลื่นไถลจนเกือบจะตกรางน้ำริมถนน
” ถนนลื่นเพราะหิมะตก พี่สาวเสวี่ยขับช้าๆหน่อย” ในฐานะที่เป็นนักบุญหญิงแห่งเหมียวเจียง เหมียวซิยี้ไม่เคยขับรถมาก่อนและแทบจะไม่ค่อยเดินทางไปไหน หัวใจของเธอลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นหลินเสวี่ยขับรถด้วยความประมาทบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ
ตูม !!
ไม่ทันขาดคําที่เหมียวซิยี่ส่งเสียงเตือน รถก็ชนเข้ากับเสาริมถนน กันชนหลุดกระเด็นและหน้ารถบิดเบี้ยวจนผิดรูป
ศีรษะของหลินเสวี่ยกําลังจะชนเข้ากับกระจกหน้ารถ แต่ถุงลมนิรภัยก็ทํางานในทันทีและรองรับศีรษะของเธอไว้ แต่ถึงแม้จะมีการป้องกันจากถุงลมนิรภัย แต่เธอก็รู้สึกมึนหัวอย่างรุนแรง
โชคดีที่มันยังเช้าอยู่และถนนก็โล่งไม่มีรถผ่านไปมาในสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ
หลินเสวี่ยพยายามจะถอยรถ แต่รถก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย เครื่องยนต์ที่หน้าด้านรถเสียหายจากการชนอย่างแรง
“พวกเราไม่สามารถขับมันต่อไปจนถึงภูเขาบัติ้งได้แล้ว คุณต้องโทรหาบริษัทเพื่อให้มาซ่อมรถก่อน” เหมียวซิยี้แนะนํา
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เธอไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากการโทรเรียกพนักงานซ่อมรถ
แต่เนื่องจากมันเป็นช่วงเช้ามืดและมีหิมะตก ทําให้พนักงานไม่เต็มใจที่จะมา จนหลินเสวี่ยต้องบอกว่าจะจ่ายเพิ่มเป็นสามเท่า
ในเวลาเดียวกันฉิงเฟิงก็ยังคงอยู่ในอาการโคม่า โดยไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว ถ้าเขารู้ว่าหลินเสวี่ยรถชนเนื่องจากพยายามรีบมาหาเขาในสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะ เขาจะไม่ยอมให้เธอมาแน่นอน
ลู่ซวนจี๋กําลังป้อนยาสมุนไพรพร้อมกับทายาที่บาดแผลให้เขา ยานี้ทําจากสมุนไพรที่มีค่าซึ่งเก็บรวบรวมไว้ในบริเวณที่ไม่ปนเปื้อนมลภาวะและอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา มันมีคุณภาพสูงกว่าสมุนไพรตามท้องตลาดทั่วไป
พลังงานที่สกัดจากยาสมุนไพรไหลเข้าสู่ร่างกายของฉิงเฟิง มันซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บ, กล้ามเนื้อและเส้นลมปราณของเขา
หลังจากดูดซับพลังจากยาสมุนไพร ใบหน้าของฉิงเฟิงเริ่มกลับมามีสีเลือด ลมปราณและเลือดเริ่มฟื้นฟู ลมหายใจของเขาเริ่มเป็นปกติและมั่นคง
ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้สติ แต่ร่างกายของเขากําลังซ่อมแซมตัวเอง